กินพืชผักเดี่ยวนี้ระวังตายผ่อนส่ง....!!!
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่21"
มีนาคม 19, 2024, 09:44:34 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: กินพืชผักเดี่ยวนี้ระวังตายผ่อนส่ง....!!!  (อ่าน 12313 ครั้ง)
ช่างเล็ก(LSV)
Administrator
member
*

คะแนน1346
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 18600


คิดดี ทำดี ชีวิตมีแต่สุข


อีเมล์
« เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2009, 10:44:41 AM »

ชาวเกษตรหลายแห่ง ใช้ยาฟูราดาน โรยใต้ต้นไม้-พืชผัก เพื่อป้องกันปลวกและแมลง ที่อันตรายอย่างยิ่งก็คือตัวยาฟูราดานจะแทรกซึมไปตามใบ-ผล ทำให้แมลงไม่กัดกิน แต่มีฤทธิ์ตกค้างถึง2เดือน ...


เมื่อ50ปีที่ผ่านมา นักเคมีได้คิดยาฆ่าแมลงชนิดดูดซึมจากรากต้นพืช
ขึ้นมาสู่ต้นใบดอกผล แล้วมีฤทธิ์อยู่ในดินนานเป็นเดือน ดูเหมือนว่า
ชื่อทิมเม็ก เขาเอาไปใช้กับไม้ดอกไม้ประดับ เท่านั้นเขามีตัวหนังสือแดง
เลยว่าห้ามใช้กับพืชที่นำมาเป็นอาหาร

ด้วยความสดวกในการใช้และฤทธิ์ที่คงทนอยู่นานจึงได้มีการนำมาใช้กับ
พืชที่ใช้กินมานานกว่า40ปีแล้ว แต่จะใช้กับนาข้าว โดยมีชื่อทางการค้าว่า
ฟูราดาน โดยทำเป็นเม็ดคล้ายทรายหยาบ มีพิษตกค้างอยู่ในดินนาน
ถึง60วัน แต่ชาวนาใช้ ฟูราดานในช่วงที่ข้าวยังเล็กและเมื่อถึงเวลา
เกี่ยวข้าวก็เกิน60วัน ฤทธิ์ยาหมดพอดี แต่หากใช้ยาล่าใส่แล้วเวลา
เหลือไม่ถึง 60วัน พิษยายังตกค้างบนต้นข้าว คนงานที่แบกข้าวเคย
ล้มลงกลางนาส่งโรงพยาบาลไม่ทันเสียชีวิตเลยก็เคยมีข่าว


ต่อมาเมื่อชาวสวนเห็นชาวนาใช้ฟูราดานได้ผลดีก็เลยใช้กับไม้ผล พืชผัก
สวนครัว แตงโมแตงกวา โดยใช้ทั้งรองก้นหลุมและโรยบนดินเมื่อมี
ปัญหา ทั้งนี้เพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ว่า ยาตัวนี้มีพิษสูง มาก และตกค้างใน
ดินนาน แต่เดี๋ยวนี้มีคนรู้กันมากแล้วว่า ฟูราดานมีพิษมากและตก
ค้างนานก็ยังใช้ยานี้อีกเพราะเขาถือว่าปลูกขายให้คนอื่นกินไม่เป็นไร
ผลออกมาคือหลายคนท้องเสียเมื่อกินแตงโมเลยไปถึงว่าเป็นโรคจู๋
วัวนมล้มเมื่อกินต้นข้าวโพดอ่อนที่ใช้ฟูราดานหยอดใส่ในฝักกันหนอน
สรุปว่า ยานี้มีอันตรายถ้าใช้ไม่เป็น และไม่เหมาะกับผู้ไม่รับผิดชอบสังคม

ฟูราดาน เป็นยาฆ่าแมลงชนิด คาร์บาเมท ชื่อสามัญ คาโบฟูราน
มีพิษตกค้างนานถึง60วัน
เป็นอันตรายต่อปลา ผึ้ง สัตว์ป่า วัวควายและมนุษย์
ทดลองให้หนูกินเพียง 8มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัวหนู 1กิโลกรัม หนูจะตาย
เกินครึ่งเขาเรียกว่าค่า LD50=8 ถือว่ามีพิษสูงมาก ค่านี่ตัวเลขน้อยถือ
ว่ามีพิษมาก


เล่าให้ฟังแบบชาวบ้านนะ
ถ้าจะปลูกผัก เตรียมดินให้ดีต้นไม้มีสัตรูน้อย
แล้วหาต้นไม้ที่แมลงไม่กินมาบดหมักใช้เป็นยาฆ่าแมลงแทน ฟูราดาน
บางยี่ห้อ ชื่อ ฟูราแคร์ ฯลฯ

...เตือนภัยเพื่อนๆLSV...ด้วยความห่วงใยครับ
http://www.rakbankerd.com


บันทึกการเข้า

SIWA03
member
*

คะแนน1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 12


อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2009, 10:56:17 AM »

น่ากลัวๆๆ งง งง
ขอบคุณครับ  wav!!
บันทึกการเข้า
ช่างเล็ก(LSV)
Administrator
member
*

คะแนน1346
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 18600


คิดดี ทำดี ชีวิตมีแต่สุข


อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2009, 04:04:26 PM »

-ปูดองที่นำมาใส่กับส้มตำ บางคนจับมาโดยวิธีโรยยาเบื่อ เคมีประเภทฟูราดานเช่นกัน  งง


-ผักกินใบหลายชนิด ถ้าไม่ใส่เคมีประเภทฟูราดาน จะมีแมลงมากัดกินใบ ขายแทบไม่มีคนซื้อ ดังนั้นเกษตรกรบางคน จึงไม่มีทางเลือกหันมาใช้สารเคมีชนิดนี้  งง


-วิธีหลอกขายผัก ว่าเป็นผักไร้สารพิษ ทำได้ง่ายๆ ก่อนเก็บไปขายประมาณ7วัน ใช้ทรายคั่วให้ร้อน แล้วสาดลงแปลงผัก ใบผักจะมีรูคล้ายๆแมลงกัดกิน ...  งง



 ... ปลูกผักกินเอง ปลอดภัยที่สุดครับ  ping!
บันทึกการเข้า
eskimo_bkk-LSV team♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม..
member
*

คะแนน1882
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13176


ไม่แล่เนื้อเถือหนังพวก


อีเมล์
« ตอบ #3 เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2009, 04:23:05 PM »


อันนี้ ชัวร์ ครับ ปุ๋ยอินทรีย์

http://www.youtube.com/v/hZ6Pyz2hJh0&hl=en_US&fs=1&

 wav!!
บันทึกการเข้า
b.chaiyasith
แก้ปัญหาไม่ตกคุยกันเวลางานline:chiabmillion
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน650
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3004


ไม้ดีไม่ลอยน้ำมาไกล


อีเมล์
« ตอบ #4 เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2009, 06:58:01 PM »

ตัวนี้ก็กินกันเกือบทุกวัน
ฟอร์มาลีน-ฟอร์มัลดีไฮด์” ทั้งสองตัวนี้ในทางเคมีคือสารตัวเดียวกัน เพียงแต่ว่าเมื่ออยู่ในรูปของสารละลายจะเรียกว่า “ฟอร์มาลีน” ซึ่งเป็นชื่อที่เราคุ้น ๆ กันดีก็คือน้ำยาดองศพนั่นเอง ส่วน “ฟอร์มัลดีไฮด์” มีสถานะเป็นก๊าซที่อุณหะภูมิปกติ มีกลิ่นฉุนแสบจมูก ส่วนมากที่จำหน่ายกันอยู่ทั่วไปอยู่ในรูปของสารละลายน้ำภายใต้ชื่อน้ำยาฟอร์มาลีน

โดยปกติสารละลายนี้จะไม่เสถียรเมื่อเก็บไว้นานโดยเฉพาะที่อุณหภูมิสูง จะกลายเป็นกรดฟอร์มิก จึงมีการเติมสารยับยั้งหรือที่เรียกว่าสารที่ทำหน้าที่เป็นตัวสเตบิไลเซอร์ เช่นเมทานอล 5-15 เปอร์เซ็นต์ หรือมีขายในรูปของพาราฟอร์มัลดีไฮด์ มีประโยชน์ในฐานะที่เป็นสารตั้งต้นสำหรับผลิตภัณฑ์อื่นอีกมากมาย ที่ใช้มากคือนำไปทำเม็ดพลาสติกชนิดต่าง ๆ ที่มีชื่อเรียกกันว่า “ยูเรีย-ฟอร์มัลดีไฮด์” หรือ “ฟีนอล-ฟอร์มัลดีไฮด์” ที่ใช้เป็นกาวสำหรับเฟอร์นิเจอร์ไม้ ใช้ทำโฟมเพื่อเป็นฉนวน เป็นต้น

สำหรับในวงการแพทย์ใช้ประโยชน์มากมาย อย่างเช่นการดองศพ ใช้ในเวชภัณฑ์ เช่นยาอม ใช้ฆ่าเชื้อโรค และฟอกหนัง เป็นต้น

ไอของฟอร์มัลดีไฮด์จะระคายตา จมูก และผิวหนัง ทำให้เป็นแผลหรือถึงขั้นตาบอด ถ้าสูดดมเข้าไปมาก ๆ จะทำให้น้ำท่วมปอด จนหายใจไม่ออก แน่นหน้าอก และตายในที่สุด อาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นหลายชั่วโมงหลังจากได้รับสารโดยไม่มีอาการเจ็บปวดเลยก็ได้ หากได้รับปริมาณน้อยเป็นเวลานาน จะมีอาการไอและหายใจติดขัดเพราะหลอดลมอักเสบ เป็นต้น

สารเคมีมีประโยชน์ถ้าใช้อย่างถูกต้อง เมื่อทราบพิษภัยของมันแล้ว จงอย่าคิดนำฟอร์มาลีนไปล้างผักอย่างที่พ่อค้าแม่ค้าหลายคนกระทำกันอยู่ และเป็นข่าวอยู่เสมอ สิ่งตกค้างย่อมเป็นอันตรายได้เมื่อกินเข้าไป โดยเฉพาะฟอร์มัลดีไฮด์นี้มีข้อพิสูจน์ที่พอจะเชื่อได้ว่าเป็นสาร “ก่อมะเร็ง”
[url]http://www.chemtrack.org/News-Detail.asp?TID=1&ID=43#]
ฟอร์มาลีน-ฟอร์มัลดีไฮด์” ทั้งสองตัวนี้ในทางเคมีคือสารตัวเดียวกัน เพียงแต่ว่าเมื่ออยู่ในรูปของสารละลายจะเรียกว่า “ฟอร์มาลีน” ซึ่งเป็นชื่อที่เราคุ้น ๆ กันดีก็คือน้ำยาดองศพนั่นเอง ส่วน “ฟอร์มัลดีไฮด์” มีสถานะเป็นก๊าซที่อุณหะภูมิปกติ มีกลิ่นฉุนแสบจมูก ส่วนมากที่จำหน่ายกันอยู่ทั่วไปอยู่ในรูปของสารละลายน้ำภายใต้ชื่อน้ำยาฟอร์มาลีน

โดยปกติสารละลายนี้จะไม่เสถียรเมื่อเก็บไว้นานโดยเฉพาะที่อุณหภูมิสูง จะกลายเป็นกรดฟอร์มิก จึงมีการเติมสารยับยั้งหรือที่เรียกว่าสารที่ทำหน้าที่เป็นตัวสเตบิไลเซอร์ เช่นเมทานอล 5-15 เปอร์เซ็นต์ หรือมีขายในรูปของพาราฟอร์มัลดีไฮด์ มีประโยชน์ในฐานะที่เป็นสารตั้งต้นสำหรับผลิตภัณฑ์อื่นอีกมากมาย ที่ใช้มากคือนำไปทำเม็ดพลาสติกชนิดต่าง ๆ ที่มีชื่อเรียกกันว่า “ยูเรีย-ฟอร์มัลดีไฮด์” หรือ “ฟีนอล-ฟอร์มัลดีไฮด์” ที่ใช้เป็นกาวสำหรับเฟอร์นิเจอร์ไม้ ใช้ทำโฟมเพื่อเป็นฉนวน เป็นต้น

สำหรับในวงการแพทย์ใช้ประโยชน์มากมาย อย่างเช่นการดองศพ ใช้ในเวชภัณฑ์ เช่นยาอม ใช้ฆ่าเชื้อโรค และฟอกหนัง เป็นต้น

ไอของฟอร์มัลดีไฮด์จะระคายตา จมูก และผิวหนัง ทำให้เป็นแผลหรือถึงขั้นตาบอด ถ้าสูดดมเข้าไปมาก ๆ จะทำให้น้ำท่วมปอด จนหายใจไม่ออก แน่นหน้าอก และตายในที่สุด อาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นหลายชั่วโมงหลังจากได้รับสารโดยไม่มีอาการเจ็บปวดเลยก็ได้ หากได้รับปริมาณน้อยเป็นเวลานาน จะมีอาการไอและหายใจติดขัดเพราะหลอดลมอักเสบ เป็นต้น

สารเคมีมีประโยชน์ถ้าใช้อย่างถูกต้อง เมื่อทราบพิษภัยของมันแล้ว จงอย่าคิดนำฟอร์มาลีนไปล้างผักอย่างที่พ่อค้าแม่ค้าหลายคนกระทำกันอยู่ และเป็นข่าวอยู่เสมอ สิ่งตกค้างย่อมเป็นอันตรายได้เมื่อกินเข้าไป โดยเฉพาะฟอร์มัลดีไฮด์นี้มีข้อพิสูจน์ที่พอจะเชื่อได้ว่าเป็นสาร “ก่อมะเร็ง”
http://www.chemtrack.org/News-Detail.asp?TID=1&ID=43#
บันทึกการเข้า

"CHIAB"
มนุษย์เราแต่ละคน  ต่างไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไม่มีใครรู้จักกันมาก่อนเลย  แล้ววันหนึ่งก็มาพบหน้ากัน  สมมุติเป็นพ่อ  เป็นแม่  เป็นเมีย  เป็นสามี  เป็นลูก  อยู่ร่วมกัน  ใช้ชีวิตร่วมกัน และแล้ววันหนึ่ง  ก็แยกย้ายด้วยการ  "ตายจาก"  กันไปสู่  ณ  ที่ซึ่งไม่มีใครได้ตามพบ  คืนสู่ความเป็นผู้ไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไปไหน  และคืนสู่ความเป็น  "คนแปลกหน้า"  ซึ่งกันและกันอนันกาลอีกครั้งหนึ่ง...และอีกครั้งหนึ่ง!?
ขอขอบคุณ คุณเปลว สีเงิน ที่ให้ข้อคิดดีๆ
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!