นำยางพาราและขี้เลื่อยจากไม้มาทำหลังคา...ลดโลกร้อน
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่21"
พฤษภาคม 01, 2024, 11:22:26 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: นำยางพาราและขี้เลื่อยจากไม้มาทำหลังคา...ลดโลกร้อน  (อ่าน 3731 ครั้ง)
แวมไพร์-LSVteam♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน912
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3712


..เรียนให้รู้เป็นครูเขา.Learning by doing


« เมื่อ: เมษายน 08, 2008, 10:20:34 AM »

นำยางพาราและขี้เลื่อยจากไม้มาทำหลังคา...ลดโลกร้อน





แววบุญ แย้มแสงสังข์ นักศึกษาปริญญาเอก บัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม (JGSEE) มหาวิทยาลัยเทคโน โลยีพระจอมเกล้าธนบุรี วิจัยเรื่อง “การผลิตหลังคายางพาราจากวัสดุผสมยางธรรมชาติกับขี้เลื่อยไม้ที่ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นทั้งหลังคาและฉนวนกันความร้อนในขณะเดียวกัน โดยมี ศ.ดร.ณรงค์ฤทธิ์ สมบัติสมภพ เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา ภายใต้ความร่วมมือจาก 3 ฝ่าย คือ JGSEE สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และภาคเอกชน
 
แววบุญ กล่าวว่า การพัฒนาหลังคาประหยัดพลังงาน เริ่มจากการนำ ยางพารา ซึ่งประเทศไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกยางพารามากเป็นอันดับหนึ่งของโลก มาผสม ผงขี้เลื่อยไม้ยางพารา ซึ่งเป็นวัสดุเหลือทิ้งที่มีราคาถูก เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ยางพาราที่แข็งและคงรูปเป็นหลังคาได้ แต่เนื่องจากยางพารามีจุดอ่อนอยู่ที่ไม่ทนต่อแสงแดด จึงมีการปรับปรุงคุณสมบัติให้ทนต่อแสงแดดมากขึ้น โดยการเติมสารต่อต้านการเสื่อมสภาพ หรือ UV stabilizer และ antioxidant และนำยางสังเคราะห์ EPDM (ethylene propylene diene rubber) ซึ่งมีความทนทานต่อแสงแดดมาเคลือบด้านบนหลังคา และเพิ่มคุณสมบัติการเป็นฉนวนกันความร้อนให้กับหลังคายางพารา ด้วยการสร้างชั้นดูดซับความร้อนที่มีลักษณะโครงสร้างเซลลูล่า (คล้ายฟองน้ำ) ขึ้นในชั้นยางสังเคราะห์ EPDM โดยการเติมสารก่อฟอง (Blowing agent)




“การสร้างชั้นของฉนวนกันความร้อนที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นอยู่กับชนิด ปริมาณของสารก่อฟอง และกระบวนการขึ้นรูป เนื่องจากสารแต่ ละชนิดจะสร้างฟอง หรือ เซลล์ที่มีลักษณะแตกต่างกัน อาทิ เซลล์เล็ก เซลล์ใหญ่ เซลล์เปิด หรือ เซลล์ปิด ซึ่งจากการทดลองพบว่าเซลล์ที่ทำหน้าที่เป็นฉนวนที่ดีต้องมีลักษณะเป็นเซลล์ปิด คือ มีลักษณะทรงกลมกระจายตัวสม่ำเสมอ และแต่ละเซลล์จะพองออกจนมีผนังของเซลล์ชนกัน แต่ไม่เปิดเชื่อมต่อกัน เพราะเซลล์ที่เปิดเชื่อมต่อกัน หรือเซลล์เปิดที่มีลักษณะคล้ายฟองน้ำอาบน้ำจะไม่สามารถเก็บกักความร้อนไว้ภายในได้ การทด ลองจึงต้องหาปริมาณสาร และสภาวะที่เหมาะสมที่จะทำให้เกิดเซลล์ปิดอย่างสมบูรณ์ หรือมีเซลล์ปิดน้อยที่สุด และกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ” นางแววบุญ กล่าว
 
ขณะนี้การวิจัยหลังคาประหยัดพลังงานกำลังอยู่ในช่วงการทดสอบประสิทธิภาพความเป็นฉนวนกันความร้อน ซึ่งคาดว่าน่าจะมีค่าการนำความร้อนต่ำกว่าวัสดุมุงหลังคาทั่วไป
 
สำหรับข้อได้เปรียบของหลังคาประหยัดพลังงาน คือ เป็นหลังคาและฉนวนกันความร้อนในเวลาเดียวกัน ซึ่งจะเพิ่มความสะดวกในการติดตั้ง และน้ำหนักของหลังคาที่มีเบากว่าหลังคาทั่วไป เนื่องจากโครงสร้างเซลลูล่าในชั้นยาง EPDM ทำให้ประหยัดฐานราก และไม่ต้องออกแบบฐานรากเผื่อน้ำหนักหลังคาเหมือนเช่นที่เคยทำกับหลังคาทั่วไป ประหยัดพลังงานในการขนส่ง มีความปลอดภัยหากเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติ เพราะหลังคาที่มีน้ำหนักเบาจะไม่เป็นอันตรายต่อชีวิตหากหล่นลงมาทับคนหรือสัตว์ รวมถึงสารก่อฟองที่ใช้ไม่ใช่สาร CFC ทั้งนี้กระบวนการผลิตหลังคายางประหยัดพลังงาน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย
 




นางแววบุญ กล่าวอีกว่า ขณะนี้มีการพัฒนาและผลิตหลังคายางแล้วในต่างประเทศ ซึ่งการนำเข้ามาใช้ยังมีราคาแพงอยู่ งานวิจัยครั้งนี้ จึงเป็นการสร้างองค์ความรู้ของประเทศไทย โดยใช้วัสดุที่มีอยู่ภายในประเทศ ทำให้มีราคาถูกกว่าต่างประเทศ ซึ่งในอนาคตอันใกล้ประชาชนจะสามารถใช้หลังคายางพาราประหยัดพลังงานได้ในราคาที่ใกล้เคียงกับการติดตั้งหลังคาพร้อมฉนวนในปัจจุบัน.




บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!