กบเฝ้าดอกบัว หลวงปู่หล้า เขมปัตโต
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: กบเฝ้าดอกบัว หลวงปู่หล้า เขมปัตโต  (อ่าน 1174 ครั้ง)
kittanan_2589
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน630
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2363


NightBaron


เว็บไซต์
« เมื่อ: พฤศจิกายน 09, 2011, 03:11:12 PM »

กบเฝ้าดอกบัว
หลวงปู่หล้า เขมปัตโต วัดบรรพตคีรี (ภูจ้อก้อ) อ. คำชะอี จ. มุกดาหาร
โพสท์ในลานธรรมเสวนา กระทู้ที่ 006132 จากคุณ : ไก่แก้ว [ 23 ส.ค. 2545 ]

ชาวโลกทุกถ้วนหน้าที่เคารพ พวกเราอย่าได้เป็นกบเฝ้าดอกบัว และอย่าได้เป็นกบเลือกนายเลย นายของพวกเราคือพระธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นคำสอนที่ทรงพระเหตุผล สมต้นสมกลางสมปลายบริบูรณ์ดีพอแล้ว พร้อมทั้งฆราวาสและบรรพชิต สอนจิตสอนใจของพวกเราให้ละเอียดสูงส่งตรงไปให้ ชนะความเมาความหลงของเจ้าตัว สอนไม่ให้เข้าข้างตัวโดยฝ่ายเดียว สอนให้แลเหลียวดูใจท่านผู้อื่นและให้เอาตนเป็นพยานก่อน ยกอุทาหรณ์เรื่องเกี่ยวกับชีวิต เรารักชีวิตเรายิ่งกว่าใดๆทั้งสิ้น มีผู้มาเฆี่ยนตีบีโบย ทำร้ายล้างผลาญเราก็ไม่พอใจเลยแม้แต่ขณะจิตเดียว สัตว์อื่นท่านผู้อื่นนั้นเล่า เขาก็ถือว่าชีวิตของเขาเป็นของหวง และมีค่า
เหตุนั้นการละเมิดปาณาติบาต ทำชีวิตสัตว์ให้ถึงปวดเจ็บตายจึงไม่ควรทำเลยขาดตัว เมื่อเห็นข้อนี้เป็นพยานเด่นชัดแล้ว ข้ออื่นๆ ในด้านที่ว่าศีลทั้งห้าข้ออันเป็นพรหมจรรย์เบื้องต้นของพระพุทธศาสนา อันเป็นรากแก้วของพระพุทธศาสนาจะมั่นคงถาวรอยู่ที่พระนครหลวงใจก็มีเหตุผลเป็นอันเดียวกัน เป็นการเข้าใจกันได้ง่ายๆ ไม่ลี้ลับเลยๆ เราไม่พอใจส่วนใด ท่านผู้อื่นก็ไม่พอใจส่วนนั้นๆ การพูดโกหกพกลมก็ไม่พอใจทั้งสองฝ่าย เสียประโยชน์ทั้งผู้พูดและผู้ฟัง เสียเวลาตลอดจนถึงขั้นสูงของอันตรายฉิบหาย กาเมกาโมก็โดยนัย เขาล่วงประเวณีเราในลูกเมียผัวหรือหลานเหลน เราก็เกิดโมโหไม่ชอบ "เขาก็เหมือนกัน" สุราเล่าแต่ไม่กินมันก็เมาอยู่แล้ว คือเมากิเลสไม่สร่าง ศีลห้าสี่ข้อข้างท้าย ถ้าลองระเบิดมากหนักเข้าหนักเข้า (ก็ตกลง"ฆ่า" มารวมอยู่ข้อต้นอีกละถูกมั้ย)
ถ้าชาวโลกพร้อมกันมีศีลห้าบริบูรณ์แล้ว ไม่ต้องมีตำรวจทหารและเวรยามให้ลำบาก กฎหมายของประเทศชาติตลอดกฎหมายโลกก็ไม่ต้องตั้งขึ้นมากหลายมาตราให้ท่องจำมาก เสียเวลา หลับนอนไปก็ไม่สะดุ้งผวาเพราะไม่มีเวรอยู่รอบด้าน จิตใจชาวโลกก็เบิกบานหรรษาหน้าตาผ่องใสผิวพรรณวรรณะผุดผ่อง หน้าก็ไม่นิ้วคิ้วก็ไม่ขมวด เป็นมนุษย์และเทวดาเต็มภูมิ เสียงระเบิดตูมๆตามๆก็ไม่มี มีแต่เสียงสวัสดีคุณปู่
คุณย่า คุณตาคุณยาย คุณพ่อคุณแม่ คุณลุงคุณป้า คุณน้าคุณอา คุณพี่คุณน้อง คุณลูกคุณหลานคุณเหลน คุณมิตรคุณสหาย คุณครูบาคุณอาจารย์คุณครูคุณพระ คุณพระมหากษัตริย์ คุณรัฐธรรมนูญ คุณพระพุทธคุณพระธรรมคุณพระสงฆ์ (ไม่มีเสียงเปรี้ยวเสียงเผ็ด) มีแต่เสียงสมานมิตรสมานฉันท์ อารมณ์อาหารของใจก็เบิกบานหรรษา ไฟโทสะก็บรรเทาหรือระงับ การตายโหงด้วยศาสตราวุธตามตรอกห้วยราวดอยดงดอนรั้วสวนไร่นาในบ้านในเมืองในกรุง และตามถนนหนทาง ฯลฯ ก็จะไม่มี จะสมฐานะว่าเป็นโลกมนุษย์เต็มภูมิ ส่วนสัตว์โลกเล่าก็จะเบาลงอีก เวรภัยนานาอเนกก็ลดน้อยลงมาก จะไม่มีเสียเลยก็ว่าได้ หนทางไปพระนิพพานก็โล่งโถงตรงไป สิ้นลมปราณวันใดก็จะทรงวิญญาณไปดีเพราะไม่ได้หอบเวรภัยไปด้วย ไปแบบเบาๆแบบเย็นๆไม่เข็ญใจ ประตูใจไปนรกและเปรตปิดดีแล้ว ไม่ได้สร้างขึ้นไว้ ก็มีคติเป็นสอง ไม่มนุษย์ก็สวรรค์เท่านั้นเองละ
เมื่อกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก ก็เป็นผู้รูปสวยตระกูลสูง อายุยืนทั้งมีทรัพย์ภายนอกและภายใน และไม่มีใครมาทำอันตรายต่อทรัพย์ศ๊ลสิน ไม่มีใครมาล่วงประเวณีและไม่มีใครมาโกหกพกลมต้มตุ๋น ไม่ได้เป็นคนบ้าใบ้เสียจริตผิดมนุษย์ เพราะไม่ได้ล่วงละเมิดศีลห้า เพราะศีลเป็นทรัพย์ถาวรมาก ผู้ไม่เชื่อศีลไม่เชื่อธรรม ก็คือผู้ไม่เชื่อตนในสิ่งที่ควรเชื่อนั่นเอง กรรมและผลของกรรมฝ่ายดำนำสนองจองอยู่ในอู่ของขุมมืดตื้อ เป็นของเหลือวิสัยที่พระอาจารย์จะเทศน์เอาได้ ก็ต้องปล่อยไว้ใช้อุเบกขา แต่ก็ชักจะเป็นอุเบกขวาง ของนักปราชญ์ทางพระพุทธศาสนาบ้าง แต่ผู้ใจสูงธรรมสูงมีวิธีหลีกได้ไม่เป็นไร มีหน้าที่ทำใจให้สูงกว่าผู้ที่ยังอินทรีย์อ่อนอยู่ ให้อภัยร่ำไปก็ได้ การให้อภัย ในใจและออกเสียงก็ดีมันก็เป็นธรรมะ อันไม่หมกเวรภัยไว้ในโลกอยู่แล้ว และก็เป็นพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลายอีกด้วย
ผู้เขียนลงเอยเห็นชัดไปเข้าข้างพระธรรมแท้ว่า ถ้าชาวโลกทุกถ้วนหน้าถึงพระพุทธเจ้าพระธรรมะเจ้าพระสงฆะเจ้า เป็นที่พึ่งที่ระลึกที่ปฏิบัติบูชา ผูกขาดจองขาดไม่เอาลัทธิอื่นมาปนเปสร้างปัญหา พร้อมทั้งทรงศีลห้าบริบูรณ์แล้ว โลกมนุษย์ทั้งโลก จะเป็นโลกุตตระโลก สงบเย็นปราศจากสรรพเวรสรรพภัยให้เห็นประจักษ์แก่ตานอกและตาใน จะพากันผินหน้าจิตใจพร้อมทั้งเจตนามุ่งหน้า สูงส่งตรงไปสู่ธรรมอันไม่ตายคือพระนิพพาน โดยมิได้มีพระอาจารย์ภายนอกมาชักจูงเลย เพราะอำนาจพระอาจารย์อันทรงอยู่มีอยู่ที่อู่ของขันธสันดาน ที่เรียกว่าสันทิฏฐิโกและปัจจัตตัง จะเป็นพลังธรรมะ
ทิพย์ ใจทิพย์ สติทิพย์ ปัญญาทิพย์ เกิดขึ้นไม่ต้องสงสัยสามัคคีกันไปในธรรม ไม่ตายแลฯ

ที่มา ธรรมะออนไลน์


บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป: