กระทู้ธรรม

กระทู้ธรรม

<< < (7/48) > >>

kittanan_2589:
พระคุณพ่อ เลิศฟ้า มหาสมุทร
พระคุณแม่ สูงสุด มหาศาล
พระคุณพ่อ เลิศหล้า สุธาธาร
พระคุณแม่ เปรียบปาน มหานที

มาทำบุญแต่ไม่ละบาป มาสร้างความดีก็ไม่ละความชั่ว ตรงนี้น่าพิจารณาตัวเอง

จิตใจที่เป็นบุญคือความสุขอย่างยิ่ง

เราท่านทั้งหลาย ที่เรามาสร้างบุญกุศลที่เกิดมาในสัมปรายภพ มาปรารภบุญกุศลของท่าน ที่เรามาต้องการสร้างบุญให้แก่จิตใจ จิตใจที่เป็นบุญก็คือความสุข ท่านทั้งหลาย พี่น้องที่รัก ต้องการความสุข หรือว่ากลับไปต้องมีทุกข์เดือดร้อน เป็นหนี้สินกันไม่พัก อย่าลืมว่าโดนโกงนั้นก็อย่าไปคิดพิจารณาอย่างอื่น เราก็สร้างเวร สร้างกรรมมาหลายชาติหลายกัลป์มาแล้ว ลองพิจารณาตรงนั้น ถ้ามาเอาบุญจริง ๆ ท่านจะระลึกชาติได้ ท่านจะไม่วุ่นวาย เช่น จะไม่คุยกัน และท่านจะลุ่มลึกนึกถึงบุพการีท่านได้

สร้างกุศลทดแทนพระคุณมารดา บิดา

ท่านมานั่งกรรมฐานทั้งลูกเล็ก ถ้าทำได้จริงใช้ข้าวป้อนแทนค่าน้ำนมแม่ได้ ถ้าทำจริงนะ อย่างนี้เป็นทุกอย่าง กตัญญูกตเวทิตาธรรม ที่ท่านมาบวช บวชกายทำจิตใจเข้าถึงพระ มีพระประจำจิตใจท่านแล้ว ท่านจะประเสริฐ ท่านจะมีแต่ความสุข มันไม่มีทุกข์แต่ประการใด ท่านมาที่นี่อาตมายินดีต้อนรับทุกคน ต้องการให้ท่านมีความสุขความเจริญ ไม่ต้องการที่จะให้ท่านเป็นทุกข์ และต้องการให้ท่านมีความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สิน มีท่านใดไม่ชอบหรือไม่ ถ้าท่านต้องเดือดร้อนแล้วมีที่พึ่งทางใจ...ไม่มีใครไม่ชอบนะ ถ้าท่านไม่ตั้งใจท่านจะหมดโอกาสอันดีงามของท่านไป ท่านอย่าประมาทนะ คิดว่าเรามาสร้างบุญกุศลขอให้เอาจริง ๆ ทุกสิ่งก็จะได้ผล

kittanan_2589:
การเจริญวิปัสสนาค้นคว้าในกาย ขั้นเหตุนั้นจงกำหนดคาดหมายเสียก่อนว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ก็เราเคยเห็นมาแล้ว มนุษย์เพื่อนร่วมโลกร่วมสงสาร หญิงชายตายแล้ว เห็นแต่เป็นอย่างนี้ เอาไว้วัน ๒ วัน ไม่ฉีดยาก็เหม็น เหม็นเบื่อหน่าย เหม็นน่าเกลียด เหม็นมนุษย์ร้ายกว่าเหม็นหมานั่นแหละ ทำไมเหม็นเน่าขนาดนั้น

จึงว่า อสุภะ อสุภัง เป็นของเปื่อยเน่า เป็นของเหม็น น่าเกลียด เหม็นอย่างสุดยิ่ง นั่นแหละ ปฏิกูลน่าเกลียดสกปรกโสโครก มีหนังหุ้มอยู่ ภายนอกดูเกลี้ยงเกลาหลอกเรา หญิง ชาย หนุ่ม สาว ภายในนั้นมีอะไรบ้าง ดิน น้ำ ลม ไฟ หลายอย่าง เอ็น กระดูก ชิ้นน้อย ชิ้นใหญ่ ไส้น้อย ไส้ใหญ่ ทุกอย่าง อาการ ๓๒ ก็ล้วนแล้วแต่ของปฏิกูลทั้งนั้น

นั่นแหละ เมื่อเอาของภายในออกภายนอกแล้วเป็นอย่างไร ก็มีแต่ของเปื่อยเน่า มีแต่ของปฏิกูลน่าเกลียดทั้งนั้น นั่นแหละทีนี้ ก็เห็น ๆ กันมาอย่างนั้น ถึงแม้เรายังไม่เป็น ยังไม่ถึง คนอื่นก็เป็นมาให้เห็นอยู่ บางคนหญิงชายตายแล้ว เก็บไว้คืน ๒ คืน ก็ส่งกลิ่นเหม็นออกมาแล้ว คืนที่ ๓ เอาไปป่าช้าเปิดหีบออก มันขึ้นสีเขียวหมดแล้ว สีเขียว สีดำ หน้าเบ้ อะไรก็ไม่น่าดู เปลี่ยนสภาพหมด มีกลิ่นเหม็น น้ำเน่าไหลออกจมูก ไหลออกปาก หญิงชาย โอ๋...น่าเกลียด น้ำเน่านั้น เขาเลิกผ้าออกไปถึงทวารหนัก ทวารเบา น้ำเน่านั้นมันก็ไหลออกจากทวารหนัก ทวารเบา

แพทย์เขาบอกว่า ผู้หญิงมันเน่าทวารเบาก่อน เหม็นเน่า น่าเกลียด ผู้ชายเน่าที่ท้องก่อน เหม็นเน่าน่าเกลียด ปฏิกูลน่าเกลียด แสนที่จะไม่น่าปรารถนา นั่นแหละ เมื่อถึงสภาพนั้น อะไรเป็นเขา เป็นเรา ก็ถามจิตดู

เคยเห็นมาแล้ว หลายร้อยศพ ผลสุดท้ายก็เผาหรือฝัง เมื่อเผาแล้วเป็นอย่างไร ก็เหลือแต่ร่างกระดูกขาว ๆ นั่นแหละ อสุภะ อันละเอียด จากนั้นไฟก็สังหารเป็นเถ้าถ่านจนหมด ถ้าฝังถมดินไว้ ดินก็ดูดกลืนกินหมด เหลือแต่กระดูกธาตุแข็งเท่านั้น ไม่มีอะไรเป็นชิ้นดีหรอก ของเขา ของเรา เมื่อถึงสภาพนั้นแล้ว สิ่งทั้งปวงก็เป็นอย่างนี้

ผู้ใดมีสติอยู่ รู้จักกามและโทษของกามอย่างแท้จริงได้แล้ว เขาย่อมสลัดกามออกไปในทันทีอย่างไม่มีเยื่อใยใด ๆ อีก

เหมือนบุคคลผู้ได้สติรู้ซึ้งถึงความจริงว่าคนที่ตน หลงรักมานานตลอดทั้งชีวิตนั้น แท้ที่จริงแล้วไม่ได้รักตนเองเลยแม้สักนิด เขารักแต่ตัวของเขาเองต่างหาก

ซ้ำร้ายยังกลับหลอกให้ตนเองหลงทุกข์ หลงเป็นบ้าเศร้าโศก เพ้อพิไรรำพันต่าง ๆ นานามาตลอด เขาย่อมสลัดความรักนั้นได้อย่างไม่ใยดีใด ๆ อีก


อันว่ากามนั้น เป็นของเข้าใจได้ยาก รู้ตามได้ยาก เพราะกามผูกพันกับมนุษย์มาตั้งแต่เกิด บุคคลผู้ไม่มีสติรู้เท่าทันกามและความเป็นไปอย่างแท้จริงแล้ว ย่อมยากที่จะสลัดกาม

kittanan_2589:


ความดับทุกข์มี เพราะความดับแห่งนันทิ

ปุณณะ ! รูปที่เห็นด้วยตาก็ดี เสียงที่ฟังด้วยหูก็ดี กลิ่นที่ดมด้วยจมูกก็ดี รสที่ลิ้มด้วยลิ้นก็ดี
โผฏฐัพพะที่สัมผัสด้วยกายก็ดี ธรรมารมณ์ที่รู้แจ้งด้วยใจก็ดี อันเป็นสิ่งที่น่าปรารถนา น่ารักใคร่
น่าพอใจ เป็นที่ยวนตา ยวนใจให้รัก เป็นที่ตั้งอาศัยอยู่แห่งความใคร่ เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัดย้อมใจมีอยู่
ภิกษุย่อมไม่เพลิดเพลิน ไม่พร่ำสรรเสริญ ไม่เมาหมก ซึ่งอารมณ์มีรูปเป็นต้นนั้น
เมื่อภิกษุไม่เพลิดเพลิน ไม่พร่ำสรรเสริญ ไม่เมาหมกซึ่งอารมณ์มีรูปเป็นต้นนั้นอยู่ นันทิ(ความเพลิน)ย่อมดับไป

ปุณณะ ! เรากล่าวว่า ความดับไม่มีเหลือของทุกข์มีได้ เพราะความดับไม่เหลือของความเพลิน ดังนี้แล

อาการเกิดแห่งความทุกข์โดยสังเขป

มิคชาละ ! รูปทั้งหลายที่เห็นด้วยตา อันเป็นรูปที่น่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ เป็นที่ยั่วยวนชวนให้รัก
เป็นที่เข้าไปตั้งอาศัยอยู่แห่งความใคร่ เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัดย้อมใจมีอยู่ ถ้าภิกษุเพลิดเพลิน
พร่ำสรรเสริญ สยบมัวเมาในรูปนั้นอยู่ นันทิ(ความเพลิน)ย่อมมีขึ้น

มิคชาละ ! เรากล่าวว่า ความเกิดขึ้นแห่งทุกข์มีได้ เพราะความเกิดขึ้นแห่งนันทิ ดังนี้

(ในกรณีแห่งเสียงที่ได้ยินด้วยหู กลิ่นที่ดมด้วยจมูก รสที่ลิ้มด้วยลิ้น โผฏฐัพพะที่สัมผัสด้วยผิวกาย และธรรมารมณ์ที่รู้แจ้งด้วยใจ
ก็ได้ตรัสไว้โดยทำนองเดียวกันกับในกรณีแห่งรูปที่เห็นด้วยตา)

kittanan_2589:
เนื่องจากที่ได้สัมผัสมา ก็พบว่าหลาย ๆ ท่านมีความปรารถนาในพระโพธิญาณ คือ การได้ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์ หนึ่งในอนาคต
จึงได้ขอนำเรื่องว่าด้วย"ศาสตร์แห่งการปรารถนาพระโพธิญาณ" อันคัดลอกและย่อใจความบางส่วนมาจากหนังสือ"มุนีนาถทีปนี" ของพระพรหมโมลี (วิลาศ ญาณวโร ป.ธ.๙) มาย่อให้ได้ทราบความตามสมควร เพื่อให้ผู้ที่ปรารถนาพระโพธิญาณได้ทราบ เพื่อเป็นแนวทางในการบำเพ็ญบารมีของตน ตามลีลาแห่งพระโพธิสัตว์เจ้าทั้งหลายในอดีต ปัจจุบัน และในอนาคตกาล

ป.ล.ในการเผยแผ่นี้ข้าพเจ้าขอยกคุณความดีแห่งการนี้ถวายบูชาคุณแห่งพระศรี รัตนตรัย คุณแห่งผู้รจนา พระพรหมโมลี (วิลาศ ญาณวโร ป.ธ.๙) คุณครูบาอาจารย์ และท่านผู้มีคุณทั้งหมด มีพระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ เป็นที่สุด
แต่หากมีข้อผิดพลาดประการใดข้าพเจ้าขอน้อมรับไว้แต่เพียงผู้เดียว

มหาวิบัติ

ขึ้นชื่อว่าความวิบัติทั้งหลายที่มนุษย์เราต้องประสบกันอยู่เสมอในโลกนี้ ความวิบัติอื่นใดก็จงยกไว้ก่อนเถิด เพราะมิสู้จะสำคัญเท่าใดนัก แต่ความวิบัติหนึ่งนั้น เป็นความวิบัติอย่างใหญ่หลวงของสามัญสัตว์ ซึ่งจัดว่าเป็นยอดแห่งความวิบัติจริง ๆ
มีอยู่ ๖ ประการ คือ

๑.วิบัติกาล วิบัติกาลนี้ ได้แก่วิบัติเพราะกาลว่างจากพระพุทธศาสนา!
๒. วิบัติคติ วิบัติคตินี้ ได้แก่วิบัติเพราะไม่ได้คติที่ดี คือ ไปเกิดในอบายภูมิ!
๓. วิบัติประเทศ วิบัติประเทศนี้ ได้แก่วิบัติเพราะเกิดในประเทศที่ไม่มีพระพุทธศาสนา!
๔. วิบัติตระกูล วิบัติตระกูลนี้ ได้แก่วิบัติเพราะตระกูลที่ไม่เป็นสัมมาทิฐิ!
๕. วิบัติอุปธิ วิบัติอุปธินี้ ได้แก่วิบัติ คือร่างกาย เช่น ตาบอด หูหนวก พิการ เป็นใบ้!
๖. วิบัติทิฐิ วิบัติทิฐิ ได้แก่วิบัติเพราะมิจฉาทิฐิแห่งตน!

ดังนั้น ขึ้นชื่อว่าการเกิดเป็นมนุษย์ ก็เป็นสิ่งที่ยากยิ่ง การเกิดโดยการพ้นจากมหาวิบัติ ๖ นี้ก็ยากยิ่ง การเกิดมาในพระพุทธศาสนาก็ยิ่งยากยิ่ง การที่จะเป็นพระพุทธเจ้าก็ยากยิ่งกว่าอีกเป็นล้านเท่าทวีคูณ

น้ำใจพระโพธิสัตว์

หากมีความปรารถนาในพระโพธิญาณ ในเบื้องต้นควรวัดกำลังใจของตนในการเผชิญกับความทุกข์ยากในการบำเพ็ญบารมี โดยถามกับใจตนและยอมรับกับใจของตนตามความเป็นจริง ดั่งนี้

กาลเมื่อโลกจักรวาล อันมีเนื้อที่กว้างใหญ่สุดประมาณนี้มีถ่านเพลิงซึ่งร้อนรุ่มสุมคุ ระอุ จนเต็มไปหมด ผู้ใดมีน้ำใจองอาจเพื่อจะเดินฝ่าบุกไปโดยเท้าเปล่า ๆ ไปจนสุดหมื่นโลกจักรวาลก็ดี

ในเมื่อโลกจักรวาล อันมีเนื้อที่กว้างใหญ่สุดประมาณนี้มีเปลวไฟลุกแดงเป็นพืดยาวเต็มไปหมด ผู้ใดมีน้ำใจองอาจเพื่อจะเดินฝ่าบุกไปโดยเท้าเปล่า ๆ ไปจนสุดหมื่นโลกจักรวาลก็ดี

ท่านผู้มีน้ำใจองอาจเด็ดเดี่ยวกล้าหาญเห็นปานฉะนี้ จึงควรที่จะปรารถนาเป็นพระโพธิสัตว์ สร้างพระบารมีเพื่อจะได้ตรัสพระปรมาภิเษกสัมโพธิญาณได้

kittanan_2589:
มาร : ท่านเข้าไปยังโคนต้นไม้ที่ มีดอกบานถึงยอด ยืนอยู่แต่ผู้เดียวที่โคนไม้ แม้เพื่อนไร ๆ ของท่านก็ไม่มีเลย ท่านไม่กลัวความสามหาวของพวกนักเลงเจ้าชู้หรือ?

พระนางอุบลวรรณาเถรี : ต่อให้นักเลงเจ้าชู้นับแสนมารุมล้อม ขนของเราก็ไม่หวั่นไหว ดูก่อนมาร ท่านผู้เดียวจักทำอะไรเราได้.

เราหายตัวได้ เข้าท้องท่านก็ได้ ยืนอยู่หว่างคิ้วท่านก็ได้ ท่านไม่เห็นเราดอก เพราะเราชำนาญในจิต อบรมอิทธิบาทดีแล้ว อภิญญา ๖ เราก็ทำให้แจ้งแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้าเราก็ทำเสร็จแล้ว

กามทั้งหลาย เปรียบด้วยหอกและหลาว เป็นเครื่องบีบคั้นขันธ์ทั้งหลาย ท่านเอ่ยถึงความยินดีในกามอันใด บัดนี้เราไม่มีความยินดีอันนั้น ความเพลิดเพลินในกามทั้งปวงเราขจัดเสียแล้ว กองแห่งความมืด(อวิชชา) เราก็ทำลายเสียแล้ว

ดูก่อนมารผู้มีบาป ท่านจงรู้ไว้เถิด ดูก่อนมารผู้กระทำที่สุด ถึงตัวท่านเราก็ขจัดเสียแล้ว.

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว