สนธิ ลิ้ม-จำลอง.. อาจล้มละลาย ศาลสั่งชดใช้เงิน 600 ล้าน ให้ ทอท.
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่21"
มิถุนายน 01, 2024, 08:07:56 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สนธิ ลิ้ม-จำลอง.. อาจล้มละลาย ศาลสั่งชดใช้เงิน 600 ล้าน ให้ ทอท.  (อ่าน 857 ครั้ง)
หลอดไฟ
วีไอพี
member
***

คะแนน246
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1550


อีเมล์
« เมื่อ: มิถุนายน 25, 2015, 09:13:44 AM »



สนธิ ลิ้มทองกุล-พล.ต. จำลอง ศรีเมือง พร้อมแกนนำพันธมิตร ส่อล้มละลาย ศาลสั่งชดใช้เงิน 600 ล้านบาท ให้ท่าอากาศยานไทย กรณีบุกปิดล้อมสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อปี 2551

          ..วันที่ 23 มิถุนายน 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางมาลีรัตน์ แก้วก่า อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และอดีต ส.ว. จ.สกลนคร ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว "Maleerat Kaewka"  ระบุถึงกรณีที่ พล.ต. จำลอง ศรีเมือง, นายสนธิ ลิ้มทองกุล และแกนนำพันธมิตรฯ อีก 11 คน ซึ่งถูกศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ชดใช้เงินรวม 600 ล้านบาท แก่บริษัท ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) จำกัด (มหาชน) ในเหตุการณ์บุกปิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และลานจอดรถสนามบิน เมื่อปี 2551 จึงทำให้ทั้ง 13 คน เดินเข้าใกล้เส้นทางเป็นบุคคลล้มละลายเข้าไปทุกขณะ ซึ่งมีแค่ 2 แนวทางในขณะนี้คือ

          1. ยื่นฎีกา ซึ่งต้องวางค่าธรรมเนียมศาล รวม 7 ล้านบาท และทนายได้ขอผ่อนผัน 2 รอบแล้ว ทางคณะฯ จึงได้ขอให้ทนายสุวัตรยื่นเรื่องขอยืดเวลาการชำระค่าธรรมเนียมออกไป จากเดิม 26 มิถุนายน นี้

          2. ไม่ยื่นฎีกา ผลก็คือ พลตรี จำลอง และคณะทั้ง 13 คน จะถูกฟ้องล้มละลายต่อไป อาจใช้เวลา 1 ปีนับจากนี้

          โดยข้อความในเฟซบุ๊กของนางมาลีรัตน์ “Maleerat Kaewka” มีรายละเอียดดังนี้

          ฉันอาจถูกศาลสั่งล้มละลาย ผลต่อเนื่องจากการชุมนุม 193 วัน

          วิกฤตในชีวิตของแต่ละคนจะมีกี่ครั้ง คงไม่มีใครตอบได้ชัดเจน แต่ 2-3 วันที่ผ่านมายอมรับว่า ตนเองแทบช็อกเมื่อทราบว่าศาลอุทธรณ์ มีคำสั่งให้ พลตรี จำลอง ศรีเมือง และคณะ 13 คน รวมดิฉันด้วย ต้องชดใช้เงินจำนวน 600 ล้าน แก่บริษัท ท่าอากาศยานไทยจำกัด (มหาชน) กรณีชุมนุมที่ชานชาลา ลานจอดรถสนามบินดอนเมือง และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นวิกฤตชีวิตครั้งใหญ่ของดิฉันและอีกหลายคนแน่นอน

          ขอเท้าความถึงการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในปี 2551 เป็นที่ทราบทั่วไปว่าเริ่มตั้งแต่เพื่อคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 190 เรื่องอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดน ต้องผ่านสภา, มาตรา 237 เรื่องยุบพรรคที่ทุจริตเลือกตั้ง เป็นหลัก ไปจนถึงประท้วงแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ที่ทำขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 จนศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าแถลงการณ์ร่วมดังกล่าวขัดรัฐธรรมนูญ ฯลฯ

          ก่อนย้ายเข้าทำเนียบในเดือนสิงหาคม มีการลอบยิงด้วยกระสุนปืน และระเบิดเอ็ม 79 รอบ ๆ ที่ชุมนุมเชิงสะพานมัฆวานแทบทุกวัน หลังจากนั้น ตลอดระยะเวลาของการชุมนุม มีการลอบทำร้ายผู้ชุมนุมเป็นระยะ ๆ และอาวุธสงครามถูกนำมาทำลายผู้ชุมนุมครั้งแล้วครั้งเล่า จนเกิดเหตุการณ์ 7 ตุลาคม ที่ผู้ถืออำนาจรัฐ ใช้อาวุธสงครามทำร้ายผู้ชุมนุม จนน้องโบว์ อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ และสารวัตรจ๊าบต้องเสียชีวิต คุณรุ่งทิวา ธาตุนิยม เป็นเจ้าหญิงนิทราจนปัจจุบัน คุณตี๋ ชิงชัย แขนขาด เฮียตี๋ คุณเจ็ก ขาขาด อีกจำนวนมากบาดเจ็บ หลังจากนั้นเหตุการณ์รุนแรงมากขึ้น ช่วงเดือน พ.ย. 2551 ระเบิดลงบ่อยมาก จน คุณเสถียร จากการไฟฟ้า บาดเจ็บสาหัส น้องโบว์ กมลวรรณ หมื่นหนู เสียชีวิต และ 20 พ.ย. คุณเจนกิจ กลัดสาคร เสียชีวิตเป็นรายสุดท้ายที่ทำเนียบ นั่นคือเหตุที่เกิดขึ้นก่อนการชุมนุมที่ดอนเมืองและสุวรรณภูมิ

          ผ่านไป 7 ปีเต็ม แต่ความทรงจำที่เกิดขึ้นในหัวใจดิฉันทุกครั้งที่นึกถึงการชุมนุม 193 วัน คือ คำขอร้องของน้องคุ้กกี้ ลูกสาวคุณเจนกิจ กลัดสาคร ที่กล่าวบนเวทีปราศรัยที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อคืนวันที่ 22 พ.ย. 2551 ด้วยน้ำเสียงที่เรียบ แต่แววตามุ่งมั่นว่า "อยากให้คนไทยมากันเยอะ ๆ ในวันอาทิตย์นี้ ทำเพื่อพ่อหนูด้วย" นั่นคือความทรงจำผุดขึ้นมาทุกครั้ง

          หลังจากเราเลิกชุมนุมในวันที่ 2 ธันวาคม 2551 คดี ทอท. ฟ้องแพ่งแกนนำ และคณะ 13 คน ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง 25 มีนาคม 2554 ศาลชั้นต้น สั่งให้ชดใช้เงิน 522 ล้าน ทนายสุวัตร และทีมสู้อย่างเด็ดเดี่ยว ขออุทธรณ์แบบอนาถา เพราะแต่ละคนไม่มีงานประจำ ศาลอนุญาตเพียง 1 ใน 3 ทนายสุวัตรต้องดิ้นรนหาเงินวางค่าธรรมเนียมศาลเกือบ 3 ล้านบาท ดังนั้นเมื่อศาลอุทธรณ์อ่านคำพิพากษา ให้ชดใช้เงินจำนวน 600 ล้าน จึงทำให้ทั้ง 13 คน เดินเข้าใกล้เส้นทางเป็นบุคคลล้มละลายเข้าไปทุกขณะ ซึ่งถามว่ากลัวไหม ทุกสิ่งเป็นสรณะ ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน แต่เราได้พยายามต่อสู้ในสิ่งที่เราเห็นว่าเราทำถูกต้องหรือยัง จึงมีเพียง 2 แนวทางเท่านั้นที่ต้องดำเนินการ

          แนวทางที่ 1 ยื่นฎีกา ซึ่งต้องวางค่าธรรมเนียมศาล รวม 7 ล้านบาท และทนายได้ขอผ่อนผัน 2 รอบแล้ว ทางคณะฯ จึงได้ขอให้ทนายสุวัตรยื่นเรื่องขอยืดเวลาการชำระค่าธรรมเนียมออกไป จากเดิม 26 มิถุนายน นี้ ย้ำอีกครั้งค่ะ เวลานับจากนี้ไป 4 วัน กับเงิน 7 ล้านบาท จะหาอย่างไร หาจากไหน เพราะแต่ละคนเดือดร้อนกันหมดแล้ว แต่ข้อดี คือ เวลาต่อสู้ในชั้นศาลฎีกาอาจใช้เวลา 3-5 ปี

          แนวทางที่ 2 ไม่ยื่นฎีกา ให้ศาลว่าไป โดยไม่สู้ในชั้นฎีกา ยอมรับว่าเราทำผิดทางละเมิด ผลก็คือ พลตรี จำลอง และคณะทั้ง 13 คนจะถูกฟ้องล้มละลายต่อไป อาจใช้เวลา 1 ปีนับจากนี้

          เราปรึกษาหารือเบื้องต้น ได้ข้อสรุปว่า เดินแนวทางที่ 1 คือยื่นฎีกา ต้องหาเงินมาวางค่าธรรมเนียมศาล 7 ล้านบาท หาจากไหน นั่นล่ะคือสิ่งที่ดิฉันช็อก ช่วยแนะนำดิฉันด้วยนะคะ

          พี่ที่เป็นปิยมิตรบอกมาเป็นคนแรกแล้วสมทบ 1 แสนบาท กราบขอบพระคุณค่ะ เป็นฤกษ์ชัยที่ยิ่งใหญ่ค่ะ มีผู้แนะนำทางโทรศัพท์ แนวทางระดมทุนง่ายที่สุดคือ บริจาคเข้ากองทุนสู้คดีฯ ขออัพเดทเบอร์บัญชีก่อนนะคะ เพราะวันนี้ ทนายสุวัตร ทนายปุย ทนายอ้อ กำลังทำหน้าที่สืบพยานโจทก์เพราะอัยการฟ้องพี่สนธิ และคณะ (รวมดิฉันด้วย 21 คน) เป็นจำเลยในคดี 7 ตุลาคม จะแจ้งเป็นทางการอีกรอบอีกแนวทาง ที่อเมริกา รอความชัดเจน แต่ดิฉันได้คุยกับ ดร.จอย ไว้ 2 แนวทางรอดูอีก 3-4 ชั่วโมงค่ะ








http://www.1009seo.com/


บันทึกการเข้า

ทำวันนี้ให้ดีที่สุด

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!