ภตช.แนะ “สุชาติ” ติดคุกฐานทำการศึกษาป่วน แฉแหลก ผอ.โรงเรียนบดินทรฯ
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่21"
เมษายน 27, 2024, 08:03:54 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ภตช.แนะ “สุชาติ” ติดคุกฐานทำการศึกษาป่วน แฉแหลก ผอ.โรงเรียนบดินทรฯ  (อ่าน 3681 ครั้ง)
eskimo_bkk-LSV team♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม..
member
*

คะแนน1883
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13256


ไม่แล่เนื้อเถือหนังพวก


อีเมล์
« เมื่อ: พฤษภาคม 25, 2012, 01:24:39 PM »



เลขาธิการภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตฯ อัด “สุชาติ” ทำการศึกษาชาติปั่นป่วน
หลังเปลี่ยนแปะเจี๊ยะเป็นเงินบริจาค เปิดโอกาสโรงเรียนขูดรีดประชาชนหนักกว่าทุกปี
แนะรีบเอาตัวเองเข้าคุกเพื่อชดใช้ความผิด พร้อมฝากถาม ผอ.โรงเรียนบดินทรฯ
สมัยอยู่โรงเรียนบางกะปิเคยฮุบเวทีมวยที่คนบริจาคเอาไปตั้งค่ายมวยของตัวเองหรือเปล่า
ด้าน “พญ.กมลพรรณ” วอนนักเรียน-ผู้ปกครองร่วมออกมาสู้เพื่อปฏิรูประบอบการศึกษาไทย
       
       วันที่ 24 พ.ค. นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เลขาธิการภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันของชาติ (ภตช.)
และในฐานะที่ปรึกษาเครือข่ายผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี)
และ พ.ท.พญ.กมลพรรณ ชีวพันธุศรี ประธานเครือข่ายพ่อแม่ เยาวชน เพื่อการปฏิรูปการศึกษา
       
       นายมงคลกิตติ์กล่าวว่า นักเรียนบดินทรเดชาที่ได้กลับเข้าไปเรียน อาจารย์ได้ให้นักเรียนบางกลุ่มร้องขับไล่
ตอนนี้เกิดกระแสสังคมคนสุจริตส่วนน้อยสู้กับคนทุจริตส่วนมาก รู้หรือไม่
ปัจจุบันค้ายาบ้ายังได้กำไรไม่เท่าการเรียกแปะเจี๊ยะในโรงเรียนดังๆ
แล้วปีนี้แป๊ะเจี๊ยะสูงกว่าปีก่อน 70 เปอร์เซ็นต์
แล้วที่ตนได้ยินมีการรับกันสูงสุด 2 ล้านบาทต่อนักเรียน 1 คน เป็นโรงเรียนย่านปทุมวัน
       
       แต่ตอนนี้ปี 2555 ไม่มีแปะเจี๊ยะแล้ว เพราะนายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ได้เปลี่ยนเป็นเงินบริจาค ไม่อยากเรียกว่าดอกเตอร์ เพราะไม่รู้จบดอกเตอร์จริงหรือเปล่า
เพราะทำการศึกษาบ้านเมืองวุ่นวายมาก การอ้างว่าใช้หลักเกณฑ์เดิม
แต่ประกาศกระทรวงมีศักดิ์น้อยกว่าพระราชบัญญัติที่เป็นบัญญัติของพระราชา ศักดิ์น้อยกว่ารัฐธรรมนูญ
ฉะนั้น ประกาศกระทรวงประกาศปี 55 ต้องบังคับใช้กับเด็ก ม.1 ที่เข้าใหม่
ไม่ใช่ใช้กับเด็ก ม.2-ม.3 บังคับใช้ย้อนหลังไม่ได้ แล้วประกาศกระทรวงนี้ก็ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
เพราะมีผลกระทบต่อเด็ก พ่อแม่ ผู้ปกครองเป็นแสนเป็นล้านคน ต้องผ่านการประชามติ
แต่นี่ไม่มี ถือว่าขัดรัฐธรรมนูญ ใครเป็นคนออกกฎเกณฑ์นี้ถือว่าล้มล้างระบอบประชาธิปไตย
ล้มล้างรัฐธรรมนูญ โทษเข้าข่ายประหารชีวิต ขัดต่อ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ
ซึ่งเป็นพระราชบัญญัติพระราชา ฉะนั้น ข้อหานายสุชาติหมิ่นพระบรมเดชานุภาพต้องโดนติดคุกเหมือนอากง
       
       กระทรวงศึกษาแห่งชาติปั่นป่วนทุกวันนี้ ลิดรอนสิทธิ กินเงินเด็ก
ก็คือนายสุชาติ เพราะเปิดช่อง เปิดโอกาสให้ ผอ.โรงเรียนรีดไถประชาชน
       
       นายมงคลกิตติ์กล่าวอีกว่า ปัญหาแปะเจี๊ยะเกิดทุกปี แต่ปีนี้หนักเพราะข้าวยากหมากแพง
บวกกับนายสุชาติเปลี่ยนแปะเจี๊ยะเป็นเงื่อนไขพิเศษ ตอนนี้ที่ตนทราบทางลับว่า
ดร.สิงห์ทอง บัวชุม นายสุวัฒน์ วิวัฒนานนท์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี)
แล้วก็นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช กำลังปวดหัวกันอยู่ หากงานนี้ใครไม่ช่วยจะแฉกันเองว่าใครฝากกี่คน
       
       เลขาธิการภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตฯ กล่าวต่อว่า ข้ออ้างที่ว่าหากรับเด็กเข้าโรงเรียนเดิมทั้งหมดจะแออัด
สอนไม่ทั่วถึง ใครสอนไม่ไหวก็ให้ออกไป เอาเงินมาจ้างคนที่เต็มใจสอน
มีอย่างที่ไหนอาจารย์ไปเปิดโรงเรียนสอนพิเศษเต็มหน้าโรงเรียนบดินทรฯ
แต่เวลาสอนไม่สอน แถมมีการเซ็นชื่อแทนกัน
อย่าง ผอ.เซ็นชื่อว่ามาตี 5 แต่พอ 8 โมงออกไปตีกอล์ฟ
       
       นายมงคลกิตติ์กล่าวว่า นายสุชาติทำทุกข์เข็ญให้ประชาชนเยอะ
ถ้าตนเป็นนายสุชาติควรรีบยกเลิกประกาศ แล้วเอากุญแจมือใส่ จับตัวเองเข้าคุกไปเลย
เพื่อชดใช้ความผิด อีกทั้งตอนนี้คนผิดกำลังร้อนรนกันใหญ่ เอาแต่เมื่อวานนี้
รีบไปเบิกเงินกันหมดกระทรวง ถามจริงถ้าไม่ผิดจะไปเบิกเงินกันทำไม
       
       นายมงคลกิตติ์กล่าวต่ออีกว่า ขอฝากถึง ดร.สุวัฒน์ วิวัฒนานนท์ มีคนมาเข้าฝันตน
ชื่อบิ๊กอึ่ง สมภพ ศรีสมวงศ์ บริจาคเวทีมวยพร้อมอุปกรณ์ต่างๆ
ไปเมื่อตอนอยู่โรงเรียนบางกะปิ บริจาคให้โรงเรียน
แต่ของไปอยู่ไหน ดร.สุวัฒน์เอาไปตั้งค่าย ว.วัฒนานนท์ ที่โคราชจริงหรือไม่
       
       มงคลกิตกล่าวปิดท้ายว่า หากต้องการแจ้งข้อมูลการทุจริตในแวดวงการศึกษา
สามารถติดต่อตนมาได้ที่ อีเมล nacnthai@hotmail.com เบอร์ส่วนตัว 08-0045-5023
เบอร์รองเลขาธิการ นาวาเอก บัญชา รัตนาภรณ์ 08-1657-3054
รองเลขาฯ อีกคน พ.อ.ธนศักดิ์ มิตรภานนท์ 08-6481-3420
คนนี้เป็นผู้บัญชาการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23
ดูแลเขาพระวิหารที่ยิงฮุน มาเนต บอกแล้วแก๊งพวกเราไม่ธรรมดา
       
       ด้าน พ.ท.พญ.กมลพรรณกล่าวว่า หากผู้ปกครอง เด็กนักเรียนคนใด
ที่รู้สึกมีปัญหากับการศึกษาไทย เด็กเรียนแทบหัวระเบิด
ไม่มีความสุขกับการเรียน พ่อแม่ต้องจำนำของจำนองที่
เพื่อหาเงินมาจ่ายให้ลูกเรียน ต้องเรียนพิเศษตลอด
แล้วยิ่งเรียนยิ่งโง่ อยากให้ออกมาร่วมกันสู้กับเครือข่ายผู้ปกครอง
อาจเสียเวลาสัก 10 วัน แต่เพื่ออนาคตที่ดี
โดยทางเครือข่ายฯจะมีชุมนุมที่ประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล
วันอังคารนี้ 9 โมงเช้าเป็นต้นไป
และสามารถติดต่อตนได้ที่เฟซบุ๊กส่วนตัว “กมลพรรณ ชีวพันธ์ศรี”

Credit http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9550000064187


   
ความคิดเห็นที่ 5

แป๊ะเจี๊ยะ(เงินกินเปล่า) ในระบบการศึกษา...

สังคมปัจจุบัน
ประเทศไทยมีระเบียบกฎเกณฑ์อยู่มากมาย เช่น รัฐธรรมนูญ กฎหมายอาญา กฎหมายแพ่ง
ระเบียบข้าราชการ(พนักงานของรัฐ) เทศบัญญัติ ฯลฯ อันตราขึ้นเพื่อให้ประชาชนปฏิบัติตามแบบแผนของบ้านเมือง
เพื่อความสงบสุขของส่วนรวม แต่ในสภาพที่เป็นจริงทุกวันนี้
ความร่วมมือร่วมใจในการที่จะปฏิบัติตามกฎระเบียบดังกล่าวยังมีอยู่ค่อนข้างน้อย
และเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเองก็มิได้รักษากฎหมายให้เคร่งครัด
บางครั้งยังอาศัยกฎหมายเป็นเครื่องมือย้อนกลับให้เกิดการหาผลประโยชน์แห่งตน
นี่คือปัญหาพื้นฐานที่มีผลสะท้อนต่อจิตใจของประชาชน
ซึ่งเสื่อมทรามลงเป็นผลเสียที่บีบคั้นหัวใจอันอาจลุกลามไปสู่ปัญหาอื่น ๆ ที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น.

เด็ก (มองไปที่อนาคต...ประเทศไทย)
พึงได้รับการปกป้องเลี้ยงดูจากบิดามารดา ด้วยความอบอุ่น สั่งสอนความรู้ผิดรู้ชอบ
และการฝึกนิสัยที่ดี มีความรักผูกพันในระหว่างสมาชิกของครอบครัว
โดยเฉพาะต้องปลูกฝังความมั่นใจในตนเองและสามารถพึ่งตนเองได้
พึงได้รับการศึกษาจากคุณครูที่สังคมคัดกรองมาอบรมสั่งสอน
วิชาพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตในอนาคตของเด็กที่จะเติบโตขึ้น
โดยเสริมความรับผิดชอบในหน้าที่พลเมือง ศีลธรรม และความรักสามัคคีของชนชาติไทย

ครู (ผู้สร้างอนาคตร่วมกับสังคม)
ให้คุณครูได้มีหน้าที่สั่งสอนอบรมเด็กทั้งด้านความรู้ ความประพฤติ และหน้าที่พลเมืองอย่างเต็มที่
โดยไม่นำภาระงานอื่นที่ไม่จำเป็นไปใช้แรงงานคุณครู
การประเมินคุณภาพวิชาชีพครู ให้พิจารณาจากผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและคุณภาพของเด็ก
โดยไม่เน้นว่าต้องเป็นเด็กที่เรียนเก่งมาก่อน (คุณครูไม่มีสิทธิ์ที่จะเลือกสอนเด็ก เพราะสอนเป็นชั้นเรียน)
เพียงแต่ว่าคุณภาพเด็กก่อนที่เรียนกับคุณครู เมื่อเรียนไปแล้วคุณภาพเด็กพัฒนาขึ้นตามเอกบุคคล
(ไม่ใช่ต่ำลงหรือหมดความตั้งใจที่จะเรียน) ครูที่ไม่ผ่านการประเมินคุณภาพ(อย่างแท้จริง)
ควรมอบหมายให้ทำงานอื่น ๆ ซึ่งไม่ใช่การสอน

ผู้บริหาร (คุณนะทำ หรือ คุณธรรม)
หัวหน้าสถานศึกษาต้องมีวิจารณญาณและมีความเที่ยงธรรมในการปกครองดูแลคุณครูในสถานศึกษา พร้อมที่จะปกป้องความไม่ยุติธรรมอันมาจากคำสั่งที่ไม่ชอบธรรมจากหน่วยงานอื่น (ถ้ามี) ช่วยประสานกับผู้ปกครองที่ไม่เข้าใจและมีปัญหากับคุณครูที่ตั้งใจปรับพฤติกรรมไม่ดีของนักเรียน รวมทั้งพิจารณาสอบสวนพฤติกรรมคุณครูที่ละเมิดความชอบธรรมของนักเรียน

ส่งเสริมความสามัคคีของคณะครู ร่วมกับสร้างสรรค์คุณธรรมตามศาสนาที่นับถือ และเป็นทั้งผู้นำและผู้ตามที่ดีของชุมชน (บ้าน วัด โรงเรียน : บวร)

นานแล้ว ใครคนหนึ่งเคยรำพึงไว้ดังนี้...
พวกเราไม่เคยพูดถึงการทำงานเพื่ออุดมคติ เพราะพวกเราไม่เคยรู้ว่าอุดมคตินั้นมีความหมายอย่างไร
เมื่อพูดถึงการเรียน เราก็พูดต่อเรื่องการงาน ตามมาด้วยการเงิน การเที่ยวเตร่สนุกสนาน
การแต่งงานมีครอบครัว ความก้าวหน้าเป็นใหญ่เป็นโต เราพูดกันถึงเรื่องช่องทางแห่งความก้าวหน้าในอนาคตที่ต้องอาศัยตำแหน่งก้าวขึ้นไป
เราจึงมองหาว่า งานอะไรที่ให้เงินเดือนแพงและมีช่องทางก้าวไปได้ไกลในชีวิตส่วนตัว
คือ อีกเท่านั้นปีเท่านี้เดือนก็จะได้เงินเดือนเท่านั้นเท่านี้ เป็นหัวหน้าแผนก หัวหน้ากอง อธิบดีหรือผู้อำนวยการ
เป็นรองศาสตราจารย์ ศาสตราจารย์ คณะบดีและอธิการบดี ฯลฯ
ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้วจะเห็นว่า ล้วนมุ่งสู่ความสำเร็จของตนเอง
เราไม่เคยพูดถึงการเรียนการงานอันจะนำไปสู่ประโยชน์แก่สังคม
เราไม่เคยคิดว่า เราจะทำงานแล้ว ผลงานควรเสริมสร้างสังคม
เราคิดกันแต่เรื่องจะเอาประโยชน์จากสังคม

พวกข้าราชการส่วนใหญ่ถูกเพ่งเล็งที่สุดว่า คิดแต่จะเอาประโยชน์จากราชการ
ส่วนเรื่องที่ตนจะทำอะไรให้เป็นประโยชน์แก่ราชการบ้างนั้น ไม่เคยคิดและคิดไม่เป็น
ใครเป็นผู้หว่านพืชแห่งความเห็นแก่ตัวเหล่านี้ไว้ในสังคมไทย และจะแก้ไขอย่างไร ?
การทำงานเพื่ออุดมคติ อันหมายถึงการทำงานเพื่อผลของงาน คือ
ให้ผลงานออกมาดี ออกมาเป็นประโยชน์แก่สังคมและประเทศชาติ
รวมทั้งประโยชน์แก่สังคมส่วนรวมก็ยอมทำด้วยความเต็มใจ โดยนัยนี้ ผู้ทำงานต้องไม่เล็งผลเลิศไปที่เงิน
แต่เล็งไปที่ประโยชน์เป็นเป้าหมายว่า การทำงานของตน สำเร็จประโยชน์เพียงใด
ผู้ทำงานยังต้องสำรวจความรู้ความสามารถของตนว่าเหมาะสมกับงานหรือไม่
ในการนี้ไม่ต้องคำนึงถึงเกียรติหรือตำแหน่งอันใหญ่โตหรูหรา
คำนึงแต่ว่าหน้าที่ของเรานี้จะทำประโยชน์แก่สังคมได้ดีเพียงไร
นักเรียนต้องตั้งเข็มในทางที่ว่า จะเรียนอะไรจึงจะเหมาะสมกับอุปนิสัยของตน
เพื่อสำเร็จออกมารับใช้สังคม ไม่คิดกันแต่ว่าจะเรียนอะไรเมื่อสำเร็จแล้วจึงจะรวยเร็ว
หรือไปทำงานในตำแหน่งไหน กรมไหน จึงจะมีลู่ทางได้พิเศษมานอกจากเงินเดือน
ถ้าคนส่วนใหญ่คิดกันอยู่อย่างนี้ บ้านเมืองไม่มีทางเจริญไปได้.
"คนไทยคิดคำนึง"


บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!