รวมสูตรทำอาหารด้วยปลา ..
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่21"
เมษายน 19, 2024, 06:44:38 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: รวมสูตรทำอาหารด้วยปลา ..  (อ่าน 31909 ครั้ง)
ช่างเล็ก(LSV)
Administrator
member
*

คะแนน1346
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 18649


คิดดี ทำดี ชีวิตมีแต่สุข


อีเมล์
« เมื่อ: มิถุนายน 22, 2009, 04:34:34 PM »

คิดไม่ออกว่าทำได้กี่อย่าง ... เพราะปลาที่ปากพนังเยอะมากๆทั้งปลาน้ำจืด-น้ำเค็ม.. ราคาถูกมาก .. ท่านใดมีสูตรอร่อยๆช่วยแนะนำหน่อยครับ  Cheesy HAPPY2!!


บันทึกการเข้า

แวมไพร์-LSVteam♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน912
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3712


..เรียนให้รู้เป็นครูเขา.Learning by doing


« ตอบ #1 เมื่อ: กันยายน 30, 2010, 12:14:52 PM »

ลองดูครับพี่เล็กพึ่งเห็นครับ  Smiley HAPPY2!! ดีใจจัง








คลิ๊กเลยครับ
บันทึกการเข้า
eskimo_bkk-LSV team♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม..
member
*

คะแนน1883
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13229


ไม่แล่เนื้อเถือหนังพวก


อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: กันยายน 30, 2010, 02:05:58 PM »

จะบอกเคล็ดลับให้ครับ

ปลาจะเผาหรือ อบ ให้อร่อย

เอาไข่ขาวคลุกกับเกลือเม็ดคลุกให้ทั่ว

แล้วเอามาพอกที่ตัวปลาที่เอาใส้ออกแล้วยัดด้วย

 3 เกลอ (รากผักชี กระเทียม พริกไท)

หรือ3เกลอหัวแข็ง(ข่า ตระไคร้ ใบมะกรูด)

ห่อด้วยฟรอย (FOIL)เอาไปอบ ย่าง ปิ้ง

ขณะรอปลาสุก ทำน้ำจิ้ม รอได้เลย


......


 ju_ju!!
บันทึกการเข้า
แวมไพร์-LSVteam♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน912
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3712


..เรียนให้รู้เป็นครูเขา.Learning by doing


« ตอบ #3 เมื่อ: กันยายน 30, 2010, 02:13:54 PM »



ปัจจุบันคนเรามีปัญหาสายตาผิดปกติมากขึ้น สายตาเสื่อมสภาพเร็วขึ้น เนื่องจากดวงตาถูกใช้งานอย่างหนัก เห็นได้จากคนวัยทำงาน วัยรุ่น หรือแม้กระทั่งวัยเด็กมีอาการแสบเคืองตา ปวดรอบดวงตา วิงเวียน คลื่นไส้ บางรายมีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง เนื่องจากการจ้องมองจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน โดยไม่พักสายตานั่นเอง 
   
ดวงตาเป็นอวัยวะที่มีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตมนุษย์มาก ดังนั้น ‘กินดี’ แนะนำให้คุณผู้อ่านเลือกรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินต่าง ๆ ที่มีมากในผักและผลไม้ เพื่อบำรุงสายตา อย่าง ‘วิตามินเอ’ ช่วยบำรุงดวงตาให้ชุ่มฉ่ำ มีน้ำหล่อเลี้ยงดวงตาอย่างพอเหมาะ ทำให้ตาไม่แห้ง ‘วิตามินอี’ ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของเรตินา ส่วน ‘วิตามินซี’ ช่วย ให้เส้นเลือดฝอยที่คอยส่งเลือดไปหล่อเลี้ยงดวงตาให้แข็งแรง ทั้งยังช่วยลดความดันของน้ำภายในลูกตา และยังป้องกันการเกิดต้อได้ด้วย
   
สำหรับเมนูบำรุงสายตาที่นำมาแนะนำวันนี้ คือ ‘แกง เทโพปลานิลผักบุ้ง’ ที่มีผักบุ้งซึ่งอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีนสารที่จะเปลี่ยนไปเป็นวิตามินเอ และวิตามินซี นอกจากวิตามินแล้วผักบุ้งยังมีเกลือแร่ และธาตุเหล็กที่ช่วยบำรุงเลือด รวมทั้งแคลเซียม และฟอสฟอรัสที่ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน
   
ส่วนประกอบและเครื่องปรุง ‘แกงเทโพปลานิลผักบุ้ง’ ประกอบด้วย...
-เครื่องแกง (พริกแห้ง, หอมแดง, กระเทียม, ข่า, ตะไคร้, รากผักชี, ผิวมะกรูด, เกลือป่น, กะปิ)
-ปลานิลหั่นเป็นชิ้น
-กะทิ
-ผักบุ้ง หั่นเป็นท่อนๆ
-เกลือ
-น้ำตาล
-น้ำมะนาวหรือน้ำมะขามเปียก
   
ขั้นตอนการทำ ‘แกงเทโพปลานิลผักบุ้ง’ เริ่มที่นำกะทิที่คั้นไว้ตั้งไฟให้เดือด ใส่เครื่องแกงลงไปเคี่ยวให้เครื่องแกงละลาย จากนั้นปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาล น้ำมะขามเปียกหรือน้ำมะนาว ชิมรสตามความชอบ แล้วใส่เนื้อปลานิลที่เตรียมไว้ลงไป ไม่ต้องคนบ่อย เพราะจะทำให้เนื้อปลาเละไม่น่ารับประทาน สุดท้ายใส่ผักบุ้งลงไป ตั้งไฟไว้รอจนเนื้อปลาสุก เท่านี้ก็เรียบร้อยพร้อมเสิร์ฟ.



ผัดคะน้าปลาเค็ม

เครื่องปรุง - ส่วนผสม

- ปลาอินทรีเค็ม 1 ชิ้น

- ผักคะน้า

- กระเทียมบุบ 5 กลีบ

- พริกขี้หนูบุบ 5 เม็ด(ถ้าชอบเผ็ดจะใส่มากกว่านี้ก็ได้)

- น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ

- น้ำตาลทราย 1/4 ช้อนชา

- กระเทียมเจียว

- น้ำมันพืช

ลงมือเข้าครัว

- นำผักคะน้ามาล้างให้สะอาด ปลอกเปลือกบริเวณก้าน ก่อนหั่นเป็นท่อน พักไว้

- นำปลาอินทรย์เค็มที่เตรียมไว้ ไปทอดให้เหลือง ระวังอย่าพลิกปลาไปมา เพราะอาจทำให้เนื้อปลาเละได้ เมื่อได้ที่แล้ว ตักขึ้นพักไว้

- หันมาผัดผักคะน้ากันบ้าง เริ่มจากการนำพริกขี้หนู กระเทียม น้ำมันหอย น้ำตาลทราย ใส่ลงในจานคะน้า จากนั้นนำลงไปผัดในกระทะพร้อมกัน อย่าผัดนาน เพราะอาจทำให้ผักคะน้าสุกเกินไป

- ตักผัดคะน้าใส่จาน วางปลาอินทรย์ที่ทอดเตรียมไว้ด้านบน โรยด้วยกระเทียมเจียว เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

จะทานกับข้ามต้มร้อน ๆ หรือข้าวสวย ก็อร่อยแบบไทยๆ

เคล็ดลับความอร่อย
การเลือกซื้อปลาอินทรย์เค็ม ควรดูลักษณะดังนี้ ตัวปลาต้องนิ่ม สีภายนอกเป็นมัน สดใส หากเลือกซื้อเป็นชิ้น ต้องเลือกชิ้นที่มีเนื้อปลาเป็นสีชมพู ไม่คล้ำ




ยำปลาสลิด

ส่วนผสม
       
       ปลาสลิดเค็ม 2 ตัว

       กระเทียมดอง 10 กลีบ

       ถั่วลิสง 2 ช้อนโต๊ะ

       หอมแดง 2 หัว

       พริกขี้หนูบุบ 5-6 เม็ด

       ผักชี 1 ต้น

       มะนาว 2 ช้อนโต๊ะ

       น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ

       น้ำกระเทียมดอง 1 ช้อนโต๊ะ


วิธีทำ เริ่มจากนำปลาสลิดมาล้างให้สะอาด ผึ่งให้สะเด็ดน้ำดีแล้วจึงนำลงทอดจนเหลืองกรอบ จากนั้นนำมาสับเป็นชิ้นๆ อย่าลืมเลาะก้างปลาออกให้หมด
       
       เสร็จแล้วหันไปปรุงน้ำยำ ด้วยการนำส่วนผสมทั้งหมดทั้งกระเทียมดอง ถั่วลิสง หอมแดง พริกขี้หนูบุบมาผสมรวมกัน แล้วปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำมะนาว น้ำปลาอย่าใส่เยอะเพราะตัวปลาสลิดเองก็เค็มอยู่แล้ว ส่วนสารให้ความหวาน  ก็ใช้เป็นน้ำกระเทียมดองแทนน้ำตาล เพราะจะให้ความหวานชุ่มคอติดลิ้นมากกว่า
       
       เมื่อปรุงน้ำยำเสร็จเรียบร้อยก็นำไปราดลงบนปลาสลิดทอดกรอบ มีผักชีโรยหน้าตกแต่งอีกสักหน่อยก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยโรงเรียนกุ๊กเล็ก ได้เมนู “ยำปลาสลิด” ที่ได้ทั้งรสเค็ม เผ็ด เปรี้ยว หวาน ครบรสเลยทีเดียว




ปลากะพงผัดขึ้นฉ่าย

ส่วนผสมเครื่องปรุง
       เนื้อปลากะพงขาว 2-3 ขีด (แล่เป็นชิ้นพอดีคำ)
       ขี้นฉ่ายจีน 1 ต้น (ล้างให้สะอาดแล้วหั่นเป็นท่อนๆ)
       เต้าเจี้ยว 1 ช้อนโต๊ะ
       กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
       พริกชี้ฟ้าแดง-เหลือง 2-3 เม็ด (หั่นเฉียง)
       น้ำซุป 1/4 ถ้วย
       น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
       น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา
       ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
       เหล้าจีน 2 ช้อนโต๊ะ
       แป้งมัน 1/2 ถ้วย
       น้ำมันพืชสำหรับทอดและผัด


สำหรับขั้นตอนในการทำนั้นไม่ยุ่งยากอะไร เมื่อเตรียมส่วนผสมพร้อมแล้วก็ลงมือปรุงกันได้เลย เริ่มจากนำเนื้อปลากะพงมาล้างให้สะอาด พักให้สะเด็ดน้ำแล้วนำไปคลุกกับแป้งมันบางๆ แล้วนำลงทอดในน้ำมันให้เหลืองพอกรอบ และพักทิ้งไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน
       
       ทีนี้หันมาตั้งกระทะใส่น้ำมันสำหรับผัด และใส่กระเทียมลงไปผัดให้พอหอม จากนั้นก็ใส่เต้าเจี้ยว น้ำมันหอย น้ำตาลทราย ซีอิ๊วขาว เหล้าจีน น้ำซุปและผัดให้เข้ากัน แล้วก็ใส่เนื้อปลากะพง ขึ้นฉ่าย และพริกชี้ฟ้าแดง-เหลืองลงไปผัดคลุกเคล้าให้เข้ากันอีกที เท่านี้ก็เป็นอันว่าเสร็จสรรพ ได้ “ปลากะพงผัดขึ้นฉ่าย” กินกับข้าวสวยร้อนๆ เอร็ดอร่อยกันไปกับปลากะพงเนื้อนุ่มหวาน เคี้ยวขึ้นฉ่ายหอมๆ กรุบกรอบปาก


“ปลาทอดราดซอสมะขาม”



เครื่องปรุง - ส่วนผสม

1. ปลากะพงแล่เป็นชิ้นบาง ๆ 100 กรัม
2. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ถ้วย
3. เกลือป่น 1 ช้อนชา
4. พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
5. ผักสดตามชอบ
6. น้ำมันสำหรับทอด


ส่วนผสมสำหรับทำซอสมะขาม

1. น้ำมะขามเปียก 200 กรัม
2. น้ำตาลปี๊บ 120 กรัม
3. น้ำตาลทราย 40 กรัม
4. ซีอิ๊วขาว 30 กรัม
5. เกลือป่น 2 กรัม


ลงมือเข้าครัว

1. นำปลากะพงที่แล่เตรียมไว้ ไปคลุกกับพริกไทย เกลือ ก่อนหมักทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที
2. ตั้งกระทะให้ร้อน จากนั้นนำปลาที่หมักทิ้งไว้ ไปคลุกแป้งสาลีให้ทั่ว ก่อนจะนำไปทอดด้วยไฟปานกลาง ให้เนื้อปลามีสีเหลืองทอง
3. ตักปลาใส่จาน พักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน
4. เตรียมทำซอสมะขาม โดยนำน้ำมะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย ซีอิ๊วขาว ไปเคี่ยวจนเริ่มเหนียว ชิมรส โดยให้มีรสเปรี้ยวนำ
5. ตักปลาใส่จาน โรยหน้าด้วยกระเทียมเจียว ก่อนที่จะราดด้วยซอสมะขาม จัดผักเป็นเครื่องเคียงตามชอบ
บันทึกการเข้า
แวมไพร์-LSVteam♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน912
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3712


..เรียนให้รู้เป็นครูเขา.Learning by doing


« ตอบ #4 เมื่อ: กันยายน 30, 2010, 02:47:23 PM »



ปลาสำลียำมะม่วง

ส่วนผสม
       
       ปลาสำลีขนาดกลาง 2 ชิ้น
       ไข่ไก่ 1 ฟอง
       แป้งอเนกประสงค์ 1 ถ้วย
       เกล็ดขนมปังป่นสำหรับชุบปลาทอด 1 ถ้วย
       เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 2 ช้อนโต๊ะ
       เกลือเล็กน้อยสำหรับทาบนเนื้อปลา
       พริกทอดสำหรับกินแกล้มตามชอบใจ


ส่วนผสมยำมะม่วง
       
       มะม่วงดิบเปรี้ยว 1 ลูก
       หอมแดง 5 หัว
       พริกขี้หนู 5 เม็ด
       น้ำตาล น้ำปลา ตามใจชอบ


วิธีทำ เริ่มจากนำปลาสำลีมาล้างให้สะอาด ทาเกลือเล็กน้อยให้ทั่วตัวปลาแล้วนำมาผึ่งไว้ให้แห้ง หลังจากนั้นนำปลาสำลีทั้งสองชิ้นมาคลุกกับเเป้งให้ทั่ว

แล้วนำไปชุบไข่ที่เตรียมไว้ แล้วมาคลุกกับเกล็ดขนมปังให้ติดทั่วกันทั้งชิ้นปลา เสร็จแล้วหันมาตั้งกระทะใส่น้ำมันให้พอท่วมชิ้นปลา ตั้งไฟปานกลาง

พอน้ำมันร้อนดีแล้วก็นำปลาสำลีลงไปทอดจนเกล็ดขนมปังด้านนอกเริ่มเป็นสีเหลืองจึงตักออกมาพักให้สะเด็ดน้ำมัน

(ส่วนตอนจะกินให้โรยหน้าด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์กับพริกทอดตามใจชอบเพื่อเพิ่มรสชาติ)
       
       คราวนี้หันมาจัดการกับยำมะม่วงกันบ้าง นำมะม่วงเปรี้ยว(จี๊ด)มาซอยให้เป็นเส้นเล็กๆ เท่าๆ กัน จับเอาหอมแดงและพริกขี้หนูมาซอยๆๆ เป็นชิ้นเล็กๆ

จากนั้นนำส่วนผสมยำมะม่วงมาคลุกรวมกัน เติมน้ำปลา น้ำตาลชิมรสตามใจชอบ หรือจะทำน้ำจิ้มซีฟู้ดไว้จิ้มกับปลาสำลีอีกอย่างหนึ่งด้วยก็ได้

ก็แค่เอาพริกขี้หนูและกระเทียมมาตำให้ละเอียด เติมน้ำปลาเล็กน้อย อยากให้รสเปรี้ยวหวานอย่างไรก็ใส่ได้ตามใจ
       
       เป็นอันเสร็จเรียบร้อยกับเมนู "ปลาสำลียำมะม่วง" เนื้อปลาสำลีกรอบนอกนุ่มในกับยำมะม่วงรสเปรี้ยวปาก เมื่อกินคู่กันก็จะได้รสชาติที่กลมกล่อมเข้ากัน

แต่ของอย่างนี้ไม่ลองชิมลองทำเองก็คงไม่รู้




เครื่องปรุง

◊ ปลาช่อนขนาดย่อมๆ ๑ ตัว (ไม่ต้องใหญ่มากหรอกค่ะมันแพง แต่กินแค่ปีละครั้งก็คงไม่เป็นไรหรอก)

◊ ผักกระเฉด ๑๐๐ กรัม

◊ ถั่วฝักยาว หรือถั่วอื่นๆ ๑๐ ฝัก

◊ ผักกาดขาว กะหล่ำปลี แครอท ผักอะไรก็ใด้ที่มีที่ชอบอย่างละนิดหน่อย

◊ มะขามเปียกละลายน้ำ ๑ ถ้วย

◊ น้ำตาลปี๊บ ๑-๒ ช้อนโต๊ะ

◊ น้ำปลา ๔ ช้อนโต๊ะ

◊ น้ำพริกแกงส้มสำเร็จรูป ๓ ช้อนโต๊ะ (วันนี้ขี้เกียจตำพริกแกง)


วิธีทำ

◊ ขอดเกล็ดปลาช่อนล้างท้องให้สะอาด ตัดท่อนหางนำไปต้มในน้ำเดือดให้สุก

◊ ท่อนหัวผ่าครึ่งเป็น ๒ ซีก ท่อนตัวตัดเป็นท่อนๆ หนาประมาณ ๑ นิ้ว นำไปคลุกเกลือ ๒ ช้อนชา แล้วทอดในน้ำมันให้เหลืองกรอบ ตักขึ้นพักไว้

◊ น้ำพริกแกงส้มถ้าชอบรสจัดเข้มข้น สามารถนำพริกแห้ง ๓ เม็ดแช่น้ำเอาเมล็ดออก หอมแดง ๓ หัว กะปิ ๑ ช้อนชา โขลกละเอียดผสมกับน้ำพริกแกงส้ม ๓ ช้อนโต้ะ แล้วแกะเนื้อปลาที่ต้มไว้โขลกกับน้ำพริก

◊ ตั้งน้ำครึ่งหม้อ (ประมาณ ๓ ถ้วย) ผสมน้ำต้มปลาตั้งไฟให้เดือด ใส่เครื่องแกงที่โขลกไว้ พอเดือดอีกครั้ง ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ ปรุงรสตามชอบ

◊ ผักทั้งหมดล้างน้ำให้สะอาด หั่นกะหล่ำปลี ผักกาดขาวเป็นท่อนๆ แครอท ถั่วฝักยาว หั่นเป็นท่อนๆ ประมาณ ๓-๔ ซ.ม.

◊ ผักกระเฉดเด็ดเอายอดหรือส่วนที่อ่อนๆ ใส่ผักลงหม้อ (ยกเว้นผักกระเฉด) พอผักนุ่มชิมรสอีกครั้งปรุงรสให้ถูกใจ ใส่ผักกระเฉด ใส่ปลา คนให้ทั่วยกขึ้นทันที ตักใส่ถ้วยเสริฟร้อนๆจึงจะอร่อยกรอบ ถ้าต้มนานไปผักจะเหี่ยวเหนียวไม่อร่อย




ปลากะพงนึ่งบ๊วย

ส่วนผสมที่ต้องเตรียม

ปลากะพงขาว 1 ตัว
บ๊วยดอง 2 เม็ด
น้ำบ๊วย 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำซุปไก่ ½ ถ้วยตวง
น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันงา 2 ช้อนชา
ซอสถั่วเหลือง 1 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ้วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
ต้นหอมหั่นเป็นท่อนๆ ¼ ถ้วยตวง
ขิงหั่นฝอย ½ ถ้วยตวง
ขึ้นฉ่ายหั่นเป็นท่อนๆ ¼ ถ้วยตวง
พริกชี้ฟ้าหั่นฝอยตามยาว 2 เม็ด


ขั้นตอนในการทำเริ่มจากนำปลามาขอดเกล็ดออกให้หมด ควักไส้ออก แล้วบั้งตัวปลาข้างละ 2-3 บั้ง และล้างให้สะอาดผึ่งให้สะเด็ดน้ำ

จากนั้นนำปลามาใส่จานที่จะนึ่ง แล้วก็ใส่น้ำซุปลงไปพร้อมกับใส่บ๊วยดองบี้ให้แตก และก็ใส่น้ำมันงา น้ำมันหอย ซอสถั่วเหลือง ซีอิ้วขาว น้ำบ๊วย น้ำตาลทราย ราดให้ทั่วตัวปลา

แล้วก็นำต้นหอม ขึ้นฉ่าย ขิง และพริกชี้ฟ้าแดง มาคลุมให้ทั่วบนตัวปลาอีกที จากนั้นจึงนำไปนึ่งในลังถึง นึ่งจนปลาสุก ก็เป็นอันว่าเสร็จสรรพ




ปลาช่อนนาเผาเกลือ

วิธีทำ

1.ใช้ปลาช่อนนาขนาด 7-8 ขีด ขอดเกล็ด ควักไส้ ล้างให้สะอาด

2.ตะไคร้ทั้งต้นทุบหัวให้แตก ยัดเข้าทางปากทะลุถึงกระเพาะปลา

3.ใช้เกลือป่นเคล้าพอกให้ทั่วตัวปลา นำไปย่างบนเตาถ่านหรือเตาอบไฟฟ้าด้านละ 30 นาที ใช้ไม้ลูกชิ้นปิ้งแทงเข้าไปในเนื้อปลา ถ้าน้ำไหลออกใสแสดงว่าสุกแล้ว

4.ลอกเกลือและหนังปลาออก ตักเนื้อปลา นุ่ม ๆ จิ้มน้ำพริกหนุ่มหรือน้ำจิ้มซีฟู้ด


สูตรน้ำจิ้มซีฟู้ด

1.ต้มน้ำตาลทรายจนเป็นน้ำเชื่อม

2.ใส่รากผักชี 2 ราก กระเทียมปอกเปลือก 5 หัว พริกขี้หนูสด 20 เม็ด นำไปปั่นรวมกับน้ำเชื่อมจนละเอียด

3.ปรุงรสด้วยน้ำปลาอย่างดี บีบน้ำมะนาวลงไปให้ออกรสเปรี้ยวนำ ตามด้วยรสเค็ม เผ็ดกลมกล่อม เข้ากันดีกับเนื้อปลาช่อนเผาและผักขึ้นฉ่ายสด ๆ
บันทึกการเข้า
แวมไพร์-LSVteam♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน912
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3712


..เรียนให้รู้เป็นครูเขา.Learning by doing


« ตอบ #5 เมื่อ: กันยายน 30, 2010, 02:52:48 PM »

เคล็ดลับ อาหารต่างๆเดี๋ยวพี่ชาจะมาเสริมครับ ทานปลามันต้องมี.... นี้ครับพี่เล็ก Smiley HAPPY2!! ดีใจจัง
บันทึกการเข้า
eskimo_bkk-LSV team♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม..
member
*

คะแนน1883
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13229


ไม่แล่เนื้อเถือหนังพวก


อีเมล์
« ตอบ #6 เมื่อ: กันยายน 30, 2010, 03:33:06 PM »



พี่เล็กแกวางมือ นานมากแล้ว

กับสุราเมระยะ ระยะ นานาๆที เออ ม่ายช่าย

วางแก้วนานแล้วไปจับถ้วยครับ







ิbreakfast tea
บันทึกการเข้า
แวมไพร์-LSVteam♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน912
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3712


..เรียนให้รู้เป็นครูเขา.Learning by doing


« ตอบ #7 เมื่อ: กันยายน 30, 2010, 04:11:44 PM »

ขอโทษพี่เล็กและพี่ชาครับ  งั้นจัดชุดนี้ไปครับ 190 เมนูชูสุขภาพ ดีใจจัง





คลิ๊กเลยครับ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!