กระทู้เมื่อเร็วๆนี้
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่21"
มีนาคม 28, 2024, 08:00:38 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2 3 4 5 ... 10
 1 
 เมื่อ: วันนี้ เวลา 04:20:03 PM 
เริ่มโดย eskimo_bkk-LSV team♥ - กระทู้ล่าสุด โดย eskimo_bkk-LSV team♥
พ.ศ.2508 บาทละ 416 บาท
พ.ศ.2509 บาทละ 414 บาท
พ.ศ.2510 บาทละ 416 บาท
พ.ศ.2511 บาทละ 451 บาท
พ.ศ.2512 บาทละ 476 บาท
พ.ศ.2513 บาทละ 416 บาท
พ.ศ.2514 บาทละ 451 บาท
พ.ศ.2515 บาทละ 576 บาท
พ.ศ.2516 บาทละ 912 บาท
พ.ศ.2517 บาทละ 1,497 บาท
พ.ศ.2518 บาทละ 1,580 บาท
พ.ศ.2519 บาทละ 1,379 บาท
พ.ศ.2520 บาทละ 1,519 บาท
พ.ศ.2521 บาทละ 1,982 บาท
พ.ศ.2522 บาทละ 3,063 บาท
พ.ศ.2523 บาทละ 5,660 บาท
พ.ศ.2524 บาทละ 4,869 บาท
พ.ศ.2525 บาทละ 4,239 บาท
พ.ศ.2526 บาทละ 4,791 บาท
พ.ศ.2527 บาทละ 4,233 บาท
พ.ศ.2528 บาทละ 4,274 บาท
พ.ศ.2529 บาทละ 4,708 บาท
พ.ศ.2530 บาทละ 5,614 บาท
พ.ศ.2531 บาทละ 5,644 บาท
พ.ศ.2532 บาทละ 5,004 บาท
พ.ศ.2533 บาทละ 4,916 บาท
พ.ศ.2534 บาทละ 4,615 บาท
พ.ศ.2535 บาทละ 4,375 บาท
พ.ศ.2536 บาทละ 4,467 บาท
พ.ศ.2537 บาทละ 4,745 บาท
พ.ศ.2538 บาทละ 4,712 บาท
พ.ศ.2539 บาทละ 4,792 บาท
พ.ศ.2540 บาทละ 4,869 บาท
พ.ศ.2541 บาทละ 5,748 บาท
พ.ศ.2542 บาทละ 5,144 บาท
พ.ศ.2543 บาทละ 5,426 บาท
พ.ศ.2544 บาทละ 5,766 บาท
พ.ศ.2545 บาทละ 6,355 บาท
พ.ศ.2546 บาทละ 7,167 บาท
พ.ศ.2547 บาทละ 7,844 บาท
พ.ศ.2548 บาทละ 8,555 บาท
พ.ศ.2549 บาทละ 12,900บาท
พ.ศ.2550 บาทละ 13,300บาท
พ.ศ.2551 บาทละ 15,350บาท
พ.ศ.2552 บาทละ 17,250บาท
พ.ศ.2553 บาทละ 20,050บาท
พ.ศ.2554 บาทละ 27,100 บาท
พ.ศ.2555 บาทละ 25,900บาท
พ.ศ.2556 บาทละ 24,350บาท
พ.ศ.2557 บาทละ 21,150บาท
พ.ศ.2558 บาทละ 20,150 บาท
พ.ศ.2559 บาทละ 22,800บาท
พ.ศ.2560 บาทละ 21,200บาท
พ.ศ.2561 บาทละ 20,300 บาท
พ.ศ.2562 บาทละ 22,300 บาท
พ.ศ.2563 บาทละ 30,400 บาท
พ.ศ.2564 บาทละ 29,300 บาท
พ.ศ.2565 บาทละ 29,050 บาท
พ.ศ.2566 บาทละ 34,000 บาท


 Wink

 2 
 เมื่อ: วันนี้ เวลา 03:51:35 PM 
เริ่มโดย eskimo_bkk-LSV team♥ - กระทู้ล่าสุด โดย eskimo_bkk-LSV team♥
King’s Bangkok สานต่อความมุ่งมั่น เปิดโอกาสสู่การศึกษาระดับโลก
มอบทุนเรียนฟรีตลอดหลักสูตร
‘King’s Bangkok Academic Excellence Scholarship’ ปีที่ 2

โค๊ด:
https://plewseengern.com/plewseengern/139135?fbclid=IwAR0FwPNvueE6lcIz_IZb3pMUU6g8ruTXzeUCOFSjpcQEGtB-akFbKGfQZ1s_aem_AX96D85sP8CLG5IpTO0GgURDukqi4nKUebs1cIdfhpSitsuzAbnH0XIK_2kgXq5fnEnF_-sVXPyspdqoNmjWC9l1

 3 
 เมื่อ: วันนี้ เวลา 02:00:24 PM 
เริ่มโดย พรเทพ-LSV team♥ - กระทู้ล่าสุด โดย พรเทพ-LSV team♥
รับติดตั้ง เสาอากาศทีวีดิจิทัล แท้ๆ (DVB-T2 ANTENNA) มาตรฐาน DVB-T2 THAILAND  ชัดไม่กลัวฝน
ลาดพร้าว 35
สัญญาณแรง สัญญาณสะอาด C/N สูง MER สูง
  ใช้ F อัดอย่างดี มียางกันน้ำในตัวและพันเทปละลายทับอีก 1 ชั้นเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเข้าใน ขั้ว F
ใช้สายนำสัญญาณเป็นสีดำ เพื่อความทนทานที่เหนือชั้นกว่าสีขาว
เราใช้เครื่องวัดสัญญาณ Promax จากสเปนเพื่อค่าที่เที่ยงตรง ของค่าต่างๆและ เชื่อถือได้
 ขออบคุณลูกค้าที่เรียกใช้บริการ
   สนใจ T 091-091-9196 ยินดีให้บริการครับ



























 4 
 เมื่อ: วันนี้ เวลา 12:02:53 PM 
เริ่มโดย ช่างเล็ก(LSV) - กระทู้ล่าสุด โดย ช่างเล็ก(LSV)
https://www.thaimotocar.com/2024/03/28/lalisa-blackpink-car/
ส่องรถที่ลิซ่าBLACKPINK เลือกใช้เพื่อขับเอง เบาะๆ23ล้าน ..เท่านั้น
#ส่องรถ   #ลิซ่า   #BLACKPINK   #lalisa
---------
   
27 มีนาคม 2567 ถือเป็นวันเกิดของลิซ่า BLACKPINK ที่อายุครบ 27 ปีพอดิบพอดี ซึ่งงานนี้ทางช่อง LLOUD Official ก็ได้มีการปล่อยคลิปที่ลิซ่าพาทัวร์บ้านที่เกาหลี บอกเล่าเรื่องราวสมัยเด็ก และความฝันของการอยากจะเป็นแอร์โฮสเตสไว้ด้วย..

อย่างไรก็ตาม ในตอนท้ายของคลิป ลิซ่า ได้พาลงไปข้างล่างของของบ้าน และขับรถด้วยตัวเองออกจากโรงรถ ซึ่งมีคนสังเกตว่า รถของลิซ่านั้นคือ Mercedes Benz AMG G 63 รถยนต์สุดหรูแบบ SUV ที่เน้นความสะดวกสบายและความโอ่โถงกว้างขวางของห้องโดยสารเป็นหลัก เป็นรถยนต์ออฟโรดในตำนานที่เหล่าผู้บริหารมักนิยมใช้..


หลายคนอาจจะเห็นว่า ตรารถเบนซ์ที่เป็นรูปดาว 3 แฉกข้างหน้า กลับไม่มี ซึ่งรถของลิซ่า ถูกนำไปทำคัสตอมใหม่ ตกแต่งภายในให้เป็นสีเหลืองทั้งหมด และลิซ่าเลือกชุดแต่งจาก MANSORY แบรนด์แต่งรถชื่อดังที่เน้นการแต่งรถหรูแบบคัสตอมตามที่ลูกค้าสั่ง และรถที่รับแต่งนั้นมักจะเป็นรถระดับไฮเอนด์ เช่น Ferrari, Lamborghini, Porsche, Bentley, Rolls Royce เป็นต้น..


 5 
 เมื่อ: วันนี้ เวลา 08:04:33 AM 
เริ่มโดย eskimo_bkk-LSV team♥ - กระทู้ล่าสุด โดย eskimo_bkk-LSV team♥
โค๊ด:
https://www.facebook.com/watch/?v=938267324475858

เกลือ+แป้งทอดกรอบ +เตาอบไฟฟ้า หรือ ย่างเตาถ่าน
ค่าความร้อน เตาอบไฟฟ้า 220 เวลา 20 นาที

(ส่วนตัวทำกินแทบทุกอาทิตย์ พักหลัง เจอร้านถูกใจซื้อเค้า จบ 160 บาท)

 ju_ju!!

 6 
 เมื่อ: วันนี้ เวลา 07:30:46 AM 
เริ่มโดย eskimo_bkk-LSV team♥ - กระทู้ล่าสุด โดย eskimo_bkk-LSV team♥
ศึกนายพลสีกากีดูเพลินๆ ไปครับ

ขุดกันเยอะเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น

แต่เบื้องต้น พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า นายกฯ เศรษฐาบ่มิไก๊

เป็นผู้บังคับบัญชาที่ลูกน้องไม่เกรงกลัว และไม่เกรงใจ

ตำรวจยุคนี้ใกล้เคียงยุค “เผ่า ศรียานนท์” เข้าไปทุกทีแล้วครับ

“ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ไม่มีสิ่งใดที่ตำรวจไทยทำไม่ได้”

พูดก็พูดเถอะครับ ที่แฉๆ กัน มันเห็นไส้เห็นพุงกันมานานแล้ว

ต่างก็รู้ว่าอีกฝ่าย คดในข้องอในกระดูก

นี่ถ้าไม่ขัดกันประชาชนคงไม่ได้รู้

ก็อิ่มกันไป!

แต่เพราะเหยียบตีนกัน ก็ได้เวลาลากไส้

ทำเหมือนนายกฯ เศรษฐาไม่มีตัวตนเลย

“บิ๊กโจ๊ก” ไม่กล้าไปอังกฤษ สาเหตุก็อย่างที่เห็น
สำนวนคดีเว็บพนันออนไลน์มินนี่ ยังอยู่ในมือตำรวจ
ไม่มีทีท่าจะส่งไป ป.ป.ช.ตามที่ตกลงกันไว้
ก่อนแถลงข่าวจูบปากกันวันก่อน

ฝั่ง “บิ๊กต่อ” รบผ่านสงครามตัวแทน
ออกหมายเรียกไป ๒ รอบไม่เป็นผล

จะออกหมายจับก็ยังรีรอ

หยุดไม่ได้ไปต่อไม่สุด

มหกรรมผลัดกันแฉดำเนินต่อไป

นายกฯ เศรษฐา เอาไม่อยู่

ภาพที่ปรากฏกลายเป็นว่าสงครามระหว่าง “บิ๊กต่อ” กับ “บิ๊กโจ๊ก”
มันยิ่งใหญ่ขนาดผู้นำประเทศยังไม่มีบารมีพอที่จะห้ามทัพ

น่าอนาถจริงๆ ประเทศไทยต้องมาเจอเหตุการณ์
ข้าราชการประจำ ทะเลาะกัน โดยที่รัฐบาลได้แต่มองตาปริบๆ

“บิ๊กตำรวจ” สองคนนี้เป็นเด็กใครกัน นายกฯ ถึงเอาแต่หมอบ

เรื่องมันเลยมาถึงขั้นย้ายทั้งคู่ไปเก็บไว้ที่สำนักนายกฯ
แต่การย้ายไม่มีผลอะไรกับการเคลื่อนไหวของทั้ง ๒ ฝั่งเลย

ตัวนายกฯ เอง แทบจะไร้ภาวะความเป็นผู้นำ

คำพูดสิ้นท่าจริงๆ

“…วันนี้มีคณะกรรมการตรวจสอบและสืบหาความจริงเรียบร้อยแล้ว
หน้าที่ของผมกับ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
มีหน้าที่โฟกัสปัญหาของพี่น้องประชาชน และดูแลประชาชนให้ดีที่สุด
และอย่างที่บอกไม่ขอพูดเรื่องนี้อีกแล้ว
เพราะเชื่อว่าเรามีกระบวนการยุติธรรมที่โปร่งใสตรวจสอบได้
และไม่มีการแทรกแซงจากทุกฝ่าย…”

“…ทุกกระบวนการผมเชื่อว่าในขณะนี้เรามาถูกทางแล้ว
และทั้งสองท่านที่เป็นคู่กรณีก็ถูกย้ายมาช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรีแล้ว
ไม่มีการที่จะเข้าไปแทรกแซงในกระบวนการยุติธรรมได้
ก็ต้องว่ากันไปตามข้อเท็จจริง…“

แน่ใจหรือครับว่าไม่มีการแทรกแซง!

ฝั่งหนึ่งออกหมายจับ อีกฝั่งเป็นนกรู้

ฝั่งหนึ่งแฉ อีกฝั่งรอสวน

ทั้งคู่มีแขนขาทั้งในและนอกสำนักงานตำรวจแห่งชาติเต็มไปหมด
ฉะนั้นไม่มีหรอกครับกับคำว่า ไม่มีการแทรกแซง
เพราะฝ่ายไหนหยุดแทรกแซงจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบทันที

เขารบกันผ่านตัวแทน

ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด นี่ก็ใช่

นี่คือบรรยากาศใกล้เคียง “ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ไม่มีสิ่งใดที่ตำรวจไทยทำไม่ได้”

แต่อีกมุมก็เป็นผลดีกับประชาชน

แฉเถอะครับ ทั้ง ๒ ฝ่าย ลากไส้กันออกมาให้หมด

ล้างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถึงจะล้างไม่หมด แต่ยังดีกว่าไม่ทำอะไร

เอาให้รู้กันถ้วนทั่วครับ ว่ามันเน่าในแค่ไหน และ

จะยังยอมรับสภาพเน่าเฟะนี้กันได้หรือเปล่า

ถ้ายังยอมรับกันได้ ไม่มีการปฏิรูปตำรวจ

ก็ถือเป็นเวรเป็นกรรมของประเทศไทย

ครับ…ไม่ใช่แค่เรื่องตำรวจ ที่นายกฯ เศรษฐา คุมเกมไม่ได้

นโยบายรัฐบาลเองดูท่าจะไปต่อไม่ไหว

ฟัง “ลวรณ แสงสนิท” ปลัดกระทรวงการคลัง แจกแจง
โครงการเติมเงินดิจิทัล ๑๐,๐๐๐ บาท ผ่าน Digital Wallet แล้วทุบโต๊ะได้เลยครับ

ไม่ได้เกิด !

ถ้าเกิดประชาชนแบกหนี้มหาศาล

วานนี้ (๒๗ มีนาคม) มีการประชุมคณะกรรมการนโยบาย
โครงการเติมเงินดิจิทัล ๑๐,๐๐๐ บาท ผ่าน Digital Wallet
ที่ประชุมมีมติให้กระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ
ไปหาข้อสรุปเกี่ยวกับแหล่งที่มาของเงินที่จะใช้ในโครงการนี้

วงเงินประมาณ ๕ แสนล้านบาท

ปลัดกระทรวงการคลังบอกว่าขณะนี้มี ๓ แนวทางที่เป็นไปได้

แนวทางแรกคือ การใช้เงินกู้เพื่อดำเนินโครงการอย่างเดียว

ซึ่งเป็นแนวทางเดิมที่ได้มีการหารือกันมาก่อนหน้านี้

แนวทางที่สองคือ การนำงบประมาณเข้ามาใช้ในโครงการนี้
ขณะนี้รัฐบาลอยู่ระหว่างการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๖๘
ซึ่งรัฐบาลมีความจำเป็นที่จะต้องใช้โครงการนี้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ก็สามารถที่จะดำเนินการได้ โดยอาจมีการปรับเปลี่ยนวงเงิน
ในการจัดทำงบประมาณปี ๒๕๖๘ เงื่อนไขตรงนี้ที่ผ่านมาไม่มีมาก่อน
แต่ขณะนี้มีทางเลือกในการใช้งบประมาณ ๒๕๖๘ เข้ามาใช้
ในโครงการนี้เป็นทางเลือกเพิ่มเติม
ส่วนงบประมาณปี ๒๕๖๗ จะเข้ามาช่วยในโครงการนี้
ด้วยหรือไม่นั้นต้องหารือกับสำนักงบประมาณอีกครั้ง

แนวทางที่สามคือ การใช้ผสมกันระหว่างเงินกู้กับเงินงบประมาณ

ทั้งหมดจะได้ความชัดเจนในวันที่ ๑๐ เมษายนนี้

ก็รอดูครับว่า กล้าจะออก พ.ร.บ.กู้เงินหรือเปล่า เพราะคุกรออยู่แน่ๆ

ที่มันน่าอนาถหนักเข้าไปอีก รัฐบาลเพิ่งจะบอกว่าสิ้นปีนี้แจกแน่
เข้าใจว่าจะใช้งบประมาณปี ๒๕๖๘ ถ้าเป็นเช่นนั้น
งบปี ๒๕๖๘ จะต้องจัดแบบขาดดุลเป็นประวัติการณ์

ประชาชนจะได้เป็นหนี้กันทั่วหน้าอย่างแน่นอน

รัฐบาลเก่งแต่กู้นี่ยังไม่เท่าไหร่

หากกู้มาแล้วไปทำโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ

สามารถเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจได้

แต่นี่กู้มาแจกแล้วเงินหายวับไปกับตา

รัฐบาลแบบนี้พาชาติพบกับความฉิบหายแน่นอน

โค๊ด:
https://plewseengern.com/plewseengern/139090?fbclid=IwAR0MhwpECSBIXk36F8tTWHorQpgtEaJZbmNWRTJbzLT3tW_Xjzc3mkb5sv8_aem_Ac4uICD7UEml4lgXUcgO4Thi0vQXnX10LhkJB37yHlfomYxRtefY5YJqKvt8_4Y8gXB9-KYw9wQCob07SAkAFnic#

 7 
 เมื่อ: วันนี้ เวลา 07:20:05 AM 
เริ่มโดย eskimo_bkk-LSV team♥ - กระทู้ล่าสุด โดย eskimo_bkk-LSV team♥
เปลว สีเงิน

เรื่องนี้ “ต้องขยาย”
คือเรื่องที่ “นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ”
แผล็บๆ นักโทษไว้วานซืนว่า
“ทักษิณเคยชำระหนี้ IMF ในยุควิกฤตต้มยำกุ้งได้ก่อนเวลา
ซึ่งถือเป็นผลงานที่จับต้องได้
ประสบการณ์เหล่านี้ ถือเป็นสิ่งสำคัญ
ที่เราต้องเรียนรู้และนำมาปรับใช้”

ประเด็น “ชำระหนี้ IMF” แฟนๆ บอกรู้แล้ว
“ชวนเช็ดไว้ให้ ทักษิณมาเลียกิน”
ฉะนั้น ก็ไปถึง “ต้มยำกุ้ง” สมัย “พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ”
เป็นนายกฯ เมื่อปี พศ.๒๕๔๐ ที่ต้อง “ลดค่าเงินบาท”
พินาศทั้งประเทศกันเลย

ขณะนั้น “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” เป็นรองนายกฯ
นายทนง พิทยะ เป็นรัฐมนตรีคลัง,
นายโภคิน พลกุล เป็นรมต.สำนักนายกฯ

อะไรคือ “ผลงานจับต้องได้” ของทักษิณ
 ตามที่นายสุริยะอวย ก็มาดูกัน ….

“นายสุเทพ เทือกสุบรรณ” สส.ประชาธิปัตย์
ซึ่งเป็นฝ่ายค้านขณะนั้น
อภิปรายไม่ไว้วางใจพลเอกชวลิตในสภา
โดยตั้งข้อสงสัยถึงวันประชุม
“ลดค่าเงินบาท” ในวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๔๐ ว่า

“พล.อ.ชวลิตได้ให้บุคคลอื่น คือ “นายโภคิน พลกุล”
เข้าร่วมประชุมด้วย ถือเป็นการไม่เหมาะสม
เนื่องจากนายโภคิน มีตำแหน่งเป็นรมต.สำนักนายกฯ
ไม่มีหน้าที่รับผิดชอบค่าเงินบาท

สงสัยนายโภคินนำความลับในที่ประชุมไปบอก
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และ
หาประโยชน์กับการลดค่าเงินบาท”

โภคินฟ้องกำนันสุเทพ เรียกค่าเสียหาย ๔,๐๐๐ ล้านบาท
สู้คดีกันนาน ๑๑ ปี

“จำเลย-กำนันสุเทพ” แพ้ ในศาลชั้นต้น
ยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ
ยกฟ้องกำนันสุเทพ

“โจทก์-นายโภคิน” ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ศาลฎีกาวินิจฉัยแล้ว พิพากษาอย่างไร โปรดอ่าน
………………..

โจทก์เบิกความว่าคำอภิปรายจำเลยที่ ๑ พาดพิงโจทก์ว่า
โจทก์ทราบว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงค่าเงินบาทในวันที่ ๒๙ มิ.ย.๔๐

โจทก์นำข้อมูลไปบอกดอกเตอร์ทักษิณ ชินวัตร
ทำให้ดอกเตอร์ทักษิณอาศัยข้อมูลที่ได้ทราบจากโจทก์
ไปทำการซื้อขายเงินตราในระยะเวลา ๒ วัน

ได้กำไร ๔,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ ถึง ๕,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท
ทำให้ประชาชนน้ำตาไหล และพรรคพวกของโจทก์
ได้ประโยชน์ เป็นการกระทำที่ผิดศีลธรรมจรรยา

โดยสรุป จำเลยที่ ๑ กล่าวว่าโจทก์ร่วมกันหาประโยชน์
กับดอกเตอร์ทักษิณ
เกี่ยวกับข้อมูลที่จะเปลี่ยนแปลงค่าเงินบาท
ทำให้บ้านเมืองเสียหาย

ต่อมาหนังสือพิมพ์หลายฉบับได้ลงข่าว
และข้อความว่า โจทก์ทำกำไรเรื่องค่าเงินบาท
ซึ่งข้อความที่จำเลยอภิปรายนั้น เป็นความเท็จ

โจทก์ไม่ทราบในวันที่ ๒๙ มิ.ย.๔๐
จะมีการเปลี่ยนแปลงระบบอัตรา
แลกเปลี่ยนค่าเงินบาท

โจทก์ไม่เคยติดต่อกับพ.ต.ท.ทักษิณ
ไม่เคยร่วมมือกับพ.ต.ท.ทักษิณและบุคคลอื่นใด
แสวงหาประโยชน์จากข้อมูลดังกล่าว
ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย

นายสุเทพ จำเลยที่ ๑ นำสืบต่อสู้ว่า
ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจพลเอกชวลิต
จำเลยที่ ๑ ได้อภิปรายเกี่ยวกับ
การเปลี่ยนแปลงลดค่าเงินบาท

โดยก่อนวันที่อภิปราย
ได้มีสื่อมวลชนวิพากษ์วิจารณ์ทำนองที่ว่า
ความลับเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงค่าเงินบาท
รั่วไหลไปสู่นักธุรกิจก่อนแล้ว

พลเอกชวลิต ยืนยันว่า เรื่องนี้ได้ทำเป็นความลับ
มีผู้รู้เพียง ๓ คนเท่านั้น
คือ พลเอกชวลิต, นายทนง พิทยะ
ซึ่งขณะนั้นเป็นรมว.กระทรวงการคลัง และ
นายเริงชัย มะระกานนท์
ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย

เหตุที่จำเลยอภิปราย
เนื่องจากได้รับทราบข้อมูล จาก
นายภูษณะ ปรีมาโนช และนายไพโรจน์ เปี่ยมพงษ์สานต์
ซึ่งเป็นเพื่อนของโจทก์

ทั้งได้รับทราบจากนายเริงชัยว่าในวันที่ ๒๙ มิ.ย.๔๐
ไม่ได้มีบุคคลเพียง ๓ คนดังกล่าว
แต่โจทก์ (นายโภคิน) ได้ร่วมประชุมด้วย

ซึ่งในการอภิปรายของจำเลย
ไม่เคยอภิปรายยืนยันว่าโจทก์ทุจริต
แต่อภิปรายโดยตั้งข้อสงสัย
ในพฤติการณ์ของโจทก์ว่า

โจทก์จะนำความลับเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงค่าเงินบาท
ไปบอก พ.ต.ท.ทักษิณ

ซึ่งเป็นการทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงาน
ของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีตามหน้าที่ของส.ส.
และเป็นการติชมโดยสุจริต

ส่วนการเบิกความของโจทก์ (โภคิน) ยืนยันว่า
โจทก์ไม่ทราบว่าจะเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท
โจทก์ไม่เคยบอกพ.ต.ท.ทักษิณ
เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท

โจทก์ไม่เคยร่วมมือกับพ.ต.ท.ทักษิณหรือบุคคลอื่นใด
ในการแสวงหาประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงระบบ
อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท
การอภิปรายของจำเลยเป็นเท็จทั้งหมดนั้น

ในการนำสืบพยาน กลับได้ความจาก
นายเริงชัย มะระกานนท์ พยานโจทก์เองว่า

เมื่อวันที่ ๒๙ มิ.ย.๔๐ นายเริงชัย กับนายทนง
ได้เข้าพบพลเอกชวลิตที่ทำเนียบรัฐบาล
เพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับการลดค่าเงินบาท

โจทก์ ซึ่งเป็นรมต.สำนักนายกฯ นั่งอยู่ด้วย

นายทนง พูดขึ้นว่า ที่มาพบก็เนื่องจากจะปรึกษาหารือ
เรื่องสำคัญเกี่ยวกับการลดค่าเงินบาท
พยาน (นายเริงชัย) จึงพูดขึ้นว่า เรื่องนี้
จะนำมาพูดในขณะนี้ สมควรหรือไม่
เนื่องจากมีโจทก์ (โภคิน) อยู่ด้วย

นายกรัฐมนตรี ก็พูดขึ้นว่า ไม่เป็นไร
ให้โจทก์อยู่ด้วยได้และรับทราบได้

นอกจากนี้ นายทนง พยานโจทก์ อีกปากหนึ่ง
ก็ให้การว่าได้เข้าพบนายกฯ พร้อมกับนายเริงชัย
และโจทก์ได้เข้าร่วมประชุมด้วย

คำเบิกความของพยานโจทก์ทั้งสองปากดังกล่าว
แตกต่างกับคำเบิกความของโจทก์โดยสิ้นเชิง

ศาลฟังโจทก์และจำเลยนำสืบต่อสู้ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า
วันที่ ๒๙ มิ.ย.๔๐ ขณะที่พลเอกชวลิต นายทนง และนายเริงชัย
ร่วมประชุมเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงระบบ
อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท โจทก์ได้ร่วมประชุมอยู่ด้วย

นอกจากนี้ นายเริงชัย
ยังเบิกความตอบทนายจำเลยที่ ๑
ที่ถามค้านว่า ตามประเพณีปฏิบัติ
เกี่ยวกับการลดค่าเงินบาท
จะรู้กันเพียง ๓ คน เท่านั้น

คือ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย,
รมว.กระทรวงการคลัง และ
นายกรัฐมนตรี

เหตุที่เป็นความลับ เนื่องจากหากบุคคลภายนอก
ซึ่งไม่เกี่ยวข้องล่วงรู้ จะนำไปหาประโยชน์โดยแสวงหากำไร
พยานจึงท้วงติงนายกฯ ว่า
ควรจะพูดเรื่องลดค่าเงินบาทในขณะนั้นหรือไม่
เพราะมีโจทก์อยู่ด้วย เนื่องจากโจทก์ ไม่เกี่ยวข้อง

ดังนี้ จึงเห็นว่า การที่จำเลยที่ ๑ อภิปรายในสภาฯ ว่า
โจทก์ซึ่งไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง และไม่สมควรจะไปนั่งอยู่ด้วย
ในการประชุมตัดสินใจของนายกฯ, รัฐมนตรีคลัง
และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
ที่จะให้ค่าเงินลอยตัว นั้น
ไม่ใช่ข้อความอันเป็นเท็จ
 หรือฝ่าฝืนต่อความจริง

คำฟ้องของโจทก์ในส่วนนี้ต่างหาก
ที่ฝ่าฝืนต่อความจริง

ส่วนประเด็นที่จำเลยที่ ๑ อภิปรายต่อว่า

จำเลยสงสัยว่าโจทก์เป็นคนบอกความลับเรื่องนี้
แก่ดอกเตอร์ทักษิณนั้น ศาลฎีกา
โดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า

จำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นส.ส.และมีหน้าที่ตรวจสอบ
การทำงานของรัฐบาลพลเอกชวลิตได้ตาม
รธน. ๒๕๓๔ มาตรา ๑๔๘ ถึงมาตรา ๑๕๐

ส่วนโจทก์ ซึ่งเป็นรมต.สำนักนายกฯ
ในรัฐบาลพลเอกชวลิต
เป็นบุคคลที่ต้องรับการตรวจสอบจาก ส.ส.

การที่จำเลยที่ ๑ ซึ่งได้รับมอบหมายจากพรรคประชาธิปัตย์
ให้ร่วมอภิปรายไม่ไว้วางใจพลเอกชวลิต
 เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ

และการกระทำของพลเอกชวลิต ที่ยอมให้โจทก์ร่วมรับรู้
ถึงการปรึกษาหารือและตัดสินใจเปลี่ยนแปลง
ระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท
อันเป็นเรื่องความลับที่สุด

ซึ่งเกี่ยวกับประโยชน์และส่วนได้เสียของประเทศ
และประชาชนจำนวนมาก เมื่อวันที่ ๒๙ มิ.ย.๔๐

ก่อนวันประกาศเปลี่ยนแปลงระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท
เมื่อวันที่ ๒ ก.ค.๔๐ ถึง ๓ วัน

ทั้งๆ ที่โจทก์ ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง
หรือควรรับรู้ถึงการปรึกษาหารือ
และการตัดสินใจในครั้งนี้เลย

และหลังจากนั้น ยังยืนยันในที่สาธารณะต่อสื่อมวลชนมาโดยตลอดว่า
มีผู้รู้ถึงการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงระบบ
อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท เพียง ๓ คน เท่านั้น

คือ ตัว
พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ
นายทนง พิทยะ และ
นายเริงชัย มะระกานนท์
เป็นข้อพิรุธสำคัญ

นอกจากศาลฎีกาจะมีความเห็นต่อข้อพิรุธข้างต้นแล้ว
มติที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ยังมีเห็นว่า….

ประกอบกับพันตำรวจโททักษิณ ซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจการค้ารายใหญ่
ไม่ได้รับผลกระทบเสียหายรุนแรงจากการเปลี่ยนแปลงอัตรา
แลกเปลี่ยนเงินบาทอย่างผู้ประกอบธุรกิจการค้าใหญ่รายอื่น
ที่มีหนี้สินเป็นเงินตราต่างประเทศที่
ต่างประสบความเสียหายอย่างรุนแรง

ดังนี้ ย่อมเป็นมูลเหตุเพียงพอที่จะทำให้จำเลยที่ ๑
ซึ่งปฎิบัติหน้าที่ตามกฎหมายตั้งข้อสงสัยโจทก์ได้

มติที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ยังเห็นว่า จำเลยที่ ๑ เพียงแต่ตั้งข้อสงสัยว่า
โจทก์เป็นผู้นำเอาความลับที่สุดดังกล่าวที่รู้มา
โดยไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องและไม่ควรจะรู้ไปบอกพันตำรวจโททักษิณ
ไม่ได้เป็นการยืนยันข้อเท็จจริง

การตั้งข้อสงสัยของจำเลยที่ ๑ จึงมีมูลเหตุเพียงพอ
ที่จะให้ตั้งข้อสงสัยเช่นนั้นได้
ไม่ได้ตั้งข้อสงสัยอย่างเลื่อนลอย
อันจะทำให้เห็นเจตนาร้ายของจำเลยที่ ๑
ที่จงใจฉวยโอกาสในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ส.ส.ฝ่ายค้าน
ให้ร้ายแก่โจทก์ โดยปราศจากเหตุอันสมควร

การอภิปรายของจำเลยที่ ๑ ที่พาดพิงถึงโจทก์นั้น
ยังอยู่ในขอบเขตของการปฏิบัติหน้าที่ส.ส.ฝ่ายค้าน
ในการตรวจสอบการทำงานของพลเอกชวลิต
เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ
และประชาชน อันเป็นวิสัยที่พึงกระทำ

คำอภิปรายของจำเลยที่ ๑ ไม่ได้เป็นการกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลาย
ซึ่งข้อความอันเป็นการฝ่าฝืนต่อความจริง
จึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์

ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง ศาลฎีกา เห็นพ้องด้วยในผล

ฎีกาข้อนี้ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยฎีกาข้ออื่น
ของโจทก์อีกต่อไป
………………………

ครับ ศาลฎีกา เห็นพ้องตามศาลอุทธรณ์
คือยกฟ้องกำนันสุเทพ!


นี่ไง..ผลงานจับต้องได้ของทักษิณในยุค
“วิกฤตต้มยำกุ้ง” ที่นายสุริยะชื่นชมว่า
 พวกเขาควรเรียนรู้เพื่อนำปรับใช้

“ต้มยำกุ้ง” เจ๊งกันทั้งประเทศ
แต่ธุรกิจทักษิณคนเดียว กลับรวยฉิบหาย!


เปลว สีเงิน
๒๘ มีนาคม ๒๕๖๗

โค๊ด:
https://plewseengern.com/plewseengern/139058?fbclid=IwAR31x5JqkIUQ_RKbDdDsjtKshCjCp3Qk0Hb9rkdX_HXEGylDI7MFWY3jeQs_aem_ASQ8VB9DKCKskh5aOoK_MYrKcYoYD-z9cApEkeIeJnXzLsRLtmqHppV02Yy7-2Vo5PdYlkbXBcDyJPHsfwJt8yXF#

 8 
 เมื่อ: วันนี้ เวลา 06:57:56 AM 
เริ่มโดย eskimo_bkk-LSV team♥ - กระทู้ล่าสุด โดย eskimo_bkk-LSV team♥
ผักเชียงดามีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Gymnema inodorum (Lour.) Decne.
และมีชื่อท้องถิ่นหลายชื่อ เช่น เจียงดา, ผักเชียงดา, ผักกูด, ผักม้วนไก่ หรือ ผักเซ็ง
เป็นผักพื้นบ้านของภาคเหนืออีกชนิดหนึ่ง
ที่คนในท้องถิ่นนิยมบริโภค

ลักษณะของผักเชียงดา เป็นไม้เลื้อยมีลำต้นสีเขียว
ส่วนต่างๆ ที่อยู่เหนือดินมียางสีขาวคล้ายน้ำนม
ใบเป็นใบเดี่ยว ดอกเป็นดอกช่อและมีสีเหลืองหรือสีเขียว
ผลออกเป็นผักรูปร่างคล้ายหอก

การขยายพันธุ์ นิยมใช้วิธีปักชำหรือการเพาะเมล็ด
ผักเชียงดาเป็นพืชที่ทนแล้งแต่สามารถเจริญเติบโตได้ดี
ในดินร่วนที่มีการระบายน้ำที่ดี โดยนิยมปลูกตามริมรั้วหรือปล่อย
ให้เลื้อยขึ้นตามค้างหรือพาดขึ้นตามต้นไม้ที่อยู่ใกล้เคียง

คุณค่าทางโภชนาการ

ยอดอ่อนและใบอ่อนของผักเชียงดามีรสขมอ่อนๆ
และมีสารอนุมูลอิสระสูงมาก
ในผักเชียงดาหนัก 100 กรัม ให้พลังงาน 60 แคลอรี
มีน้ำประมาณ 87.9% วิตามินซี 153 มิลลิกรัม
เบต้าแคโรทีน 5905 ไมโครกรัม
วิตามินเอ 984 ไมโครกรัม แคลเซียม 78 มิลลิกรัม
ฟอสฟอรัส 98 มิลลิกรัม เส้นใยอาหาร 2.5 กรัม
โปรตีน 5.4 กรัม ไขมัน 1.5 กรัม และ
คาร์โบไฮเดรต 8.6 กรัม


สรรพคุณทางยา

ผักเชียงดามีสรรพคุณมากมาย เช่น

    ช่วยลดน้ำตาล
    แก้ไข้และแก้หวัด
    ใช้รักษาอาการท้องผูกและโรคริดสีดวงทวาร
    ช่วยกำจัดสารพิษต่างๆ ที่ตกค้างในร่างกาย
    ช่วยฟื้นฟูและบำรุงตับอ่อนให้แข็งแรง
    ช่วยลดน้ำหนัก
    ช่วยบรรเทาอาการปวดข้อและปวดกระดูก
    ช่วยบรรเทาอาการภูมิแพ้และโรคหอบหืด



โค๊ด:
Cr: https://stri.cmu.ac.th/article_detail.php?id=51 สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

 ping!

 9 
 เมื่อ: มีนาคม 27, 2024, 08:20:50 PM 
เริ่มโดย ช่างเล็ก(LSV) - กระทู้ล่าสุด โดย ช่างเล็ก(LSV)
https://108kaset.com/2024/03/27/thai-rice-prices-fall/
ข้าวนาปรังไทยส่งออกพร้อมกับข้าวนาปีเวียดนาม ตลาดโลกกอดคอราคาร่วง
#ข้าวนาปรัง  #ไทย  #ส่งออก   #ข้าวนาปี   #เวียดนาม  #ตลาดโลก  #ราคาร่วง
-----------


ากราคาข้าวเปลือกและข้าวสารที่ปรับตัวลดลงในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมานั้น เกิดอะไรขึ้นกับสถานการณ์ตลาดโลก อย่างมีนัยสำคัญ..
นายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ราคาข้าวที่ปรับตัวลงมาเป็นไปตามกลไกตลาด เนื่องจากประเทศผู้ผลิตข้าวหลายประเทศ มีผลผลิตออกมามาก เช่นประเทศเวียดนาม ชาวนากำลังเก็บเกี่ยวข้าวนาปี และเป็นช่วงพีค..

ขณะที่ไทยข้าวนาปรังก็กำลังออกมามากเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นไปตามกลไกตลาด เวลาซัพพลายมีมากราคาก็อ่อนตัวลงมา บวกกับราคาข้าวเวียดนามในตลาดโลกก็ปรับตัวลงมาเช่นเดียวกับข้าวปากีสถาน ดังนั้นเพื่อให้แข่งขันในตลาดได้ ข้าวไทยก็ต้องปรับลดราคาลงเช่นเดียวกันเพื่อให้ขายได้ ไม่เช่นนั้นลูกค้าจะหันไปซื้อเวียดนามเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นภาวะปกติของตลาด
“ส่วนการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) กับอินโดนีเซีย อยู่ระหว่างการเจรจา และช่วงนี้อยู่ในเดือนรอมฎอนของชาวมุสลิม การรับมอบสินค้าช้าลง ทำให้ความต้องการน้อยลง ทุกอย่างเลยช้าลงไป ราคาก็อ่อนตัวลง”
นายรังสรรค์ สบายเมือง นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวถึง สาเหตุจากราคาข้าวปรับตัวลงมา เกิดจากผู้ส่งออกแจ้งราคารับซื้อข้าวสาร 5% ลงจาก 21,000 บาท/ตัน เป็น 20,000-20,020 บาท/ตัน ส่วนปลายข้าวท่อน จาก 16,000 บาท/ตัน เหลือ15,500 บาท/ตัน และราคาข้าวเปลือกก็ไม่ได้ปรับตัวลงมามาก เนื่องจากการแข่งขันโรงสีมีสูง มีการแย่งซื้อข้าวจากชาวนาตามการดำเนินธุรกิจปกติ
“วันนี้ชาวนาทั่วประเทศเกี่ยวข้าวนาปรังทั่วประเทศผลผลิตหนาแน่นมาก ทำให้ราคาปรับตัวลงมากในช่วง 2 อาทิตย์นี้ จึงทำให้ผู้ที่มาซื้อข้าวราคาก็ปรับตัวลงตามของที่มีเยอะมากกว่าเป็นกลไกตลาดปกติ แล้วในอนาคตหากมีความต้องการเพิ่ม ราคาก็จะปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งไม่เกี่ยวกับที่เกษตรกรหันไปปลูกข้าวจัสมินหรือข้าวเวียดนาม ที่ส่งผลทำให้ราคาข้าวปรับตัวลดลง”
นายรังสรรค์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันโรงสีมีการซื้อเก็บสต็อกข้าวน้อย ซื้อมาขายไปเพื่อทำรอบ เนื่องจากสถาบันการเงิน มีความเข้มงวด มีระเบียบจำกัด ทำให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนยาก แต่ถ้ามีเงินในกระเป๋ามาก ก็ไม่ต้องเร่งทำรอบ ก็สามารถที่จะเก็บสต็อกได้เพื่อรอราคา หรือไม่ต้องทุ่มราคาตลาดมากนัก


 10 
 เมื่อ: มีนาคม 27, 2024, 04:15:08 PM 
เริ่มโดย ช่างเล็ก(LSV) - กระทู้ล่าสุด โดย ช่างเล็ก(LSV)
https://www.pohchae.com/2024/03/27/ship-crash-american-bridge/
เรือสินค้าชนสะพานยาว 2.57 กม. ที่อเมริกาพังถล่ม ระบบขนส่งจ่อกระทบหนัก
#เรือสินค้า  #ชนสะพาน   #อเมริกา  #พังถล่ม  #ระบบขนส่ง  #กระทบหนัก
------------


เมื่อช่วงเช้ามืดตามเวลาท้องถิ่นของรัฐแมรีแลนด์ ของสหรัฐฯ เกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันขึ้น เมื่อเรือสินค้าขนาดใหญ่พุ่งชนเสาตอม่อสะพานแขวนความยาวอันดับที่ 3 ของโลก จนพังถล่มลงมาทั้งสาย สร้างความตกตะลึงให้แก่ชาวเมืองซึ่งต้องตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าสะพานที่อยู่กับพวกเขามาหลายสิบปีหายไปแล้ว..

จากข้อมูลที่มีการเปิดเผยออกมาจนถึงตอนนี้ สาเหตุที่เรือสินค้าพุ่งชนตอม่อสะพานเป็นเพราะเรือเกิดปัญหาด้านพลังงาน จนเสียการควบคุม ด้านสำนักงานสืบสวนกลางของสหรัฐฯ หรือ FBI เชื่อว่าเหตุการณ์นี้เป็นอุบัติเหตุ ไม่ใช้การก่อการร้าย

ขณะเดียวกัน หน่วยกู้ภัยกับเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงานก็กำลังช่วยกันตามหาผู้สูญหายหลังสะพานถล่ม ซึ่งตอนนี้เชื่อว่ามี 6 คน หลังก่อนหน้านี้ช่วยเอาไว้ได้แล้ว 2 คน ท่ามกลางเสียงเตือนของผู้เชี่ยวชาญ ถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อเมืองท่าขนาดใหญ่บนชายฝั่งตะวันออกที่ต้องดูแลสินค้าปีละหลายสิบล้านตันแห่งนี้..

…
ทำไมเรือสินค้าพุ่งชนสะพาน?

เหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ ก่อน 01.30 น. วันอังคารที่ 26 มี.ค. 2567 ตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐฯ เมื่อเรือสินค้าสัญชาติสิงคโปร์ ชื่อว่า ‘ดาลี’ พุ่งเข้าชนเสาตอม่อสะพานแขวน ‘ฟรานซิส สกอตต์ คีย์’ จนเป็นเหตุให้สะพานความยาว 2.57 กม. สายนี้พังถล่มลงสู่แม่น้ำปาแทปส์โก

ตามการเปิดเผยของการท่าเรือและการเดินเรือแห่งสิงคโปร์ เรือสินค้านี้มีความยาวถึง 984 ฟุต หรือใกล้เคียงกับสนามอเมริกันฟุตบอล 3 สนาม โดยก่อนเกิดเหตุเรือลำนี้สูญเสียแรงขับเคลื่อนชั่วขณะ ลูกเรือจึงปล่อยสมอตามระเบียบการในภาวะฉุกเฉิน แต่เรือกลับไม่สามารถรักษาเส้นทางได้ และพุ่งเข้าชนตอม่อสะพาน

นายเวส มัวร์ ผู้ว่าการรัฐแมรีแลนด์ ยืนยันว่าเรือดาลีส่งสัญญาณเมย์เดย์ แจ้งเหตุฉุกเฉินไปยังเจ้าหน้าที่ว่า เรือสูญเสียพลังงาน ก่อนที่เรือจะชนเข้ากับตอม่อสะพาน และการเตือนนี้อาจช่วยชีวิตคนมากมาย เพราะทำให้เจ้าหน้าที่มีเวลาปิดการจราจรไม่ให้มีรถบนสะพานมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม นายจอห์น โอลเซวสกี ผู้บริหารเขตบัลติมอร์ เคาน์ตี เปิดเผยในเวลาต่อมาว่า กัปตันเรือดาลีส่งสัญญาณเมย์เดย์ก่อนที่เรือจะชนเพียง 2 นาทีเท่านั้น โดยที่ไม่แน่ชัดว่าลูกเรือเริ่มหย่อนสมอเมื่อไร และหย่อนทันหรือไม่..

ผู้ว่าการรัฐแมรีแลนด์บอกด้วยว่า เรือลำนี้แล่นมาด้วยความเร็ว 8 น็อต หรือราว 15 กม./ชม. ซึ่งถือว่าเร็วมาก

ขณะเดียวกัน คลิปวิดีโอวินาทีเกิดเหตุแสดงให้เห็นว่าเรือสินค้าลำนี้แล่นผิดเส้นทางในขณะที่เข้าใกล้สะพาน โดยเรือชนเข้ากับตอม่อฝั่งหนึ่งของสะพาน แทนที่จะลอดใต้กลางสะพานที่มีช่องว่างมากที่สุด..

△เดอะการ์เดียน (The Guardian) รายงานว่า เรือลำนี้สร้างในเกาหลีใต้เมื่อปี 2005 โดยฮุนได เฮฟวี อินดัสทรีส์ (Hyundai Heavy Industries) เรือลำนี้ถูกเช่าเหมาลำโดยเมอส์ก ยักษ์ขนส่งทางทะเลจากเดนมาร์ก

หน่วยงานการเดินเรือและการท่าเรือแห่งชาติของสิงคโปร์ (MPA) ยืนยันว่า เรือต้าหลี่จดทะเบียนในสิงคโปร์ และมีลูกเรือ 22 คนอยู่บนเรือขณะเกิดเหตุ ส่วนเมอส์กกล่าวเสริมในแถลงการณ์ว่า ลูกเรือทั้งหมดเป็นชาวอินเดีย แต่ไม่มีบุคลากรของเมอส์กเองอยู่บนเรือ

เร่งค้นหาผู้สูญหาย

จนถึงตอนนี้ เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เชื่อว่ายังเหลือผู้ที่สูญหายไปตอนที่สะพานพังถล่มทั้งสิ้น 6 ราย โดยทั้งหมดเป็นคนงานก่อสร้างซึ่งมาซ่อมบำรุงรูบนพื้นถนนของสะพาน

ก่อนหน้านี้มีผู้ประสบเหตุได้รับความช่วยเหลือขึ้นมาจากแม่น้ำปาแทปส์โกแล้ว 2 ราย โดยคนหนึ่งไม่ได้รับบาดเจ็บ ส่วนอีกคนต้องถูกนำตัวส่งศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยแมรีแลนด์ด้วยอาการสาหัสมาก แต่ในช่วงบ่ายวันอังคาร เขาก็ได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว

เจ้าหน้าที่ค้นหาและกู้ภัยใช้เทคโนโลยีอินฟาเรดและโซนาร์ จนสามารถระบุตำแหน่งของยานพาหนะ 5 คันที่ตกลงไปในแม่น้ำปาแทปส์โก (Patapsco) ได้สำเร็จ โดยคาดว่าทั้งหมดเป็นรถของทีมก่อสร้าง และไม่พบว่ามีผู้เคราะห์ร้ายติดอยู่ในรถ โดยขณะนี้ทีมนักประดาน้ำ 8 ทีม จำนวนราว 50 คน กำลังร่วมในปฏิบัติการช่วยเหลือ

ส่วนบนเรือดาลี บริษัท ซีเนอร์จี กรุ๊ป ของสิงคโปร์ ซึ่งเป็นเจ้าของเรือ ยืนยันว่าไม่มีลูกเรือได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

FBI ไม่เชื่อเป็นการก่อการร้าย

เจ้าหน้าที่สำนักงานสืบสวนกลางสหรัฐฯ ระบุว่า ตอนนี้ยังไม่มีข้อบ่งชี้ใดๆ ที่บอกว่าเหตุการณ์เรือชนตอม่อจนสะพานฟรานซิส สกอตต์ คีย์ บริดจ์พังถล่ม เกิดขึ้นจากความจงใจ แต่ถึงกระนั้นเจ้าหน้าที่ก็ยังถูกส่งไปยังจุดเกิดเหตุ ซึ่งนายแอนดรูว์ แมกเคบ อดีตรองผู้อำนวยการของ FBI อธิบายว่ามีหลายเหตุผลที่ต้องทำเช่นนั้น..

ข้อแรกคือ เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ต้องมีการตอบสนองครั้งใหญ่แบบนี้ หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายท้องถิ่นทั้งหมด, หน่วยงานรัฐ หรือใครก็ตามที่อยู่ในพื้นที่ ต้องไปปรากฏตัวและให้ความช่วยเหลือเท่าที่จะทำได้ตามข้อตกลงความช่วยเหลือร่วมกัน เช่น FBI ซึ่งมีทีมดำน้ำประสบการณ์สูง ก็สามารถช่วยเหลือเรื่องการค้นหาได้

ส่วนข้อสอง FBI สามารถช่วยยืนยันได้ว่าหายนะที่เกิดขึ้นเป็นความจงใจหรือไม่ โดยพวกเขาจะตรวจสอบข้อมูลข่าวกรองทั้งหมดที่มี เพื่อดูว่ามีใครพูดถึงเรื่องแผนการ หรือเป้าหมายใดๆ หรือไม่ เพื่อดูว่ามีความเคลื่อนไหวเบื้องหลังที่เจ้าหน้าที่ต้องรู้และจับตาดูหรือเปล่า แต่จากที่เขาได้ยินได้ฟังมาจนถึงตอนนี้ กรณีล่าสุดไม่มีเรื่องเช่นนั้น

…
การจราจร-ขนส่ง กระทบหนัก

ในขณะที่การช่วยเหลือผู้สูญหายยังคงดำเนินต่อไป บรรดาผู้เชี่ยวชาญหลายคนก็ออกมาเตือนว่า อุบัติเหตุครั้งนี้อาจส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเมืองบัลติมอร์ เนื่องจากซากสะพานทำให้การเดินเรือต้องหยุดลงอย่างไม่มีกำหนด

เมืองท่าบัลติมอร์มีความสำคัญมากในฐานะท่าเรือบนชายฝั่งตะวันออกที่ใกล้ภูมิภาคมิดเวสต์มากที่สุด ทำให้มันกลายเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าประเภทรถยนต์, ตู้คอนเทนเนอร์ และสินค้าอุปโภคบริโภคขนาดใหญ่ และเป็นอันดับ 1 ท่าเรือสหรัฐฯ ที่มียานพาหนะถูกขนส่งผ่านมากที่สุด โดยเมื่อปีก่อนมีรถยนต์ถูกขนส่งผ่านท่าเรือแห่งนี้ถึง 850,000 คัน

การพังถล่มของสะพานฟรานซิส สกอตต์ คีย์ จะกระทบต่อการขนส่งทั้งตอนบนและตอนล่างของชายฝั่งตะวันออก เพราะเดิมทีในแต่ละวันจะมีรถใช้งานสะพานแห่งนี้ราว 30,000-35,000 คัน แต่ตอนนี้รถดังกล่าวต้องเปลี่ยนเส้นทางไปวิ่งผ่านอุโมงค์ 2 แห่ง บนเส้นทางเชื่อมระหว่างรัฐหมายเลข 95 ซึ่งแน่นอนว่าจะทำให้การจราจรล่าช้า นอกจากนั้นวัตถุอันตรายยังไม่ได้รับอนุญาตให้ลอดผ่านอุโมงค์ ทำให้ต้องเลี่ยงไปใช้เส้นทางที่ไกลขึ้นอีก

ขณะที่การเปลี่ยนเส้นทางขนส่งสินค้าไปยังฟิลาเดลเฟีย, นอร์ฟอล์ค หรือท่าเรือนิวยอร์ก และนิวเจอร์ซี อาจดันค่าใช้จ่ายของการขนส่งด้วยรถบรรทุกและรถไฟให้เพิ่มขึ้น หากจำนวนสินค้ามากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และอาจทำให้เกิดความแออัดขึ้นที่ท่าเรือทางเลือกอื่นๆ นำไปสู่ความล่าช้า และทำให้ค่าระวางขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้นได้

อย่างไรก็ตาม นายมาร์ก ซานดี หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของสถาบัน ‘มูดีส์ อนาลีติกส์’ กล่าวว่า แม้จะเกิดการติดขัดในห่วงโซ่อุปทานที่บัลติมอร์ แต่ไม่น่าส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในภาพรวม เนื่องจากยังมีท่าเรือให้เลือกส่งสินค้าอีกมาก

หนึ่งในปัจจัยที่เป็นตัวตัดสินว่าผลกระทบจะมากหรือน้อย คือระยะวลาที่ท่าเรือต้องปิดทำการ โดยนายมัวร์ยอมรับว่าเร็วเกินไปที่จะบอกได้ว่า ท่าเรือบัลติมอร์จะกลับมาเปิดได้เมื่อไร ส่วนประธานาธิบดี โจ ไบเดน ให้คำมั่นว่า รัฐบาลจะออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดเพื่อสร้างสะพานใหม่ และทำให้ท่าเรือกลับมาเปิดโดยเร็วที่สุด แต่เขาก็ไม่กำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจน

…
ความสำคัญของบัลติมอร์

นายมัวร์ยอมรับว่าการสร้างสะพานเส้นใหม่เป็นการก่อสร้างระยะยาวที่อาจใช้เวลานานหลายปี แต่ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเก็บกวาดซากปรักหักพังออกจากแม่น้ำ เพื่อเปิดเส้นทางเดินเรือมาสู่เมืองท่าอันแสนสำคัญของสหรัฐฯ แห่งนี้

ในภาพรวม บัลติมอร์ เป็นท่าเรือที่รับและส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศมากที่สุดเป็นอันดับที่ 9 ของสหรัฐอเมริกา ในปี 2566 เมืองแห่งนี้ต้องรับมือสินค้าน้ำหนักรวมถึง 52.3 ล้านตัน มูลค่ากว่า 8.08 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ สร้างงานโดยตรงถึง 15,330 คน และงานจากบริการที่เกี่ยวข้องอีกกว่า 139,180 ตำแหน่ง

บัลติมอร์ ยังเป็นท่าเรือลำดับต้นๆ ของสหรัฐฯ ในการขนส่งเครื่องจักรก่อสร้าง และการเกษตร รวมถึงรับสินค้านำเข้าประเภทน้ำตาล และยิปซัม นอกจากนั้นยังเป็นท่าเรือที่มีถ่านหินถูกส่งออกไปถึง 20 ล้านตันต่อปี มากที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของประเทศด้วย

หนึ่งในผู้ผลิตรายสำคัญที่ตั้งอยู่บริเวณอ่าวบัลติมอร์คือ โรงงานทำน้ำตาล ‘โดมิโน ชูการ์’ ผู้ผลิตน้ำตาลจากอ้อยรายใหญ่ที่สุดในซีกโลกตะวันตก ซึ่งดำเนินธุรกิจมานานกว่า 115 ปี และโรงงานแห่งนี้มีน้ำตาลดิบมากมายส่งผ่านทางเรือ เพื่อผลิตเป็นผลิตภัณฑ์น้ำตาลประเภทต่างๆ แต่ตอนนี้ไม่แน่ชัดแล้วว่าพวกเขาจะมีแผนอย่างไร เมื่อการนำเข้าผ่านท่าเรือบัลติมอร์ต้องหยุดชะงักลง

บัลติมอร์ ยังเป็นท่าเทียบเรือให้แก่เรือสำราญของบริษัทดังอย่าง ‘รอยัล แคริบเบียน’, ‘คาร์นิวัล’ และ ‘นอร์วิเจียน’ โดยเมื่อปีก่อนมีผู้โดยสารเดินทางออกจากท่าเรือแห่งนี้มากกว่า 444,000 คน

แต่นักวิเคราะห์อย่างนายซานดียังมองโลกในแง่ดีว่า แม้การพังถล่มของสะพานฟรานซิส สกอตต์ คีย์ จะสร้างเรื่องน่าปวดหัวมากมายให้แก่บัลติมอร์ และทำให้เกิดความสูญเสียทางธุรกิจที่ท่าเรือ แต่มันจะเป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น และเม็ดเงินที่จะถูกใช้เพื่อสร้างสะพานแห่งใหม่จะกลายเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจของเมือง ถึงแม้ว่ามันจะยังไม่เกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ก็ตาม.

หน้า: [1] 2 3 4 5 ... 10
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!