หลากอาชีพ...เหนื่อยสุดๆกว่าอาชีพช่าง?
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่21"
เมษายน 29, 2024, 01:51:53 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: หลากอาชีพ...เหนื่อยสุดๆกว่าอาชีพช่าง?  (อ่าน 16265 ครั้ง)
ช่างเล็ก(LSV)
Administrator
member
*

คะแนน1346
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 18656


คิดดี ทำดี ชีวิตมีแต่สุข


อีเมล์
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 02, 2007, 08:55:07 AM »

 Roll Eyes


บันทึกการเข้า

ช่างเล็ก(LSV)
Administrator
member
*

คะแนน1346
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 18656


คิดดี ทำดี ชีวิตมีแต่สุข


อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 02, 2007, 09:03:36 AM »

จากการที่ได้ตระเวณไปปักษ์ใต้เกือบสัปดาห์ ได้สัมผัสลึกๆกับหลายอาชีพด้านการเกษตร บางครั้งเมื่อเปรียบเทียบกับอาชีพช่าง  ช่างเราจะได้เปรียบเรื่องการลงทุนที่ไม่สูงมากนัก และขั้นตอนตลอดถึงความเหน็ดเหนื่อย-ผลตอบแทน ..อาชีพช่างหากเก่งจริงและขยันจะได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าครับ
..ยกตัวอย่างง่ายๆ สวนปาล์มของพี่ชายผมที่จ.กระบี่ ปลูกไว้35ไร่ อายุปาล์มประมาณ7ปีกำลังให้ผลผลิต ลงทุนไปแล้วประมาณ 2 ล้านบาท (พร้อมที่ดิน)ให้ผลตอบแทนประมาณเดือนละ 3 หมื่นบาท(ยังไม่หักค่าใช้จ่ายเช่นค่าปุ๋ย ค่ายา ค่าคนตัดทะลายปาล์ม ค่าขนส่ง ฯลฯ )
..และสวนปาล์มที่ปากพนังเนื้อที่ประมาณ 60ไร่ กำลังปลูก อายุปาล์มประมาณปีกว่าๆ ...นั่นคือผมต้องรออีก 3 ปีถึงจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้...
..หรือลงทุนรถแบคโคมือสองที่ต้นทุนตกคันละ 7 แสนบาท รวมค่าซ่อมแซมแล้วตกประมาณ 8 แสนบาท จะมีรายได้ประมาณเดือนละ 1 แสนบาท (ยังไม่หักค่า%คนขับ 10%ของรายได้รวม)
..ส่วนเรื่องเรือประมง เลิกคิดได้เลยครับ มีแต่ขาดทุน เพราะปลาที่มีราคาในอ่าวไทยของเราแทบไม่มีเหลือ จะต้องวิ่งไปจับในเขตเวียตนาม มาเลย์ ..โดนจับไม่คุ้มกันครับ
บันทึกการเข้า
ช่างเล็ก(LSV)
Administrator
member
*

คะแนน1346
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 18656


คิดดี ทำดี ชีวิตมีแต่สุข


อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 02, 2007, 09:06:56 AM »

อีกอาชีพที่กำลังเป็นที่นิยมกันแถวๆจ.นครศรีธรรมราช คือปลูกต้นสน  ที่นี่ปลูกกันเยอะสำหรับผู้ที่มีเนื้อที่ไม่สูงมากเช่น 2-3 ไร่  ต้นสนจะปลูกได้สูงสุดถึงไร่ละ 1 พันต้น และจะตัดได้ประมาณปีที่ 7 ตกต้นละ 500 บาท  ต้นสนจะดูแลยากช่วงปีแรกต้องระวังวัชชพืชและอย่าให้น้ำท่วมขัง หลังจากนั้นจะปล่อยตามธรรมชาติ  นับว่าคุ้มค่าสำหรับผู้ที่มีพื้นที่ว่าง ..

ภาพด้านล่างคือสวนปาล์มที่ปากพนัง ซึ่งเพิ่งปลูกได้ปีกว่าครับ ..หญ้ารกรุงรังมาก ผมจึงต้องลงไปดูแลในสัปดาห์ที่แล้ว  ส่วนดงไม้สูงๆด้านหลังคือไร่ต้นสนที่ชาวบ้านแถวนั้นปลูกไว้อายุปีกว่าๆ สอบถามเขาดูลงทุนไม่เยอะครับ กล้าต้นสนตกต้นละ1 บาท...
บันทึกการเข้า
ช่างเล็ก(LSV)
Administrator
member
*

คะแนน1346
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 18656


คิดดี ทำดี ชีวิตมีแต่สุข


อีเมล์
« ตอบ #3 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 02, 2007, 09:11:49 AM »

อีกอาชีพที่เป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน คือนาดัน  หลักการทำนาดันคือจะดึงน้ำทะเล หรือน้ำกร่อยเข้ามาในนากุ้งที่ขาดทุนเลิกทำแล้ว (ต้องมีเนื้อที่เยอะ 20-30ไร่จึงจะคุ้ม) และปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 3 เดือน จากนั้นจะระบายน้ำออก ..กุ้ง ปลา ก็จะออกมาตามน้ำด้วย กุ้งบางแห่งจะได้ 3 ตัว/กก. รายได้ประมาณ 3 หมื่นบาท/ครั้ง  หลังจากนั้นก็จะดันน้ำใหม่เข้าไปแทนที่อีก ไข่ กุ้งปลา ชุดใหม่ ชุดเก่าก็จะหมุนเวียนกันเจริญเติบโตตามธรรมชาติ ผู้เลี้ยงไม่ต้องให้อาหาร  ...แต่ข้อเสียก็คือต้องลงทุนที่ดินอย่างต่ำๆก็หลักล้านครับ Cry
บันทึกการเข้า
ช่างเล็ก(LSV)
Administrator
member
*

คะแนน1346
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 18656


คิดดี ทำดี ชีวิตมีแต่สุข


อีเมล์
« ตอบ #4 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 02, 2007, 09:18:13 AM »

ประจวบจังหวะช่วงที่ผมลงไป ฝนตกเสาะแสะ(ภาษาปักษ์ใต้ - แปลว่าฝนตกๆหยุดๆ) ทำให้ผมลงไปถ่ายทำภาพมาประกอบยาก
..และหลายเหตุประดังเข้ามาทำให้ผมต้องรีบเดินทางกลับจ.เชียงใหม่ มาควบคุมระบบserver และดูแลร้านที่เชียงใหม่ ...เอาไว้โอกาสหน้าหากมีเวลาใหม่ผมคงจะไปหาแนวทาง สู้ชีวิต มาฝากเพื่อนๆใหม่แบบเจาะลึกกว่านี้ เพราะไปคราวนี้เข้าสวนปาล์มที่เพิ่งปลูกลุยปราบหญ้ากันอย่างเดียว ไม่ได้ไปเที่ยวไหนมากครับ..
..2 วันที่กลับมาอยู่ร้านซ่อมเครื่องไฟฟ้า ในจ.เชียงใหม่.. เมื่อหันกลับมามองดูอาชีพช่างซ่อม  มีความรู้สึกว่าเป็นงานที่เรียบง่าย ไม่ต้องลงทุนสูง ไม่เสี่ยงมาก  หากมีความรู้และขยัน ..เดือนละ 3-4 หมื่นเป็นเรื่องที่ทำไม่ยากเลย ..ไม่อยากให้เพื่อนๆท้อถอยอาชีพช่างครับ ..ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านครับผม  Tongue Smiley
บันทึกการเข้า
mbsamart
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #5 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 02, 2007, 09:44:58 AM »

ผมตกเสาะแสะ(ภาษาปักษ์ใต้ - แปลว่าฝนตกๆหยุดๆ)
นึกว่าพี่เล็กตกอะไร Tongue ถ้าฝนตกส็อกแส็ก คือตกปรอยๆ ไม่หนัก แต่นาน Tongue
บันทึกการเข้า
ช่างเล็ก(LSV)
Administrator
member
*

คะแนน1346
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 18656


คิดดี ทำดี ชีวิตมีแต่สุข


อีเมล์
« ตอบ #6 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 02, 2007, 09:48:10 AM »

นั่นแหละ ..ช่วยมาแปลให้หน่อยครับ ห่างบ้านมานาน ..พูดคล่องแต่ไม่เนียนซะแล้ว อิๆ  Cheesy Tongue Smiley
บันทึกการเข้า
prom jantapho
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน413
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4845


ทำดีเท่าที่ทำได้


« ตอบ #7 เมื่อ: กันยายน 09, 2009, 03:20:55 PM »

แถวบ้านผมหากว่าตกแบบตกบ้างหยุดบ้าง เรียกว่า ฝนตก สอกแซก
บันทึกการเข้า

สามารถติดต่อได้ที่ 0841987970
pimchanokabc
member
*

คะแนน2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 19


คนนครศรีธรรมราช


« ตอบ #8 เมื่อ: กันยายน 10, 2009, 10:57:20 AM »

กับสวนปาล์มในนครศรีธรรมราช เขตลุ่มน้ำปากพนัง ส่วนตัวผมไม่สับสนุนให้ทำเนื่องจากประสปการณ์การรับราชการมาหลายปีที่กระบี่ (ประมาณ 6-7ปีระหว่างปี 2532 - 2538)เมื่อมาเทียบกับพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังความอุดมสมบูรณ์ของดินแตกต่างกันมากเดิมทางกระบี่เขาปรับสภาพมาจากป่าแล้วมาปลูกปาล์มเลย ความสมบูรณ์ของแร่ธาตุในดินค่อนข้างสูงจะไม่มีประวัติการใช้ปุ๋ยเลยนอกจากช่วงหลังนี้ แต่สถาพดินทางบ้านเราเขตลุ่มนำ้ปากพนัง จะมาปลูกในพื้นที่เดิมซึ่งทำนาข้าวหรือปรับมาจากสภาพบ่อกุ้งซึ่งต้องอาศัยปุ๋ยเป็นหลัก ซึ่งในสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ทางรัฐได้ให้ประชาชนที่ทำบ่อกุ้งในเขตลุ่มน้ำปากพนังปรับเปลี่ยนอาชีพ เพราะได้มีการแบ่งโซนน้ำจืดน้ำเค็ม ผมและครอบครับเป็นบุคคลหนึ่งที่ต้องปรับเปลี่ยนไปโดยปริยายเพราะติดอยู่ในเขตน้ำจืด โดยรัฐบาลสมัยนั้นก็ใด้สงเสริมให้ปลูกปาล์นน้ำมัน ผมเองก็ได้พูดคุยกันไนครอบครับและอธิบายให้เห็นถึงผลดีและผลเสียจากประสปการณ์ และอธิบายถึงเหตุผล ครอบครับและญาตพี่น้องผม เลยไม่ขอรับการปลูกปาล์มน้ำมันแต่ขอรับปรับเปลี่ยนอาชีพมาทำตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริแทน สำหรับท่านอื่นก็ดำเนินการปลูกปาล์มน้ำมัน และมีรายใหญ่มากๆในอำเภอเชียรใหญ่ที่ปลูกอยู๋ตอนนี้มีอยู่หลายพันไร่ ตอนนี้เครียดครับเพราะค่าใช้จ่ายในการดำเนินการค่อนข้างมากเขามีอุปกรณ์เครื่องมือทันสมัยครบทุกอย่างแต่เรื่องปุ๋ยเป็นเรื่องใหญ๋ครับ ลงทุนไปแล้วถ้าไม่กล้าลงต่อหรือจะหยุดก็ไม่ได้ เพราะดำเนินการมาหลายปีแล้ว เคยพูดคุยแลกเปลี่ยนกับเจ้าของสวนปาล์มหลายเจ้าในเขตเชียรใหญ่ก็พบปัญหาเหมือนกัน ผมกลัวเจ้าของจะให้ข้อมูลแต่ในทางที่ดี ก็ไปสอบถามกับพรรคพวกที่มีอาชีพรับจ้าง ตัดหญ้า ใส่ปุ๋ย และแทงปาล์ม คำตอบที่ได้คือหักค่าใช้จ่ายแล้วได้ไม่มากเท่าไหร่และผลผลิตที่ได้เมื่อเทียบกับจังหวัดกระบี่แตกต่างกันมากเลยครับ สำหรับความคิดผมในเขตลุ่มน้ำปากพนัง ที่น่าจะปลูกได้ผลปุ๋ยไม่ต้องใช้เยอะน่าจะเป็นบริเวณป่าพรุ  สำหรับการปลูกสน เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลาไปดูเลมากนักดูแลเฉพาะปีแรกๆ ปีหลังๆก็ทิ้งได้เลย ใช้เวลาประมาณ 7 ปี ก็ตัดขายได้เลย(ลงทุนแค่ครั้งเดียวครบกำหนดได้เงินก่อน) เล่าให้ฟังนี้เป็นเฉพาะในพื้นที่ๆผมอยู่นะครับ พื้นที่อื่นน่าจะดีกว่าหรือเป็นอย่างไรบ้างก็บอกเล่ากันบ้างนะครับเผื่อเป็นแนวคิดให้ท่านอื่นที่คิดจะตัดสินใจทำ Cheesy
บันทึกการเข้า
ช่างเล็ก(LSV)
Administrator
member
*

คะแนน1346
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 18656


คิดดี ทำดี ชีวิตมีแต่สุข


อีเมล์
« ตอบ #9 เมื่อ: กันยายน 10, 2009, 11:52:28 AM »

ขอบคุณในความคิดเห็นมากนะครับ  Cheesy เยี่ยมมาก

... ผมก็ไม่เชี่ยวชาญเรื่องดิน เรื่องพืชมากนัก .. ต้องลงมาทำสวนปาล์มเพราะเป็นบ้านเกิด และลงทุนไปเยอะแล้ว(พี่น้อง4คนหุ้นกันครับ) ใจจริงอยากมาเปิดศูนย์บริการรับซ่อมทีวี+เครื่องใช้ไฟฟ้ามากกว่า แต่ติดขัดเรื่องเงินทุนพอสมควรเพราะนำเงินมาลงทุนสวนปาล์มเกือบหมดครับ

.. คงต้องรออีกเกือบ2ปีครับ ถึงจะมีรายได้จากผลปาล์ม ..ระยะนี้ก็ปลูกตะไคร้แซมร่องปาล์มอยู่ครับ แม่ค้ารับซื้อถึงสวนไม่อั้นครับ มีเท่าไรเอาหมด .. แต่เพิ่งลงชุดแรกได้ไม่เยอะ ลงไปได้100กว่าก.ก.เท่านั้น เพราะช่วงที่ผ่านมาแล้งพอสมควร ขี้เกียจรดน้ำครับ คงต้องรอหน้าฝนต้นเดือนตุลาคมนี้จะลงตะไคร้เพิ่มให้เต็มสวนครับ... (ต้องใช้ต้นพันธุ์ตะไคร้ประมาณ 5,000ก.ก.จึงจะปลูกแซมได้เต็มครับ)

.. ลองเปรียบเทียบการโตของปาล์มตั้งแต่เริ่มปลูกจนถึง 2ปีกว่าครับ ที่มุมกล้องใกล้เคียงกัน ใบปาล์มเริ่มบังหลังคาบ้านมิดแล้ว  HAPPY2!!

บันทึกการเข้า
ช่างเล็ก(LSV)
Administrator
member
*

คะแนน1346
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 18656


คิดดี ทำดี ชีวิตมีแต่สุข


อีเมล์
« ตอบ #10 เมื่อ: กันยายน 10, 2009, 12:02:42 PM »

ผมพยายามลดการใช้ปุ๋ยอยู่ครับ  หันมาใช้ขี้กระต่ายที่เลี้ยงไว้ เพราะค้นคว้าดูแล้วขี้กระต่ายมีไนโตรเจนสูงถึง3.7%และในฉี่กระต่ายก็มียูเรียสูง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องค่อยๆทดลองเปรียบเทียบกับปุ่ยวิทยาศาสตร์ในระยะยาว เพิ่งทดลองได้ประมาณ3เดือนคงสรุปผลอะไรมากยังไม่ได้ครับ  Sad

  แต่ที่แน่นอน ...ต้นนี้ใช้ปุ๋ยขี้กระต่าย+ทำรางฉี่กระต่ายลงไปใกล้ๆครับ จากใบที่เคยเหลือง ตอนนี้เริ่มเขียวทันตาไม่แพ้ปุ๋ยวิทยาศาสตร์เลย  เยี่ยมมาก
บันทึกการเข้า
prom jantapho
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน413
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4845


ทำดีเท่าที่ทำได้


« ตอบ #11 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2009, 03:39:05 PM »

อ้างถึง
ผมพยายามลดการใช้ปุ๋ยอยู่ครับ  หันมาใช้ขี้กระต่ายที่เลี้ยงไว้ เพราะค้นคว้าดูแล้วขี้กระต่ายมีไนโตรเจนสูงถึง3.7%และในฉี่กระต่ายก็มียูเรียสูง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องค่อยๆทดลองเปรียบเทียบกับปุ่ยวิทยาศาสตร์ในระยะยาว เพิ่งทดลองได้ประมาณ3เดือนคงสรุปผลอะไรมากยังไม่ได้ครับ 
 แต่ที่แน่นอน ...ต้นนี้ใช้ปุ๋ยขี้กระต่าย+ทำรางฉี่กระต่ายลงไปใกล้ๆครับ จากใบที่เคยเหลือง ตอนนี้เริ่มเขียวทันตาไม่แพ้ปุ๋ยวิทยาศาสตร์เลย

ไม่เชื่อก็ตรงยกมือให้ครับพี่เล็ก  หาความไม่หยุดนะครับแม้แต่เรื่องการเกษตร    เยี่ยมมาก     
บันทึกการเข้า

สามารถติดต่อได้ที่ 0841987970
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!