ธานินทร์ พันธ์ประภากิจ ทาสของแผ่นดิน
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่21"
ตุลาคม 15, 2024, 09:45:18 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ธานินทร์ พันธ์ประภากิจ ทาสของแผ่นดิน  (อ่าน 3555 ครั้ง)
b.chaiyasith
แก้ปัญหาไม่ตกคุยกันเวลางานline:chiabmillion
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน650
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3008


ไม้ดีไม่ลอยน้ำมาไกล


อีเมล์
« เมื่อ: พฤศจิกายน 19, 2010, 07:17:51 PM »

ธานินทร์ พันธ์ประภากิจ ทาสของแผ่นดิน (ฝากไว้ห้องนี้ก่อน)

ผู้ถวายไม้จันทร์หอมสร้างพระโกศพระพี่นางฯ



 เปิดใจครั้งแรก กับ...ธานินทร์ พันธ์ประภากิจ ผู้ถวายท่อนไม้จันทน์หอม สร้างพระโกศสมเด็จย่า และสมเด็จพระพี่นางฯ พร้อมเจริญรอยตามในหลวง ด้วยการเปิดบริษัท ทาสของแผ่นดิน รักษาต้อกระจกฟรีให้กับคนจน


ความจงรักภักดี แปลว่า "ความยอมสละตนเพื่อประโยชน์แห่งท่าน" คือถึงแม้ว่าตนจะต้องได้รับความเดือดร้อนรำคาญ ตกระกำลำบากหรือจนถึงต้องสิ้นชีวิตเป็นที่สุด ก็ยอมได้ทั้งสิ้น เพื่อมุ่งประโยชน์อันแท้จริงให้มีแก่ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ....ความจงรักภักดีแท้จริงนี้เอง คือความรักชาติซึ่งคนไทยสมัยใหม่พอใจพูดอยู่จนติดปาก แต่จะมีสักกี่คนที่จะทำได้อย่างแท้จริง…

วันนี้ WhO? จะพาไปรู้จัก ธานินทร์ พันธ์ประภากิจ ประธานกรรมการบริษัท ทาสของแผ่นดิน จำกัด ผู้ประกาศความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และหวังที่จะเดินตามรอยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการดำเนินชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง

เข้าเฝ้าในหลวง คือที่สุดในชีวิต

จะมีสักกี่ครั้งในชีวิตของคนธรรมดาสามัญ ที่จะมีโอกาสเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างใกล้ชิด แต่สำหรับคุณธานินทร์นั้นไม่เพียงการได้เข้าเฝ้าที่สร้างความประทับใจ แต่พระราชดำรัส “ขอบใจ” ยิ่งทำให้เขามีความสุขจนไม่อาจลืม...สีหน้าและแววตาแห่งความปลื้มปีติปรากฏบนใบหน้าชายวัย 51 ปี ขณะเดียวกันเขาพลางชี้ไปยังจดหมายที่ใส่กรอบอย่างดีซึ่งติดบนผนังห้องทำงานอันมีใจความว่า “ตามหมายแจ้ง ความประสงค์ถวายท่อนไม้จันทน์หอม เพื่อใช้ในงานพระราชพิธี ถวายพระเพลิงสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี สำนักพระราชวังได้นำถวาย ความกราบบังคมทูล พระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว ทรงขอบใจ หจก.เอ็ม.เอ.ที. อิมปอร์ต-เอ็กซปอร์ต…”

คุณธานินทร์ เล่าถึงที่มาของไม้จันทร์หอมดังกล่าวว่า เกิดจากเมื่อครั้งไปทำธุรกิจในประเทศพม่า จึงได้ซื้อท่อนไม้จันทน์นี้กลับมาเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายในหลวง  จนเมื่อสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เสด็จสวรรคต  เขาจึงน้อมเกล้าฯ ถวายท่อนไม้จันทน์หอมอีกครั้ง  พร้อมเป็นผู้อัญเชิญท่อน ไม้จันทน์หอมมาสร้าง พระโกศถวายสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ดังใจความในจดหมายอีกฉบับที่สร้างความภาคภูมิใจให้เจ้าตัวไม่น้อย

ตามที่จังหวัดประจวบ ได้มอบหมายให้อ.กุยบุรีรับผิดชอบดำเนินการนำ ไม้จันทน์หอม จากอุทยานแห่งชาติกุยบุรี นำส่งสำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร วันจันทร์ 11 ก.พ.51 เพื่อนำไปสร้างพระโกศในพระราชพิธี พระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางฯ การทำพิธีสักการะไม้จันทน์หอม เพื่อนำไปใช้สร้างพระโกศในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางฯ

ตามหนังสือที่อ้างถึง บ.ทาสของแผ่นดิน ได้เสนอเรื่องการนำช้าง 12 เชือก เป็นพระราชพาหนะในเคลื่อนพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางฯ ไปเพื่อสำนักงานปลัด สำนักนายกรัฐมนตรี พิจารณาคณะกรรมการฝ่ายจัดการ พระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ เมื่อวันที่ 20 มี.ค. มีมติเห็นสมควรให้ดำเนินการจัดงานพระราชพิธี โดยอัญเชิญพระศพสมเด็จ พระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ตามแบบโบราณราชประเพณี

“แค่ผมได้หนังสือของพระองค์ท่านที่ทรงขอบใจมา กระดาษ 1 แผ่นนี้  ผมว่ายิ่งกว่าได้ยศฐาบรรดาศักดิ์ เป็นกระดาษที่มีคุณค่ามากกว่าเงินตราเสียอีก ถึงมีเงินเป็นแสน เป็นล้านก็ไม่สามารถมีหนังสือฉบับนี้ได้ แล้วก็เป็นหนังสือที่ประทับอยู่ในหัวใจ ในชีวิตของ ผมจะปิดทองใต้ฐานองค์พระปฏิมา แม้คนอื่นจะมองไม่เห็นก็ตาม เพียงแค่ให้พระองค์ท่าน หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์รู้ก็พอแล้ว” รางวัลชีวิตอันยิ่งใหญ่ของคุณธานินทร์ที่น้อยคนนักจะได้รู้

ธานินทร์ ทาสของแผ่นดิน

แม้เจ้าตัวจะไม่อยากเปิดเผยเรื่องราวแห่งความดีที่เคยทำ แต่นั่นกลับเป็นสิ่งที่หลายคนควรรู้ โดยเฉพาะช่วงชีวิตกว่าจะเป็นธานินทร์ ผู้เป็นเจ้าของบริษัท ทาสของแผ่นดิน และผู้ก่อตั้งศูนย์ผ่าตัดต้อกระจก-ต้อเนื้อ ฟรีแก่ประชาชนในเวลานี้

  คุณธานินทร์ เรียนจบจาก ปวช.พาณิชย์วิทยาลัย สีลม จากนั้นได้เข้าไปเรียนที่ มหาวิทยาลัยรามคำแหง คณะรัฐศาสตร์ แต่เรียนได้เพียง 9 หน่วยกิตก็เลิกเรียน เพราะรู้สึกว่าการเรียนก็ได้แค่เรียนรู้เท่านั้น สู้ทำงานเองจะดีกว่า เขาจึงตัดสินใจออกมาทำธุรกิจกับเพื่อน จำหน่ายสินค้าประเภทรถยนต์ มอเตอร์ไซด์ หนังสัตว์ กระดูกสัตว์ เสื้อผ้า และเครื่องใช้ต่างๆ กับต่างประเทศ อาทิ ญี่ปุ่น อเมริกา ลาว เขมร เวียดนาม สิงคโปร์ และจีน ในนาม หจก.เอ็ม.เอ.ที อิมปอร์ต-เอ็กซปอร์ต

จวบจนกระทั่งได้มาทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา บริษัท เพรสซิเดนท์ ปาร์ค (President Park) พร้อมกับเป็นผู้ควบคุมดูแลอาคารทั้งหมด  จากนั้นจึงก่อตั้งบริษัท ทาสของแผ่นดิน จำกัด  เมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว เพื่อจัดตั้งศูนย์ผ่าตัดต้อกระจก-ต้อเนื้อแก่ประชาชน โดยเขาเล่าถึงที่มาของชื่อบริษัทว่า ต้องการให้เห็นอุดมการณ์อันแน่วแน่ที่จะแก้ไขในสิ่งผิด 

“ในอดีตชาติหรือปัจจุบันเราทำผิดมาก็มากทำถูกมาก็มาก อยากให้มองว่าระหว่างที่ เรามีชีวิตอยู่ไม่ควรมีการแบ่งชนชั้นวรรณะ หรือแบ่งเชื้อชาติศาสนา แต่ให้ยึดมั่นในองค์ พระมหากษัตริย์ ประเทศไทยเป็นเมืองที่น่าอยู่และเป็นแผ่นดินที่ร่มเย็นมาก   

“พ่อแม่ผมอยู่ในประเทศไทย แล้วผมก็เกิดในแผ่นดินนี้ ทุกคนอาจเห็นผมตัวดำ สีผิวผมที่ดำนี้คือสีดิน แล้วถ้าตัวผมไม่ดำผมจะเป็นทาสของแผ่นดินได้ยังไง   เคยมีอุทาหรณ์สอนใจผมว่า ผมน่าจะเกิดเป็นลูกของคุณทักษิณ เพราะผมจะได้เป็นคนรวย มีเงินเยอะๆ ผมจะเดินทางไปหาประชาชน เดินตามรอยพระยุคลบาทของในหลวง พ่อผมจะเป็นอะไรก็เป็นไปไม่เกี่ยวกับผม แต่ผมจะเดินออกไปหาคนจนในถิ่นทุรกันดาร คิดว่าน่าจะเป็นความสุขใจในชีวิต วันนี้ผมจึงกล่าวขานขนานนามต่างๆในชีวิตของผมว่า ขอถวายชีวิตเป็นราชพลีแด่พระองค์วงศ์จักรี ธานินทร์ทาสของแผ่นดิน”

ศูนย์ผ่าตัดต้อเกิดจากลมหายใจสุดท้าย

ศูนย์ผ่าตัดต้อกระจก-ต้อเนื้อ ฟรี ดังกล่าว เกิดขึ้นจากพลังแห่งศรัทธา ในบุญและบาป   โดยครั้งหนึ่งคุณธานินทร์เคยถูกลอบยิงเกือบเอาชีวิตไม่รอด สาเหตุเกิดจากสองสามีภรรยาซึ่งเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงในแวดวงสังคม เอาภาพถ่ายของตัวเองขณะยืนอยู่หน้าทัชมาฮาลวางติดไว้ด้านบนผนังด้านบนและเอารูปเจ้าแม่อุมาเทวีวัดแขกไว้ด้านล่าง เมื่อคุณธานินทร์เห็นเข้าจึงรู้สึกเป็นสิ่งที่ไม่สมควร พร้อมกับเขียนเรื่องนี้ลงในหนังสือของตัวเองเพื่อบอกให้ประชาชนได้รับรู้

ประเด็นนี้เองอาจสร้างความโกรธแค้นและกลายเป็นชนวนลอบสังหาร โดยเขาถูกมือปืนยิงบริเวณหน้าบ้านย่านสีลม ลูกปืนเข้าที่ศรีษะทำให้ต้องรักษาตัวอยู่ที่ ร.พ.กรุงเทพคริสเตียน ในห้องไอซียูนานถึง 45 วัน และต้องทำการผ่าตัดถึง 6 ครั้ง “เป็นช่วงเวลาที่ได้เห็นคนเสียชีวิตมากมายมหาศาล สัจธรรมเกิดขึ้นมาทันทีว่า ภาพที่เห็นคนตาย คิดในทางบวกถือเป็นความสุข เพราะไม่ได้นอนกับคนที่รักเราอย่างเดียว แต่ได้นอนกับคนที่ต้องตายทุกวัน คิดว่าน้อยคนนักที่จะได้มานอนกับคนตายแบบนี้ ระหว่างที่อยู่ไอซียูยังได้ยินเสียงทุกคนพูดตรงกัน คงอยู่ไม่เกินครึ่งชั่วโมง แต่ครึ่งชั่วโมงนั้นทำให้รอดตายมาได้ นับว่าโชคดีและเป็นบุญอย่างหนึ่ง ถามว่าสะทกสะท้าน กับความตายไหม บอกได้เลยว่าไม่มี เลยได้คารมเด็ดๆในชีวิตว่า ไม่เคืองแค้นน้อยใจในโชคชะตา ไม่เสียดายเวลาถ้าสิ้นไป เพราะว่าไม่มีอะไรจะเสียแล้ว” 

เหตุนี้ ชีวิตที่เหลืออยู่ เขาจึงขอแทนคุณแผ่นดินด้วยการตั้งศูนย์ผ่าตัดต้อกระจกขึ้น เพื่อรักษาผู้ยากไร้ “วันนั้นคิดว่า ถ้าผมกลับมาได้จะตอบแทนบุญคุณให้กับ แผ่นดินที่เราอาศัยอยู่ได้ยังไง ถ้าไปกิน-นอนอยู่กับใครสักคนโดยไม่ทำอะไรให้ แต่อยู่อย่างสุขสบายไม่ช่วยเหลือและเกื้อกูล ไม่ทำอะไรให้เลย  เขาจะเรียกว่าเนรคุณไหม และถ้าผมอยู่ในแผ่นดินนี้ ไม่ช่วยเหลือแล้ว ยังกอบโกยโกงกินผืนแผ่นดิน เขาจะเรียกผมว่าทรราชของแผ่นดินหรือเปล่า”  ชีวิตเฉียด ตายทำให้เข้าใจในความเป็นมนุษย์และบุญคุณที่ต้องทดแทนแผ่นดิน

เมื่อแนวคิดในการเปิดศูนย์ผ่าตัดต้อกระจกทำท่าว่าจะเป็นจริง คุณธานินทร์ จึงปรึกษากับ นพ.วิทิต อรรณเวชกุล ผอ.โรงพยาบาลบ้านแพ้วในขณะนั้นทันที แม้คุณหมอจะถามย้ำถึงความเชื่อมั่นว่าทำแน่หรือ เพราะต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล แต่เขากลับมั่นใจว่าต้องทำได้

 “เมื่อปรึกษาหารือกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงสั่งซื้ออุปกรณ์การผ่าตัดดวงตา จากต่างประเทศ และสั่งซื้อรถห้องผ่าตัดเคลื่อนที่หลายสิบล้านบาท โดยเงินทั้งหมดในการซื้อ อุปกรณ์เป็นเงินส่วนตัวของผมที่ได้เก็บสะสมตลอดทั้งชีวิต ผมต้องการช่วยเหลือชาวบ้านผู้ยาก ไร้คนไทยในแผ่นดินด้วยกัน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว”

จากนั้นเขาได้จัดทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรงพยาบาลบ้านแพ้ว ลงพื้นที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี โดยครั้งนั้นมีผู้ป่วยถึง 200 ราย หลังจากที่ผู้ป่วยได้รับการผ่าตัดต้อกระจก และสามารถมองเห็น อีกครั้ง ทุกคนต่างร้องไห้ดีใจ วิ่งเข้ามากอดเขาด้วยความซาบซึ้ง

ตลอดเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ศูนย์แห่งนี้สามารถทำให้ผู้ที่เป็นต้อกระจกมองเห็นได้ประมาณ 600,000 ราย และในปี 2549 พบผู้ป่วยตกค้างสะสมกว่า 100,000 ราย  ณ วันนี้หากถามว่าเหนื่อยไหม คุณธานินทร์ ตอบกลับทันทีว่า “ไม่เหนื่อยเลย”  เพราะแม้กำลังกายจะสู้คนอื่นไม่ได้ หรือกำลังเงินอาจสู้ประชาชนคนรวยไม่พอ แต่เขาเชื่อว่ากำลังใจของเขาใหญ่กว่าคนรวยในแผ่นดินไทยมากมายมหาศาล

 “ผมมาช่วยเหลือชาวบ้าน เพราะผมแบกความจนเอาไว้ การแบกความจนจะทำให้รู้ว่า เกิดเป็นคนอย่าลืมตัว เกิดเป็นวัวอย่าลืมตีน ดังนั้น ถ้าเราแบกความจนเอาไว้จะไม่ลืมความจนเลย วันนี้เราแบกความจนเอาไว้ก็จะพาประชาชนพ้นทุกข์ได้ และหากเราแบกความรวยเอาไว้เมื่อไร  เราจะกลายเป็นคนลืมตัว ถ้าตายไปแล้วขึ้นสวรรค์ ขณะเดียวกันก็ยังมีคนยากจนอยู่ในแผ่นนี้ ขอกลับลงมาเกิดในแผ่นนี้ดีกว่า ผมไม่ได้คิดที่จะเปิดศูนย์นี้เท่านั้น แต่มีความตั้งใจจะสร้าง ร.ร.อนุบาลเรารักในหลวง เพื่อต้องการปลูกรากแก้วให้กับเด็กๆ” เขาเล่าถึงสิ่งที่ได้ช่วยเหลือชาว บ้านให้หมดทุกข์ด้วยแววตาที่มุ่งมั่นเช่นเดิม

ชีวิตที่เหลืออยู่ของ ธานินทร์ พันธ์ประภากิต เขาขอเดินรอยตามพระยุคลบาทองค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจนกว่าชีวิตจะหาไม่ เพราะสิ่งที่ผู้ชายคนนี้แบกไว้ ไม่ใช่ความรวย ไม่ใช่ความดี แต่คือ “ความจน” ที่เขาจะแบกไปตลอดชีวิต...




ผู้ที่ประสงค์ผ่าต้อกระจกฟรี! ติดต่อไปยังโรงพยาบาลบ้านแพ้ว และนายชูศักดิ์ แก้วสุริยอร่าม บริษัท ทาสของแผ่นดิน จำกัด อาคารพระมหากรุณาธิคุณ เลขที่ 98 ซอยสุขุมวิท 24 ถ.สุขุมวิท แขวงคลองตัน เขต คลองเตย กทม. 10110 สอบถามรายระเอียดได้ที่ 02-2629454-5,02-2618213-7 เวลาทำการ วันจันทร์-วันศุกร์ 08.00-17.00 น. 
ขอบคุณ
 สุทธิคุณ กองทอง

ภาพ ชวรินทร์ เผงสวัสดิ์ ,พัฒนฉัตร มูลวงศ์ศรี





บันทึกการเข้า

"CHIAB"
มนุษย์เราแต่ละคน  ต่างไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไม่มีใครรู้จักกันมาก่อนเลย  แล้ววันหนึ่งก็มาพบหน้ากัน  สมมุติเป็นพ่อ  เป็นแม่  เป็นเมีย  เป็นสามี  เป็นลูก  อยู่ร่วมกัน  ใช้ชีวิตร่วมกัน และแล้ววันหนึ่ง  ก็แยกย้ายด้วยการ  "ตายจาก"  กันไปสู่  ณ  ที่ซึ่งไม่มีใครได้ตามพบ  คืนสู่ความเป็นผู้ไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไปไหน  และคืนสู่ความเป็น  "คนแปลกหน้า"  ซึ่งกันและกันอนันกาลอีกครั้งหนึ่ง...และอีกครั้งหนึ่ง!?
ขอขอบคุณ คุณเปลว สีเงิน ที่ให้ข้อคิดดีๆ

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!