เซิร์น ไขปริศนากำเนิดจักรวาล
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่21"
มีนาคม 28, 2024, 09:50:40 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เซิร์น ไขปริศนากำเนิดจักรวาล  (อ่าน 3359 ครั้ง)
b.chaiyasith
แก้ปัญหาไม่ตกคุยกันเวลางานline:chiabmillion
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน650
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3004


ไม้ดีไม่ลอยน้ำมาไกล


อีเมล์
« เมื่อ: ตุลาคม 04, 2010, 05:43:14 PM »

ต่อไปเป็นข่าวต่างประเทศ วันนี้เมื่อเวลา9.36 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับเวลา14.15 น. ตามเวลาในประเทศไทย นักวิทยาศาสตร์ประจำศูนย์วิจัยเซิร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ประสบความสำเร็จในการทดลองทางฟิสิกส์ครั้งสำคัญของโลก โดยการยิงลำแสงโปรตอนจากเครื่องเร่งอนุภาคขนาดใหญ่เป็นครั้งแรก เพื่อไขปริศนาเรื่องการก่อกำเนิดของจักรวาล”



 นับเป็นช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ที่สะกดคนทั้งโลกให้รอคอยผลการทดลองอันยิ่งใหญ่ที่ใช้งบประมาณกว่า 2 แสนล้านบาทของศูนย์วิจัยเซิร์นเมื่อวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2551

          เซิร์น (CERN : European Organization for NuclearResearch) เป็นองค์กรวิจัยวิทยาศาสตร์แห่งยุโรป แหล่งรวมนักวิทยาศาสตร์หลากหลายเชื้อชาติทั่วโลก ก่อตั้งเมื่อวันที่ 29กันยายน พ.ศ. 2497 ปัจจุบันเซิร์นมีสมาชิกจาก 20 ประเทศ
ในทวีปยุโรป

          สำนักงานใหญ่ของเซิร์น ณ กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เป็นสถานที่ตั้งของห้องปฏิบัติการนิวเคลียร์ฟิสิกส์ ซึ่งติดตั้ง
เครื่องเร่งอนุภาคขนาดใหญ่ (Large Hadron Collider - LHC)ภายในอุโมงค์ใต้ดินรูปวงแหวนขนาดเส้นรอบวง 27 กิโลเมตรที่อยู่ลึกลงไปใต้ผืนแผ่นดินสวิตเซอร์แลนด์และฝรั่งเศส100 เมตร

          การค้นหากำเนิดจักรวาลนั้นเปรียบได้กับการรวบรวมหลักฐานณ สถานที่เกิดเหตุ เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลย้อนหลัง จึงเป็นจุดมุ่งหมายสำคัญให้เซิร์นทดลองสร้าง “จักรวาลในหลอดแก้ว” ขึ้น

เหตุใดการทดลองครั้งนี้จึงดึงดูดความสนใจของสาธารณชนยิ่งกว่าการทดลองครั้งใดๆ
          เหตุผลสำคัญประการหนึ่ง เกิดจากความสงสัยใคร่รู้ของมนุษย์ ที่อยากหาจุดกำเนิดของเอกภพหรือจักรวาลอันยิ่งใหญ่ว่าประกอบขึ้นจากอะไร และทฤษฎี “บิ๊กแบง” หรือการระเบิดครั้งใหญ่ที่ก่อเกิดจักรวาลเมื่อ 1.37 หมื่นล้านปีก่อน เป็นสิ่งจริงแท้หรือไม่ และอีกหลายๆ คำถามที่ตามมา...

          เกิดอะไรขึ้นหลังบิ๊กแบง
          สสารต่างๆ ประกอบขึ้นเป็นระบบสุริยจักรวาล โลก และตัวเราได้อย่างไร
          เหตุใดตัวเราจึงอยู่ในเอกภพที่เต็มไปด้วยสสารมากมาย
          คำถามเหล่านี้ตอบได้ด้วยทฤษฎีที่เรียกว่า “อนุภาคฮิกก์ส”(Higgs Particle) หรือที่ได้รับการขนานนามว่าอนุภาคพระเจ้า
(God Particle)

          ทฤษฎีอนุภาคฮิกก์สเสนอโดย ปีเตอร์ ฮิกก์ส (PeterHiggs) นักฟิสิกส์ชาวอังกฤษ อนุภาคดังกล่าวจะเป็นตัวช่วยอธิบายจุดเริ่มต้นของมวลและสสาร ซึ่งในปัจจุบันนักฟิสิกส์ได้ค้นพบอนุภาคอื่นๆ ที่ประกอบขึ้นเป็นสสารหมดแล้ว อาทิอะตอม โปรตอน นิวตรอน อิเล็กตรอน และควาร์ก ยกเว้นอนุภาคฮิกก์สเพียงตัวเดียวเท่านั้น

          นักวิทยาศาสตร์หลายคนจึงฝากความหวังไว้ที่การทดลองของเซิร์น ว่าจะช่วยเติมเต็มความเข้าใจในองค์ประกอบพื้นฐาน
ของจักรวาลได้

          เครื่องเร่งอนุภาคขนาดมหึมาที่ใช้ไขปริศนากำเนิดจักรวาลนี้มีหลักการทำงานโดยการเร่งลำอนุภาคของโปรตอน 2 ลำ
ให้เคลื่อนที่ในทิศทางตรงกันข้ามไปตามท่อที่วางขนานกันภายใต้ภาวะสุญญากาศ แล้วชนกันที่ความเร็วใกล้ความเร็วแสง99.9999% และที่พลังงานสูงระดับล้านล้านอิเล็กตรอนโวลต์จากนั้นเครื่องตรวจวัดอนุภาคจะวิเคราะห์ข้อมูลที่เกิดจากการชนกันนี้ เพื่อค้นหาอนุภาคฮิกก์สที่มีขนาดเล็กจิ๋ว ซึ่งนับเป็นภารกิจอันหนักหน่วงและยากยิ่ง เพราะนักวิทยาศาสตร์ต้องวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาล เนื่องจากเศษซากการสลายตัวของอนุภาคฮิกก์สจะปรากฏต่อเมื่อมีข้อมูลระดับเพตะไบต์ (Petabyte)หรือข้อมูลระดับล้านกิกะบิต (Gigabit) อีกทั้งโอกาสเกิดฮิกก์สจากอนุภาคชนกันก็มีเพียงหนึ่งในหลายล้านล้านครั้งเท่านั้น



นอกจากการค้นหาอนุภาคฮิกก์สซึ่งจะไขปริศนากำเนิดจักรวาลได้แล้ว นักวิทยาศาสตร์ยังรอคอยหลักฐานที่เกิดจากการชนกันของอนุภาค เพื่อพิสูจน์ทฤษฎีต่างๆ อาทิ การค้นหาอนุภาคใหม่ๆ การค้นหาแม่เหล็กขั้วเดี่ยว การวัดมวลของควาร์กให้แม่นยำมากขึ้น การศึกษามิติเสริม เป็นต้น

          ทว่า เหตุผลสำคัญที่ทำให้คนทั่วโลกสนใจการทดลองของเซิร์นก็เพราะข่าวลือที่ว่า การทดลองครั้งนี้อาจทำให้เกิดหลุมดำที่กลืนกินโลกทั้งใบได้

          ข่าวลือดังกล่าวส่งผลให้นักปกป้องสิทธิมนุษยชนหลายๆคน ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านการทดลอง ด้วยเกรงว่าอาจถึงคราวสิ้นโลกขึ้นจริงๆ ทุกคนจึงต่างจดจ่อรอคอยสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2551 ด้วยใจระทึก

          เมื่อช่วงเวลาดังกล่าวได้ผ่านพ้นไป และโลกใบนี้ยังมิได้แตกดับ เพราะการทดลองครั้งนี้มิได้ก่อให้เกิดหลุมดำขนาดใหญ่แต่อย่างใด แม้นักฟิสิกส์จะออกมายืนยันว่า การทดลองของเซิร์นมีโอกาสที่จะทำให้เกิด “หลุมดำจิ๋ว” (Mini Black Hole)ได้ แต่หลุมดำเหล่านี้ก็มีขนาดเล็กมาก เล็กกว่าโปรตอนและช่องว่างระหว่างอะตอมหลายเท่า


ขณะที่คนทั่วไปเริ่มคลายความกังวลจากการทดลองของเซิร์นไปแล้ว แต่สำหรับนักวิทยาศาสตร์ สิ่งที่พวกเขายังคงค้างคาใจอยู่ที่ “การชนกันครั้งไหน” จะเป็นเงื่อนไขก่อให้เกิดฮิกก์สเพราะโอกาสการเกิดอนุภาคที่ทุกคนรอคอยมีเพียง “หนึ่งในล้านล้านครั้ง” เท่านั้น

          และแม้จะเกิดฮิกก์สขึ้นมาจริงๆ นักวิทยาศาสตร์ต้องใช้เวลาอีกนานเพียงใด เพื่อแกะรอยองค์ประกอบของฮิกก์ส
          หรือที่สุดแล้ว...อาจลงท้ายที่การไม่พบอะไรเลย
          แต่เมื่อการทดลองยังไม่สิ้นสุด นักวิทยาศาสตร์ก็ยังมีความหวังต่อไป เพราะคงไม่อาจมีสิ่งใดมาหยุดยั้งความสงสัยใคร่รู้อันเป็นพื้นฐานนิสัยของมนุษย์ ในการไขความลับพื้นฐานของจักรวาลอันยิ่งใหญ่ต่อไปได้

ขอบคุณข้อมูลภายใต้ความร่วมมือของวารสารสื่อพลัง และ วิชาการ.คอม
http://www.pttplc.com/TH/Default.aspx







บันทึกการเข้า

"CHIAB"
มนุษย์เราแต่ละคน  ต่างไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไม่มีใครรู้จักกันมาก่อนเลย  แล้ววันหนึ่งก็มาพบหน้ากัน  สมมุติเป็นพ่อ  เป็นแม่  เป็นเมีย  เป็นสามี  เป็นลูก  อยู่ร่วมกัน  ใช้ชีวิตร่วมกัน และแล้ววันหนึ่ง  ก็แยกย้ายด้วยการ  "ตายจาก"  กันไปสู่  ณ  ที่ซึ่งไม่มีใครได้ตามพบ  คืนสู่ความเป็นผู้ไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไปไหน  และคืนสู่ความเป็น  "คนแปลกหน้า"  ซึ่งกันและกันอนันกาลอีกครั้งหนึ่ง...และอีกครั้งหนึ่ง!?
ขอขอบคุณ คุณเปลว สีเงิน ที่ให้ข้อคิดดีๆ

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!