สิ้นแล้วนักบุญคนดัง "ไมตรี บุญสูง"
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่21"
เมษายน 25, 2024, 09:52:44 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สิ้นแล้วนักบุญคนดัง "ไมตรี บุญสูง"  (อ่าน 7631 ครั้ง)
ANR
Senior Member
member
*

คะแนน101
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 64


« เมื่อ: ตุลาคม 03, 2007, 11:55:33 PM »

สิ้นแล้วนักบุญคนดัง "ไมตรี บุญสูง"

"ไมตรี บุญสูง" คหบดีชื่อดัง อดีตนายกเล็กเมืองภูเก็ต สิ้นชีวิตอย่างสงบด้วยวัย 72 เผยประวัติเป็นผู้เลื่อมใสคาถาอาคมจนได้รับการยกย่องเป็นระดับอาจารย์สืบสานวิชาไสยศาสตร์สายเขาอ้อ จ.พัทลุง เกษตรตำบลอีสานโวยกรมส่งเสริมการเกษตร ให้จัดหามวลสารส่งเพื่อสร้างจตุคาม

เมื่อเวลา 20.15 น. วันที่ 16 พฤษภาคม นายไมตรี บุญสูง คหบดีชาวภูเก็ต อายุ 72 ปี ได้ถึงแก่กรรมด้วยโรคถุงลมโป่งพอง ที่โรงพยาบาลธนบุรี บางกอกน้อย กทม. หลังจากเข้ารับการรักษาตัวตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม โดยวันที่ 17 พฤษภาคม จะมีการเคลื่อนศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดวิชิตสังฆาราม (วัดควน) อ.เมือง จ.ภูเก็ต และจะมีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพในวันเดียวกัน

 ก่อนหน้านี้นายไมตรีได้ล้มป่วยลงด้วยโรคกระดูกทับเส้นประสาท ซึ่งได้รับการผ่าตัดมาแล้ว 2 ครั้ง ต่อมามีอาการปวดที่สันหลัง จึงให้แพทย์ที่โรงพยาบาลเอกชนใน จ.ภูเก็ต ตรวจรักษา แพทย์ตรวจพบว่ามีอาการของเส้นเลือดในหัวใจ จึงทำบอลลูนให้

 แต่กลับปรากฏว่ามีเลือดออกที่ปอด จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลธนบุรีเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม แพทย์ตรวจพบว่านายไมตรีมีอาการของโรคถุงลมโป่งพองอีกด้วย ทำให้หายใจไม่สะดวก ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา อาการดีขึ้นบ้างในบางวัน และทรุดในบางวัน จนในที่สุดก็สิ้นลมหายใจดังกล่าว

 นายไมตรี บุญสูง เป็นบุตรของนายจุติ และนางบัวคลี่ บุญสูง เจ้าของกิจการเรือขุดแร่รายใหญ่ของ จ.ภูเก็ต มีฐานะความเป็นอยู่ในระดับเศรษฐีของเมืองภูเก็ต นายไมตรีมีพี่น้อง 2 คน สมรสกับนางรัตน์ มีลูกชายหญิง 4 คน และมีลูกชายอีก 3 คน กับนางเนาวรัตน์ วัชรา อดีตนางสาวไทย

 หลังจากจบการศึกษาจากเมืองไทยแล้ว นายไมตรีได้ไปศึกษาต่อที่ปีนัง และประเทศออสเตรเลีย สาขาบริหารธุรกิจ เมื่อจบการศึกษาได้เดินทางกลับมาทำงานในบริษัทของคุณพ่อ ตลอดมาจนถึงทุกวันนี้ โดยช่วงหนึ่งได้รับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองภูเก็ต 1 สมัย หลังจากนั้นได้หันหลังให้การเมืองท้องถิ่น เพราะเห็นว่าไม่ใช่วิถีชีวิตของตนเอง แม้ในระยะหลังจะมีผู้ชักชวนให้ลงเล่นการเมืองระดับชาติก็ตาม

 สมัยที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มนายไมตรี เป็นผู้ให้ความสนใจในเรื่องไสยศาสตร์มาก หากรู้ว่ามีพระเกจิอาจารย์ที่ไหนเก่งทางด้านคาถาอาคมที่ไหน ก็จะไปฝากตัวเป็นศิษย์ ศึกษาเล่าเรียนอย่างเอาจริงเอาจัง พระเกจิอาจารย์ท่านหนึ่งที่นายไมตรีได้สมัครเป็นลูกศิษย์ก็คือ พระอาจารย์นำ (แก้วจันทร์) ชินวโร วัดดอนศาลา อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ผู้สืบสานวิชาไสยศาสตร์สายเขาอ้อ อันเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา

 นายไมตรีได้เรียนรู้สรรพวิชาสายเขาอ้อ มาจนเจนจบทุกวิชาอาคม แม้แต่การนอนแช่น้ำว่าน การกินข้าวเหนียวดำ ที่เป็นสุดยอดของวิชาสายเขาอ้อ  มาจนถึงทุกวันนี้ คาถาอาคมต่างๆ เหล่านี้นายไมตรี ก็ยังจดจำได้หมด ครบทุกบทคาถา เวลาไปไหนมาไหนบางครั้งถึงกับมีคนให้ท่านลงกระหม่อมก็มี  ช่วงหลังๆ มานี้มีบางพิธีปลุกเสกพระ นายไมตรีจะร่วมลงนั่งปรกปลุกเสกด้วย  หลังสุดนายไมตรีได้สมัครเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ จ.นครปฐม อีกแห่งหนึ่ง

 ก่อนหน้าที่วัตถุมงคลจตุคามรามเทพ จะโด่งดังเช่นทุกวันนี้  นายไมตรีได้เคยจัดสร้างจตุคามรามเทพ มาแล้วรุ่นหนึ่ง โดยประกอบพิธีปลุกเสกที่วัดในเตา อ.ห้วยยอด จ.ตรัง  เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๔๗  โดยหาปัจจัยถวายให้ ศาลเจ้าเจ่งอ๋อง จ.ภูเก็ต โดยไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ  ซึ่งศาลเจ้าแห่งนี้มีนายไมตรี เป็นประธานดำเนินการก่อสร้าง สำหรับ "จตุคามรามเทพ" รุ่นนี้จะมีลายเซ็นชื่อของนายไมตรีกำกับอยู่ด้านหลังทุกองค์

 เรื่องของวิชาไสยศาสตร์ นายไมตรีเคยกล่าวว่า ใครรับแล้วต้องมีสัจจะ ต้องทำจริงๆ ใครผิดสัจจะต่อครูบาอาจารย์ ทำอะไรก็จะผิดหมด เรื่องแบบนี้หากเราไปพูดให้ใครฟัง บางคนเชื่อก็แล้วไป แต่บางคนเขาไม่เชื่อในสิ่งที่เราพูด เขาจะหาว่าเราบ้าก็ได้ หรืออาจถูกมองว่าเราเป็นคนงมงายไปเลยก็มี 

 จึงอยากให้มองเป็นเรื่องของความเชื่อส่วนบุคคลจะดีกว่า ใครที่เคยแขวนพระเครื่องแล้วมีประสบการณ์เขาจะเข้าใจได้ และรู้อยู่แก่ใจว่าเขาไปพบกับอะไรบ้าง ชีวิต หน้าที่การงานเขาดีขึ้นไหม เราจะเห็นว่า คนที่แคล้วคลาดจากการรอดตายทางอุบัติเหตุมากมาย ก็มีทางเป็นไปได้ว่า เกิดจากพุทธคุณของพระนั่นเอง

 นายไมตรี ยังได้กล่าวถึงการแขวนพระเครื่องว่า เพื่อให้เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ เมื่อแขวนแล้วมีความศรัทธา พลังปาฏิหาริย์ก็จะเกิดขึ้นมาเอง

 นอกจากเป็นคนเชื่อในเรื่องของปาฏิหาริย์แล้ว นายไมตรียังเชื่อในเรื่องกฎแห่งกรรม ใครทำดีก็ย่อมได้ดี ใครทำชั่วก็ย่อมได้ชั่ว แล้วยังเชื่อว่า ชาตินี้มีจริง ชาติหน้าก็ต้องมีจริง ซึ่งผลของการกระทำจะเกิดให้เห็นได้ทั้งชาตินี้และชาติหน้า เช่นเดียวกับคนเราที่เกิดมาได้ก็ด้วยกรรม ตัวเราก็คือกรรม เกิดมาก็ต้องมาชดใช้กรรม และคนเราก็ต้องจากไปด้วยกรรม เมื่อยังมีชีวิตอยู่จะทำกรรมดีหรือทำกรรมชั่ว ก็เลือกกันเอาเอง ไม่มีใครบังคับได้

 "ชาติหน้าใครเกิดในภพภูมิที่ดีก็ต้องสร้างบุญกุศลไว้ให้มาก เพื่อจะได้เกิดในภพที่เป็นมนุษย์ แต่ถ้าใครไม่ทำบุญ ก็ต้องไปเกิดในภพที่เป็นอมนุษย์ ประกอบด้วยกิเลสตัณหา คนเราจะไปในภพภูมิที่ดีได้ก็อยู่ ที่การปฏิบัติจริงๆ ศีล 5 ต้องครบ และต้องมีหิริโอตตัปปะ ละอายต่อบาป แล้วยังต้องมี พรหมวิหาร 4 เป็นหลักธรรมสำหรับทุกคน เป็นหลักธรรมประจำใจที่จะช่วยให้เราดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างประเสริฐ และบริสุทธิ์ หลักธรรมนี้ได้แก่ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา มนุษย์เรามีแค่นี้ก็เป็นมนุษย์ที่ประเสริฐแล้ว"  นายไมตรีกล่าว

 และด้วยเหตุนี้จึงทำให้นายไตรีเป็นคนที่ชอบทำบุญอยู่เสมอ หากเห็นว่าวัดไหนมีความขาดแคลน เมื่อทราบก็จะบริจาคเงินไปทันที

 นอกจากนี้ นายไมตรียังได้สร้างพระหลวงพ่อทวด ไว้หลายรุ่น โดยขอให้พระอาจารย์นอง วัดทรายขาว จ.ปัตตานี ปลุกเสกให้ ทุกรุ่นล้วนได้รับนิยมจากนักสะสมพระเครื่องโดยทั่วไป 

 เกียรติประวัติที่นายไมตรีปลาบปลื้มที่สุด คือ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้เป็นผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการลูกเสือแห่งชาติ จนได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์สายสะพายถึง 3 สาย คือ มหาวชิรมงกุฎไทย ปฐมาภรณ์ช้างเผือก และ ทุติยดิเรกคุณาภรณ์ นับเป็นเอกชนคนแรกของ จ.ภูเก็ต ที่ได้รับสายสะพายสูงสุด และมากที่สุด
http://www.oknation.net/blog
http://www.sompatong.com/home/index.asp


บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!