เปิดสัญญา "ปีเตอร์ รีด" รับเละ 4 ปี 160 ล้านบาท

เผยสัญญาปีเตอร์ รีด 2 ฝ่ายมีสิทธิยกเลิกความสัมพันธ์ คาดรับเละ 160 ล้านบาท หากทำงานครบสัญญา โดยกุนซือจากแดนผู้ดี ยอมรับเป้าหมายไปฟุตบอลโลกหนหน้า ไม่ใช่งานง่าย แต่ชอบความท้าทาย เป็นปัจจัยหลักทำให้ตัดสินใจเดินทางมารับงานคุมทีมชาติไทย พร้อมประเดิมระบบ 4-4-2 เป็นหนูทดลอง ขณะที่ “บังยี” วรวีร์ มะกูดี ยืนยันมีออปชั่นในสัญญาเพียบ ด้าน “เสี่ยง้วน” สุรชัย จตุรภัทรพงศ์ ส่อแห้วเป็นมือขวา หลังติดสัญญาต้นสังกัดในเอสลีก ส่วนตะวัน ศรีปาน ประกาศแขวนเกือกรับงานผู้ช่วยเต็มตัว

ที่โรงแรมเรดิสัน เมื่อวันที่ 5 กันยายน ที่ผ่านมา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เป็นประธานในการแถลงข่าวเปิดตัว ปีเตอร์ รีด เข้ารับงานกุนซือใหญ่ทีมชาติไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมด้วย “บังยี” วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคม “มร.โอเค” องอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคม และตะวัน ศรีปาน ที่จะเข้ามารับตำแหน่งผู้ช่วยโค้ช

ปีเตอร์ รีด กล่าวว่า ยอมรับการทำทีมชาติไทยไม่ใช่ง่าย จากการศึกษาเทปการแข่งขันในช่วงคัดเลือกฟุตบอลโลกที่ผ่านมา หลายครั้งนักเตะไทยโชคไม่ดี แม้จะมีเทคนิคที่ดี แต่ปัญหาใหญ่คือการทำประตู รวมไปถึงสิ่งที่ต้องปรับปรุงในเบื้องต้นคือ ความฟิต และสภาพจิตใจ

“ทั้งนี้ ตัวเองจะนำเอาวิทยาการวิเคราะห์เกม ใช้สถิติต่างๆ เข้ามาช่วยในการทำงาน รวมไปถึงวิทยาศาสตร์การกีฬา เพื่อยกระดับของทีมชาติไทย ขณะเดียวกันได้คุยกับปีเตอร์ วิธ ถึงข้อมูลเกี่ยวกับฟุตบอลไทยมาบ้างแล้ว ดังนั้นในส่วนรูปแบบการเล่นคงจะเริ่มต้นที่ 4-4-2 แต่จากนั้นคงต้องดูตามความเหมาะสมในแต่ละแมทช์ว่าจะใช้ระบบใด”

กุนซือใหม่ถอดด้าม กล่าวต่อไปว่า ช่วงเวลาจากนี้ไปจะใช้เวลาในการติดตามชมเกมไทยลีกให้มากที่สุด เพื่อดูผู้เล่นทั้งที่มีรายชื่อจากทีมชาติไทยเดิม และตัวผู้เล่นหน้าใหม่อีกหลายคน ยืนยันว่าการเดินทางมาครั้งนี้เพื่อทำงานอย่างจริงจังไม่ใช่มาเที่ยว

ขณะเดียวกัน ปีเตอร์ รีด ยังเผยถึงเหตุผลที่เลือกมาคุมทีมชาติไทยว่า ก่อนหน้านี้ได้ร่วมงานกับโฮเวิร์ด วิลกินสัน ในทีมชาติอังกฤษ ชุดอายุไม่เกิน 21 ปี ที่ต้องรวบรวมผู้เล่นจากหลายทีมมาทำงานให้เสร็จสิ้นในระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งทำให้รู้สึกว่าท้าทาย และอยากทำเช่นนั้นอีก

“เป้าหมายของสมาคมฟุตบอลไทยคือ การผ่านไปเล่นฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ในครั้งหน้า ยอมรับเป็นงานไม่ง่าย แต่ยืนยันว่าจะพยายามทำทีมให้ดีขึ้น และหาผู้เล่นใหม่ๆ เข้ามาสู่ทีม ซึ่งตลอดระยะเวลาสัญญา 4 ปี หวังจะได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายไม่เว้นแม้แต่แฟนบอล”

ส่วนสตาฟฟ์โค้ชที่จะมาร่วมงาน นอกเหนือจาก ตะวัน ศรีปานแล้วนั้น ปีเตอร์ รีด กล่าวว่า ขณะนี้ดูๆ อยู่ ทว่ายังไม่อาจเปิดเผยในเวลานี้ได้

ในตอนท้ายกุนซือใหม่ทีมชาติไทยยังตอบข้อซักถามของสื่อมวลชนที่ถามถึงความกดดันเพียงใดกับ 2 ทัวร์นาเมนต์แรกในปีนี้ คือ คิงส์คัพ และซูซูกิ คัพ ว่า เมื่อต้องเล่นในเกมระดับสูง อย่างที่ผ่านมา การได้คุมทีมแมนฯ ซิตี้, ซันเดอร์แลนด์ หรือลีดส์ ยูไนเต็ด ล้วนแต่เป็นงานที่ต้องเผชิญความกดดัน แต่เป็นความกดดันที่ทำให้รู้สึกตื่นเต้น และกระหายที่จะทำงาน ที่สำคัญคือ ฟุตบอลไม่อาจคาดหมายผลการแข่งขันได้ จึงต้องทำงานไม่ให้ความกดดันนั้นไปตกที่ผู้เล่นในวันแข่งขัน

ด้าน ตะวัน ศรีปาน ที่จะเข้ามารับหน้าที่ผู้ช่วยโค้ชหนแรกในชีวิต กล่าวว่า จะนำประสบการณ์ทั้งหมดเข้ามาช่วยให้งานของปีเตอร์ รีด ง่ายขึ้น แม้เวลาที่เหลือจะต้องเล่นไทยลีกให้ต้นสังกัด แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่ปีเตอร์ รีด ตระเวนเก็บข้อมูลนักเตะ ทว่าหลังจากสิ้นสุดฤดูกาลนี้แล้ว คงเข้ามาทำงานอย่างเต็มที่ เพราะนับจากนั้นไปตัวเองจะสิ้นสุดชีวิตการเป็นนักเตะทั้งในระดับสโมสรและระดับชาติ

ขณะที่ “บังยี” วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอล ตอบข้อซักถามถึงรายละเอียดในสัญญาครั้งนี้ว่า เป็นข้อตกลงร่วมกันว่าจะไม่มีการเปิดเผยตัวเลขเป็นทางการ แต่บอกได้ว่า ค่าจ้างต่อปีไม่ถึง 1 ล้านปอนด์ ขณะเดียวกันในส่วนของออปชั่นต่างๆ นั้น เท่าที่บอกได้คือ จะมีทั้งที่เรา หรือปีเตอร์ รีด อาจขอยกเลิกสัญญากันได้ก่อนครบกำหนด รวมไปถึงหากทำทีมประสบความสำเร็จ จะมีโบนัสพิเศษอะไรบ้าง

นอกจากนี้ “บังยี” ยังกล่าวถึงสตาฟฟ์โค้ชว่า หลักๆ ปีเตอร์ รีด คงนำผู้ช่วยในเรื่องฟิตเนสมาจากอังกฤษ และคนอื่นๆ เขาจะใช้ใคร เราให้เขาตัดสินใจเต็มที่ เพราะหากได้ทำงานกับคนที่รู้ใจ น่าจะทำให้งานสะดวกขึ้น ขณะที่สุรชัย จตุรภัทรพงศ์ ตอนนี้ยังติดสัญญากับต้นสังกัดในสิงคโปร์ แต่ได้ให้เขาดูว่าจะมีโอกาสทำอย่างไรได้บ้าง แต่โดยรวมแล้วเวลานี้ยังไม่อาจกล่าวอะไรได้มาก เพราะเกรงเป็นการเสียมารยาท

ขณะเดียวกันในส่วนของผู้จัดการทีมนั้น นายกสมาคมฟุตบอลไทย กล่าวว่า ยังไม่มีการหารือเป็นทางการ แต่ยอมรับว่ามีการพูดคุยบ้างแล้ว รวมไปถึงตัวน้องชายนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภด้วย

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าว “คม ชัด ลึก” ยังรายงานเพิ่มเติมอีกว่า สำหรับเงินค่าจ้างกุนซือใหม่รายนี้ คาดว่าน่าจะอยู่ที่ 7 แสนปอนด์ต่อปี ซึ่งหากทำงานครบสัญญา 4 ปี จะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 160 ล้านบาท