การแก้ปัญหา ลูกติดเกมส์... ทำไงดีี
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่14"
พฤศจิกายน 01, 2024, 05:45:54 am *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: การแก้ปัญหา ลูกติดเกมส์... ทำไงดีี  (อ่าน 2023 ครั้ง)
Nattawut-LSV Team
E23IUY
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน808
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3581


อีเมล์
« เมื่อ: เมษายน 16, 2009, 01:54:28 pm »

น.พ.กมล แสงทองศรีกมล
กุมารแพทย์ จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น


ท่านผู้อ่านที่มีลูกมีหลานเคยมีปัญหาเหล่านี้บ้างไหมครับ
ั• ลูกติดคอมพิวเตอร์เกมส์หรือวิดีโอเกมส์ เล่นวันละหลายชั่วโมง ห้ามก็ไม่ฟัง
• ลูกเล่นคอมพิวเตอร์เกมส์ หรือวิดีโอเกมส์ จนไม่ทำการบ้าน ไม่อ่านหนังสือเรียนจนการเรียนตก
• ลูกติดคอมพิวเตอร์เกมส์ ชวนไปไหนก็ไม่ไป อยากอยู่แต่บ้านเล่นเกมส์

• เกมส์คอมพิวเตอร์มีกี่ชนิด
ใครมีลูกมีหลานคงมีโอกาสเจอเหตุการณ์ที่ลูกของเรารบเร้าให้ซื้อเกมส์ให้ ( โดยเฉพาะลูกชาย ) บางเกมส์เราก็งง ไม่รู้จัก แต่พอลูกซื้อมาแล้วก็จะเริ่มรู้จัก คุณพ่อบางคนก็อาจเผลอแอบเล่นของลูกด้วย
เราลองมาทำความรู้จักเกมส์ กันหน่อย ไม่ได้โฆษณาให้บริษัทเกมส์นะครับ แต่เนื่องจากเป็นของใกล้ตัว จะได้คุย หรือต่อรองกับลูกได้
1. เกมส์คอมพิวเตอร์พีซี เป็นเกมส์ที่อยู่ในรูปแบบแผ่นวิดีโอซีดีใช้เล่นกับเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะหรือเล่นกับคอมพิวเตอร์โน๊ตบุคก็ได้ เป็นเกมส์ที่เราเห็นคุ้นตาพอควร เทคโนโลยีของซีพียู ก้าวไกลไปมาก
จนทำให้ดูเหมือนจริงมาก วันก่อนเห็นเกมส์ spiderman 2 เหมือนจริงมากครับ สามารถบังคับให้ตัวspiderman ไต่ขึ้นไปตามตึกกระโดด ปล่อยใย แมงมุมได้ และไปต่อสู้กับผู้ร้ายเหมือนในหนังโรงที่เราดูเลยครับ อย่างนี้จะไม่ให้ เด็กๆ ติดได้อย่างไร
2. เกมส์เพลย์ สเตชั่น
เป็นเกมส์ที่อยู่ในรูปแบบของแผ่นเกมส์ที่เล่นกับเครื่องเล่น เกมส์โดยเฉพาะ โดยต่อภาพและเสียงเข้ากับโทรทัศน์
ที่เราเห็นกันบ่อยๆ เช่นเกมส์ฟุตบอล เกมส์ยิงๆ เกมส์ชนิดนี้ก็ เป็นที่นิยมของเด็กๆมากครับ
3. เกมส์บอย
ลักษณะเป็นเครื่องเล่นเกมส์เล็กๆ ชนิดพกพา ขนาดเท่าฝ่ามือ ด้วยขนาดที่พกง่าย มีภาพมีเสียงในตัวเลย มีหลายรุ่น จึงเป็นเกมส์ที่เรามักเห็นเด็กหลายๆคน เล่นในรถ ในโรงพยาบาล หรือเล่นไป กินข้าวไป เดินไปเล่นไป ( ไม่ดีเลยครับ)
4. เกมส์ออนไลน์
เป็นเกมส์ใหม่ที่ได้คำกล่าวขานมากที่สุด เกมส์ที่มีชื่อเสียงคือ เกมส์แรคนารอค (Raknarok) ทำให้เด็กๆ หลายๆคน เล่นแล้วติดมาก เล่นนานทั้งวัน ทั้งคืน กลางวันพักแค่เวลากินข้าว แล้วก็รีบมาเล่นต่อ กลางคืนเล่นถึงตี1ตี2 ไม่ยอมนอน ทำให้เด็กมัธยมบางคนที่ผมเคยเจอ ผลการเรียนตกลง เคยได้เกรด4 ร่วง ลงมาเหลือเกรด1
และทำให้พ่อแม่หลายคนเครียด ไม่เป็นอันทำการทำงาน เพราะไม่รู้จะทำอย่างไรกับลูกดี

•ทำไมเกมส์ออนไลน์ถึงทำให้เด็กติดมาก
เราต้องมาศึกษากันแล้วครับเพราะมันไม่ใช่เกมส์ธรรมดา แต่ต่างจากเกมส์อื่นๆที่กล่าวมาแล้วทั้งหมดคือ
1. มีสังคมซ่อนอยู่ เด็กจะนัดเพื่อน ๆที่โรงเรียนมาเล่นเกมส์ด้วยกันในเวลานัดกันไว้ สามารถแชทคุยกันได้
หรืออาจมีคนอื่นที่ไม่รู้จักมาเล่นด้วย และเริ่มคุ้นเคยกัน สำหรับเด็กวัยรุ่นที่พ่อแม่ไม่ค่อยมีเวลาให้ สังคมในเกมส์ออนไลน์เหล่านี้ช่วยแก้เหงาได้ดีมากครับ
2. มีระดับของการเล่น เท่าที่ทราบมีประมาณ 99 level ใครที่เล่นเก่ง ได้ level สามารถขายI.D. ให้เพื่อนหรือผู้อื่นที่ยังเล่นไม่ถึง แต่อยากเล่น level สูงๆได้ ผมพบว่าเด็กวัยรุ่นหลายคนภูมิใจนะครับว่าสามารถหาเงินเองได้
3.เนื่องจากเป็นเกมส์ออนไลน์ ที่สามารถโปรแกรมให้เล่นเองได้ พูดง่ายๆก็คือเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ออนไลน์ทิ้งไว้ทั้งคืน แล้วตั้งอัตโนมัติไว้ให้เครื่องเล่นเกมส์แทนเรา เพื่อให้ได้ level สูงขึ้น บริษัทเกมส์ก็มีแต่ได้กับได้ครับ

• เกมส์มีผลกระทบต่อเด็กอย่างไร
ปัจจุบันพบว่าเด็กรับรู้ต่อการเล่นเกมส์เร็วขึ้น เด็กบางคนอาจเริ่มเล่นเกมส์ง่ายๆตั้งแต่อายุ เพียง3 ขวบพอเริ่มจับเมาส์หรือกด คีย์บอร์ดได้ก็เริ่มเล่นเกมส์เป็นแล้วครับ พอโตขึ้นก็มักจะใช้เวลาเล่นนานขึ้น บางคนอาจถึง8 -10ชั่วโมงต่อวัน ครับ..ผลกระทบของการที่เด็กใช้เวลากับคอมพิวเตอร์หรือเล่นเกมส์มากเกินไปอาจจะมีผลคล้ายกับการที่เด็กดูโทรทัศน์มาก เกินไปนั่นคือ
1. เด็กไม่มีเวลาไป ทำกิจกรรมอื่นๆที่มี ประโยชน์เช่น อ่านหนังสือ ทำการบ้าน เล่นกีฬา ออกกำลังกาย และไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับสมาชิกในครอบครัวเช่นพ่อแม่ พี่น้อง
2 ผลกระทบต่อการเรียนก็พบได้บ่อยคือ ผลการเรียนที่อาจจะแย่ลง เนื่องจากเด็กให้ความสนใจทั้งหมดไปกับคอมพิวเตอร์หรือเกมส์ เด็กบางคนเคยเรียนดี ก็เรียนตกลง บางคนถึงกับต้องสอบซ่อมก็มีครับ
3. คอมพิวเตอร์และเกมส์ทำให้เด็กไม่สามารถแยกแยะระหว่างจินตนาการและความเป็นจริงได้ ยกตัวอย่างเช่น
การเล่นเกมส์แพ้กี่ครั้งก็สามารถเริ่มต้นใหม่ได้ ซึ่งในชีวิตจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น
เด็กหลายคนเก็บเรื่องราวในเกมส์ไปนั่ง จินตนาการในห้องเรียนเลยครับ ครู ไม่เข้าใจก็ คิดว่านักเรียนเหม่อหรือใจลอย แต่ จริงๆ แล้วพยายามคิดแก้ปัญหาเรื่องราวที่อยู่ในเกมส์ บางคนก็ต้องซื้อหนังสือแก้ ปัญหาเกมส์มานั่งอ่านที่โรงเรียน
4. ปัญหาโรคอ้วน พบว่าเด็กที่ดูทีวี เล่นคอมพิวเตอร์ เล่นเกมส์มากๆ มักจะอ้วนขึ้นเพราะระหว่างที่มักกินของว่างเช่นขนม น้ำอัดลมไปด้วย ร่วมกับการที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย
5. อาจมีผลต่อความก้าวร้าวรุนแรง
จากการสำรวจเด็กมัธยม 1 และ 2 ใน ประเทศสหรัฐอเมริกาจำนวน 357 คน พบว่าเด็กใช้เวลาในการเล่นวิดีโอเกมส์เฉลี่ย 4.2 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และกว่าครึ่งของเกมส์เป็นเกมส์ที่มีความรุนแรง ส่วนใหญ่วิดีโอเกมส์ที่ใช้ความรุนแรงก็มักเป็นเกมส์ที่ได้รับความนิยม โดยมีจำนวนถึง 40 เกมส์จากเกมส์ยอดนิยมทั้งหมด 47เกมส์ ในปัจจุบันมีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับวิดีโอเกมส์และคอมพิวเตอร์เกมส์ค่อนข้างน้อยมากครับ แต่ปัญหาก็คือเกมส์คอมพิวเตอร์พัฒนาไป์มากขึ้นเรื่อยๆจนตามแทบไม่ทัน ทั้งใน แง่ภาพ และเสียงที่เหมือนจริง ฉากการต่อสู้ ที่ก้าวร้าวรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ยกตัวอย่างเช่นเกมส์สงคราม ผู้เล่นยิงปืนกลใส่ทหารที่อยู่ในเกมส์เลือดทะลัก เกมส์ต่อสู้ กับผีดิบมีการยิงปืนใส่ ผีดิบหัวกระจุย

• ลูกติดเกมส์ที่มีภาพความรุนแรงมีผลอย่างไร
พบว่ามีผลกระทบ 3 ประการครับ
่่1 เกิดการเรียนรู้พฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง
2 ลดความรู้สึกและปฏิกิริยาที่มีต่อความรุนแรงลง คือเห็นความรุนแรงเป็นเรื่องธรรมดา เช่นการเล่นเกมส์ก้าวร้าวรุนแรงบ่อยๆทุกวัน อาจเห็นการฆ่า ทำลายกันเป็นเรื่องธรรมดา
3 เด็กบางคนอาจเกิดความหวาดกลัวการเป็นเหยื่อของความรุนแรง กรณีนี้พบน้อยครับ
อันนี้เป็นผลกระทบที่คาดว่าจะมี แต่ก็ยังคงไม่มีงานศึกษาวิจัยที่ดีพอในการศึกษาผลกระทบของวิดีโอเกมส์ที่มีต่อเด็ก ส่วนเรื่องของคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตในปัจจุบันยังไม่มีการศึกษาวิจัยผลกระทบของการใช้คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต มีเพียงรายงานบางเรื่องเช่นรายงานนักเรียนที่สังหารเพื่อนที่โรงเรียนใน สหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นข่าวเมื่อไม่นานมานี้พบว่าเด็กกลุ่มนี้มักใช้คอมพิวเตอร์เป็นประจำและเวบไซต์ที่เข้าไปบ่อยเป็น เวบไซตที่มีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับความก้าวร้าวรุนแรงครับ

• การเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ พอจะมีประโยชน์อะไรบ้างไหม
ก็มีการศึกษาด้านดีเหมือนกันครับ โดยพบว่าเด็กวัยอนุบาลที่เล่นวิดีโอเกมส์จะมีพัฒนาการหลาย ๆด้านดีกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับเด็กที่ไม่ได้เล่นวิดีโอเกมส์ และพบว่าวิดีโอเกมส์มีประโยชน์ในการสอนทักษะที่เกี่ยวกับการกะระยะ

• จะป้องกันปัญหาเรื่องของเกมส์คอมพิวเตอร์อย่างไร
1 ใช้ประโยชน์จากเกมส์คอมพิวเตอร์ในแง่การศึกษาให้มากขึ้นเช่นคัดเลือกโปรแกรมเกมส์ที่เหมาะสมกับอายุให้ลูก เช่นโปรแกรมสอนวิชาต่างๆเกมส์การศึกษา หรือการสอนภาษาอังกฤษ ช่วยลูกค้นหาข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ทางเว็บไซต์ ในอินเตอร์เน็ต
2 กำหนดและควบคุมเวลาเล่นของลูก
เราน่าจะเอาหลักการของสมาคมกุมารแพทย์อเมริกันมาใช้ได้คือโดยทั่วไปเด็กอายุน้อยกว่า2 ปี ไม่ควรให้ดูทีวีเลย หลังจากนั้นไม่ควรให้ดูทีวี(หรือเล่นคอมพิวเตอร์)เกิน 2 ชั่วโมง/ วัน พ่อแม่ต้องกำหนดเวลาที่เด็กจะเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์หรืออินเตอร์เน็ตให้ชัดเจน และควบคุมไม่ให้เด็กใช้เวลากับเกมส์คอมพิวเตอร์มากเกินไป อาจต้องลงในรายละเอียดว่าให้เล่นได้วันละกี่ชั่วโมง สัปดาห์ละกี่วัน บางบ้านก็ตั้งกฎไว้เลยว่าจะให้เล่นได้เฉพาะวันเสาร์ อาทิตย์เท่านั้น
ผมมีข้อแนะนำที่ดีอีกอย่างหนึ่งครับ คือเมื่อคุณพ่อคุณแม่ตัดสินใจซื้อเกมส์ให้ลูกแล้ว พ่อแม่ควรเป็นคนเก็บรักษาเครื่องเล่นเกมส์นั้นไว้เอง เช่นเกมส์บอย หรือเกมส์เพลย์สเตชั่นอันเล็กๆทำให้เก็บง่ายครับ กล่าวคือไม่ทิ้งเครื่องเล่นเกมส์เอาไว้ในห้องนอนหรือห้องรับแขก เพราะลูกนึกอยากเล่นเมื่อไรก็เล่นได้เลย หรือแอบเล่นตอนพ่อแม่ไม่อยู่ ที่แนะนำก็คือให้คุณพ่อคุณแม่เก็บเครื่องเล่นเกมส์ไว้ในตู้หรือลิ้นชักที่สามารถปิดลอคได้
เมื่อถึงเวลาที่เรากำหนดให้ลูกเล่นจึงค่อยเอาออกมาให้เล่น พอครบกำหนดเวลาให้เลิก พ่อแม่ก็นำเครื่องเล่นเกมส์ เก็บเข้าตู้ลอคไว้ ทำอย่างนี้เด็กก็จะรู้กฎเกณฑ์ของการเล่นเกมส์ครับ การควบคุมก็จะง่ายขึ้น และเป็นการป้องกันปัญหาลูกติดเกมส์เสียแต่ต้นมือครับ นอกจากนี้การควบคุมนั้นต้องการเวลาจากพ่อแม่ในการคอยเฝ้าติดตามด้วยเช่นเมื่อพ่อแม่กำหนดให้เล่นได้ 2 ชั่วโมง แต่พ่อแม่ไม่ได้ควบคุมเมื่อครบ 2ชั่วโมง เด็กก็เล่นต่อ เนื่องจากคอมพิวเตอร์และเกมส์เป็นสิ่งเร้าที่รุนแรงสำหรับเด็ก และเด็กก็จะเรียนรู้ว่าพ่อแม่ไม่เอาจริงกับเรื่องนี้
คำสั่งหรือข้อตกลงก็จะไม่มีความหมาย การควบคุมเวลาเล่นเกมส์ให้ได้ผลจึงขึ้นกับเวลาและความหนักแน่นของพ่อแม่ครับ ถ้าคุณพ่อคุณแม่กลับบ้านดึกทั้งคู่ก็จะไม่สามารถควบคุมลูกได้ อาจต้องไหว้วานคุณปู่ย่าคุณตายายช่วยควบคุม หรือให้พี่เลี้ยงช่วยรายงานให้ทราบ
3. หากิจกรรมเสริมที่น่าสนใจ เช่นชวนลูกไปเล่นกีฬา สร้างสรรงานศิลปะ ปลูกต้นไม้ ทำอาหาร ทัศนศึกษา
พ่อแม่ต้องพยายามหากิจกรรมที่น่าสนุกกว่าเพื่อเอาชนะความสนุกที่ลูกได้จากเกมส์ให้ได้

คอมพิวเตอร์มีคุณประโยชน์มากมาย ถ้าใช้ให้ถูกต้องและเหมาะสม แต่ในขณะเดียวกันถ้าคุณพ่อคุณแม่ไม่ควบคุมการใช้ โดยเฉพาะการเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ก็อาจมีโทษมหันต์ต่อลูกหลานของเราได้ มาช่วยกันป้องกันปัญหาลูกติดเกมส์กันเถอะครับ..ดีกว่ามาตามแก้ไขเมื่อลูกติดเกมส์ไปแล้ว ซึ่งแก้ไขยากกว่ามากครับ
 


บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!