100 ปีชาติกาล ครูเอื้อ สุนทรสนาน บรมครูแห่งวงสุนทราภรณ์
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่21"
เมษายน 28, 2024, 02:28:05 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: 100 ปีชาติกาล ครูเอื้อ สุนทรสนาน บรมครูแห่งวงสุนทราภรณ์  (อ่าน 3267 ครั้ง)
b.chaiyasith
แก้ปัญหาไม่ตกคุยกันเวลางานline:chiabmillion
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน650
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3004


ไม้ดีไม่ลอยน้ำมาไกล


อีเมล์
« เมื่อ: ตุลาคม 27, 2009, 09:30:56 AM »

บุคคลสำคัญของโลกโดยการยกย่องจากองค์การยูเนสโก อัจฉริยะผู้ขับร้องและควบคุมวงดนตรีสุนทราภรณ์ อันถือเป็นจุดเริ่มต้นวัฒนธรรมดนตรีไทยสากล



                                          



หนึ่งร้อยปี อาจารย์เอื้อ สุนทรสนาน
ทั้งลูกหลาน ลูกศิษย์ คีตะศิลป์
คนเคยยิน เสียงทอง ของไวโอลิน
หรือเคยยิน เสียงทอง ท่านร้องเพลง

โอ้ร้อยปี แล้วสิหนอ ขอเคารพ
กราบนอบนบ เสียงสุนทร ร้อนเรียบเร่ง
คือทำนอง ของครูเอื้อ นำเนื้อเพลง
จะบรรเลง อยู่นิรันดร์ นับพันปี

(ขอฝากเพลงร้องให้เสียงนั้นก้องตลอดไป
อนุสรณ์ฝากไว้จากหัวใจ “สุนทราภรณ์”)

นี่คือเพลง "๑๐๐ ปี ครูเอื้อ สุนทรสนาน"  ที่ ทางวงดนตรีสุนทราภรณ์ได้สร้างสรรค์บทเพลงขึ้นมาใหม่ เนื่องในโอกาสครบรอบชาตกาล 100 ปี ครูเอื้อ สุนทรสนาน โดยมีครูดำ-พูลสุข สุริยพงษ์รังสี หัวหน้าวง ได้ประพันธ์ทำนองด้วยการนำทำนองของเพลงสำคัญในชีวิตของครูเอื้อ 3 เพลง คือ เพลงยอดดวงใจ คิดถึง และขอให้เหมือนเดิม มาร้อยเรียงประสานต่อ และ อ.อาจินต์ ปัญจพรรค์ ศิลปินแห่งชาติ  ได้กรุณาประพันธ์บทกลอนเป็นเนื้อให้มูลนิธิสุนทราภรณ์เป็นพิเศษ กับได้นำเนื้อร้องช่วงสุดท้ายของเพลง "พระเจ้าทั้งห้า" อันเป็นเพลงเพลงสุดท้ายในชีวิตครูเอื้อ ที่แต่งขึ้นเพื่อสรรเสริญและรำลึกพระคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นช่วงปิดท้ายเพลง แล้วมอบให้คุณพรศุลี วิชเวช การเวกเสียงใส เป็นผู้ขับร้องครั้งแรก


           สำหรับชื่อวงดนตรีนั้น มีที่มาจากเมื่อครั้งที่ ครูเอื้อครูเอื้อได้นำวงดนตรีไปแสดงที่โรงภาพยนตร์โอเดียน คุณคุณสุรัฐ พุกกะเวส ได้ท้วงติงว่าเป็นการไม่เหมาะสมที่จะนำวงดนตรีของราชการไปบรรเลงในโรง ภาพยนตร์เอกชน ครูเอื้อที่ในเวลานั้นกำลังตกหลุมรักคุณอาภรณ์อยู่ จึงได้ใช้จังหวะนี้ เปลี่ยนชื่อวงดนตรี โดยนำนามสกุลของตนรวมกับชื่อหญิงคนรัก เป็นชื่อวงว่า "สุนทราภรณ์" ในปี พ.ศ. 2482


          วงดนตรีสุนทราภรณ์นั้นแม้จะเป็นวงดนตรีสากล แต่ก็ไม่ได้ถูกดนตรีอย่างฝรั่งครอบงำ กลับมีกลิ่นอายของความเป็นไทยอยู่อย่างชัดเจน ทำนอง ดนตรีจำนวนไม่น้อยได้ปัดฝุ่นมาจากทำนองเพลงไทยเดิมให้เป็นทำนองแบบใหม่ที่ ไพเราะเข้ากับยุคสมัย และบทเพลงสุนทราภรณ์นั้นยังเป็นที่ยอมรับกันว่าใช้ภาษากวี ที่อ่อนหวาน มีความหมายลึกซึ้ง 




กระทรวงวัฒนธรรมได้เสนอชื่อ ครูเอื้อ สุนทรสนาน สู่คณะกรรมการบริหารของยูเนสโก เพื่อประกาศให้ครูเอื้อ สุนทรสนาน เป็นบุคคลสำคัญของโลกอย่างเป็นทางการ ในเดือน ต.ค. ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ถือเป็นบุคคลสำคัญลำดับที่ 19 ของประเทศไทย และประเทศไทยจะจัดงานเฉลิมฉลองในระหว่างวันที่ 21 มกราคม 2553 ซึ่งเป็นวาระครบรอบ 100 ปีครูเอื้อ จนถึง วันที่ 21 มกราคม 2554 โดยกิจกรรมต่างๆ เช่น การแสดงดนตรีทั้งในไทยและต่างประเทศ การจัดสัมมนาทางวิชาการ การเผยแพร่ประวัติผลงาน การตั้งอนุสรณ์สถานและพิพิธภัณฑ์ครูเอื้อที่อัมพวาอันเป็นบ้านเกิดของท่าน


          ครูเอื้อ สุนทรสนาน เป็นทั้งผู้ขับร้องและควบคุมวงสุนทราภรณ์ ซึ่งเป็นวงคนตรีที่โด่งดังมากที่สุดในยุคหนึ่ง ครูเอื้อมีความสามารถด้านการประพันธ์ทำนองและคำร้อง โดยมีครูเพลง แก้ว อัจฉริยกุล เป็นนักแต่งเพลงคู่บุญ ได้ร่วมกันเเต่งเพลงกว่า 1,000 เพลง  มีเพลงที่เป็นที่รู้จักกัน เช่น เพลงวันลอยกระทง วันปีใหม่ วันสงกรานต์ ขวัญใจเจ้าทุย รำวงวันสงกรานต์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเพลงที่ประพันธ์ขึ้นสำหรับ พระบรมวงศานุวงศ์ด้วย


ประวัติของครูเอื้อ สุนทรสนาน


           ครูเอื้อ สุนทรสนาน เป็นชาวจังหวัดสมุทรสงคราม เกิดที่ บ้านตำบลโรงหวี อำเภออัมพวา เมื่อวันที่ 21 มกราคม พ.ศ.2453 (ตรงกับรัชสมัยของรัชการที่ 6) อยู่ในสกุล “สุนทรสนาน” อันเป็นสกุลพระราชทาน จากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า เป็นบุตรของ นายดี และนางแส สุนทรสนาน มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 3 คน เดิมนั้นท่านมีชื่อว่า “ละออ” ต่อมา บิดาให้นามใหม่เป็น “บุญเอื้อ” และได้มาเปลี่ยนอีกครั้งในสมัย จอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็น “เอื้อ สุนทรสนาน




ยเด็กเรียนหนังสืออยู่ในจังหวัดบ้านเกิดอยู่ปีเศษพอ ที่โรงเรียนวัดใหม่ราษฎร์บูรณะ  ต่อมาในปี พ.ศ. 2460 บิดาได้พาย้ายเข้ากรุงเทพฯ โดยให้อาศัยอยู่กับหมื่นไพเราะพจมาน ผู้เป็นพี่ชายซึ่งรับราชการเป็นคนพากย์โขนในกรมมหรสพ เพื่อศึกษาต่อที่วัดระฆังโฆษิตารามจนจบชั้นประโยคประถมช่วงเวลานี่เอง เป็นระยะเวลาเดียวกับที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงตั้งโรงเรียนพรานหลวงขึ้น ที่สวนมิสกวัน ให้เป็นโรงเรียนสอนดนตรีทุกประเภททั้งดนตรีไทย และดนตรีฝรั่ง ครูเอื้อจึงเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนแห่งนี้  โดยมีพระเจนดุริยางค์เป็นอาจารย์ใหญ่ ท่านจึงได้ย้ายมาเรียนต่อที่โรงเรียนนี้ โดยช่วงเช้าเรียนวิชาสามัญ ช่วงบ่ายเรียนวิชาดนตรี เเต่หลังจากสอบมัธยมปีที่ 1 ผ่านขึ้นไปมัธยม 2 ในปี พ.ศ. 2465 ด้วยความมุมานะและพรสวรรค์ จึงสามารถเล่นเครื่องดนตรีได้จนชำนาญ โดยเฉพาะดนตรีฝรั่งอย่าง สีไวโอลิน   และเป่าแซกโซโฟน  พระเจนดุริยางค์เห็นว่า ครูเอื้อมีความสามารถพิเศษ จึงได้ให้เปลี่ยนเปลี่ยนมาเรียนวิชาดนตรีเต็มวัน และงดการเรียนวิชาสามัญตั้งแต่ชั้นมัธยม 2


          เมื่อจบหลักสูตรการศึกษาแล้ว ครูเอื้อได้เข้ารับราชการประจำในปี 2467 เป็นนักดนตรี ประจำกองเครื่องสายฝรั่งหลวง ที่กรมมหรสพ  กระทรวงวัง รับพระราชทานยศเป็น "เด็กชา" เงินเดือน 5 บาท ต่อมาเมื่อมีความชำนาญมากขึ้น ท่านจึงได้เลื่อนขึ้นไปเล่นวงใหญ่ในปี พ.ศ. 2469 มีเงินเดือนเพิ่มขึ้นเป็น 20 บาท อีก2 ปีต่อมาก็ได้รับพระราชทานยศ "พันเด็กชาตรี" และ "พันเด็กชาโท" ตามลำดับ  กระทั่งปี พ.ศ.2475 ได้โอนย้ายไปรับราชการที่กรมศิลปากร สังกัดกองมหรสพ ด้วยฝีมือทางดนตรีที่เปี่ยมล้น ทำให้เงินเดือนเพิ่มขึ้นเป็น 40 บาท และ 50  ในสมัยที่หลวงวิจิตรวาทการเป็นอธิบดีกรมศิลปากร ปี พ.ศ.2475 จากนั้นอีก 4 ปี ก็ได้มีโอกาสเข้าบรรเลงดนตรีประกอบเพลงในภาพยนตร์เรื่องนี้และได้ร้องเพลง "ในฝัน" แทนเสียงร้องของพระเอกในเรื่อง  "ถ่านไฟเก่า" อันเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่สร้างโดยบริษัทไทยฟิล์ม 'พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธ์ยุคล, หลวงสุขุมนัยประดิษฐ์, คุณพจน์ สารสิน และคุณชาญ บุนนาค ร่วมกันจัดตั้งบริษัทสร้างภาพยนตร์ไทยขึ้น ด้วยผลงานเพลงสร้างได้ชื่อได้รับความนิยมอย่างสูงนี่เอง ทำให้ครูเอื้อตั้งวงดนตรีของตนเองขึ้นในปีถัดมา ใช้ชื่อว่า ‘ไทยฟิล์ม’  ตามชื่อบริษัทหนัง นับว่านี่คือก้าวแรกทางเส้นทางดนตรีของครูเอื้อ  แต่จากนั้นเพียงปีเศษก็ต้องยุบวงลงไปพร้อมๆกับกิจการบริษัทไทยฟิล์มที่มีอัน เลิกกิจการไป


และในปี  2482 เนื่องด้วยนายวิลาศ โอสถานนท์ อธิบดีในสมัยนั้น มองว่าเมื่อมีสถานีวิทยุของรัฐบาลแล้ว ก็ควรจะมีวงดนตรีประจำอยู่  ครูเอื้อ และวงดนตรีจึงได้โอนย้ายจากกรมศิลปากรมาอยู่ที่กรมโฆษณาการ ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น วงดนตรีกรมประชาสัมพันธ์ มีครูเอื้อเป็นหัวหน้าวง และหัวหน้าแผนกบันเทิงต่างประเทศ  จนกระทั่งได้เกษียณอายุราชการในปี 2514 ทางกรมประชาสัมพันธ์ได้จ้างพิเศษให้ดำเนินตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญการดนตรีต่ออีก 2 ปี จนถึงปี พ.ศ.2516 ซึ่งเป็นปีที่ครูเอื้อได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นสมาชิกสมัชชาแห่งชาติ


           ด้านชีวิตครอบครัว ครูเอื้อพบรักกับ อาภรณ์ กรรณสูต ธิดาของพระยาสุนทรบุรี และคุณหญิงสะอิ้ง กรรณสูต เมื่อปี พ.ศ. 2480 และได้เข้าสู่พิธีสมรสเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2489 มีธิดาเพียงคนเดียวคือ อดิพร สุนทรสนาน (ซึ่งต่อมาได้รับพระราชทานน้ำสังข์สมรสจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กับ ร.ต.อ. สันติ เสนะวงศ์) แต่ก็ยังมีบุตรชายสืบสกุลที่เกิดกับ โฉมฉาย อรุณฉาน คือ สุรินทร สุนทรสนาน

 ในบั้นปลายชีวิต แพทย์ได้เอกซเรย์ตรวจพบก้อนเนื้อร้ายขนาดเท่าลูกเทนนิสที่บริเวณปอดด้านขวา ในปลายปี พ.ศ. 2521จึงได้เริ่มการรักษา แต่ก็ยังคงทำงานตามปกติ จนถึงปลายปี พ.ศ. 2522 มีอาการทรุดหนัก จึงเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาล แล้วก็กลับไปรักษาที่บ้านต่อ หลังจากรักษาตัวราว 3 ปี อาการของครูเอื้อก็ได้ทรุดลงเป็นลำดับ  สุดท้ายโรคมะเร็งที่ทรวงอก ก็พรากครูเอื้อ สุนทรสนาน ไปในวันที่ 1 เมษายน 2524 รวมอายุได้ 71 ปีเศษ


ข้อมูลอ้างอิง
หนังสือ คอนเสิร์ตการกุศล มนต์เพลง สุนทราภรณ์ มูลนิธิสุนทรภรณ์
บทความตอนที่ 63. นักจัดรายการเพลงสุนทราภรณ์ โดย เรืองวิทยาคม
เอื้อ สุนทรสนาน จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
วธ.เสนอครูเอื้อ สุนทรสนานบุคคลสำคัญของโลก www.komchadluek.net
ครูเอื้อ สุนทรสนาน : บุคคลสำคัญของโลก www.snc.lib.su.ac.t h
ที่มา วชก.คอม


บันทึกการเข้า

"CHIAB"
มนุษย์เราแต่ละคน  ต่างไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไม่มีใครรู้จักกันมาก่อนเลย  แล้ววันหนึ่งก็มาพบหน้ากัน  สมมุติเป็นพ่อ  เป็นแม่  เป็นเมีย  เป็นสามี  เป็นลูก  อยู่ร่วมกัน  ใช้ชีวิตร่วมกัน และแล้ววันหนึ่ง  ก็แยกย้ายด้วยการ  "ตายจาก"  กันไปสู่  ณ  ที่ซึ่งไม่มีใครได้ตามพบ  คืนสู่ความเป็นผู้ไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไปไหน  และคืนสู่ความเป็น  "คนแปลกหน้า"  ซึ่งกันและกันอนันกาลอีกครั้งหนึ่ง...และอีกครั้งหนึ่ง!?
ขอขอบคุณ คุณเปลว สีเงิน ที่ให้ข้อคิดดีๆ

eskimo_bkk-LSV team♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม..
member
*

คะแนน1883
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13256


ไม่แล่เนื้อเถือหนังพวก


อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: ตุลาคม 27, 2009, 09:57:24 AM »

 ดีใจจัง




http://img91.imageshack.us/img91/2444/28041837vb3.swf


บันทึกการเข้า
b.chaiyasith
แก้ปัญหาไม่ตกคุยกันเวลางานline:chiabmillion
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน650
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3004


ไม้ดีไม่ลอยน้ำมาไกล


อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: ตุลาคม 29, 2009, 06:49:44 PM »

 เยี่ยมมาก Lips Sealedหาฟังยากแล้วครับ เดี๋ยวนี้ประกวดนางสาวไทยที่ผ่านไปหยกๆก็ไม่ใช้แล้ว ขอบคุณท่าน เอสคิโมครับที่นำ
 นางฟ้าจำแลง The disguises angel.มาจุตติใหม่ HAPPY2!!
บันทึกการเข้า

"CHIAB"
มนุษย์เราแต่ละคน  ต่างไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไม่มีใครรู้จักกันมาก่อนเลย  แล้ววันหนึ่งก็มาพบหน้ากัน  สมมุติเป็นพ่อ  เป็นแม่  เป็นเมีย  เป็นสามี  เป็นลูก  อยู่ร่วมกัน  ใช้ชีวิตร่วมกัน และแล้ววันหนึ่ง  ก็แยกย้ายด้วยการ  "ตายจาก"  กันไปสู่  ณ  ที่ซึ่งไม่มีใครได้ตามพบ  คืนสู่ความเป็นผู้ไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไปไหน  และคืนสู่ความเป็น  "คนแปลกหน้า"  ซึ่งกันและกันอนันกาลอีกครั้งหนึ่ง...และอีกครั้งหนึ่ง!?
ขอขอบคุณ คุณเปลว สีเงิน ที่ให้ข้อคิดดีๆ
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!