10 ตำนานลึกลับของอารยธรรมอียิปต์โบราณ
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่21"
เมษายน 25, 2024, 08:37:11 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: 10 ตำนานลึกลับของอารยธรรมอียิปต์โบราณ  (อ่าน 2241 ครั้ง)
Touch2557
ชุมชนคนรักอาชีพช่าง
member
*

คะแนน9
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 29


« เมื่อ: พฤษภาคม 07, 2014, 02:33:31 PM »




อารยธรรมอียิปต์โบราณ หรือ "ไอยคุปต์" คือหนึ่งในอารยธรรมที่มีความเก่าแก่มากที่สุดอารยธรรมหนึ่งของโลก เป็นอารยธรรมที่เรื่องราวต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย แถมยังเป็นที่ตั้งของสิ่งปลูกสร้างอย่าง "พีระมิด" ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกและการพัฒนาทางการแพทย์อย่างการทำ "มัมมี่" อีกด้วย และนอกจากความยิ่งใหญ่อลังการที่อุดมไปด้วยประวัติอันล้ำค่าต่าง ๆ มากมายแล้วนั้น อารยธรรมอียิปต์โบราณ ยังมีตำนานลึกลับ ๆ ที่น่าสนใจที่บางคนอาจจะยังไม่เคยรับรู้มาก่อนเลยก็ได้


1. พระนางคลีโอพัตรา กับรูปโฉมที่แท้จริง

พระนางคลีโอพัตรา (Cleopatra VII) นับได้ว่าเป็นผู้ปกครองอียิปต์โบราณที่มีชื่อเสียงมากที่สุด ซึ่งในความรู้สึกนึกคิดของคนทั่วไป เธอคือพระราชินีผู้ทรงเสน่ห์ที่สุด มีรูปโฉมที่งดงาม เพียบพร้อมไปด้วยกลเม็ดเด็ดพรายในเชิงพิศวาส สามารถมัดใจชายได้อย่างอยู่หมัด แต่แท้ที่จริงแล้ว เสน่ห์ของพระนางคลีโอพัตราไม่ได้อยู่ที่เนื้อหนังมังสาหรือความงดงามแห่งใบหน้าและเรือนกายเลย แต่อยู่ที่สติปัญญาและความเฉลียวฉลาดรู้เท่าทันคนต่างหาก โดยมีหลักฐานชิ้นหนึ่งที่บ่งบอกถึงความจริงเรื่องนี้ ก็คือการค้นพบรูปปั้นส่วนพระเศียรขององค์ราชินีและเหรียญที่มีภาพพระพักตร์ของพระนาง ซึ่งเป็นการค้นพบของนักโบราณคดีรายหนึ่ง



2. ความเชื่อเกี่ยวกับความตาย

ชาวอียิปต์โบราณมีความเชื่อที่ว่า เมื่อคนตาย ดวงวิญญาณจากร่างไปเพียงชั่วคราว เพื่อเดินทางไปพบกับพระเจ้าในโลกหน้า แล้วจะกลับมาในวันหนึ่งข้างหน้า ทั้งนี้ เมื่อวิญญาณกลับมาแล้วก็ต้องมีร่างกายอยู่ และร่างที่จะอาศัยอยู่ได้ต้องเป็นร่างกายของตนเองเท่านั้น และด้วยความเชื่อนี้เองจึงทำให้เกิดวิธีการดูแลศพ หรือที่เรารู้จักกันอย่างดีกับการทำ "มัมมี่" (Mummy) เพื่อให้สภาพศพยังอยู่ในสภาพที่ดี ไม่เน่าเปื่อยนั่นเอง



3. การปรากฎตัวของเอเลี่ยน

ในทุกวันนี้กระแส "เอเลี่ยน" หรือมนุษย์ต่างดาว ก็ยังคงมีให้เห็นอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่คุณรู้หรือไม่ว่า การปรากฎตัวของเอเลี่ยนมีให้เห็นมาแล้วตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณเลยทีเดียว สิ่งหนึ่งที่ยืนยันในเรื่องนี้ ก็มาจากภาพบนฝาผนังภายในสุสานในเมืองกิซ่า โดยหนึ่งในภาพบนฝาผนังนั้นมีการวาดภาพของเอเลี่ยนปะปนอยู่ด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจด้วย เพราะบางทีภาพ ๆ นี้ อาจจะเป็นเพียงแค่รูปของสิ่งของอื่น ๆ ที่มีลักษณะคล้ายกับเอเลี่ยนเท่านั้นเอง



4. ที่สุดแห่งการค้นพบ

อีกสิ่งหนึ่งที่น้อยคนนักจะนึกถึงและรู้จักเกี่ยวกับประวัติของอิยิปต์โบราณก็คือในเรื่องของการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ เพราะนอกจากมหาพีระมิดต่าง ๆ แล้ว ข้อมูลอันล้ำค่าทางประวัติศาสตร์ที่ค้นพบกันนั้นก็คือ "เรือโซล่าร์" (Solar Boat) หรือเรือแห่งแสงอาทิตย์ที่เชื่อกันว่า จะเป็นพาหนะที่นำพาวิญญาณขององค์กษัตริย์ไปหาเทพเจ้าแห่งแสงอาทิตย์บนสวรรค์ได้ เรือโซล่าร์นี้สร้างขึ้นจากไม้มากกว่า 1,200 ชิ้น สันนิษฐานว่าสร้างตั้งแต่ 2500 ปีก่อนคริสตกาล และอาจจะเป็นเพียงเครื่องบูชาพระศพในสุสาน ไม่ได้นำไปใช้ล่องในแม่น้ำจริง ๆ แต่อย่างใด


บันทึกการเข้า

Touch2557
ชุมชนคนรักอาชีพช่าง
member
*

คะแนน9
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 29


« ตอบ #1 เมื่อ: พฤษภาคม 07, 2014, 03:13:15 PM »



5. อักษรภาพอียิปต์โบราณ

อักษรภาพอียิปต์โบราณหรือที่เรียกกันว่า "ฮีโรกริฟฟิค" (Hieroglyphs) ถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งในความอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ความชำนาญทางศิลปหัตถกรรม งานช่าง และการทำหนังสือของชาวอียิปต์โบราณถือเป็นสิ่งที่น่าทึ่งมาก ๆ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อของพวกเขาที่มีอำนาจและอิทธิพลต่อพิธีกรรมและการดำรงชีวิตอย่างสูง สำหรับอักษรภาพอียิปต์โบราณนี้ เป็นภาพอักษรที่มักจะสลักเรื่องราวเกี่ยวกับองค์ฟาโรห์ ราชวงศ์ การเมืองการปกครอง และเรื่องราวทางศาสนา ซึ่งจะมีปรากฎให้เห็นอยู่ตามวิหารและสิ่งก่อสร้างทั้งหลาย โดยแต่ละภาพก็จะมีการสื่อความหมายที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งนี่เองจึงทำให้การค้นพบในครั้งแรก ๆ นั้น ก็สร้างความมึนงงให้เหล่านักสำรวจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว



6. การตกแต่งภายในพีระมิด

นอกจากโครงสร้าง วัสดุ และวิธีการสร้างพีระมิด จะมีความอลังการงานสร้างอย่างยิ่งใหญ่มาก ๆ แล้ว ภายในของปิระมิดเองยังมีการตกแต่งอยู่อย่างสวยงามตามสมัยอีกด้วย สิ่งหนึ่งที่พบได้ภายในพีระมิดนั้นก็คือ เหล่าบรรดาอักษรภาพฮีโรกริฟฟิค อายุอานามกว่า 4,000 ปี ซึ่งช่วยให้พีระมิดที่ค้นพบกันนั้น กลายเป็นสถาปัตยกรรมอันล้ำค่าและมีอายุเก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกใบนี้

7. องค์ฟาโรห์กับการฝังทาสรับใช้

 หลังจากการสิ้นพระชนม์ขององค์ฟาโรห์แล้ว เหล่าบรรดาข้าทาสบริวารของพระองค์ไม่ได้ถูกฆ่าหรือโดนฝังทั้งเป็นในสุสานขององค์ฟาโรห์อย่างที่เคยทราบ ๆ กันแต่อย่างใด เพราะมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ชิ้นหนึ่ง ได้กล่าวไว้ว่า องค์กษัตริย์ฟาโรห์องค์สุดท้ายทรงเล็งเห็นว่า ข้าทาสของพระองค์ยังสามารถทำประโยชน์อื่น ๆ ได้มากกว่าการถูกฆ่าหรือฝังไปอย่างเปล่าประโยชน์ และเพื่อไม่ให้เป็นการขัดต่อประเพณีที่มีการสืบต่อกันมาช้านาน พระองค์จึงทรงรับสั่งให้นำ "ชับติ" (Shabti) หรือรูปแกะสลักที่ทำจากหลากหลายวัสดุ ทั้ง ขี้ผึ้ง ไม้ ดินเหนียว หิน แก้ว ดินเผา และสัมฤทธิ์ โดยทำหน้าที่เหมือนคนรับใช้ลงไปฝังในสุสานแทนชีวิตของคนเป็น ๆ

8. เหล่าทาสคือผู้สร้างพีระมิด

เป็นที่ถกเถียงกันอยู่พอสมควร กับประเด็นที่ว่าด้วยความยิ่งใหญ่ของพีระมิดประกอบกับความที่เทคโนโลยีและหลักการทางวิศวกรรมต่าง ๆ ในสมัยนั้นยังไม่น่าจะเจริญเท่าที่ควร ใครคือผู้สร้างพีระมิดกันแน่ และใช้วิธีการใดในการขนย้ายก้อนหินที่มีน้ำหนักมาก ๆ ขึ้นที่สูงกันได้ ทั้งนี้ จากหลักฐานของนักประวัติศาสตร์ชาวกรีก ได้ระบุเอาไว้ในช่วงศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสตกาลที่ว่า เหล่าบรรดาช่างฝีมืออียิปต์มากมายนับหมื่นนับแสนคน คือผู้ที่สร้างพีระมิดอันยิ่งใหญ่ตระการตา ไม่ใช่ทาสอย่างที่ในภาพยนตร์ออลลีวู้ดตีความหรือสร้างฉากให้เห็นกันก่อนหน้านี้แต่อย่างใด

9. ชาวอิสราเอลคือทาสของอียิปต์ในยุคนั้น

สิ่งที่เรา ๆ ท่าน ๆ ได้เคยเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติของอียิปต์นั้น หลัก ๆ ก็คือเรื่องของการสร้างพิระมิด องค์กษัตริย์ฟาโรห์ และอื่น ๆ อีกสารพัด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หลายต่อหลายคนคงจะนึกกันไปว่า ทาสรับใช้คงจะเป็นชาวอียิปต์กันแน่ ๆ แต่แท้ที่จริงแล้ว เหล่าทาสรับใช้ต่างเป็นชาว "ฮิบรู" (Hebrew) หรือชาวอิสราเอลในปัจจุบันนั่นเอง ซึ่งจากคำกล่าวในคัมภีร์ไบเบิลนั้น ได้ระบุไว้ว่า ชาวฮิบรูได้ตกเป็นทาสของอียิปต์นับตั้งแต่ที่องค์กษัตริย์ทำการยึดดินแดนและอาณาจักรต่าง ๆ เข้ารวมกันเป็นอารยธรรมอียิปต์ ซึ่งนั้นทำให้ชาวฮิบรูต้องมีสถานะเป็นทาส และเป็นเบี้ยล่างให้กับอียิปต์ไปโดยปริยาย



10. คำสาปแช่งขององค์ฟาโรห์

เป็นที่เล่าลือกันว่า ผู้ใดก็ตามที่มาเปิดหลุมฟังพระศพขององค์ฟาโรห์ตุตันคามุน (Pharaoh Tutankhamun) จะต้องคำสาปที่นักบวชไอยคุปต์บรรจงสลักไว้ภายในสุสาน ซึ่งจะส่งผลให้เกิดอาถรรพ์การเสียชีวิตอย่างน่าพิศวงขึ้น เหมือนอย่างเช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ "ลอร์ด คาร์นาร์วอน" (Lord Carnarvon) กับคณะสำรวจของ "โฮเวิร์ด คาร์เตอร์" (Howard Carter) ที่เขาได้ว่าจ้างให้ทำการสำรวจค้นหาสุสานฟาโรห์ตุตันคามุน ซึ่งผลสุดท้ายแล้ว ทั้งหมดเสียชีวิตไปโดยที่แพทย์ไม่สามารถวินิจฉัยอาการได้เลย
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!