นโยบายประชานิยมทำเงินเฟ้อแน่ ผมกอดโลหะมีค่าไม่ปล่อยครับ
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่21"
มีนาคม 29, 2024, 06:54:27 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: นโยบายประชานิยมทำเงินเฟ้อแน่ ผมกอดโลหะมีค่าไม่ปล่อยครับ  (อ่าน 2721 ครั้ง)
พรเทพ-LSV team♥
รับติดตั้งจานดาวเทียม ลาดพร้าว บางกะปิ
Senior Member
member
*

คะแนน1453
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 12083

091-091-9196 ID LINE : tv59


เว็บไซต์
« เมื่อ: กรกฎาคม 10, 2011, 01:45:08 PM »

นโยบาย ป.ตรีหมื่นห้า สะท้านไปทั้งประเทศ
นโยบายขึ้นเงินเดือนข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจที่จบปริญญาตรีเดือนละ 1.5 หมื่นบาท

โดย...ทีมข่าวการเงิน

นโยบายขึ้นเงินเดือนข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจที่จบปริญญาตรีเดือนละ 1.5 หมื่นบาท และการขึ้นค่าจ้างวันละ 300 บาททั่วประเทศ กำลังกลายเป็นภูเขาทับยอดอกพรรคเพื่อไทย (พท.) ผู้นำของรัฐบาลใหม่เข้าไปมากขึ้นทุกวัน

หลังจาก ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้นำ พท. ประกาศภารกิจเร่งด่วนกลางสายฝนในสนามราชมังคลากีฬาสถาน แต่พอมาถึงการนำนโยบายไปปฏิบัติเร่งด่วนหลังได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนอย่างท่วมท้น กลับไม่ปรากฏเงาของ 2 นโยบาย ทำให้มิตรรักแฟนเพลงที่เทคะแนนเลือก พท.ใจตุ๊มๆ ต้อมๆ กัน เพราะกลัวว่าจะเป็นฝันสลายไปชั่วข้ามคืน

ส่งผลให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรีหญิง ต้องออกมาสยบความอ่อนไหว ด้วยการยืนยันว่าจะปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการปริญญาตรีเป็นเดือนละ 1.5 หมื่นบาท ในเดือน ต.ค.นี้

ส่วนค่าจ้าง 300 บาท จะเริ่มดีเดย์วันที่ 1 ม.ค. 2555 พร้อมกับลดภาษีนิติบุคคลเหลือ 23%




ต้องยอมรับว่า การชูทั้งสองนโยบายหาเสียงที่ผ่านมา ทำให้ พท.กวาดคะแนนจากคนทำงานกินเงินเดือน และคนทำงานหาเช้ากินค่ำ เป็นจำนวนมาก

จึงไม่ต้องแปลกใจหาก พท.ทำไม่ได้อย่างตีฆ้องร้องป่าวไว้ คะแนนนิยมจะร่วงตกหน้าผาทันที

ทว่า เมื่อพิจารณาภารกิจการขึ้นเงินเดือนข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจระดับปริญญาตรีเดือนละ 1.5 หมื่นบาท ก็เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายอย่างที่คิดไว้ตอนหาเสียงเสียแล้ว

เพราะจนถึงวันนี้การขึ้นเงินเดือนข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจปริญญาตรี ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะทำอย่างไร

แม้ สุชาติ ธาดาธำรงเวช ทีมเศรษฐกิจ พท. จะออกมาบอกว่า การปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการและรัฐวิสาหกิจระดับปริญญาตรีจะจำกัดวงแคบเฉพาะผู้ที่บรรจุใหม่เท่านั้น ซึ่งปีหนึ่งมีจำนวน 1 หมื่นคนเศษ ใช้งบประมาณแค่ 3,000-4,000 ล้านบาทเท่านั้น

แต่ดูเหมือนแนวคิดดังกล่าวไม่ส่งผลดีกับ พท.มากนัก กลับทำให้เป็นผลร้าย

สาเหตุเพราะได้ใจคนน้อย แต่ต้องเสียคะแนนเสียงของคนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจที่จบปริญญาตรี และได้รับบรรจุไปก่อนหน้า

ปัจจุบันพวกเขาทำงานหนัก แต่กลับได้เงินเดือนแค่เดือนละ 1 หมื่นบาทเท่านั้น

ข้อมูลของกรมบัญชีกลางยืนยันปรากฏการณ์เช่นนี้ชัดเจน ปัจจุบันเงินเดือนข้าราชการปริญญาตรีอยู่ที่ 8,700 บาท/เดือน บวกค่าครองชีพอีก 1,500 บาท รวมกันอยู่ที่ 1.02 หมื่นบาท

ขณะที่คนจบระดับปริญญาโทอยู่ที่ 1.1-1.2 หมื่นบาท/เดือน

ระดับปริญญาเอกอยู่ที่ 1.6 หมื่นบาท/เดือน

หากปรับฐานเงินเดือนคนจบปริญญาตรีพรวดเดียวเดือนละ 1.5 หมื่นบาท แต่คนจบปริญญาโทและปริญญาเอกไม่ได้รับการปรับขึ้นด้วยตามสัดส่วน รับประกันว่ากระเจิงแน่

ประการต่อมาที่เป็นปัญหา คือ จำนวนเงินที่จะนำมาใช้นั่นไม่ใช่ 4,000-5,000 ล้านบาทเสียแล้ว

ปัจจุบันมีข้าราชการทั้งหมด 2 ล้านคนเศษ ในจำนวนนี้มีข้าราชการปริญญาตรีที่เงินเดือนต่ำกว่า 1.5 หมื่นบาท อยู่จำนวนมาก หากต้องปรับเงินเดือนขึ้นเป็น 1.5 หมื่นบาท ต้องใช้เงินงบประมาณเพิ่มเติมอีก 1.2 หมื่นล้านบาท

จากข้อมูลจะเห็นว่า หากต้องขึ้นเงินเดือนให้ทั้งข้าราชการปริญญาตรีที่บรรจุใหม่และที่มีอยู่เดิมให้ได้เงินเดือน 1.5 หมื่นบาท ต้องใช้เงินเพิ่มปีละ 2 หมื่นล้านบาท

มากกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 5 เท่าตัว....

ยุ่งละสิ ปัญหาไม่ได้จบเท่านั้น เพราะการปรับขึ้นเงินเดือนปริญญาตรี โดยไม่ขึ้นเงินเดือนคนจบปริญญาโท ปริญญาเอก จะกระทบโครงสร้างเงินเดือนข้าราชการทั้งระบบ ที่เห็นชัดเจนคือข้าราชการปริญญาโทเริ่มทำงานจะได้เงินเดือนน้อยกว่าปริญญาตรี และข้าราชการปริญญาเอกที่เริ่มทำงานใหม่ ก็จะได้เงินเดือนมากกว่าปริญญาตรีแค่ 1,000 บาทเท่านั้น

นี่ยังไม่รวมถึงข้าราชการปริญญาตรีที่ต้องทำงานมา 6-8 ปี เงินเดือนถึงจะได้เกิน 1.5 หมื่นบาท อยู่ไม่มาก อยู่มาวันดีคืนดี นโยบายของรัฐบาลใหม่ทำให้ข้าราชการมาทีหลัง เพิ่งทำงานหรือทำงานไม่กี่ปี เงินเดือนขึ้นมาเกือบเท่ากัน

เมื่อเป็นเช่นนั้น ระส่ำระสายแน่ การทำงานของข้าราชการจะซวนเซอย่างมาก

ข้าราชการเก่าหมดกำลังใจทำงาน ได้เงินเดือนน้อยกว่าข้าราชการใหม่

นอกจากนี้ อาจจะมีบางกรณีที่ลูกน้องเข้าใหม่ได้เงินเดือนมากกว่าเจ้านายที่ทำงานมานาน

การปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการในรูปแบบนี้ของ พท. จะเป็นนโยบายที่เสียคะแนนมากกว่าได้คะแนน

นอกเสียจากว่า พท.ต้องปรับฐานเงินเดือนในระดับอื่นๆ ไล่สูงขึ้นไปทุกระดับเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม

แน่นอนว่า การปรับเงินเดือนขึ้นเป็นหน้ากระดาน จะต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล เพราะหากคิดว่าการปรับฐานเงินเดือนข้าราชการปริญญาตรีจากที่ได้รับ 1.02 หมื่นบาท เป็น 1.5 หมื่นบาท เท่ากับปรับขึ้น 50%

แต่หากพิจารณาข้อมูลงบประมาณรายจ่ายปี 2554 พบว่างบประมาณรายจ่ายเงินเดือนข้าราชการทั้งระบบจะอยู่ที่ 5 แสนล้านบาท

หากต้องปรับเพิ่มขึ้นมาอีก 50% นั้นหมายความว่ารัฐบาลมีรายจ่ายค่าเงินเดือนเพิ่มขึ้นอีกปีละ 2.5 แสนล้านบาท ส่งผลให้รายจ่ายเงินเดือนข้าราชการจะถีบตัวสูงขึ้นถึงปีละ 7.5 แสนล้านบาท

กลายเป็นคำถามตัวโตๆ ว่า รัฐบาลแม่ปูขาเกจะหาเงินจากไหนมาจ่าย

จะเห็นว่า แค่ลำพังขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ก็ทำเอารัฐบาลใหม่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่ทำก็ไม่ได้ ทำไปก็สุกๆ ดิบๆ ก็เสียคะแนนมากกว่าโกยคะแนน

ถ้าทำเต็มสูบได้ใจเป็นเทน้ำเทท่า แต่ฐานะทางการเงินการคลังของประเทศก็จะเข้าขั้นโคม่า

นอกจากนี้ ยังมีในส่วนของการปรับเงินเดือนของพนักงานรัฐวิสาหกิจ ที่ปัจจุบันมีพนักงานรัฐวิสาหกิจทั่วประเทศกว่า 2.94 แสนคน ในจำนวนนี้มีพนักงานรัฐวิสาหกิจที่มีรายได้ต่ำกว่า 1.5 หมื่นบาท อยู่ประมาณ 6.4 หมื่นคน หากมีการปรับเงินเดือนใหม่ก็จะกระทบต่อการปรับเงินเดือนทั้งระบบเช่นกัน

ที่สำคัญ รัฐวิสาหกิจเป็นองค์กรเสียงดัง มีสหภาพแรงงานที่เข้มแข็ง หากมีการปรับขึ้นเงินเดือนปริญญาตรีให้เมื่อไร สหภาพแรงงานทุกรัฐวิสาหกิจจะดาหน้าออกมาเรียกร้องให้ปรับขึ้นเงินเดือนพนักงานทุกคน ดีไม่ดีเขย่าขวัญรัฐบาลใหม่ให้สั่นคลอนได้ง่ายๆ

สำหรับการขึ้นค่าจ้างปริญญาตรีเอกชน 1.5 หมื่นบาท ก็เป็นเรื่องมองไม่เห็นทางว่ารัฐบาลใหม่จะไปบังคับให้เอกชนปรับขึ้นเงินเดือนได้อย่างไร เพราะเป็นเรื่องของเอกชน รัฐบาลไม่มีอำนาจเข้าไปสั่งการ ทำให้โอกาสคนกินเงินเดือนฝันค้างกลางวันกันเป็นแถวในไม่ช้านี้

เช่นเดียวกับการขึ้นค่าจ้างเป็นวันละ 300 บาททั่วประเทศ ที่จะเริ่มใช้วันที่ 1 ม.ค. 2555 ก็เป็นเรื่องสาหัสสากรรจ์ของรัฐบาลใหม่ เพราะการขึ้นค่าจ้างต้องผ่านคณะกรรมการไตรภาคี และกรรมการฝ่ายนายจ้างก็ออกมาไม่เห็นด้วย และบอกว่าจะส่งผลกระทบให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีแบกต้นทุนเพิ่มไม่ได้

อาจต้องล้มหายตายจากนับแสนราย

เพราะการขึ้นค่าจ้าง 300 บาท ในบางจังหวัดที่มีค่าแรงอยู่ที่ 100 กว่าบาท ทำให้การปรับค่าแรงมีต้นทุนเพิ่มขึ้น 100% เลยทีเดียว

นโยบายนี้จึงถือว่าเป็นงานช้างตกมัน จะขึ้นค่าจ้างแบบขอไปที ให้แค่บางจังหวัด 300 บาท ก็ไม่เป็นผลดีกับ พท.อย่างแน่นอน เพราะเป็นการผิดสัญญาจนอาจถูกตราหน้าว่า หาเสียงเป็นคุ้งเป็นแคว ทำจริงได้แค่หยิบมือ

ไม่ว่าการขึ้นเงินเดือนและค่าจ้างของ พท.จะทำได้ตามที่พูดไว้หรือไม่ แต่การออกมาป่าวประกาศตลอดเดือนกว่าที่ผ่านมา ได้ส่งผลให้ราคาสินค้าจ่อเดินหน้าปรับขึ้นรับเงินเดือนค่าจ้างใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แม้แต่ยิ่งลักษณ์ก็ออกมายอมรับว่า นโยบายของพรรคทำให้อัตราเงินเฟ้อในประเทศสูงขึ้น โดยจะหาทางแก้โดยการสนับสนุนค่าเงินบาทแข็ง ไม่ให้เงินเฟ้อสูง ซึ่งสวนทางกับหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ที่ต้องการให้ค่าเงินบาทอ่อน ทำให้เกษตรกรมีรายได้จากการส่งข้าวไปขายต่างประเทศมากขึ้น

ขณะที่หลายฝ่ายรวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้ระวังนโยบาย ลด แลก แจก แถม จะได้ไม่คุ้มเสีย ทำให้เงินเฟ้อสูง ส่งผลกระทบกับการขยายตัวและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ซึ่งถึงวันนี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลใหม่ต้องฟัง เพราะภัยเริ่มเข้าใกล้ตัวมากแล้ว

ขนาดเพียงเชิดปี่กลองว่าจะขึ้นเงินเดือน ค่าจ้าง เงินเฟ้อก็วิ่งไปรอรับแล้ว

หากมีการปรับขึ้นจริงเงินเฟ้อจะยิ่งวิ่งแรงกว่านี้อีก ประชาชนมีรายได้เพิ่ม แต่ก็มีรายจ่ายเพิ่มเป็นเงาตามตัวเช่นกัน

ที่น่าเป็นห่วงที่สุด คือ หากรัฐบาลใหม่ขึ้นค่าจ้าง เงินเดือน ไม่สำเร็จตามที่โหมโรงเอาไว้ ประชาชนก็ต้องก้มหน้ารับเคราะห์ไปทีเดียวสองเด้ง รายได้ไม่เพิ่มแต่ราคาสินค้าพุ่ง รายจ่ายเพิ่ม เป็นที่เรียบร้อยแล้วพี่น้องเอ้ย


บันทึกการเข้า


พรเทพ-LSV team♥
รับติดตั้งจานดาวเทียม ลาดพร้าว บางกะปิ
Senior Member
member
*

คะแนน1453
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 12083

091-091-9196 ID LINE : tv59


เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: กรกฎาคม 10, 2011, 01:54:41 PM »

ประเทศจะเจริญได้
คนในประเทศต้องมีปัญญาก่อน ต้องไม่เห็นแก่ตัวก่อน

***   คิดเองว่า เงินเดือนขึ้น แล้วจะสบาย เป็นความคิดที่ผิด เป็นความคิดที่เห็นแก่ตัว ผลเลยต้องรับกรรมทั้งประเทศ ***

*** ค่าแรงขึ้น ข้าวของก็ต้องขึ้น เป็นมาตั้งแต่เกิดแล้ว   ทำไมไม่คิด ***

***แล้วคอยดูสิ ว่า ข้าวของจะลงหรือขึ้น จริงๆมันก็ขึ้นมาตลอดตั้งแต่เกิดแล้วเหมือนกัน คิดสักนิดก็จะรู้***
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!