
3. หน้าสไลด์ (หน้าลูกเลื่อน) ชนส่วนท้ายสุดของลำกล้องดันลำกล้องเดินหน้าเล็กน้อยโดยห่วงโตงเตง (เอ) เป็นจุดหมุนพาสันคู่บนลำกล้องตรงกับร่องภายในสไลด์ และนกสับถูกง้างคาจังหวะเตรียมยิง

4. สไลด์เดินหน้าต่ออีกเพียงนิดเดียวก็หยุด พร้อมๆ กันนั้นโตงเตงเอนไปหน้า
ยกสันคู่บนลำกล้องขัดกลอนกับร่องในสไลด์ ถึงจุดนี้ปืนพร้อมยิงแล้ว

5. เหนี่ยวไก นกสับฟาดลงท้ายเข็มแทงชนวน เข็มแทงชนวนวิ่งชนแก้ป แก้ประเบิด จุดดินปืนลุกไหม้กลายเป็นแก๊สแรงดันมหาศาล ดันหัวกระสุนไปหน้าทางหนึ่ง ดันปลอกกระสุนไปหลังอีกทางหนึ่ง ทั้งสองแรงสมดุลกัน ลำกล้องและสไลด์ยังตรึงนิ่งขัดกลอนอยู่เหมือนเดิม (การสะบัดเงยของปืนเริ่มแล้ว)

6. หัวกระสุนพ้นปากกระบอก แรงดันในรังเพลิงลดเหลือเพียงแต่แรงที่ดันไปหลัง
ซึ่งดันลำกล้องและสไลด์ถอยคู่กันประมาณ 2 ม.ม.เศษ

7. โตงเตงเอนกลับหลัง ลำกล้องหยุดถอย ท้ายลำกล้องลดลง ปลดกลอนระหว่างลำกล้องและสไลด์

8. สไลด์ยังคงถอยต่อ (ด้วยแรงดันไปหลัง ซึ่งผลักปลอกกระสุนและ ปลอกกระสุนดันสไลด์ถอยอีกทอดหนึ่ง)
ปลอกเปล่าก็เลื่อนจากรังเพลิง

9. สไลด์ถอยสุดทางแบบตอนขึ้นลำในภาพ 1 ขอบ จานท้ายชนตัวเตะปลอก
ปลอกเปล่าสลัดออกทางช่องคายปลอก เมื่อสไลด์เดินหน้ากลับกระบวนการป้อนกระสุนก็เริ่มอีกครั้ง
ปืนสั้น ลักษณะพิเศษ ไม่มีรูปร่างที่แน่นอน ผู้ผลิตเอาความเป็นปืนแฝงเร้นให้ผู้พบเห็นเข้าใจว่าเป็นของอื่นที่ไม่ใช่ อาวุธปืน ส่วนใหญ่ผลิตเพื่อให้สายลับป้องกันตัวยามจำเป็น หรือฆาตกรรมฝ่ายตรงกันข้าม มีบ้างที่ทำเพื่อการค้า แต่มักเป็นของต้องห้ามในหลายๆ ประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มยุโรปตะวันตกและสหรัฐฯ เพราะปืนเหล่านี้หน้าตาไม่เหมือนปืน มีขนาดเล็ก ซุกซ่อนง่าย สังเกตยากว่าใช่ปืนหรือไม่ เช่น ปืนปากกา ปืนไฟแช็ค ปืนหัวเข็มขัด ปืนพวกกุญแจ ปืนแหวน และปืนไม้เท้า เป็นต้น