เรื่องเล่าจากนักศึกษแพทย์ ตอน...บทเรียนว่าด้วยความรัก
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องเล่าจากนักศึกษแพทย์ ตอน...บทเรียนว่าด้วยความรัก  (อ่าน 1900 ครั้ง)
b.chaiyasith
แก้ปัญหาไม่ตกคุยกันเวลางานline:chiabmillion
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน650
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3004


ไม้ดีไม่ลอยน้ำมาไกล


อีเมล์
« เมื่อ: ธันวาคม 21, 2008, 12:56:06 PM »

"ความรัก อาจเป็นคำสั้นๆ แต่เมื่อเราพิจารณาความหมายของมันกลับพบว่า ช่างยิ่งใหญ่นัก ความรัก สิ่งดีๆที่ถูกส่งต่อจากคนหนึ่งไปสู่คนอีกหลายๆคน..."

บทเรียนว่าด้วยความรัก
“แง๊  แง๊” “ แง้ แง้ แง้”  เสียงเด็กร้องดังระงมไปทั่วๆห้อง
ฉันว่า  เด็กๆคงเริ่มหิวกันแล้วแหละ
นั่นไง เหล่าบรรดาคุณแม่คนใหม่พากันเดินเข้ามาพอดี

แล้วฉันก็นั่งมองภาพเหตุการณ์ที่พวกเราชาวห้องเด็กเห็นกันจนชินตา
ภาพเด็กทารกที่ค่อยๆ ถูกอุ้มจากเตียงทีละเตียงเพื่อนำไปส่งให้กับอ้อมอกแม่
อ้อมอกแห่งความรัก  ความเอื้ออาทร

คุณแม่เหล่านี้โชคดีนักที่มีลูกเกิดมาค่อนข้างปกติ แข็งแรงสมบูรณ์
ไม่พิการ   ไม่เป็นโรคร้าย
แต่ใครเลยจะรู้ ...... ว่าลูกที่กำลังจะเกิดมาของคุณจะเป็นเช่นนั้นเสมอไป

ก่อนหน้าที่ฉันจะมาอยู่ห้องเด็กอ่อนหรือที่ศิริราชเราเรียกกันว่า “ nursery”
ฉันได้ผ่านหอผู้ป่วยเด็กเล็กมาก่อน

ภาพของสองสถานที่ช่างแตกต่างกันยิ่งนัก
ที่หอเด็กเล็ก  มีเด็กหลายต่อหลายคนที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในหอผู้ป่วยเป็นเวลานาน
บางคนภูมิคุ้มกันต่ำ  ต้องอยู่ในห้องแยกพิเศษ  ปลอดเชื้อ  ใครจะเข้าไป จะต้องสวมหน้ากาก 
เด็กน้อยแก้มป่องคนนั้นจะมีคุณแม่คอยดูแลอยู่ตลอดเวลา  จนบางทีฉันเองยังเคยนึกสงสัยว่า 
คุณแม่เค้าไม่ต้องไปไหนหรือไปทำอะไรเลยหรืออย่างไร
ยังมีน้องอีกคนนึง ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในวอร์ดเด็ก
ผู้คนที่ผ่านไปมา จะต้องมาแวะทักทายและดูการแสดงเล็กๆน้อยๆที่ไม่ได้จงใจของน้องจีโน่   นักยิมนาสติกประจำวอร์ด
น้องคนนี้อาจเป็นขวัญใจของคนมากมายในวอร์ด   สามารถสร้างรอยยิ้มให้ได้แก่คนทั่วไป
แต่ใครจะรู้เลย....ว่าแล้วในหัวใจของผู้ที่เป็นแม่ล่ะ  จะเจ็บปวดเพียงใด 
ที่ต้องทนเห็นลูกน้อยเป็นโรคที่ทำให้โครงสร้างของร่างกายมีความผิดปกติ  กระดูกหักซ้ำแล้วซ้ำเล่า

และมีอยู่วันนึงที่ฉันได้มีโอกาสได้รับฟังความอัดอั้นจากคุณแม่อีกคนหนึ่ง

“คุณแม่มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าคะ  ทำไมดูสีหน้าไม่ค่อยดีเลย”
 
“พอดีน้องเกิดท้องเสียขึ้นมา  คุณหมอเลยยังไม่อยากให้กลับบ้านอ่าค่ะ  ไม่น่าเลย... ไม่น่าเลยจริงๆ”
 
“หรอคะคุณแม่  คงต้องอยู่ต่ออีกไม่นานมั้งคะ   เดี๋ยวท้องเสียคงหายแหละ   อย่าเพิ่งไปคิดมากเลยนะ”
ฉันพยายามพูดปลอบ

“นานสิหมอ   คราวที่แล้วก็ท้องเสียเนี่ยแหละ  ทำให้ต้องอยู่โรงพยาบาลนานขึ้นเป็นเดือน  นึกว่าจะได้กลับไปทำงานแล้วแท้ๆ ไม่ได้ไปมาจะสามเดือน  นี่ก็จะถูกไล่ออกอยู่แล้ว”   คุณแม่ระบายออกมาทั้งน้ำตาพรางทอดสายตาไปยังแม่ลูกอีกคู่หนึ่ง  ซึ่งอยู่โรงพยาบาลมานานไม่แพ้กัน

“บ้านอื่นถึงเค้าจะต้องหยุดงานมาเฝ้าลูก  เค้าก็ยังมีสามีมาดูแล  หาเงินเลี้ยง  แต่บ้านพี่  นอกจากจะไม่ช่วยหาแล้วยังจะมาขอแต่เงินไปกินเหล้าอย่างเดียว   แล้วคราวนี้ก็เงินจะหมดแล้วด้วย  ไม่รู้จะทำยังไงดี”
 
หลังจากเสร็จสิ้นการสนทนากับคุณแม่คนนั้น ฉันก็กลับมานั่งคิดกับตัวเอง
ซึ่งคุณๆมาลองคิดตามไปพร้อมกันเลยนะคะ
วันนึงในอนาคต  ในวันที่เรามีลูก
ถ้าคุณพบว่า ลูกของคุณที่เพิ่งคลอดออกมา 
เป็นโรคที่ต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลนานๆ หรือเป็นโรคที่ต้องดูแลเป็นพิเศษตลอดชีวิต

เราจะต้องเจ็บปวดและเหนื่อยใจขนาดไหนกันนะ   
พวกเรา......จะต้องเสียสละเวลา  และความฝันในชีวิตมากมายแค่ไหนกัน
จากที่เคยคิดไว้ว่า   ครอบครัวจะได้อยู่พร้อมหน้าอย่างมีความสุข  พ่อแม่ลูก
บ้านที่มีเด็กตัวเล็กๆ  พูดจาเจื้อยแจ้ว  วิ่งเล่นไปมา   บ้างมาอ้อนแม่ บ้างก็เอาแต่ใจ
ทุกสิ่งทุกอย่างจะกลับกลายเป็นเพียงแค่ความฝัน
 
จะเป็นอย่างไร  หากเราต้องกลับมาเผชิญกับความจริงอันน่าโหดร้าย 
ความจริงที่ว่าเราและลูกต้องใช้ชีวิตอยู่ภายในห้องเล็กๆแคบๆอุดอู้ที่เต็มไปด้วยผู้ป่วยเด็กและบรรดาแม่คนอื่นๆ.....ที่ต้องเผชิญชะตากรรมเช่นเดียวกัน

ถ้ามีวันนั้น  พวกเราจะเข้มแข็งเหมือนคุณแม่เหล่านี้ได้มั้ยนะ
เมื่อได้คิดดังนั้น   ฉันจึงมองคุณแม่เหล่านี้ด้วยความชื่นชมและนับถืออย่างใจจริง
 
การที่ฉันได้มาอยู่วอร์ดเด็กทำให้ฉันเรียนรู้สิ่งที่มากกว่าแค่เรื่องโรค
เพราะนอกจากเตียงผู้ป่วยที่อยู่เต็มภายในห้อง ฉันยังมองเห็นสายใยรักระหว่างแม่ ลูก  อันอัดเต็มอยู่แน่นไม่แพ้กัน
ที่นี่ทำให้ฉันได้เรียนรู้ว่าสายใยแห่งความรัก  ความผูกพันที่ “แม่” สามารถมอบให้ได้แก่ลูกคนนึง
มันมากมายซะจนเกินกว่าที่จะประเมินค่าได้
และฉันเชื่อว่า  ที่อื่นๆก็คงมีความรักดีๆเช่นนี้ซ่อนอยู่  รอก็แต่ว่า เมื่อไหร่คุณจะใช้หัวใจค้นหามัน
 
ความรัก  อาจเป็นคำสั้นๆ  แต่เมื่อเราพิจารณาความหมายของมันกลับพบว่า ช่างยิ่งใหญ่นัก
ความรัก  สิ่งดีๆที่ถูกส่งต่อจากคนหนึ่งไปสู่คนอีกหลายๆคน
อนาคตไม่ใช่สิ่งที่แน่นอนตายตัว  เราไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร
ปัจจุบัน คือสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเรา   เป็นสิ่งที่เราต้องทำให้ดีที่สุด
ดังนั้น ตัวฉันและคุณในวันนี้  ควรทำหน้าที่ในฐานะของเราให้ดีที่สุดด้วยหัวใจของคนเป็นแพทย์   
เพื่อที่จะเป็นส่วนช่วยให้พ่อ แม่ ลูกได้กลับไปใช้ชีวิตครอบครัวอย่างมีความสุขที่บ้าน
โดยที่มีสุขภาพทั้งกายและใจ  ....ดีที่สุดเท่าจะดีได้
ความรักเกิดขึ้นได้มากมาย  ทั้งแบบครอบครัว  คนรัก  เพื่อนร่วมอาชีพ หรือเพื่อนร่วมสังคม
ถึงแม้ไม่รู้ว่า  ใครจะได้พบเจอความรักแบบใด  หรือไม่ในตอนนี้
แต่ ฉันก็มั่นใจว่า  อย่างน้อยๆพวกคุณทุกคนเองก็เคยได้รับสิ่งนี้  จากแม่ของพวกคุณเช่นกัน
ดังนั้นต่อจากนี้  เรามาช่วยกันส่งต่อสิ่งสวยงามเหล่านี้ให้คนรอบๆข้างของเรา
เพียงรอยยิ้มบางๆ ก็ช่วยให้โลกใบนี้สดใสขึ้นมาได้

ว่าแล้ว....ตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วล่ะค่ะ  ที่จะกลับมาถามว่า 
พวกคุณพร้อมหรือยัง  กับ  “บทเรียนว่าด้วย....ความรัก”  ที่กำลังจะเริ่มต้นรอบๆตัวคุณ นับจากนี้ไป
 
นศพ.ภัทราภรณ์ พุ่มเรือง   
นศพ.ปี 5  คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

***********

สนใจอยากอ่านเรื่องเล่าจากนักศึกษาแพทย์ ในรูปแบบเล่ม  สามารถสั่งซื้อได้ในราคา 60 บาท ที่มูลนิธิแพทย์ชนบท อาคารสวนกีฬา ชั้น 2 ถนนสาธารณสุข 7 (ศอ.สส.)กระทรวงสาธารณสุข อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
 
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
เบญญา คำแสน โทร. 086 316 1552 email hello_benya@windowslive.com



บันทึกการเข้า

"CHIAB"
มนุษย์เราแต่ละคน  ต่างไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไม่มีใครรู้จักกันมาก่อนเลย  แล้ววันหนึ่งก็มาพบหน้ากัน  สมมุติเป็นพ่อ  เป็นแม่  เป็นเมีย  เป็นสามี  เป็นลูก  อยู่ร่วมกัน  ใช้ชีวิตร่วมกัน และแล้ววันหนึ่ง  ก็แยกย้ายด้วยการ  "ตายจาก"  กันไปสู่  ณ  ที่ซึ่งไม่มีใครได้ตามพบ  คืนสู่ความเป็นผู้ไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไปไหน  และคืนสู่ความเป็น  "คนแปลกหน้า"  ซึ่งกันและกันอนันกาลอีกครั้งหนึ่ง...และอีกครั้งหนึ่ง!?
ขอขอบคุณ คุณเปลว สีเงิน ที่ให้ข้อคิดดีๆ

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป: