ไอน์สไตน์พบพระพุทธเจ้าเห็น
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ไอน์สไตน์พบพระพุทธเจ้าเห็น  (อ่าน 3400 ครั้ง)
b.chaiyasith
แก้ปัญหาไม่ตกคุยกันเวลางานline:chiabmillion
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน650
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3004


ไม้ดีไม่ลอยน้ำมาไกล


อีเมล์
« เมื่อ: ธันวาคม 06, 2011, 10:20:54 AM »



 ปริศนาแห่งจักรวาลที่พิสูจน์ได้ด้วยธรรมะ พาคุณสู่ความมหัศจรรย์ครั้งใหม่ โดยทันตแพทย์สม สุจีรา นักเขียน Best Seller แห่งยุค
เปิดมิติใหม่พาคุณสู่ความมหัศจรรย์เมื่อธรรมะและวิทยาศาสตร์ไม่ใช่เส้นขนานอีกต่อไป
1. ทำไมไอน์สไตน์จึงเรียกพุทธศาสนาว่า ศาสนาแห่งจักรวาล
2. พบสุดยอดการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ ที่เชื่อมโยงกับศาสนาแห่งจักรวาล
3. ความลับของแสงที่เป็นตัวคุมเวลาของจักรวาล แต่ยังเดินทางช้ากว่าจิต
4. ปาฏิหาริย์การเหาะเหินเดินอากาศ หายตัว เป็นไปไม่ได้หรือยังพิสูจน์ไม่ได้

แบ่งปันประเทืองปัญญาหาอ่านกันเองนะครับ ผู้เขียนทราบแต่รายละเอียดจากบุคคลและได้ดูจากทางสื่อทีวีคงต้องหามาอ่านด้วย ทางยูทูปก็พอมีครับ HAPPY2!! Cheesy Lips Sealed แค่ดีดมือยังไม่จบก็เป็นอดีดเสียแล้ว เยี่ยมมาก


บันทึกการเข้า

"CHIAB"
มนุษย์เราแต่ละคน  ต่างไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไม่มีใครรู้จักกันมาก่อนเลย  แล้ววันหนึ่งก็มาพบหน้ากัน  สมมุติเป็นพ่อ  เป็นแม่  เป็นเมีย  เป็นสามี  เป็นลูก  อยู่ร่วมกัน  ใช้ชีวิตร่วมกัน และแล้ววันหนึ่ง  ก็แยกย้ายด้วยการ  "ตายจาก"  กันไปสู่  ณ  ที่ซึ่งไม่มีใครได้ตามพบ  คืนสู่ความเป็นผู้ไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไปไหน  และคืนสู่ความเป็น  "คนแปลกหน้า"  ซึ่งกันและกันอนันกาลอีกครั้งหนึ่ง...และอีกครั้งหนึ่ง!?
ขอขอบคุณ คุณเปลว สีเงิน ที่ให้ข้อคิดดีๆ

b.chaiyasith
แก้ปัญหาไม่ตกคุยกันเวลางานline:chiabmillion
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน650
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3004


ไม้ดีไม่ลอยน้ำมาไกล


อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: ธันวาคม 06, 2011, 10:34:18 AM »

ทางลัดสู่อัจฉริยะ1
http://www.youtube.com/watch?v=k3hDMePPqE8&feature=related
บันทึกการเข้า

"CHIAB"
มนุษย์เราแต่ละคน  ต่างไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไม่มีใครรู้จักกันมาก่อนเลย  แล้ววันหนึ่งก็มาพบหน้ากัน  สมมุติเป็นพ่อ  เป็นแม่  เป็นเมีย  เป็นสามี  เป็นลูก  อยู่ร่วมกัน  ใช้ชีวิตร่วมกัน และแล้ววันหนึ่ง  ก็แยกย้ายด้วยการ  "ตายจาก"  กันไปสู่  ณ  ที่ซึ่งไม่มีใครได้ตามพบ  คืนสู่ความเป็นผู้ไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไปไหน  และคืนสู่ความเป็น  "คนแปลกหน้า"  ซึ่งกันและกันอนันกาลอีกครั้งหนึ่ง...และอีกครั้งหนึ่ง!?
ขอขอบคุณ คุณเปลว สีเงิน ที่ให้ข้อคิดดีๆ
b.chaiyasith
แก้ปัญหาไม่ตกคุยกันเวลางานline:chiabmillion
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน650
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3004


ไม้ดีไม่ลอยน้ำมาไกล


อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: ธันวาคม 06, 2011, 11:16:11 AM »

ถ้ามีสติจะสามารถทำงานได้ทุกสถานการณ์เลย สมมุติไปอ่านหนังสือหรือเขียนหนังสือกลางห้างที่เสียงดังพลุกพล่าน ถ้ามีสติจะทำได้และทำได้เร็ว แต่ถ้ามีสมาธิ ถึงจะทำได้ก็จริง แต่ช้า ในสมองของคนมีสติจะมีสารชนิดหนึ่งเรียกว่าโดพามีน แต่คนที่มีสมาธิจะมีสารเอนดอร์ฟิน ซึ่งสารสองตัวนี้ทำให้สมองทำงานต่างกันมาก โดพามีนจะทำให้ตื่นตัวและทำงานเร็ว เกิดอะไรขึ้นเราจะคิดทัน ดังนั้นเวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน ถ้ามีสติจึงช่วยได้ พระพุทธเจ้าท่านก็ทรงเน้นฝึกสติ ไม่ได้เน้นฝึกสมาธิ
หมอสม สุจีรา
บันทึกการเข้า

"CHIAB"
มนุษย์เราแต่ละคน  ต่างไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไม่มีใครรู้จักกันมาก่อนเลย  แล้ววันหนึ่งก็มาพบหน้ากัน  สมมุติเป็นพ่อ  เป็นแม่  เป็นเมีย  เป็นสามี  เป็นลูก  อยู่ร่วมกัน  ใช้ชีวิตร่วมกัน และแล้ววันหนึ่ง  ก็แยกย้ายด้วยการ  "ตายจาก"  กันไปสู่  ณ  ที่ซึ่งไม่มีใครได้ตามพบ  คืนสู่ความเป็นผู้ไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไปไหน  และคืนสู่ความเป็น  "คนแปลกหน้า"  ซึ่งกันและกันอนันกาลอีกครั้งหนึ่ง...และอีกครั้งหนึ่ง!?
ขอขอบคุณ คุณเปลว สีเงิน ที่ให้ข้อคิดดีๆ
b.chaiyasith
แก้ปัญหาไม่ตกคุยกันเวลางานline:chiabmillion
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน650
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3004


ไม้ดีไม่ลอยน้ำมาไกล


อีเมล์
« ตอบ #3 เมื่อ: ธันวาคม 11, 2011, 12:00:18 PM »

คำแนะนำหนังสือ :
ชื่อว่า หลายท่านเมื่อได้เห็นชื่อหนังสือเล่มนี้ คงจะสงสัยว่า ไอน์สไตน์พบอะไรหรือ แล้วพระพุทธเจ้าเห็นอะไร ทำไมจึงนำมาจับคู่กันได้
สิ่งที่ไอน์สไตน์พบคือ ทฤษฎีสัมพัทธภาพ และความรู้ทางวิทยาศาสตร์ด้านอื่นๆ อีกมากมาย ความรู้เหล่านี้ถือว่าเป็นคุณูปการต่อชีวิตในสังคมยุคใหม่ สิ่งของ เครื่องใช้ อุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆ ที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบัน เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องเล่น DVD เตาไมโครเวฟ แสงเลเซอร์ จอภาพโทรทัศน์ เครื่องถ่ายเอกสาร โทรศัพท์มือถือ และอื่นๆ อีกมาก ก็ล้วนแต่พัฒนามาจากพื้นฐานความรู้ที่ไอน์สไตน์ค้นพบทั้งสิ้น
ไอน์สไตน์นั้น นับว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะที่ได้รับการยกย่องจากทั่วโลกให้เป็นบุคคลแห่งศตวรรษที่ 21 ความรู้และทฤษฎีที่เขาค้นพบนั้นลึกลับ ซับซ้อน ช่วงแรกมีคนไม่เชื่อว่าจะเป็นจริง นานหลายปีจึงมีคนเริ่มเห็นด้วย และนำไปสู่วิทยาการพลิกโลก
สำหรับพระพุทธเจ้า สิ่งที่ทรงเห็น แตกต่างจากการพบของไอน์สไตน์ เพราะพระองค์ทรงเห็นด้วยพระสัพพัญญุตญาณ นั่นคือ ทรงเห็นสัจธรรม เห็นสิ่งทั้งปวงตามที่เป็นจริงแล้วนำมาเผยแพร่ถ่ายทอดให้ผู้อื่นได้เห็นเหมือนๆ กับพระองค์
เราคงเคยได้ยินคำว่า “มอง...แต่ไม่เห็น” “ฟัง...แต่ไม่ได้ยิน” คำว่าพบและเห็นในที่นี้ก็เช่นเดียวกัน ไอน์สไตน์ได้พบบางส่วนที่นำไปสู่การรู้แจ้ง แต่น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถข้ามพ้นไปถึงการเห็นเหมือนที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบและเห็นได้
การค้นพบทางวิทยาศาสตร์ของไอน์สไตน์นำไปสู่ผลทั้งด้านดี เช่น เทคโนโลยีต่างๆ ที่พัฒนาไปมากในยุคปัจจุบัน และด้านร้าย เช่น ระเบิดปรมาณู ซึ่งทำให้มีคนตายร่วมสองแสนคนในพริบตาเดียว ระเบิดนี้พัฒนามาจากทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์นั่นเอง
หนังสือเล่มนี้ ผู้เขียนได้หยิบยกเอาความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ มาเชื่อมโยงและสอดรับกับความรู้ทางพุทธศาสนา และสามารถนำมาพิสูจน์ความจริงที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้เมื่อ 2,500 ปีมาแล้วได้ว่า ถูกต้องและเป็นไปได้จริงๆ
หลายท่านอาจเคยสงสัยว่า โลกและจักรวาลนี้มีมาได้อย่างไร นอกจากจักรวาลนี้แล้วมีจักรวาลอื่นอีกหรือไม่
ทำไมอายุขัยของมนุษย์ 100 ปี กลับเป็นเวลาเพียงชั่วครู่เดียวในสรวงสวรรค์
ทำไมสุนัขมีอายุขัย 15 ปี แต่ยุงกลับมีอายุแค่ 7 วัน
เพราะเหตุใดพระองคุลิมาลจึงวิ่งตามพระพุทธเจ้าไม่ทันทั้งที่พระองค์ก็ทรงดำเนินไปตามปกติ
คำตอบรอท่านอยู่ในหนังสือเล่มนี้แล้ว
ความจริงนั้นพระพุทธเจ้าเห็นก่อน แล้วไอน์สไตน์เพิ่งมาค้นพบความรู้นี้หลังพระพุทธเจ้าถึงสองพันปี แต่เหตุที่หนังสือเล่มนี้เรียงชื่อเป็น “ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น” ก็เพราะต้องการให้ตรงกับการดำเนินเรื่องของหนังสือที่หยิบยกความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ขึ้นมากล่าวก่อน แล้วจึงเชื่อมโยงไปสู่ความรู้หรือความจริงทางพุทธศาสนาในภายหลัง
แม้ว่า ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ จะช่วยให้เรามีความเป็นอยู่สะดวกสบายขึ้น แต่ก็เป็นความสุขภายนอก ต่างจากความรู้ทางพุทธศาสนาที่จะช่วยชำระใจภายในของเราให้สะอาด
พระพุทธเจ้าคือนักวิทยาศาสตร์ทางใจที่จะช่วยให้เราไม่ต้องทนทุกข์อีกต่อไป


http://www.naiin.com/ProductDetail.aspx?sku=BK_9789749985854
บันทึกการเข้า

"CHIAB"
มนุษย์เราแต่ละคน  ต่างไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไม่มีใครรู้จักกันมาก่อนเลย  แล้ววันหนึ่งก็มาพบหน้ากัน  สมมุติเป็นพ่อ  เป็นแม่  เป็นเมีย  เป็นสามี  เป็นลูก  อยู่ร่วมกัน  ใช้ชีวิตร่วมกัน และแล้ววันหนึ่ง  ก็แยกย้ายด้วยการ  "ตายจาก"  กันไปสู่  ณ  ที่ซึ่งไม่มีใครได้ตามพบ  คืนสู่ความเป็นผู้ไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไปไหน  และคืนสู่ความเป็น  "คนแปลกหน้า"  ซึ่งกันและกันอนันกาลอีกครั้งหนึ่ง...และอีกครั้งหนึ่ง!?
ขอขอบคุณ คุณเปลว สีเงิน ที่ให้ข้อคิดดีๆ
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป: