มารวมข้อมูล น้อยหน่า กันเถอะ
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่21"
เมษายน 29, 2024, 05:50:38 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: มารวมข้อมูล น้อยหน่า กันเถอะ  (อ่าน 23345 ครั้ง)
worathep-LSV team
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน712
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5066


รุ่งเรืองอิเล็กทรอนิกส์


อีเมล์
« เมื่อ: มกราคม 29, 2007, 12:36:43 PM »

               
         
น้อยหน่า
 
   
    สถานการณ์ทั่วไป
น้อยหน่าเป็นไม้ผลที่ปลูกง่าย ให้ผลดก ทนแล้ง เป็นที่นิยมบริโภคของคนทั่วไป ผลผลิตส่วนใหญ่ใช้บริโภคภายในประเทศ ผลผลิตบางส่วนส่งไปจำหน่ายประเทศใกล้เคียงเช่น มาเลเซีย ฮ่องกง สิงคโปร์
 
 
 
 
ลักษณะทั่วไปของพืช
น้อยหน่าเป็นไม้ผลกึ่งเมืองร้อน ทรงพุ่มขนาดกลาง ลำต้นมีความสูงประมาณ 2 - 5 เมตร สามารถเจริญเติบโตได้ในดินเกือบทุกประเภท แต่ต้องมีการระบายน้ำดี มีสภาพเป็นกรดเป็นด่างระหว่าง 5 - 7 น้อยหน่าเป็นพืชที่ชอบอากาศแล้ว ไม่ชอบที่ชื้นและน้ำขังแฉะเนื่องจากต้องมีระยะแล้งในเดือนธันวาคมถึงเดือนมกราคม เพื่อการทิ้งใบในการแตกใบใหม่และดอกน้อยหน่าอายุ 2 ปี จะเริ่มให้ผลและจะให้ผลดีอีก 2 - 3 ปี หลังจากนั้นต้นจะเริ่มโทรมต้องตัดแต่งและบำรุงต้น ปกติต้นน้อยหน่าจะมีอายุ 8 -10 ปี จะเริ่มโทรมให้ผลขนาดเล็กและรูปร่างไม่สวยงาม จึงต้องตัดทิ้งปลูกต้นใหม่แทน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลบำรุงต้นด้วย ระยะเวลาตั้งแต่ดอกบานถึงเก็บเกี่ยวผลประมาณ 4 เดือน ผลผลิตเฉลี่ยต่อต้นน้อยหน่าที่ให้ผลผลิตเต็มที่ประมาณ 30 - 50 กิโลกรัม น้ำหนักผลน้อยหน่าอยู่ระหว่าง 5 - 10 ผล/กิโลกรัม ฤดูกาล เก็บเกี่ยวผลผลิตระหว่างเดือนกรกฎาคม-เดือนกันยายน
 
 
 
 
พื้นที่ส่งเสริม
พื้นที่เหมาะสมเชิงธุรกิจและพื้นที่ปลูกที่สำคัญ จังหวัด นครราชสีมา ชัยภูมิ สระบุรี เพชรบูรณ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด
 
 
 
 
พันธุ์ที่ส่งเสริม
น้อยหน่าหนัง น้อยหน่าฝ้าย
 
 
 
 
การปลูก
วิธีการปลูก
1. ควรปลูกในช่วงฤดูฝน
2. ควรขุดหลุมปลูกให้มีขนาดกว้าง ยาวและลึกประมาณ 50 เซนติเมตร
3. ผสมดิน ปุ๋ยคอกจำนวน 5 กิโลกรัม และปุ๋ยร็อคฟอสเฟตจำนวน 5 กิโลกรัม ประมาณ 500 กรัม เข้าด้วยกันในหลุมสูงประมาณ 2 ใน 3 ของหลุม
4. ยกถุงกล้าต้นไม้วางในหลุม โดยให้ระดับของดินในถุงสูงกว่าระดับดินปากหลุมเล็กน้อย
5. ใช้มีดที่คมกรีดถุงจากก้นถุงขึ้นมาถึงปากถุงทั้ง 2 ด้าน (ซ้ายและขวา)
6. ดึงถุงพลาสติกออก โดยระวังอย่าให้ดินแตก
7. กลบดินที่เหลือลงในหลุม
8. กดดินบริเวณโดนต้นให้แน่น
9. ปักไม้หลักและผูกเชือกยึด เพื่อป้องกันลดพัดโยก
10. หาวัสดุคลุดดินบริเวณโคนต้น เช่น ฟางข้าว หญ้าแห้ง
11. รดน้ำให้ชุ่ม
12. ทำร่มเงา เพื่อช่วยพรางแสงแดด
ระยะปลูก
3 x 3 เมตร
จำนวนต้นต่อไร่
จำนวนต้นเฉลี่ย 150 ต้น/ไร่
 
 
 
 
การดูแลรักษา
การให้ปุ๋ย
1. ต้นที่ยังไม่ให้ผลผลิตใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 อัตรา 0.5 กิโลกรัม/ต้น/ปี แบ่งใส่ 2 - 3 ครั้ง
2. ต้นที่ให้ผลผลิตแล้ว แบ่งการใส่ปุ๋ยดังนี้
- บำรุงต้น ใช้ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15
- ระยะสร้างตาดอก ใช้ปุ๋ยเคมีสูตร 8-24-24
- บำรุงผล ใช้ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15
- ปรับปรุงคุณภาพ ใช้ปุ๋ยเคมีสูตร 13-13-21
ปริมาณปุ๋ยที่ใช้ขึ้นอยู่กับอายุของต้นและผลผลิตบนต้น ซึ่งอัตราที่ใช้อยู่ระหว่าง 2 - 4 กิโลกรัม/ต้น/ปี

การให้น้ำ
ในระยะปลูกใหม่ จำเป็นต้องให้น้ำสม่ำเสมอ จะช่วยให้น้อยหน่าเจริญเติบโตได้เร็ว จำนวนรอดตายสูง น้อยหน่าเริ่มติดผลได้ในปีที่ 2 การให้น้ำแก่ต้นน้อยหน่าสม่ำเสมอจะทำให้ขนาดของผลและคุณภาพผลดี

การปฏิบัติอื่น ๆ
น้อยหน่าที่ให้ผลในระยะ 2 - 3 ปีแรก ไม่จำเป็นต้องตัดแต่งกิ่ง เพราะยังให้ผลขนาดใหญ่อยู่จะต้องตัดแต่งบ้างก็เป็นกิ่งที่สูงเกินไป กิ่งฉีกหัก กิ่งแก่ กิ่งไม่สมบูรณ์ ส่วนการตัดแต่งกิ่งครั้งใหญ่ จะเริ่มตัดแต่งกิ่งเมื่อน้อยหน่าอายุประมาณ 4 - 8 ปี ซึ่งต้นจะเริ่มเสื่อมโทรม ผลเล็ก รูปร่างไม่ดี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ ความสมบูรณ์ของต้นและการบำรุงรักษาเป็นสำคัญ

การป้องกันกำจัดศัตรูพืช
1. ระยะแตกใบอ่อน ศัตรูพวกหนอนกินใบ ป้องกันโดยพ่นคาร์บาริล
2. ระยะออกดอก ศัตรูหนอนกัดกินดอกอ่อน ป้องกันโดยพ่นสารคาร์บาริล
3. ระยะติดผล โรคมั่นมี่ ป้องกันโดยพ่นสาร แคบแทน ไดเทนเอ็ม 45 โฟลิดอลและเพลี้ยแป้ง ป้องกันโดยพ่นสารคลอไพริฟอส ผสม ไซเปอร์เมทริน

การปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยว
1. ดัชนีการเก็บเกี่ยว ผลน้อยหน่าจะเก็บเกี่ยวได้ประมาณ 110 - 120 วัน จากดอกบานโดยสังเกตร่องตาน้อยหน่าเริ่มห่างและสีร่องตาเข้ม ผิวจะเปลี่ยนจากสีเขียวอมเหลือง สำหรับน้อยหน่า-หนัง สำหรับพันธุ์สีครั้งจะเปลี่ยนเป็นสีม่วง
2. การเก็บเกี่ยว โดยใช้มือปลิดผลติดขั้ว ถ้าอยู่สูงจะใช้ไม่ง่ามสอย ลงมาปลดผล ใส่ตะกร้า นำมาคัดขนาด และบรรจุผลใส่ภาชนะบรรจุ ซึ่งส่วนใหญ่ใช้ตะกร้าสานด้วยไม้ไผ่ โดยรองด้วยใบตอง
3. อายุการเก็บรักษา หลังจากขนส่งน้อยหน่าส่งตลาดผลผลิตจะเริ่มสุก ขึ้นอยู่กับความแก่ของผลผลิตที่เก็บเกี่ยวปกติอายุการวางขยายผลผลิต จะอยู่ระหว่าง 3 - 5 วัน
 
 
 
 
   
   
 
 
 
 
 


บันทึกการเข้า

รับซ่อม TV-computer                    มี TV มือสองขาย  
รับสอนซ่อม-ประกอบคอมพิวเตอร์      มีจอมอนิเตอร์มือสองขาย
ซ่อม อัพเกรด ประกอบคอมฯ             มีคอมพิวเตอร์มือสองขาย
รับติดตั้ง วางระบบแลน อินเตอร์เน็ต
ราคาคุยกันได้ โทร 02-6934724

ช่างเล็ก(LSV)
Administrator
member
*

คะแนน1346
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 18663


คิดดี ทำดี ชีวิตมีแต่สุข


อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2008, 09:34:25 AM »

น้อยหน่าเพชรปากช่อง ปลูกแล้วทำเงินได้



     หากพูดถึงน้อยหน่าที่กำลังมาแรง... แซงทางโค้งอยู่ในขณะนี้ เห็นจะไม่มีน้อยหน่าพันธุ์ใดเด่น และดังเกินน้อยหน่าพันธุ์เพชรปากช่อง ถึงแม้นว่าจะเป็นน้อยหน่าพันธุ์เก่า แต่ก็ยังเก๋า ให้ผลผลิตดีมีคุณภาพอยู่ และนอกจากมีน้ำหนักดีแล้ว เกษตรกรยังสามารถขายได้ในราคาสูง ไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 80 บาท ใช้ระยะเวลาปลูกสั้น แค่ปลูกเพียง 2 ปีแรกก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้ว ที่สำคัญแทบจะไม่มีปัญหาเรื่องโรคและแมลงศัตรูพืช และตลาดยังมีความต้องการน้อยหน่าพันธุ์นี้อีกมาก


     คุณเพ้ง เล่าว่า แต่เดิมคุณเพ้งมีอาชีพค้าขายผลไม้ในลักษณะซื้อมาขายไป และทำสวนปลูกต้นทับทิมอยู่บ้าง แต่มีรายได้ไม่ดี มีแต่ปัญหาขาดทุน เนื่องจากต้นทับทิมมีปัญหาเรื่องโรคและแมลงค่อนข้างมาก ทำให้มีต้นทุนการผลิตสูง คุณเพ้งจึงไปซื้อกิ่งพันธุ์น้อยหน่าพันธุ์เพชรปากช่องมาปลูกทดแทนต้นทับทิม โดยเริ่มทดลองปลูกในเบื้องต้นเพียงแค่ 200 ต้น โดยมีต้นทุนกิ่งพันธุ์อยู่ที่ต้นละ 200 บาท

     คุณเพ้ง ยอมรับในช่วงแรกก็ยังไม่แน่ใจว่า ต้นน้อยหน่าจะให้ผลผลิตมากน้อยเพียงใด แต่พอปลูกไปได้ประมาณ 2 ปี ก็ค่อยยิ้มออกหน่อย เพราะให้ผลผลิตในปริมาณมากเป็นที่น่าชื่นใจ เพราะสามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ คุ้มค่ากับต้นทุนกิ่งพันธุ์ที่ถือว่าแพงพอสมควรในช่วงนั้น

     สวนของคุณเพ้งเลือกซื้อกิ่งพันธุ์มาจากเพื่อนชาวสวนที่ปากช่อง ในราคาต้นละ 200 บาท นำมาทยอยปลูกลงจนเต็มพื้นที่ 10 ไร่ ซึ่งแต่เดิมเคยเป็นพื้นที่ปลูกต้นทับทิมมาก่อน หลังจากลงทุนปลูกน้อยหน่าพันธุ์เพชรปากช่องได้ระยะหนึ่ง ปรากฏว่าเจอปัญหากิ่งพันธุ์ขาดตลาด เมื่อมีการลงทุนปลูกเพิ่ม จึงต้องเพาะต้นพันธุ์เองโดยการเสียบยอด

     สำหรับวิธีการปลูกน้อยหน่าพันธุ์เพชรปากช่องก็ไม่ยุ่งยากอะไร เพียงแต่เลือกใช้กิ่งพันธุ์คุณภาพดี ที่มีความสูงประมาณ 40-50 เซนติเมตร และปลูกโดยใช้ระยะห่าง ประมาณ 20x20 เมตร ระดับความลึกประมาณ 1 คืบ ในแต่ละหลุมให้เติมปุ๋ยคอกรองใส่ก้นหลุมประมาณครึ่งปี๊บก่อน จึงนำกิ่งพันธุ์ลงปลูก หลังจากนั้นกลบดินให้แน่น

     สำหรับการให้น้ำในช่วงแรก ควรรอให้ต้นน้อยหน่าฟื้นตั้งต้นได้ดีก่อนสัก 3-4 วัน จึงค่อยให้น้ำอย่างเต็มที่ หากช่วงใดที่มีฝนตกมาก ก็งดให้น้ำไปเลย หลังจากนั้นสัก 2-3 อาทิตย์ จึงให้น้ำอย่างเต็มที่ หากคุณคิดจะทำสวนน้อยหน่าพันธุ์เพชรปากช่อง ควรเข้าใจธรรมชาติของไม้ผลชนิดนี้สักหน่อยว่า เป็นไม้ผลที่ชอบน้ำ แต่ไม่ควรให้น้ำมากจนดินแฉะจนเกินไป

     เมื่อปลูกได้ประมาณ 2 เดือน ให้ตัดแต่งกิ่งที่มีขนาดเล็กและกิ่งกระโดงออกให้หมด รวมทั้งตัดยอดด้วย ตัดแต่งต้นให้เป็นทรงพุ่ม อย่างไรก็ตาม คุณเพ้งแนะนำให้แบ่งระยะการใส่ปุ๋ยเป็น 3 ช่วง ทุกๆ 2-3 เดือน ระยะแรกให้เติมปุ๋ยสูตร 15-15-15 ก่อน ระยะที่ 2 ควรเติมปุ๋ยเคมีสูตร 13-13-21 พอถึงระยะที่ 3 ก็ให้เติมปุ๋ยสูตร 8-24-24 และเพื่อความสมบูรณ์ของต้นน้อยหน่า ควรเติมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยขี้ไก่อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

     และเพื่อให้มีผลผลิตที่ดีและมีคุณภาพ ควรเริ่มดูแลตัดแต่งสวนเมื่อต้นน้อยหน่ามีอายุ 18-24 เดือน โดยเลือกกิ่งที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ 0.5-1 เซนติเมตร เอาไว้ และควรคัดเลือกน้อยหน่าผลงามๆ ไว้สัก 30 ลูก ต่อต้น จากนั้นให้ตัดแต่งกิ่งจากกิ่งง่ามออก ประมาณ 20 เซนติเมตร ส่วนกิ่งฝอยและกิ่งกระโดงตัดออกให้หมดรวมทั้งใบด้วย ให้เหลือแต่ต้นตอ

     น้อยหน่าพันธุ์เพชรปากช่องจะแตกใบพร้อมดอก ในช่วง 30 วัน หลังจากนั้น อีกประมาณ 1 เดือน ก็จะเริ่มติดลูก ช่วงนี้แหละที่คุณเพ้งแนะนำให้ฉีดปุ๋ยน้ำหรือปุ๋ยเกล็ดก็ได้ เพื่อบำรุงดอกและผล หากตรวจสอบต้นน้อยหน่าว่ามีปัญหาโรคหรือแมลงก็ให้รีบฉีดยาป้องกันโรคเชื้อราไปพร้อมกัน

     การห่อผล สวนคุณเพ้งจะห่อผลในระยะที่ต้นน้อยหน่าเริ่มติดผลแล้ว 3 เดือน ซึ่งมีผลขนาดเท่ากำปั้น เพื่อป้องกันการเจาะของหนอนและแมลงวันทอง นอกจากนี้ ผลดีของการห่อผลก็คือ จะช่วยทำให้ผลของน้อยหน่ามีขนาดใหญ่ขึ้น 20-30 เปอร์เซ็นต์ และทำให้ผลน้อยหน่ามีสีสวย ซึ่งจะเป็นสีออกเหลืองอมชมพู หลังจากนั้นเมื่อผลน้อยหน่ามีอายุ 150 วัน ก็ถือว่าผลแก่พอที่จะเก็บเกี่ยวได้เลย

     การเก็บเกี่ยวผลผลิตน้อยหน่าของสวนคุณเพ้งจะเริ่มเก็บตั้งแต่เวลา 07.00-11.00 น. โดยใช้แรงงาน 3 คน ซึ่งมีอัตราค่าจ้างงาน ตกประมาณวันละ 120-150 บาท จะเก็บน้อยหน่าได้ประมาณ 500-600 กิโลกรัม ต่อวัน ทั้งนี้ที่สวนของคุณเพ้งจะเก็บผลน้อยหน่าที่ห่อผลทั้งถุง เพื่อป้องกันความเสียหายที่เกิดกับผลน้อยหน่าให้น้อยที่สุด ที่ผ่านมาคุณเพ้งจะเก็บผลน้อยหน่าตามคำสั่งซื้อของแม่ค้าเท่านั้น เนื่องจากน้อยหน่าผลแก่ เมื่อตัดจากต้นแล้วจะสามารถเก็บเพื่อรอขายได้นานนับ 10 วัน

     สำหรับผลน้อยหน่าที่เก็บเกี่ยวเสร็จแล้ว จะมีแม่ค้ามารับซื้อถึงสวนเพื่อนำไปขายที่ปากคลองตลาด และบางส่วนก็ส่งขายตามห้างสรรพสินค้าในกรุงเทพฯ โดยตั้งราคาขายส่งอยู่ที่ 70-80 บาท ต่อกิโลกรัม เมื่อถึงตลาดแม่ค้าจะตั้งราคาขายปลีกอยู่ที่ 120-150 บาท ต่อกิโลกรัม น้อยหน่าพันธุ์เพชรปากช่องจะขายได้ราคาดี อยู่ในช่วงประมาณเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ของทุกปี เนื่องจากเป็นระยะเวลาที่มีไม้ผลคู่แข่งออกสู่ตลาดค่อนข้างน้อย ทำให้แม่ค้าสามารถตั้งราคาขายน้อยหน่าได้สูงกว่าช่วงอื่นๆ ของปี

      น้อยหน่าพันธุ์เพชรปากช่องมีจุดเด่นที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งก็คือ เมื่อปลูกไปนานปีก็จะยิ่งให้ผลผลิตที่เพิ่มพูนมากขึ้น คุณเพ้งเล่าว่า การปลูกน้อยหน่าพันธุ์เพชรปากช่องในปีแรกจะให้ผลผลิตไม่เกิน 3 ลูก ต่อต้น ปีที่ 2 ก็จะให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 10-15 ลูก ต่อต้น ปีที่ 3 ก็ยิ่งจะให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 20-30 ลูก ต่อต้น จุดเด่นของน้อยหน่าพันธุ์นี้จะมีปริมาณน้ำหนักต่อผลสูงถึง 1-2 กิโลกรัม ทีเดียว เรียกว่าปลูกครั้งเดียวสามารถที่จะเก็บผลผลิตได้นานนับ 10 ปี หากรู้จักที่จะดูแลให้ดีๆ ผลผลิตก็ย่อมออกมาดีนั่นเอง

     คุณเพ้ง ยังบอกอีกว่า การปลูกน้อยหน่าพันธุ์เพชรปากช่อง ยังมีช่องทางรวยอีกมาก หากสามารถเปิดตลาดส่งออกได้ในอนาคต โดยเฉพาะประเทศจีนที่มีประชากรจำนวนมาก ที่สำคัญคือ ต้องพัฒนาผลผลิตให้มีคุณภาพดีตรงตามความต้องการของตลาดผู้ซื้อต่างประเทศ สำหรับสวนของคุณเพ้งก็มีแผนที่จะรุกเข้าสู่ตลาดส่งออกด้วยเช่นกัน จึงเตรียมผลิตน้อยหน่าพันธุ์เพชรปากช่องปลอดสารพิษออกมาจำหน่ายในอนาคต โดยเลือกใช้ปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพเข้ามาช่วยเพิ่มพูนผลผลิตและกำจัดแมลงศัตรูแทนการใช้สารเคมี

     หากเพื่อนเกษตรกรรายใดกำลังมองหาไม้ผลคุณภาพดี ที่สามารถจะทำเงินและสร้างผลกำไรที่ดีในอนาคต ก็ขอให้เริ่มต้นศึกษาเทคนิคการปลูกและแนวโน้มตลาดของไม้ผลชนิดนั้นให้ดี และรอบคอบก่อนตัดสินใจปลูก ที่สำคัญต้องหาตลาดให้ได้ก่อน หากสนใจอยากปลูกน้อยหน่าพันธุ์เพชรปากช่อง ก็ลองติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณเพ้ง ซึ่งทางสวนของคุณเพ้งก็มีกิ่งพันธุ์คุณภาพดีไว้คอยจำหน่ายให้แก่ผู้ที่สนใจในราคาที่ย่อมเยาอีกด้วย
------------------------------
นำการปลูกน้อยหน่าเพชรปากช่องเชิงพาณิชย์

บันทึกไว้เป็นเกียรติ

ทวีศักดิ์ ชัยเรืองยศ

ผจญศักดิ์ เจริญวรรณยิ่ง กับผู้นำการปลูกน้อยหน่าเพชรปากช่องเชิงพาณิชย์ ตอนที่ 1 ความน่าปลูกของน้อยหน่าเพชรปากช่อง

แหล่งผลิตน้อยหน่าที่มีคุณภาพดีและมีพื้นที่การปลูกมากที่สุดในประเทศไทย อยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา โดยเฉพาะในเขตพื้นที่อำเภอปากช่อง จะมีพื้นที่ปลูกมากที่สุด นักวิชาการเกษตรบอกว่า สภาพดินแดงหรือดินชุดปากช่องนั้นมีความเหมาะสมต่อการปลูกน้อยหน่ามากที่สุด ในอดีตคนไทยมักจะคุ้นเคยกับการบริโภค "น้อยหน่าฝ้าย" (น้อยหน่าเนื้อ) เวลาต่อมามีการขยายพื้นที่การปลูก "น้อยหน่าหนัง" ทดแทนน้อยหน่าฝ้าย เนื่องจากตลาดมีความนิยมมากกว่า จากการสอบถามเกษตรกรผู้ปลูกน้อยหน่าหนังหลายรายในเขตพื้นที่อำเภอปากช่องทราบว่า น้อยหน่าหนังทำรายได้ดีกว่าการปลูกมะม่วง เพราะมีช่วงระยะเวลาในการเก็บเกี่ยวผลผลิตยาวนานกว่าคือ เก็บผลผลิตได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายน-ธันวาคม

มาถึง ณ ปัจจุบันนี้ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับการปลูกน้อยหน่าเชิงพาณิชย์ในบ้านเรา หลังจากที่มีการผสมพันธุ์น้อยหน่าและเกิดน้อยหน่าสายพันธุ์ใหม่ที่มีชื่อว่า "เพชรปากช่อง" ซึ่งเป็นผลงานวิจัยของสถานีวิจัยปากช่อง สถาบันอินทรีย์จันทรสถิตย์เพื่อการค้นคว้าและพัฒนาพืชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

จากแปลงทดลองปลูกของสถานีวิจัยปากช่องเผยแพร่มาสู่เกษตรกร น้อยหน่าเพชรปากช่องได้พิสูจน์ให้เห็นว่า เป็นน้อยหน่าลูกผสมที่ให้ผลผลิตดกมาก มีลักษณะของผลขนาดใหญ่ มีเนื้อมาก เมล็ดเล็กและรสชาติหวานจัด ที่สำคัญราคาขายผลผลิตจากสวนเกรด เอ ที่มีน้ำหนักผลประมาณ 1 กิโลกรัมขึ้นไป ขายได้กิโลกรัมละ 100 บาท โดยเฉพาะผลผลิตที่มาจาก "กลุ่มผู้ปลูกน้อยหน่าเพชรปากช่อง" โดยมี คุณผจญศักดิ์ เจริญวรรณยิ่ง อยู่บ้านเลขที่ 125 หมู่ 2 ตำบลหนองย่างเสือ อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี 18180 โทร. (089) 536-5285 เป็นประธานกลุ่ม

เดิมที คุณผจญศักดิ์ เป็นคนอำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ หลังจากเรียนจบจากคณะเทคโนโลยีการเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ไปทำงานกับบริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ระยะเวลาหนึ่ง ในปี พ.ศ. 2542 จึงได้ตัดสินใจลาออกเพื่อกลับไปพัฒนาสวนผลไม้ ประมาณ 40 ไร่ ของครอบครัวที่ได้ซื้อไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2531 ที่อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ปลูก 30 ไร่ ยังเหลือพื้นที่ว่างอีกประมาณ 10 ไร่ ยังไม่ได้ปลูกอะไร ในช่วงเวลานั้นทางสถานีวิจัยปากช่อง ได้เปิดอบรมการปลูกน้อยหน่าเพชรปากช่องจึงเข้าร่วมอบรมและตัดสินใจซื้อต้นน้อยหน่าเพชรปากช่อง จำนวน 10 ต้น (ราคาต้นละ 200 บาท) มาทดลองปลูกเพื่อจะขยายพันธุ์ปลูกต่อไปถ้าพิสูจน์ได้ว่าดีจริง



ปลูกน้อยหน่าเพชรปากช่อง จำนวน 600 ต้น ในปี พ.ศ. 2543

คุณผจญศักดิ์ ได้ปลูกต้นตอน้อยหน่าพื้นเมืองลงในแปลงก่อน แล้วเปลี่ยนยอดในเวลาต่อมา โดยวิธีเสียบข้างทยอย ทำจนครบจำนวน 600 ต้น มาถึงปี พ.ศ. 2545 น้อยหน่าที่ปลูกไปให้ผลผลิตตรงตามที่ได้ไปอบรมมา และเห็นว่าดีจริงจึงตัดสินใจขยายพื้นที่ปลูกโดยปลูกแซมในแปลงปลูกมะม่วง เมื่อต้นน้อยหน่าโตเริ่มให้ผลผลิต ได้โค่นต้นมะม่วงออกทั้งหมด ปัจจุบันคุณผจญศักดิ์มีพื้นที่ปลูกน้อยหน่าเพชรปากช่อง 40 ไร่ และมีผลผลิตส่งขายซุปเปอร์มาร์เก็ต ห้างสรรพสินค้าชั้นนำในกรุงเทพมหานคร



ก่อนปลูกน้อยหน่าเพชรปากช่องจะต้องมีการเตรียมตัวอย่างไร

คุณผจญศักดิ์ได้บอกถึงเกษตรกรที่จะตัดสินใจปลูกน้อยหน่าเพชรปากช่องควรจะต้องเตรียมตัวดังนี้

หนึ่ง สภาพพื้นที่จะปลูกน้อยหน่าพันธุ์นี้จะต้องเป็นสภาพดอน ไม่มีน้ำท่วมขัง สำหรับสภาพดินจะปลูกได้ในดินแทบทุกชนิด แต่ที่เหมาะสมที่สุดคือ ดินร่วนปนทราย

สอง จะต้องมีความรู้คือ มีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการปลูกน้อยหน่า จะศึกษาจากเกษตรกรที่เคยปลูกน้อยหน่าพันธุ์นี้มาก่อนหรือหาความรู้จากสถานีวิจัยปากช่อง

สาม จะต้องมีแหล่งน้ำ จะทำให้เกษตรกรผลิตน้อยหน่าเพชรปากช่องขายได้ตลอดทั้งปี



ภาพรวมของการปลูกน้อยหน่าเพชรปากช่อง

น้อยหน่าเป็นพืชที่ชอบสภาพอากาศร้อนแห้ง ไม่ชอบอากาศหนาวจัดหรือมีฝนตกชุกเกินไป ต้นน้อยหน่าต้องการสภาพความแห้งแล้งระยะเวลาหนึ่ง เพื่อการสะสมอาหารและทิ้งใบ เมื่อทิ้งใบแล้วจะแตกกิ่งใหม่พร้อมกับดอกตามมา ในธรรมชาติใบน้อยหน่าจะเริ่มร่วงตั้งแต่เดือนธันวาคม-มกราคม แตกกิ่งใหม่พร้อมดอกในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ หลุมที่ใช้ปลูกควรขุดให้มีความกว้าง ยาว และลึก 40 เซนติเมตร หลังจากขุดหลุมเสร็จ ให้นำปุ๋ยคอกเก่าใส่ลงไปหลุมละครึ่งปุ้งกี๋ เอาดินที่ขุดขึ้นมาลงไปคลุกเคล้ากับปุ๋ยคอกเก่า หลังจากนั้นให้ปลูกต้นน้อยหน่าเพชรปากช่องลงไป คุณผจญศักดิ์แนะนำระยะปลูกที่เหมาะสมที่สุดคือ 4x4 เมตร พื้นที่ 1 ไร่ ปลูกได้ 100 ต้น



เทคนิคในการตัดแต่งทรงต้นน้อยหน่าในช่วง 1 ปีแรก

คุณผจญศักดิ์ได้บอกว่า มีเกษตรกรหลายรายที่ปลูกน้อยหน่าเพชรปากช่องไปแล้วล้มเหลวไม่ได้ผลผลิตอย่างที่คิด เนื่องจากขาดความรู้ในการตัดแต่งทรงต้น ที่จะเริ่มทำตั้งแต่ปลูกน้อยหน่าไปได้ 3 เดือน จะต้องตัดยอดให้ต้นมีความสูงจากพื้นดินประมาณ 30 เซนติเมตร เมื่อตัดเสร็จต้นน้อยหน่าจะมีการแตกตาข้างออกมามากมาย ให้เกษตรกรคัดเลือกเฉพาะกิ่งที่สมบูรณ์และไม่ชิดกันไว้ประมาณ 2-3 กิ่งก็พอ ที่เหลือตัดทิ้งให้หมด

เลี้ยงกิ่งที่เหลือไปนานประมาณ 3 เดือน ให้ตัดยอดแบบเดิมอีกโดยให้มีความยาวจากรอยตัดครั้งแรกประมาณ 1 คืบ จาก 2-3 กิ่ง ที่เหลือก็จะแตกตาข้างออกมามาก ให้ตัดออกเหลือไว้กิ่งละ 2-3 กิ่งที่สมบูรณ์ เมื่อต้นน้อยหน่า 1 ต้น อายุ 6 เดือน หลังจากตัดแต่งทรงต้นแล้วจะได้จำนวนกิ่ง 6-9 กิ่ง คุณผจญศักดิ์บอกว่า เมื่อต้นน้อยหน่ามีอายุครบ 1 ปี ให้มีการตัดแต่งกิ่งเหมือนอย่างเดิมจะได้กิ่งใหม่ทั้งหมด 27 กิ่ง



การดูแลรักษาต้นน้อยหน่าเพชรปากช่องในระยะ 1 ปีแรก

คุณผจญศักดิ์บอกว่า การให้น้ำกับต้นน้อยหน่าในระยะเริ่มปลูกจนถึง 1 ปี จะต้องการน้ำอย่างสม่ำเสมอจะทำให้ต้นเจริญเติบโตเร็ว รากจะมีการแผ่กระจายอย่างรวดเร็วและสม่ำเสมอ พบเปอร์เซ็นต์การรอดตายสูงมาก ระบบการให้น้ำจะใช้ระบบมินิสปริงเกลอร์หรือใช้หัวผีเสื้อก็ได้ ในขณะที่การให้ปุ๋ยจะเน้นในเรื่องของปุ๋ยคอกเก่าหรือปุ๋ยหมัก เนื่องจากน้อยหน่าเพชรปากช่องชอบสภาพดินที่มีอินทรียวัตถุสูง ในแปลงปลูกน้อยหน่าของคุณผจญศักดิ์หลังจากปลูกน้อยหน่าเพชรปากช่องไปได้ 2-3 เดือน จะใส่ปุ๋ยคอกต้นละประมาณ 1 ปุ้งกี๋ หรือประมาณ 10 กิโลกรัม ส่วนปุ๋ยเคมีจะใช้สูตรเสมอ 16-16-16 ใส่ให้ต้นละ 1-2 ช้อนแกงเท่านั้น



เทคนิคการผลิตน้อยหน่าเพชรปากช่อง 2 รุ่น ต่อปี

คุณผจญศักดิ์บอกว่า ต้นน้อยหน่าเพชรปากช่องเมื่อมีอายุครบ 2 ปี จะตัดแต่งเพื่อผลิตน้อยหน่าได้ปีละ 2 รุ่น คือ

รุ่นแรก ตัดแต่งกิ่งในช่วงเดือนธันวาคมซึ่งเป็นช่วงฤดูหนาว ซึ่งปกติช่วงนี้ต้นน้อยหน่าจะเริ่มผลัดใบ เทคนิคสำคัญคือ จะต้องตัดแต่งให้ห่างจากรอยแผลเดิมประมาณ 1 คืบ ถ้าผลิตน้อยหน่าในช่วงนี้จะต้องตัดหมดทุกกิ่ง

ตัวอย่าง ถ้าตัดแต่งกิ่งใน วันที่ 1 ธันวาคม ตัดแต่งเสร็จให้ใส่ปุ๋ยเคมีสูตรเสมอ เช่น 16-16-16 อัตราต้นละครึ่งกิโลกรัม (ถ้าต้นน้อยหน่ามีอายุประมาณ 5 ปี ใส่ต้นละ 1 กิโลกรัม) หลังจากตัดแต่งเสร็จให้ฉีดพ่นสารป้องกันกำจัดเชื้อราในกลุ่มสารคาร์เบนดาซิมอย่างน้อย 1 ครั้ง เพื่อเป็นการล้างโรค หลังจากตัดแต่งกิ่งไปได้ 1 เดือน ต้นน้อยหน่าจะเริ่มแตกใบอ่อนพร้อมดอก หลังจากนั้นอีก 1 เดือน ดอกน้อยหน่าจะเริ่มบานช่วงนี้จะต้องระวัง "ด้วงกินดอก" ซึ่งจะเข้ากัดกินเกสรตัวผู้และยอดเกสรตัวเมีย จึงมีคำแนะนำให้ฉีดพ่นสารเซฟวิน-85 ก่อนที่ดอกจะบาน 3-4 วัน

เมื่อมีการติดผลขนาดเท่ากับเมล็ดถั่วแดงหรือประมาณ 1 เดือน จากดอกบาน จะต้องมีการตัดแต่งผล โดยตัดผลที่ไม่สมบูรณ์หรือผลที่เบียดชิดกัน เหลือไว้แต่ผลและทรงสวยกิ่งละประมาณ 2-3 ผลก็พอ หลังจากที่ตัดแต่งผลเสร็จจะต้องใส่ปุ๋ยเคมีที่มีไนโตรเจนและโพแทสเซียมสูง เช่น สูตร 20-7-18 เพื่อเร่งการเจริญเติบโตของผล ตัดกิ่งย่อยและกิ่งเล็กๆ ออกเพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวกและยังช่วยป้องกันการขีดข่วนผล

รุ่นสอง หลังจากที่เก็บเกี่ยวผลผลิตรุ่นแรกเสร็จ ก่อนที่จะผลิตน้อยหน่าเพชรปากช่องในรุ่นที่ 2 จะต้องมีการบำรุงต้นใหม่อีกครั้ง โดยใส่ปุ๋ยคอกเฉลี่ยต้นละ 1-2 ปุ้งกี๋ หลังจากนั้นให้ตัดแต่งกิ่ง แต่ในการตัดแต่งกิ่งรุ่นนี้จะมีความแตกต่างจากการตัดแต่งในการผลิตรุ่นแรกซึ่งเป็นช่วงฤดูหนาว จะตัดแต่งกิ่งทั้งหมดไม่เหลือใบเลย แต่การตัดแต่งในครั้งนี้จะตัดออกประมาณ 60-70% จะเหลือกิ่งหลักๆ ไว้ช่วยสร้างอาหารเพื่อบำรุงต้น

ในการตัดแต่งกิ่งรุ่นที่ 2 นี้ เกษตรกรจะตัดแต่งในช่วงเดือนไหนก็ได้ ให้นับเอาว่าต้องการจะเก็บผลผลิตขายในช่วงเวลาใดก็ให้นับถอยหลังไป 5 เดือน ยกตัวอย่างว่า จะเก็บผลผลิตน้อยหน่าเพชรปากช่องขายในช่วงประมาณเดือนพฤศจิกายน ให้ไปตัดแต่งกิ่งในช่วงเดือนกรกฎาคม (ไม่ควรตัดแต่งกิ่งในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ตาที่แตกมาใหม่จะไม่ค่อยดี เมื่อแตกใบอ่อนแล้วเจอสภาพอากาศหนาว ตาจะไม่ค่อยพัฒนา ผลที่ติดในช่วงนี้ไม่ค่อยโตหรือออกดอกแต่มีการติดผลน้อย)



การเก็บเกี่ยวผลผลิตและการห่อผล

คุณผจญศักดิ์แนะนำวิธีการเก็บเกี่ยวผลผลิตน้อยหน่าเพชรปากช่องแบบง่ายๆ คือ นับระยะเวลาของการติดผลประมาณ 4-5 เดือน หลังจากวันที่ตัดแต่งกิ่งหรือดูจาก "ร่องตา" ส่วนใหญ่เกษตรกรที่ปลูกน้อยหน่าเพชรปากช่องอยู่แล้วจะมีความชำนาญในการสังเกตจากร่องตา จะต้องมีสีขาวจากก้นไปจนถึงขั้วผล ถ้าเก็บเกี่ยวในระยะนี้ถือว่าน้อยหน่าแก่จัด หลังจากตัดไปแล้ว 4-5 วัน ผลจะสุก ถ้าร่องตายังไม่ขาวจากก้นไปถึงขั้วผลถือว่าน้อยหน่ายังไม่แก่จัด ถ้าเก็บเกี่ยวไปเมื่อผลสุกเนื้อจะไม่ฟู รสชาติจะติดเปรี้ยว คุณผจญศักดิ์ย้ำว่า น้อยหน่าพันธุ์เพชรปากช่องถ้าจะให้หวานและเนื้อฟูจะต้องเก็บที่ความแก่อย่างน้อย 90%

คุณผจญศักดิ์จะห่อผลเมื่อผลน้อยหน่ามีอายุประมาณ 3 เดือน โดยนับจากเริ่มมีขนาดผลเท่ากับเมล็ดถั่วแดงเพื่อป้องกันการวางไข่ของแมลงวันทองและยังช่วยให้ผลน้อยหน่าที่ห่อมีผิวสวย วัสดุที่ใช้ห่อผลนั้นคุณผจญศักดิ์จะใช้ถุงรีเมย์ เนื่องจากมีคุณสมบัติถ่ายเทอากาศได้ดี ใช้ห่อได้หลายครั้งถึงแม้ว่าจะมีราคาแพงกว่าถุงพลาสติคหรือถุงกระดาษ คุณผจญศักดิ์เคยใช้ถุงพลาสติคห่อ เกิดปัญหาเรื่องราดำทำลายผลมาก ทำให้ผิวเสียขายไม่ได้ราคา เนื่องจากน้อยหน่าเพชรปากช่องมีขนาดของผลใหญ่มาก ก่อนเก็บเกี่ยวจะต้องใส่ปุ๋ยเพิ่มความหวาน ใช้ปุ๋ยเคมีสูตรที่มีโพแทสเซียมสูง เช่น 13-13-21, 18-7-20 ฯลฯ



*คู่มือ "การปลูกน้อยหน่าเพชรปากช่องขายกิโลกรัมละ 100 บาท" พิมพ์ 4 สี มีแจกฟรี เกษตรกรและผู้สนใจเขียนจดหมายและสอดแสตมป์จำนวน 20 บาท ส่งมาขอได้ที่ ชมรมเผยแพร่ความรู้ทางการเกษตร เลขที่ 2/200 ถนนศรีมาลา ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร 66000 โทร. (056) 613-021, (056) 650-145 และ (081) 886-7398
บันทึกการเข้า
ช่างเล็ก(LSV)
Administrator
member
*

คะแนน1346
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 18663


คิดดี ทำดี ชีวิตมีแต่สุข


อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2008, 09:35:31 AM »

‘น้อยหน่ายักษ์’ หนองไม้แก่น ลูกใหญ่ขายดี กิโลละ 60


มีโอกาสร่วมเดินทางไปกับ ชมรมแม่บ้านเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อศึกษาดูงานด้านการพัฒนาการเกษตรในเขตปฏิรูปที่ดิน 3 จังหวัด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา นครราชสีมา และสระบุรี ภายใต้ชื่อ “Land Reform Trip” ซึ่งมีสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เป็นแม่งาน บังเอิญสายตาได้สะดุดเข้ากับ “น้อยหน่ายักษ์” ที่เกษตรกร ต.หนองไม้แก่น อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา นำมาอวดโฉม ขนาดผลโตกว่าศีรษะของทารกแรกเกิด ทำให้ผู้พบเห็นอดที่จะสัมผัสไม่ได้ น้อยหน่ายักษ์ที่ว่านี้ เป็นผลผลิตจาก แปลงสาธิตศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชน ต.หนองไม้แก่น เจ้าของแปลง คือ นายรินทร์ ธัญญกิจ อายุ 55 ปี เป็นเกษตรกรอีกหนึ่งรายที่ประสบความสำเร็จด้านการปลูกไม้ผล ร่วมกับการปลูกหญ้าแฝกเพื่อรักษาหน้าดิน

นายรินทร์เล่าให้ฟังว่า ส.ป.ก.ได้จัดที่ดินให้เข้าทำประโยชน์ด้านการเกษตร จำนวน 51 ไร่ ซึ่งก่อนหน้านี้ใช้พื้นที่ปลูกขนุนป้อนตลาด แต่ประสบปัญหาผลผลิตราคาตกต่ำ จึงปรับตัวเข้าสู่ระบบไร่นาสวนผสม มีการปลูกไม้ผล อาทิ ลำไย น้อยหน่า มะละกอ แก้วมังกร มะนาว ขณะเดียวกันยังปลูกสวนป่าเศรษฐกิจ ได้แก่ อินทนิล ประดู่ป่า ตะเคียนทอง มะค่าโมง มะค่าแต้ ตะขบ และหว้า รวม 5 ไร่ ทำบ่อเลี้ยงปลา 5 ไร่ นอกจากนั้นยังมีการปลูกหญ้าแฝกแซมในแปลงไม้ผล และมีการผลิตปุ๋ยชีวภาพใช้เองด้วย

น้อยหน่า พันธุ์เพชรปากช่อง เป็นไม้ผลที่ทำรายได้ให้ครอบครัวมากชนิดหนึ่ง ซึ่งแรกเริ่มซื้อต้นกล้ามาปลูก 3 ต้น ๆ ละ 150 บาท แล้วขยายพันธุ์เพิ่มเติมด้วยตัวเอง โดยการติดตาน้อยหน่าเพชรปากช่องที่ต้นตอน้อยหน่าพันธุ์พื้นเมือง ขณะนี้มีพื้นที่ปลูกประมาณ 10 ไร่ จำนวนกว่า 1,000 ต้น (ไร่ละ 100 ต้น) ซึ่งการขยายพันธุ์โดยวิธีติดตา นอกจากจะช่วยประหยัดต้นทุนค่าพันธุ์แล้ว ต้นตอพันธุ์พื้นเมืองยังหาอาหารเก่ง และทนทานต่อโรคด้วย

การปลูกน้อยหน่าเพชรปากช่องให้ได้ขนาดผลใหญ่และมีน้ำหนักมาก จะเน้นควบคุมจำนวนผลไม่ให้เกิน 30 ผล/ต้น คัดเลือกเฉพาะผลที่สมบูรณ์เอาไว้ จากนั้นต้องคอยดูแลบำรุงรักษาต้นโดยการใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก พร้อมบำรุงใบด้วยฮอร์โมนที่หมักจากผลไม้สุก เช่น ผลมะม่วงหิมพานต์ ขณะเดียวกันยังต้องกำจัดวัชพืชและแมลงศัตรูพืชในสวน เช่น เพลี้ยแป้ง นับเป็นปัญหาสำคัญ แต่สามารถป้องกันและแก้ไขได้โดยใช้ สมุนไพรไล่แมลง ที่ผลิตขึ้นเองฉีดพ่นเป็นประจำ

สมุนไพรไล่แมลงมีหลายสูตร อาทิ สูตรเผ็ดร้อน จะมีส่วนผสมของพริก กระเทียม สูตรเบื่อเมามีส่วนผสมของกลอย หางไหล ใบยาสูบ และเม็ดสะเดา ซึ่งแต่ละสูตรจะใช้ส่วนผสมหมักกับกากน้ำตาล น้ำ และสารเร่ง พ.ด.7 ของกรมพัฒนาที่ดิน หมักทิ้งไว้นานประมาณ 1 เดือน ก็สามารถนำมาใช้งานได้ผลดี ส่วนปัญหาแมลงวันผลไม้ป้องกันได้โดยใช้วิธีห่อผลด้วยถุงพลาสติกใส

นายรินทร์บอกด้วยว่า สวนมีเทคนิคในการบังคับต้นน้อยหน่าให้ทยอยออกดอกและติดผลเป็นรุ่น ๆ เพื่อให้มีผลผลิตออกสู่ตลาดต่อเนื่องตลอดทั้งปี ด้วยการตัดแต่งกิ่งแล้วรูดใบทิ้ง เมื่อน้อยหน่าแตกใบใหม่จะออกดอกมาด้วย และติดผลง่ายขึ้น น้อยหน่าที่ผลิตได้มีน้ำหนักไม่น้อยกว่า 0.5 กิโลกรัม/ผล หรือไม่ต่ำกว่า 1.5 ตัน/ไร่ ซึ่งทั้งหมดเป็นสินค้าปลอดสารพิษ นำไปจำหน่ายให้ลูกค้าในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา และชลบุรี ราคากิโลกรัมละ 60 บาท ตลาดให้การตอบรับดี ทำให้ครอบครัวมีรายได้จากการขายน้อยหน่าเพชรปากช่องไม่ต่ำกว่า 90,000 บาท/ไร่ หรือประมาณ 900,000 บาท/ปี ขณะที่มีต้นทุนประมาณ 2,000-2,500 บาท/ไร่เท่านั้น เนื่องจากผลิตแบบไม่ใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมีเลย

“อนาคตจะไม่ขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มอีกแต่จะเน้นพัฒนาคุณภาพผลผลิตให้ดีขึ้น และยังจะจัดตั้งศูนย์เรียนรู้เกษตรอินทรีย์ เพื่อขยายผลองค์ความรู้ไปสู่เกษตรกรในพื้นที่และผู้สนใจทั่วไป ซึ่งการทำเกษตรต้องปลูกป่าด้วย เพราะป่าจะสร้างสมดุลในพื้นที่ และจะทำให้ผืนดินมีความชุ่มชื้น อย่าไปทำลายระบบสมดุลเพราะจะเสียมากกว่าได้ ปล่อยให้ธรรมชาติดูแลกันเองดีกว่า” นายรินทร์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม หากสนใจที่จะศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับเทคนิคการปลูกไม้ผลให้ประสบความสำเร็จ สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 46 หมู่ 7 ต.หนองไม้แก่น อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา โทร. 08-6157-5473
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=hoonvi&date=09-11-2007&group=8&gblog=64
บันทึกการเข้า
ช่างเล็ก(LSV)
Administrator
member
*

คะแนน1346
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 18663


คิดดี ทำดี ชีวิตมีแต่สุข


อีเมล์
« ตอบ #3 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2008, 09:38:56 AM »

เทคนิคการปลูกน้อยหน่าให้ติดผลได้ทั้งในฤดูและนอกฤดู

เทคนิคการปลูกน้อยหน่าให้ติดผลได้ทั้งในฤดูและนอกฤดูช่วยให้เกษตรกรได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น


ปกติแล้วในแต่ละปี   น้อยหน่าจะให้ผลผลิตในช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนตุลาคม   แต่หากเกษตรกรสามารถบังคับให้น้อยหน่า
แตกกิ่งใหม่  และมีปริมาณน้ำเพียงพอ ก็สามารถผลิตน้อยหน่าออกนอกฤดูในช่วงที่ต้องการได้


นายประหยัด  และนางวิภา  คธาพิทักษ์  เกษตรกรหมู่ที่ 2 ตำบลปากช่อง  อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ปลูกน้อยหน่าพันธุ์
เพชรปากช่องจากการเสียบยอดบนต้นตอพันธุ์พื้นเมือง  นอกจากจะผลิตน้อยหน่าจำหน่ายตามฤดูปกติแล้ว ยังสามารถบังคับให้
ออกผลผลิตในช่วงปีใหม่ เพื่อจำหน่ายแก่นักท่องเที่ยวได้อีกด้วย ทางสำนักงานเกษตรอำเภอปากช่อง ได้จัดให้เป็นแหล่งศึกษา
ดูงานของเกษตรกรรายอื่นในอำเภอ


สิ่งสำคัญที่ช่วยให้เกษตรกรผลิตน้อยหน่านอกฤดูได้ คือ การจัดทำระบบน้ำโดยใช้ท่อพีอี  และหัวพ่นขนาดเล็กสำหรับให้น้ำแก่
น้อยหน่าทุกต้น โดยมีบ่อน้ำสำรองไว้ใช้ตลอดฤดูแล้ง


การผลิตน้อยหน่าตามปกติจะตัดแต่งกิ่งในเดือนธันวาคม ถึงกุมภาพันธ์ทำให้น้อยหน่ามีผลผลิตออกสู่ตลาดในช่วงฤดูฝน แต่เทคนิค
ในการผลิตน้อยหน่านอกฤดู เกษตรกรจะนับถอยหลังจากเดือนที่ต้องการให้ผลผลิตออกสู่ตลาด 5 เดือน โดยปกติน้อยหน่าจะแตก
ออกด้านข้างเป็น 2 กิ่ง เกษตรกรจะตัดแต่งกิ่งที่ยังไม่ติดผล หรือกิ่งกระโดงออกให้เหลือความยาวไว้ประมาณ 5 นิ้ว ระยะนี้จะให้
น้ำตามปกติวันเว้นวัน ประมาณ 1 เดือน  กิ่งที่ถูกตัดก็จะแตกยอดออกมาใหม่  พร้อมกับให้ดอก เกษตรกรก็จะบำรุงดอกโดยให้ปุ๋ย
ทางดินสูตร 15-15-15 ต้นละ ครึ่งกิโลกรัม


หลังจากแทงดอก 10 วันดอกก็จะบาน เกษตรกรก็ฉีดปุ๋ยทางใบสูตร 6-32-32 เสริมด้วยธาตุทองแดง สังกะสี และแมกนีเซียม
สัปดาห์ละ 2 ครั้ง และให้ปุ๋ยสูตรเสมอทางดินต่อไปเดือนละครั้งไปจนเก็บผล เมื่อผลมีขนาดเท่ากำปั้นและเริ่มขยาย เกษตรกรก็
จะฉีดสารเคมีป้องกันแมลงวันทอง พร้อมกับห่อผลด้วยถุงป้องกันแมลง ซึ่งทำจากใยสังเคราะห์  หลังจากห่อผลประมาณ 2 เดือนก็
เก็บผลผลิตจำหน่ายได้


เกษตรกรสามารถเก็บผลผลิตน้อยหน่าได้น้ำหนักเฉลี่ยไร่ละ 1 พัน 3 ร้อยกิโลกรัม ผลขนาดใหญ่ 7 ขีด ถึง 1 กิโลกรัม จำหน่ายได้
กิโลกรัมละ 80 บาทขนาดกลาง 5 ถึง 7 ขีด กิโลกรัมละ 60 บาท และขนาดเล็ก 3 ถึง 5 ขีด กิโลกรัมละ 35 ถึง 40 บาท นับเป็นราคา
ที่คุ้มค่าต่อการผลิต

ภาพ www.annefriday.com/.../forums/viewthread/355/
บันทึกการเข้า
ช่างเล็ก(LSV)
Administrator
member
*

คะแนน1346
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 18663


คิดดี ทำดี ชีวิตมีแต่สุข


อีเมล์
« ตอบ #4 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2008, 09:44:12 AM »

น้อยหน่าคั่ง” ผลแปลกอร่อย

ปัจจุบัน ไม้ผลกินได้หลายชนิดมีการพัฒนาสายพันธุ์ใหม่ๆ และแปลกๆ ออกขายมากมาย ซึ่ง “น้อยหน่าคั่ง” เป็นสายพันธุ์หนึ่งที่มี “ผล” วางขายในตลาดผลไม้ทั่วไป ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคซื้อไปรับประทานพอสมควร เพราะผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังไม่คุ้นหรือเคยชินกับน้อยหน่าชนิดนี้เท่าไหร่นัก “ผล” จะมีสีสันแปลกกว่าน้อยหน่าทั่วไปคือ เมื่อสุกจะเป็นสีม่วงแดงคล้ายกับสีของคั่งที่ใช้ทำเป็นชันยาเรือสมัยโบราณ จึงถูกตั้งชื่อว่า “น้อย-หน่าคั่ง” ดังกล่าว

น้อยหน่าคั่ง เท่าที่ทราบมีปลูกในประเทศไทยมาช้านานแล้ว คนรุ่นเก่าๆที่มีอายุมากหน่อย มีภูมิลำเนาอยู่ในชนบทและเป็นคนชอบรับประทาน น้อยหน่า หรือชอบสังเกต เชื่อว่าคงนึกได้ว่าน้อยหน่าชนิดนี้มีปลูกตาม บ้านแพร่หลาย ในปัจจุบันมีผู้นำเอาพันธุ์ “น้อยหน่าคั่ง” ไปพัฒนาพันธุ์พร้อมปลูกเก็บผลและตอนกิ่งขายที่กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา คนเดินทางผ่านไปมาซื้อหาไปรับประทานและปลูกกันแพร่หลาย

น้อยหน่าคั่ง อยู่ในวงศ์ ANNONACEAE เป็นไม้ยืนต้น สูง 5-8 เมตร แตกกิ่งก้านสาขาโปร่ง ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ ใบเป็นรูปรี ปลายและโคนใบแหลม ใบค่อนข้างหนาเล็กน้อย สีเขียวสด

ดอก ออกเป็นดอกเดี่ยวๆ ตามง่ามใบ ลักษณะดอกห้อยลง กลีบดอก 2 ชั้น ชั้นละ 3 กลีบ กลีบดอกชั้นในสั้นกว่ากลีบดอกชั้นนอก เป็นสีเหลืองอมเขียว กลีบหนาและแข็ง มีกลีบเลี้ยง 3 กลีบ มีเกสรจำนวนมาก “ผล” รูปทรงกลม ป้อม หรือกลมแป้น บางครั้งบิดเบี้ยวหลายลักษณะ ผิวผลขรุขระ เป็นช่อง หรือตานูน ในแต่ละช่องหรือตา ภายในจะเป็นเนื้อสีขาว สุกรสชาติหวานหอมอร่อยมาก ซึ่งเนื้อในดังกล่าวเป็นลักษณะของน้อยหน่าเนื้อ ดังนั้น จึงสามารถแกะเปลือกเมื่อผลสุกรับประทานได้ง่าย ไม่ยุ่งยาก 1 พู จะมี 1 เมล็ด รูปรี เป็นสีน้ำตาล หรือสีดำ ติดผลปีละครั้งในช่วงฤดูฝน ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด และตอนกิ่ง ปัจจุบันมีต้นขายที่ ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ บริเวณโครงการ 19 แผง “ดาบสมพร” เป็นพันธุ์แท้ ถ้าซื้อจากแผงอื่นต้องตรวจสอบให้ดีอาจถูกหลอกได้ ราคาสอบถามกันเอง

ประโยชน์ทางอาหาร ของน้อยหน่าทั่วไป ยอดอ่อน หั่นเป็นฝอยผัดกับหมู ไก่ หรือใส่แกง รับประทานอร่อยมาก ทางยา ผลดิบ เป็นยาแก้พิษงู แก้ฝีในคอ กลากเกลื้อน ฆ่าพยาธิตัวจี๊ด ฆ่าเหา แก้บวม ใบ ขับพยาธิสำไส้ ฆ่าเหา แก้กลากเกลื้อน เปลือกต้น เป็นยาสมานลำไส้ สมานแผล แก้ท้องร่วง แก้พิษงู และแก้รำมะนาด ได้เด็ดขาด

บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!