เจ้าชายแดร็กคิวล่า เจ้าชายวล้าดที่ 3 แห่งโรมาเนีย
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่21"
พฤษภาคม 29, 2024, 01:49:31 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เจ้าชายแดร็กคิวล่า เจ้าชายวล้าดที่ 3 แห่งโรมาเนีย  (อ่าน 21574 ครั้ง)
แวมไพร์-LSVteam♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน912
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3712


..เรียนให้รู้เป็นครูเขา.Learning by doing


« เมื่อ: พฤษภาคม 02, 2008, 12:55:02 PM »

เจ้าชายแดร็กคิวล่า เจ้าชายวล้าดที่ 3 แห่งโรมาเนีย



ตามตำนานแดร็กคิวลา เจ้าชายที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นผีดูดเลือดมีพระนามว่า เจ้าชายวล้าดที่ 3 หรือที่รู้จักในนาม วล้าด เทเปส (Vlad Tepes) เป็นเจ้าครองแคว้นวาลาเชีย แต่ถือกำเนิดในดินแดนทรานซเวเนีย หรือโรมาเนียในปัจจุบัน

ต้นตระกูลของเจ้าชายวล้าด คือเจ้าชายบาซาราบมหาราช ผู้กอบกู้เอกราชแคว้นวาลาเชียจากฮังการีในปีค.ศ.1310 และปกครองอยู่ช่วงปี 1310-1352 ต่อด้วยเจ้าชายเมียร์ซี ปู่ของเจ้าชายวล้าด ซึ่งนำทัพพ่ายแพ้ในการรบกับฝ่ายเติร์กบ่อยครั้ง จนต้องยอมจำนนอยู่ภายใต้อาณาจักรออตโตมาน

การสืบบัลลังก์ของราชวงศ์วาลาเชียไม่จำเป็นต้องสืบสายเลือดจากพ่อสู่ลูก แต่มาจากการเลือกตั้งโดยเหล่าขุนนางผู้เป็นเจ้าของที่ดินตระกูลต่างๆ ดังนั้น จึงเกิดศึกชิงบัลลังก์และลอบสังหารบ่อยครั้ง ขณะที่ตระกูลบาซาราบนั้นแตกออกเป็นสองสาย คือสายเมียร์ซี และสายแดนเนสติ

ฝ่ายเจ้าชายแดร็กคิวลายึดบัลลังก์ได้ตั้งแต่ช่วงรุ่นพ่อ คือวล้าดที่ 1 ซึ่งเป็นนักรบที่มีชื่อเสียงโด่งดังจากการสู้รบที่ไม่กลัวชนเผ่าเติร์ก จนเหล่าขุนนางตั้งฉายาว่า "ดราคูล" หมายถึง"มังกร" และลูกคนที่ 2 ของวล้าดที่ 1 ได้ฉายาว่า "แดร็กคิวล่า" หมายถึง "บุตรของมังกร" ขณะที่ฝ่ายเยอรมัน แซ็กซอน อีกศัตรูของวล้าด เรียกว่า "บุตรของปีศาจ" สังหารทายาทในอีกสายตระกูลได้สำเร็จและขึ้นครองราชย์เป็นเจ้าชายวล้าดที่ 2

แดร็กคิวล่าผู้พ่อแต่งงานกับเจ้าหญิงแห่งมอลโดวา มีลูก 3 คน โดยแดร็กคิวล่าน้อยเป็นคนกลาง เกิดเมื่อปีค.ศ.1431 เติบโตมาเป็นนักรบที่เก่งกาจเช่นเดียวกับพ่อ

นับตั้งแต่ปีค.ศ.1444 ที่เติร์กกับฮังการีเปิดศึกรบพุ่งกันอย่างตึงเครียด ตระกูลของแดร็กคิวล่ากลายเป็นหมากของการถ่วงดุลอำนาจ ซึ่งมีแต่เสียเปรียบทุกด้าน ในวัย 13 แดร็กคิวล่าถูกส่งไปอยู่เอเดรียนโนเปิลนาน 4 ปีในฐานะตัวประกัน ท่ามกลางความโหดร้ายของสงครามที่ญาติพี่น้องถูกสังหาร แดร็กคิวล่าสะสมความกลัวและแค้นแปรเป็นความโหดแบบเลือดเย็น

ในปี 1456 หลังจากการชิงบัลลังก์และลอบฆ่ากันพัลวัน แดร็กคิวล่ากลับมาทวงบัลลังก์ได้อีก และครองวาลาเชียในนามวล้าดที่ 3 ตั้งเมืองหลวงชื่อทีร์โกวิสต์ สร้างปราสาทและรูปปั้นของตนเองไว้ในเมือง

นอกจากนโยบายปกครองแบบปิดประเทศ บวกกับรสนิยมส่วนตัวที่ชอบความรุนแรง ทำให้แดร็กคิวล่าบริหารความโหดของตนได้เต็มที่ มีเรื่องเล่าว่าเจ้าชายองค์นี้เชิญขอทาน คนแก่ และคนที่เจ็บป่วยเข้าวังแล้วตั้งคำถามว่า "ท่านอยากเป็นคนที่ถูกละเลยและทอดทิ้งหรือไม่" เมื่อชาวบ้านตอบว่า ไม่ แดร็กคิวล่าจึงเผาคนกลุ่มนี้ให้ตายทั้งเป็น ด้วยเหตุผลว่าจะได้ไม่มีคนจนและคนมีปัญหาในประเทศอีก


ว่ากันว่าในช่วงเวลาที่แดร็กคิวล่าครองเมืองจนถึงปี 1462 สังหารประชาชนที่ไร้ทางสู้ไปราว 40,000-100,000 คน ในจำนวนนี้หลายครั้งที่แดร็กคิวล่านั่งกินข้าวชมการประหารชีวิตแบบโหดๆ อย่างเพลิดเพลิน

ในปี 1476 ระหว่างที่ถูกทัพเติร์กโจมตี แดร็กคิวล่าเสียชีวิตที่บูคาเรสต์ เชื่อว่าผู้สังหารคือคนของแดร็กคิวล่าเอง กษัตริย์ของเติร์กสั่งให้ตัดศีรษะของแดร็กคิวล่าแขวนไว้ที่คอนสแตนติโนเปิล ส่วนร่างแยกไปฝังที่เกาะของตระกูลสนากอฟ ที่แดร็กคิวล่าเคยอุปถัมภ์ แต่ภายหลังที่มีการขุดค้นอุโมงค์ในปี 1931 กลับไม่พบโลงศพของแดร็วคิวล่า จึงทำให้เกิดเรื่องราวเล่าขานที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งขึ้น




ที่มา...กดเลยครับ

อยากรู้ประวัติแวมไพร์ผีดูดเลือด กดเลยครับ


บันทึกการเข้า

แวมไพร์-LSVteam♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน912
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3712


..เรียนให้รู้เป็นครูเขา.Learning by doing


« ตอบ #1 เมื่อ: พฤษภาคม 02, 2008, 01:08:40 PM »

แวมไพร์


นอสเฟอราตู แวมไพร์ จากภาพยนตร์เรื่อง Nosferutu : A Symphony of Horror ที่ดัดแปลงมาจากนวนิยายเรื่อง เค้าท์แดร็กคูล่าร์

แวมไพร์ (Vampire) ผีชนิดหนึ่งตามความเชื่อของชาวยุโรป ในยุคกลาง เชื่อว่าเป็นผีดิบ ที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนมนุษย์ทั่วไป แต่มีฟันแหลมคม ดื่มเลือดของมนุษย์ด้วยกันเป็นอาหารเพื่อหล่อเลี้ยง โดยที่แวมไพร์จะมีชีวิตเป็นอมตะ ไม่มีวันตาย จะปรากฏตัวได้แต่เฉพาะเวลากลางคืน เพราะกลางวันแพ้เเสงแดด แวมไพร์จะหลบซ่อนอยู่ในโลงของตนหรือในหลุมในเวลากลางวัน สามารถแปลงร่างได้หลายแบบ เช่น ค้างคาว, นกฮูก, หมาป่า, กบ, คางคก, แมลงเม่า, งูพิษ เป็นต้น สามารถกำบังกายหายตัวได้ ไม่มีเงาเมื่อกระทบกับแสงหรือสะท้อนในกระจก มีแรงมากเหมือนผู้ชาย 20 คน สิ่งที่จะกำราบแวมไพร์ได้คือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนา เช่น ไม้กางเขน, น้ำมนตร์ หรือแม้กระทั่งสมุนไพรกลิ่นแรงบางชนิด เช่น กระเทียม วิธีฆ่าแวมไพร์มีมากมาย เช่น ตอกลิ่มให้ทะลุหัวใจ เผา หรือ ตัดหัวด้วยจอบของสัปเหร่อ บุคคลที่ตกเป็นเหยื่อของมัน จะกลายเป็นแวมไพร์ไปด้วย และกลายเป็นสาวกของแวมไพร์ตนที่ดูดเลือดตัวเอง

ชาวยุโรปในยุคกลางนั้น หวาดกลัวแวมไพร์มาก ผู้ที่สงสัยว่าเป็นแวมไพร์ จะตกอยู่ในสถานะเดียวกับแม่มด หรือ มนุษย์หมาป่า คือ ถูกตัดสินลงโทษด้วยการเอาถึงชีวิต มีวิธีการป้องกันการรุกรานของแวมไพร์หลายวิธี เช่น บางหมู่บ้านจะโปรยเมล็ดข้าวไว้บนหลังคาบ้าน เพราะเชื่อว่าแวมไพร์จะง่วนกับการนับเมล็ดข้าวเป็นการถ่วงเวลาจนรุ่งเช้า หรือ โรยเศษขนมปังไว้ตั้งแต่สุสานให้แวมไพร์เดินเก็บเศษขนมนั้นวนเวียนไปมา หรือแม้แต่การวางไม้กางเขนหรือดอกกุหลาบที่มีหนามแหลมเพื่อเป็นการพันธนาการไว้ในโลง

เรื่องราวของผีแวมไพร์ มีมากมาย ที่เป็นนิทานพื้นบ้านและวรรณกรรม โดยวรรณกรรมที่ว่าถึงแวมไพร์ที่เก่าแก่ที่สุด มีมาตั้งแต่สมัยโรมัน วรรณกรรมที่มีชื่อเสียงที่สุดของแวมไพร์คือ เรื่องเค้าท์แดร็กคูล่าร์ ของ บราม สโตกเกอร์ ที่โด่งดังจนมีการนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ ละคร ละครเวที หรือแม้แต่กระทั่งภาพยนตร์การ์ตูนมากมายตราบจนปัจจุบัน เช่น ภาพยนตร์เรื่อง Nosferatu ในปี ค.ศ. 1922 เป็นต้น

เป็นไปได้ว่าความเชื่อเรื่องของแวมไพร์ที่สามารถแปลงร่างเป็นค้างคาวได้ อาจมีที่มาจากที่ทวีปอเมริกากลาง มีค้างคาวขนาดเล็กชนิดหนึ่ง ดูดเลือดสัตว์ที่ใหญ่กว่าเป็นอาหารในเวลากลางคืน ซึ่งค้าวคาวชนิดนี้ก็ได้มีการเรียกชื่อว่า แวมไพร์ เช่นกัน


ที่มา...กดเลยครับ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!