หมอธีระวัฒน์-อ.ปานเทพ ออกแถลงการณ์ร่วมภาวะลองโควิดและผลกระทบจากวัคซีน
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่21"
เมษายน 29, 2024, 03:36:53 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: หมอธีระวัฒน์-อ.ปานเทพ ออกแถลงการณ์ร่วมภาวะลองโควิดและผลกระทบจากวัคซีน  (อ่าน 165 ครั้ง)
eskimo_bkk-LSV team♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม..
member
*

คะแนน1883
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13256


ไม่แล่เนื้อเถือหนังพวก


อีเมล์
« เมื่อ: มกราคม 21, 2024, 09:30:06 AM »

หมอธีระวัฒน์-อ.ปานเทพ ออกแถลงการณ์ร่วม (ฉบับที่ 2) 
แจ้งความคืบหน้าภาวะลองโควิดและผลกระทบจากวัคซีน 
ใครมีอาการเหล่านี้ควรได้รับการรักษาหรือเยียวยา ?
-----------------------------------------------------------------

จากการที่ วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
และ ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ได้ลงนามความร่วมมือกันทางด้านวิชาการและการวิจัย
ซึ่งได้ออกแถลงการณ์ฉบับแรก
ในเรื่องต่อสถานการณ์อาการลองโควิด (Long Covid-19)
และผลกระทบจากวัคซีนไปแล้ว
เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2567 
ได้มีมติให้แถลงต่อประชาชนเพิ่มเติมดังต่อไปนี้

ประการแรก การปิดกั้นข้อมูลข่าวสารเป็นเรื่องจริง
รายงานจากทั่วโลกมีการบิดเบือนความจริงในช่วงเวลาที่ผ่านมา
ภายหลังจากการที่เราได้เปิดรับข้อมูลเบื้องต้นสำหรับผู้ที่สงสัยว่า
ตัวเองจะได้รับผลกระทบจากภาวะลองโควิด (Long Covid-19)
หรือผลกระทบจากวัคซีนโควิด
ปรากฏว่ามีประชาชนได้ทยอยเข้ามารายงานอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งรวมถึง การเสียชีวิต เจ็บป่วย สุขภาพอ่อนแอลง
หรือมีคุณภาพชีวิตแย่ลง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ามีประชาชน
ที่เชื่อว่าได้รับผลกระทบจากภาวะลองโควิด
หรือผลกระทบจากวัคซีนโควิด
ที่ไม่อยู่ในการบันทึกจากภาครัฐนั้น เป็นเรื่องจริงทั้งสิ้น

ในขณะเดียวกันเป็นที่ทราบกันดีในหมู่ประชาชนโดยทั่วไปว่า
มีการเซ็นเซอร์ข้อมูล มี dki ปิดบัญชีในโซเชียลมีเดียและยูทูป
ในการกล่าวถึงผลกระทบของวัคซีน 
โดยนายมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ค
ได้เคยยอมรับเมื่อปี 2566 ว่าผู้มีอำนาจได้เซ็นเซอร์ข้อมูลหลายอย่าง
ทั้งสิ่งที่สามารถโต้เถียงได้ (debatable)
หรือแม้กระทั่งข้อมูลที่เป็นความจริงก็ตาม

นอกจากนั้นยังมีคดีการฟ้องร้องและศาลยุติธรรม
เพิ่งจะได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2567
ให้ศูนย์ควบคุมโรคติดต่อของประเทศสหรัฐอเมริกา (CDC)
เปิดเผยคำร้องเรียนจากประชาชน
เรื่องผลกระทบของวัคซีนต่อตนเองกว่า 7.8 ล้านคำขอ
โดยให้เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นต้นไป 
แสดงให้เห็นว่าความพยายามปกปิดข้อมูลในเรื่อง
ผลกระทบของวัคซีนในช่วงเวลาที่ผ่านมาเป็นเรื่องจริง

ประการที่สอง ข้อสงสัยคนไทยตายมากขึ้นเจ็บป่วยมากขึ้น
จากวัคซีนและลองโควิด ความจริงใจในการเก็บข้อมูลวิจัย
เพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงคือจุดเริ่มต้นของการแก้ไขปัญหา

โดยภายหลังการฉีดวัคซีนในปี 2564  อัตราการเสียชีวิต
ของประชาชนชาวไทยสูงขึ้นอย่างผิดปกติ (excess deaths)
ทั้งๆที่ได้ผ่านพ้นช่วงโรคระบาดหนักไปแล้ว 
ดังปรากฏข้อมูลในปี
2565 พบว่าคนไทยเสียชีวิต 590,174 ราย
และ ปี 2566 คนไทยเสียชีวิต 576,516 ราย

มากกว่า ช่วงการเกิดโรคระบาดและเสียชีวิตจากโควิด-19 มากที่สุดในปี 2564
ที่คนไทยมีการเสียชีวิต 548,174 ราย 
และมากกว่าช่วงก่อนการระบาดของโรคโควิด-19 ในปี 2562
ที่คนไทยมีการเสียชีวิตเพียง 497,339 ราย 

โดยหากยึดเอาความเป็นมืออาชีพในทางวิชาการ
และผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง
ให้อยู่เหนือผลประโยชน์ของวัคซีนแล้ว
ภาครัฐควรแสดงความจริงใจด้วยการตั้งองค์กรกลาง
ที่ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนในเรื่องวัคซีน
ทำการวิจัยย้อนหลังหาความสัมพันธ์ของการเสียชีวิต
และการเจ็บป่วยของคนไทยในแต่ละโรคที่เพิ่มขึ้นผิดปกติ
เปรียบเทียบระหว่างกลุ่มที่ได้รับวัคซีนและไม่ได้รับวัคซีน
แต่ละชนิดว่ามีความแตกต่างกันหรือไม่อย่างไร
หรือทำการสืบสวนโรคหรือชันสูตรศพ
เพื่อวิจัยจากปัจจุบันไปข้างหน้าให้ได้ข้อเท็จจริง

ทั้งนี้เพราะมีตัวอย่างมาแล้วที่คณะวิจัยในสหรัฐอเมริกา
ร่วมกับแคนนาดาที่ได้ร่วมกันชันสูตรศพผู้เสียชีวิต
หลังจากฉีดวัคซีนโควิดพบว่าร้อยละ 73.9 เกี่ยวข้องกับวัคซีน

และผลการศึกษาในยุโรป 31 ประเทศ พบว่า
ประเทศที่ฉีดวัคซีนโควิดมากในปี 2564
จะมีการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565
ซึ่งเป็นรูปแบบที่คล้ายกับประเทศไทย
และประเมินว่าการตายจากวัคซีนที่รายงานเข้าในระบบ
(Vaccine Adverse Event Reporting System) VAERS ของสหรัฐอเมริกานั้น
ต่ำกว่าความจริงกว่า 20 เท่าตัว

ดังนั้นการยึดมั่นศรัทธาตัวเลขข้อมูลจากต่างชาติแต่เพียงอย่างเดียว
จึงเป็นเรื่องที่ต้องมีความระมัดระวังอย่างยิ่ง

ประการที่สาม ผู้ได้รับผลกระทบจากลองโควิด
และผลกระทบของวัคซีนในประเทศไทยเป็นเรื่องจริง
และมีมากกว่าที่ออกแถลงการณ์โดยกรมควบคุมโรค
ทั้งนี้ตามที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขได้ออกแถลงการณ์
เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2567 ว่ามีกรณีผู้เสียชีวิตเพียง 5 รายเท่านั้น
ซึ่งคิดเป็นอุบัติการณ์เสียชีวิตที่ต่ำกว่าหนึ่งในล้านโดส
แต่ข้อมูลที่อ้างนั้นน่าจะน้อยกว่าความจริงอย่างมาก
เมื่อเปรียบเทียบจากเว็บไซต์ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)
ซึ่งได้รายงานผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวัคซีน
ในกลุ่มเฉพาะผู้ที่ใช้สิทธิยื่นคำร้องและผ่านเกณฑ์ระหว่าง
วันที่ 1 มีนาคม 2564 ถึงวันที่ 20 มกราคม 2567 พบว่า

มีประชาชนชาวไทยยื่นคำร้องว่าได้รับผลกระทบจากวัคซีนจำนวนทั้งสิ้น 23,082 ราย
ผ่านเกณฑ์ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ทั้งสิ้น 19,328 ราย
โดยแบ่งเป็นการเสียชีวิตและทุพพลภาพจากวัคซีนจำนวน 5,482 ราย
พิการหรือสูญเสียอวัยวะจำนวน 815 ราย
และบาดเจ็บหรือเจ็บป่วยต่อเนื่อง 13,031 ราย
และใช้งบประมาณช่วยเหลือไปแล้วทั้งหมด 2,560 ล้านบาท

เมื่อพิจารณาจำนวนคำร้องแยกตามอาการที่ได้รับอนุมัติ
จากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)

พบว่ามีสัดส่วนคำร้องการเสียชีวิตร้อยละ 24.3
ปวดเวียนศีรษะหน้ามืดร้อยละ 19.42
แขนขาอ่อนแรงร้อยละ 17.94
แน่นหน้าอกหายใจลำบากร้อยละ 12.86
มีอาการชาร้อยละ 12.23
มีอาการผื่นคันบวมร้อยละ 11.49
มีอาการไข้ร้อยละ 10.22
ปวดท้องคลื่นไส้อาเจียนร้อยละ 10.4
และอาการช็อกจากการแพ้รุนแรงร้อยละ 0.88[8]

แต่จำนวนคำร้องที่ได้รับการอนุมัติจาก
สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) นั้น
อาจไม่ครอบคลุมประชากรที่ได้รับผลกระทบของวัคซีนจริงทั้งหมด
ด้วยเพราะการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้อาการ
และสิทธิในการได้รับการเยียวยามีน้อยมาก
เมื่อเปรียบเทียบกับการประชาสัมพันธ์รณรงค์ให้ประชาชนฉีดวัคซีน
ในขณะเดียวกันโรคที่ได้รับการอนุมัติตามเกณฑ์ระบุนั้น
ก็อาจจะไม่ได้ครอบคลุมที่เกิดขึ้นทั้งหมดด้วย
เมื่อเปรียบเทียบข้อมูลตามรายงานและผลการศึกษาจากต่างประเทศ
ในวารสารทางการแพทย์จำนวนมาก ดังเช่น
ผลการสำรวจในสหรัฐอเมริกาพบว่า
ระบบที่เสียหายและเกี่ยวข้องกับวัคซีนโควิดจนถึงเสียชีวิตนั้น
ประกอบไปด้วย
ระบบหัวใจและหลอดเลือด
ระบบทางโลหิตวิทยา
ระบบทางเดินหายใจ
และมีหลายระบบเสียหายร่วมกัน
อีกทั้งการฉีดวัคซีนที่มากเกินไปหรือถี่เกินไปอาจทำให้
ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงได้
และยังรวมถึงความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจอักเสบ
หรือภาวะสมองเสื่อมได้ด้วย

นอกจากนั้นยังพบการตีพิมพ์ในวารสารจิตเวชศาสตร์
Asian Journal of Psychiatry เมื่อปี 2565 ซึ่งได้รายงาน
ถึงผลกระทบของวัคซีนที่อาจทำให้เกิดโรคทางจิตหรือระบบประสาทซึ่งรวมถึง
สภาพจิตที่แปรเปลี่ยนไป ทำให้เป็นโรคจิต
วิกลจริตคลุ้มคลั่ง โรคซึมเศร้า และระบบการทำงานของประสาทผิดปกติ
 
นอกจากนั้นการวิจัยตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ของอังกฤษ BMJ Open
วิเคราะห์อภิมานจากผลการศึกษาวิจัย 7 ชิ้นเมื่อปี 2566
พบว่าผู้ที่ฉีดวัคซีน mRNA เพียง 1 เข็มขึ้นไปมีความเสี่ยงโรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ
หรือภาวะเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบเพิ่มขึ้น 2 เท่าตัว
เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน mRNA เลย

คณะนักวิจัยชาวจีนที่แม้จะสนับสนุนวัคซีนแต่เผยแพร่
ในงานวิจัยตีพิมพ์ในวารสารเกี่ยกับ
โรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง Autoimmunity Reviews
เมื่อปี 2566 พบความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันผิดปกติ
หรือแพ้ภูมิตัวเองอันมีสาเหตุจากวัคซีน ซึ่งรวมถึง 
ภาวะไตอักเสบ โรคไขข้ออักเสบ โรคตับอักเสบ 

นอกจากนั้นยังมีกรณีศึกษาจากประสบการณ์ตรง
ของเราว่ามีเด็กและเยาวชนในประเทศไทยเกิดภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรง
อันเป็นผลมาจากวัคซีนด้วย
อีกทั้งยังพบการรายงานตีพิมพ์ในวารสาร Cureus เมื่อปี 2566
ถึงกรณีศึกษาของผู้ป่วยมะเร็งชนิดซาร์โคมา
พบความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นอย่างชัดเจนทันทีหลังฉีดวัคซีนของโมเดิร์นนา

ตัวอย่างข้างต้นแสดงให้เห็นว่าวัคซีนอาจจะเป็นผลโดยตรง
หรือกระตุ้นทำให้เกิดโรคอื่นๆได้ตามมามากกว่า
อาการตามเกณฑ์ที่อนุมัติเพื่อเยียวยาโดย
สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)
และอาจจะเป็นเหตุอ้างกล่าวโทษว่าเสียชีวิตหรือเพราะโรคอื่น
โดยปราศจากการสืบสวนโรคหรือชันสูตรศพ   
ดังนั้นความจริงจะเป็นเช่นไรก็สมควรที่จะทำการสำรวจ
และสืบสวนอย่างจริงจังให้ปรากฏความเป็นจริงต่อไป
จากองค์กรกลางที่ไม่มีส่วนได้เสียหรือผลประโยชน์ในวัคซีน

นอกจากนั้นยังมีประชาชนจำนวนมากมีสุขภาพแย่ลง
มีคุณภาพชีวิตอ่อนแอลง โดยหาสาเหตุไม่ได้เป็นจำนวนมาก
ซึ่งอาจเป็นผลกระทบจากการเจ็บป่วยจากภาวะลองโควิด
หรือผลกระทบจากวัคซีน หรือจากทั้ง 2 อย่างผสมกัน

ทำให้ประชาชนชาวไทยจำนวนไม่น้อย
มีสุขภาพร่างกายไม่เหมือนเดิมโดยที่หาสาเหตุไม่ได้
ทำให้หลายคนมีอาการเหนื่อย ไม่สู้งาน เดินไม่ไหว สมาธิสั้น
ไทรอยด์ทำงานผิดปกติ หลอดเลือดอุดตัน
เป็นโรคหัวใจ สมองอักเสบ มีทั้งอาการทางระบบหัวใจและปอด
ระบบสมองประสาทและกล้ามเนื้อ
ภาวะที่มีการอักเสบของผิวหนัง เส้นเอ็นพังผืด กล้ามเนื้อ
และข้อต่างๆ ตลอดจนการปะทุขึ้นของโรคที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
หรือโรคที่สงบไปแล้ว
รวมทั้งมะเร็งและการเกิดเริม งูสวัด
ซึ่งไวรัสเหล่านี้เป็นไวรัสที่ซ่อนอยู่ในร่างกาย
จากการติดเชื้อเนิ่นนานมาแล้ว และ
ถูกกดไม่ให้แสดงตัวออกมา
จากการควบคุมของระบบภูมิคุ้มกัน
ที่แข็งแรงของร่างกาย และยังรวมถึง
การนอนหลับที่ผิดปกติ
หลับยากหลับกระท่อนกระแท่น
จนถึงฮอร์โมนแปรปรวนทั้งผู้ชายและผู้หญิง


ประการที่สี่ การใช้วัคซีนอาจไม่ทันต่อการกลายพันธุ์ของ
กลุ่มธุรกิจตัดต่อพันธุกรรมไวรัส
ควรให้ความรู้กับประชาชนในการสร้าง
ความแข็งแรงต่อภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ

ในสถานการณ์ที่วัคซีนโควิดไม่ได้ป้องกันการติดเชื้อ
และเมื่อในช่วงหลังโรคมีความรุนแรงน้อยลง
ประชาชนเกิดภูมิคุ้มกันหมู่แล้ว
ในขณะที่ไวรัสมีการกลายพันธุ์ตลอดเวลา 
ประเทศไทยควรจะตั้งสติใช้มาตรฐานของวัคซีนในภาวะปกติ
ไม่ใช่การรณรงค์ให้ประชาชนไปทดลองใช้วัคซีน
แบบฉุกเฉินที่ไม่สอดคล้องกับการกลายพันธุ์ของไวรัส
และควรให้สิทธิประชาชนได้รับรู้และได้รับการแจ้ง
ความเสี่ยงอย่างครบรอบด้านที่เป็นผลกระทบ
จากวัคซีนอย่างเป็นธรรม และ
ถึงเวลาที่เราจะต้องหันมาพึ่งพาตัวเอง
ในการสร้างความแข็งแรงต่อภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติให้มากขึ้น

ประการที่ห้า การระดมพลังในการเปิดเผยข้อเท็จจริงของประชาชน
การตรวจหาความจริงอย่างถูกต้องและเหมาะสม
และกรรมวิธีการรักษาของแพทย์สาขาต่างๆ
จะทำให้ประเทศไทยสามารถรอดพ้นจากภัยอันตรายโรคลองโควิด
และโรคที่เกิดจากผลกระทบจากวัคซีนได้
เราจึงมีมติร่วมกันที่จะจัดการสัมนาเปิดเวทีให้ผู้ป่วยและแพทย์ต่างสาขา
ผู้มีประสบการณ์ในการรักษามาพบกัน เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล
และความรู้อันจะนำไปสู่หนทางในการรวบรวมข้อมูล
เพื่อวิจัยและรักษาโรคลองโควิดและโรคที่เกิดจากผลกระทบจากวัคซีน
โดยจะแจ้งความคืบหน้าต่อไปในเร็ววันนี้


แถลงการณ์ร่วมโดย
ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพ โรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
และ
อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
21 มกราคม 2567

โค๊ด:
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=pfbid0ox7qpNg2wpAr5Y6rtukrVE1B64MrMdYJiR7Rv8qfQ9qB94BCSWgyTyL6wsA8ZPaBl&id=100044511276276


บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!