อยากได้สูตรทำข้าวเหนียวมูน ที่ทานกับมะม่วงครับ

ข้าวเหนียวมูล
ส่วนผสม
- ข้าวเหนียวเขี้ยวงู 6 ถ้วยตวง
( ข้าวเหนียวเขียวงูเก่า = ข้าวเหนียวเขี้ยวงูกลางปี เวลาซื้อให้บอกเค้าว่าข้าวเหนียวเขียวงูเก่า หรือกลางปี เพราะเวลานึ่งจะได้ข้าวเหนียวที่ตัวสวยเรียงเม็ด ถ้าเป็นข้าวหนียวใหม่เวลานึ่งแล้วจะได้ข้าวเหนียวตัวนิ่มๆเวลานำมามูลจะดูแฉ ะๆ )
- หัวกะทิข้น 2 1/2 ถ้วยตวง
- ใบเตย 6 ใบ
- น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง
- เกลือป่น 2 ช้อนชา
- สารส้มป่น 2 ชต.
หน้ากะทิ
- หัวกะทิข้น 1 ถ้วยตวง
- เกลือ 1/2 ชช.
- แป้งข้าวเจ้า 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
- นำข้าวเหนียวใส่หม้อ ใส่น้ำให้ท่วมข้าวเหนียวโรยสารส้มให้ทั่ว ถูและขัดให้ขาวเทน้ำสารส้มทิ้งแช่ด้วยน้ำเปล่าให้ท่วมข้าวเหนียวพักไว้ 3 ชั่วโมง ซาวข้าวด้วยน้ำสะอาด 3 ครั้ง
ใช้ผ้าขาวบางปูหวด เทข้าวเหนียวเกลี่ยให้ทั่ว นึ่งน้ำเดือดไฟแรงประมาณ 25 นาที
ผสมหัวกะทิ น้ำตาลทราย เกลือป่น ใบเตย ตั้งไฟคนให้ละลาย กรองด้วยผ้าขาวบาง ยกขึ้นตั้งไฟ ให้เดือดยกลงเทข้าวเหนียวที่สุกร้อน
คนข้าวเหนียวกับน้ำกะทิด้วยไม้พายให้ทั่ว ปิดฝาพักไว้ข้าวเหนียวจะดูดกะทิจนแห้ง ( ต้องทำขณะข้าวเหนียวสุกจากหวด ถ้าไม่ร้อนข้าวเหนียวจะไม่ดูดน้ำกะทิ )
ระหว่างรอข้าวเหนียวดูดน้ำกะทิ ก็มาทำกะทิราดหน้า โดยนำหัวกะทิเกลือใบเตย 1 ใบ ตั้งไฟให้ร้อน
ใส่แป้งข้าวเจ้าลงไปคนให้เข้ากันพอเดือดปิดเตายกขึ้น
ส่วนถั่วซีกคั่ว
- ให้คั่วถั่วเหลืองซีกจนเหลืองหอม นำไปโรยข้าวเหนียว ราดกะทิ ทานคู่กัน

พอเสร็จเรียบร้อยก็ปอกมะม่วงเสริฟได้เลย
ข้าวเหนียวมูลที่เหลือ
ให้เก็บไว้ในตู้เย็น เวลาจะทำรับประทานใหม่ก็ให้นำมานึ่ง แล้วนำมารับประทานได้ ถ้าเหลือเก็บไว้ในตู้เย็นหลายครั้งรวมกัน ก็นำมาทำเป็นแผ่นเล็ก ๆ แล้วนำมาทอดในน้ำมันพืช เคี่ยวน้ำตาลให้เหนียวแล้วนำมาหยอดหน้าเรียกว่านางเล็ด หรือนำมาคลุกกับน้ำตาลเกลือเล็กน้อยตากให้แห้ง นำมาทอดกับน้ำมันพืชเป็นอาหารว่างได้อย่างหนึ่ง

ข้าวเหนียวมูลที่อร่อยและผมผ่านไปจะแวะซื้อประจำ(ประเภทซื้อสบายกว่าทำ)ก็ที่
ข้าวเหนียวมูล ก.พานิช ถนนตะนาว
ตรงสี่แยกสี่กั๊กเสาชิงช้าเข้าไปประมาณ 20เมตร ร้านอยู่ขวามือ อาหย่อยม๊ากมาก
ร้าน ก. พานิช
จ ากถนนราชดำเนินกลาง เลี้ยวซ้ายเข้าถนนตะนาว ผ่านศาลเจ้าพ่อเสือไปได้ซักพัก พอเห็นร้านอรสมัยทางด้านขวา ก็เตรียมจอดรถได้เลย เพราะร้านนี้อยู่เยื้องๆกับร้านอรสมัย
ไปถึงร้านก็จะเห็นคนเยอะแยะ ยืนคอยซื้อข้าวเหนียวมูนเจ้าดัง ทางร้านจะจัดไว้เป็นถุงๆ วางแป๊บๆก็หมด คนคอยก็ต้องตั้งตาคอยข้าวเหนียวกะละมังใหม่ต่อไป
เจ้าของร้าน คือ คุณพาณี ยิ้มแย้มบอกว่า คุณแม่ของคุณพาณีขายขนมไทยทั่วไปมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2475 แล้ว และข้าวเหนียวมูนของ ก. พานิช ก็เป็นที่รู้จักกันดีและเป็นที่ติดอกติดใจของคนทุกเพศทุกวัยมากขึ้นเรื่อยมา
ข้าวเหนียวมูนที่นี่ พิเศษตรงที่สามารถคงความอร่อยอยู่ได้ แม้จะค้างไว้ โดยไม่ต้องนำไปแช่เย็นถึง 3 วัน เพียงแต่ปิดไว้ในภาชนะอย่างมิดชิด ห้ามไม่ให้อากาศเข้าเท่านั้น
เคล็ดลับความอร่อย คุณพาณีบอกว่า อยู่ที่ส่วนประกอบทุกอย่างทั้งมะพร้าว เกลือ และ น้ำตาล ต้องได้สัดส่วนที่พอเหมาะกัน และของทุกอย่างต้องใช้คุณภาพดี
อย่างข้าวเหนียวนี่ก็ต้องเป็นข้าว เหนียวเขี้ยวงู ไปสั่งมาจาก อ.แม่จันท์ จ.เชียงราย มะพร้าวก็ต้องมาจากชุมพร เพราะจะทำให้กะทิมันข้น
และที่เน้นมาตลอดก็คือความสะอาด รับรองได้ว่าที่นี่ไม่ใส่สารกันบูดแน่นอน
นอกจากข้าวเหนียวมูน จะทานกับมะม่วงสุกแล้ว ยังมีหน้าต่างๆที่ทานกับข้าวเหนียวมูนได้ด้วย เช่น หน้าสังขยา หน้าปลาแห้ง หน้ากุ้ง
และหน้ากะทิทุเรียน
ร้านจะเปิดทุกวันตั้งแต่ 7 โมงเช้าถึง 2 ทุ่ม
อยู่เลขที่ 431-433 เยื้องปากซอยแพร่งภูธร ถนนบ้านตะนาว
กรุงเทพมหานคร โทร.02-221-3554
ข้าวเหนียวมูล ก.พานิช : เทเวศร์-บางขุนพรหม
ลูกสาว ก.พานิช
ตั้งอยู่เยื้องแบงก์ชาติ อยู่ระหว่างถนนเทเวศน์และแยกบางขุนพรหม เป็นร้านที่เก่าแก่มาก ขึ้นชื่อเรื่องข้าวเหนียวมูลที่อร่อยได้รสข้าวเหนียวนุ่ม รสชาติกะทิที่ใช้ หวานกลมกล่อม สำหรับคนที่หลงรักการทานข้าวเหนียวมะม่วง น่าจะลองลิ้มชิมรสข้าวเหนียวมูลร้านนี้ เวลาขาย : 09.00 น. จำได้ว่ากิโลละ110บาท
ขนมไทยเก้าพี่น้อง อ.ต.ก.
ต ั้งอยู่ในตลาด อ.ต.ก. คูหา 1-2 แผงที่ 31 ตรงข้ามสวนจตุจักร ร้านนี้แค่เดินเข้าไปที่ร้านก็จะพบขนมไทยกว่า 100 ชนิด ทั้งขนมสด ขนมแห้ง คาวหวาน เช่น ตะโก้สารพัดหน้า ทั้งแห้ว เผือก ข้าวโพด สาคูมะพร้าวอ่อน รสชาติหอมมันเค็ม และยังมีข้าวเหนียวหน้าคาวหวาน ทั้งกุ้ง ปลาแห้ง สังขยา ทองหยอด ขนมร้านนี้ไม่หวานมากนัก แต่จะไปใส่ใจเกี่ยวกับเรื่องความหอม มัน และสดใหม่ แถมมีสีสันน่าทานอย่าบอกใคร
ข้าวเหนียวมะม่วง : สุขุมวิท 38
ต ั้งอยู่ที่ซอยสุขุมวิท 38 เป็นร้านข้าวเหนียวมะม่วงหนึ่งเดียวในร้านอาหารปากซอย 38 ขึ้นชื่อที่ความสะอาด และคัดมะม่วงคุณภาพดีมาใช้ มีทั้งมะม่วงน้ำดอกไม้ และมะม่วงอกร่องลูกใหญ่ และรสชาติหวานหอม ได้คุณภาพ ส่วนตัวข้าวเหนียวมูลที่ใช้ก็นุ่ม และรสชาติไม่หวานมาก-น้อยจนเกินไป ร้านนี้ขายทั้งแบบปลีก และส่งถึงบ้าน (สามารถสั่งตามงานต่างๆ ด้วยนะ)
เวลาขาย : 018.00 - 02.00 น.
ร้านขนมหวานชาววัง
ร ้านนี้ ตั้งอยู่ปากซอยพหลโยธิน 37/1 มีขนมหวานแบบโบราณหลายชนิด เช่น ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง เม็ดขนุน ขนมชั้น ขนมหม้อแกง วุ้นกะทิ สังขยา ฯลฯ ราคากล่องละ 10-20-25 บาท และที่ขึ้นชื่อลือชามากของร้านนี้ คือ ข้าวเหนียวมูนชาววัง
คุณวันเพ็ญ นิ่มสว่าง และคุณวรรณ คุ้มพันธุ์ ซึ่งเป็นเจ้าของร้านบอกว่า ร้านเปิดให้บริการมากว่า 22 ปี เริ่มแรกทีเดียวคุณแม่ของคุณวรรณซึ่งทำงานอยู่ในรั้วในวัง ได้เริ่มทำขนมหวานกับคุณวันเพ็ญขายตั้งแต่ปี พ.ศ. 2526 ด้วยการขายบนรถเข็น ก่อนที่จะขยับขยายมาขายที่หัวมุมตึกปากซอยพหลโยธิน 37 จนถึงปัจจุบัน
ข ้าวเหนียวมูนของที่นี่ จะมีอยู่ 2 ชนิด คือ ข้าวเหนียวมูนแบบธรรมดา และข้าวเหนียวมูนใบเตยสีเขียวมรกต ในราคากิโลกรัมละ 70 บาท แต่ถ้าจะแบ่งซื้อเป็นขีดก็มีจำหน่าย
ปกติจะนึ่งข้าวเหนียวมูลขายวันละไม่ต่ำกว่า 200 กก. โดยจะเลือกข้าวเหนียวเขี้ยวงูชนิดพิเศษ นำไปแช่น้ำขัดผิวข้าวจนเกลี้ยงเกลานานกว่า 2 ชั่วโมง เพื่อให้เมล็ดข้าวเหนียวนิ่มสุกทั่วกันไม่เป็นไตเวลาหุง จากนั้นจึงนำไปมูนกับหัวกะทิสด ปรุงรสด้วยน้ำตาลและเกลือเล็กน้อย จนได้ข้าวเหนียวมูนเมล็ดร่วนกลมใส รสหอมหวานมัน ส่วนข้าวเหนียวมูนใบเตย เวลาที่นึ่งข้าวเหนียวจะใช้น้ำที่คั้นจากใบเตยสดมาเป็นส่วนผสม
ม ะม่วงสุกของที่นี่ จะมีให้เลือกซื้อ 2 ชนิด คือ มะม่วงอกร่อง ซึ่งจะสั่งโดยตรงมาจากสวนที่จังหวัดราชบุรี มะม่วงพันธุ์ที่เลือกมาขายจะมีคุณสมบัติพิเศษคือหอมหวานสนิทเนื้อแข็งไม่เละ และอีกชนิดหนึ่ง คือ มะม่วงน้ำดอกไม้ เป็นมะม่วงจากราชบุรีเช่นกัน รสชาติจะหวานเนื้อหนา ส่วนราคาขายก็จะขึ้นอยู่กับฤดูกาล
น อกจากข้าวเหนียวมะม่วงแล้ว หน้าสังขยาของที่นี่จะทำออกหวานมัน บรรจุใส่ถ้วยราคาถ้วยละ 15 บาท หน้าปลาจะใช้เนื้อปลาช่อนนาตากแห้งนำมาป่นผสมกับน้ำตาลทราย คลุกเคล้าด้วยหอมแดงเจียว รสชาติจะออกเค็มๆหวานๆ บรรจุใส่ถ้วยราคาถ้วยละ 20 บาท
ร้านขนมหวานชาววัง เปิดบริการทุกวัน เวลา 07.30 - 21.30 น.
อ ยู่ปากซอยพหลโยธิน 37/1 และยังมีสาขาอีก 3 ร้าน คือ ปากซอยคู้บอนรามอินทรา กม. 8, สาขาตลาดไท และที่ศูนย์อาหารเมโทร เมืองทองธานี (ทุกสาขา ขนมหวานทุกชนิดผลิตจากที่เดียวกัน)
โทร.0-2939-5788 และ 0-1341-2569
ฤดูกาลของผลไม้ประจำฤดูคือมะม่วงและ ทุเรียน เงาะ มังคุด คนไทยเรามีภูมิปัญญาในการนำผลไม้มาทำของหวานได้อย่างน่าทึ่ง ใครจะคิดว่าผลไม้จะเข้ากันได้ดีกับข้าวเหนียว ทั้งข้าวเหนียวมะม่วงและข้าวเหนียวทุเรียน หรือข้าวเหนียวเปียกลำไย อร่อยได้คุณค่าทั้งวิตามิน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน และน้ำหนัก..อิอิ
ข้าวเหนียวกับเอาทุเรียนมายีใส่ในน้ำกะทิ เรียกว่าข้าวเหนียวทุเรียนน้ำกะทิ
ข้าวเหนียวมูลราดด้วยน้ำกะทิ แล้วกินกับทุเรียนเป็นเม็ดๆเลย เรียกข้าวเหนียวมูลทุเรียน...ซึ้งเดี๋ยวนี้คนจะนิยมกินแบบข้าวเหนียวมูลทุเรียนกันมากกว่าเพราะมันหลีกเลี่ยงน้ำตาลได้บ้าง..

คุณค่าทางอาหาร ต่อปริมาณ 100 กรัม พลังงาน 60 Kcal โปรตีน 0.6 g. ไขมัน 0.3 g. คาร์โบไฮเดรต 15.9 g. ใยอาหาร 0.5 g. แคลเซี่ยม 10.0 mg. ฟอสฟอรัส 15.0 g. ธาตุเหล็ก 0.3 mg. วิตามินเอ 133.0 IU วิตามินซี 36.0 mg.