คัดลอกจากไทยโพสต์
สวัสดี ท่านสมาชิกสภาประชาชนผู้ทรงเกียรติ
สมาชิก "วิชาญ จิระเวชบวรกิจ" ยกมือขออภิปรายถึงคนที่ฉลาดแกมโกง
เรียน ท่านประธานท้วมที่เคารพ
"โกง" แล้วจะได้อะไร? และทำไมคนฉลาดโกงได้สำเร็จ จึงเป็นคน "โง่" ที่แท้จริง
วันนี้กระผมมีคำตอบจาก พ่อท่านสมณะโพธิรักษ์ มานำเสนอให้สมาชิกได้ไตร่ตรองดู เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย ขอเชิญติดตามครับ...
คนเราเกิดมาเพื่อศึกษา ถ้าใครไม่ได้สำนึกอย่างนี้เกิดมาแล้วก็ปล่อยชีวิต หรือว่าทำให้ชีวิตของเราเป็นไปตามอำนาจของกิเลส คือแสวงหาความสุขไปตามประสา แสวงหาความพอใจไป เขาก็จะยึดจะติดจะทำอยู่อย่างนั้นไปตลอดกาลนาน แล้วชีวิตก็ค่อยๆ โตขึ้นเจริญขึ้น แล้วก็เสื่อมไป-ตายไปก็เท่านั้นเอง
ชีวิตหนึ่งที่ไม่ได้ศึกษาชีวิตหนึ่งก็เหมือนเดรัจฉาน เกิดมากินๆ ขี้ๆ เยี่ยวๆ แล้วก็สืบพันธุ์ ต่อเผ่าต่อพันธุ์เอาไว้ไปตามประสา แล้วก็แก่ ก็เสื่อม ก็ตาย หมุนเวียนอยู่อย่างนั้น ไร้ประโยชน์
พระพุทธเจ้าท่านตรัสถึงความจริงอย่างหนึ่งว่า สัตว์โลกนี่เป็นไปตามกรรม คือเป็นไปตามความประพฤติ เป็นไปตามการกระทำของตนเอง การกระทำมี 3 อย่าง มีกายกรรม กระทำทางกาย มีอิริยาบถไปในทางกาย ทางวาจา แล้วก็ทางใจ
เพราะฉะนั้นคนเรามีกรรม 3 อย่างนี่แหละ กระทำแล้วก็บันทึกไว้ในจิตวิญญาณ นี่สำหรับศาสนาพุทธ และกรรมที่บันทึกนั่นแหละ "เป็นทรัพย์" เป็นของตนเองเลย เป็นของแท้ เราทำกรรมดี ดีนั้นก็บันทึกเป็นของเรา เราทำกรรมชั่ว ชั่วนั้นก็บันทึกเป็นของเรา อันนี้เป็น "ทรัพย์ของเรา" แท้ๆ เป็นของจริงของเราเลย ติดตัวเราไปทุกชาติๆๆๆ ให้ผลแก่ตน พาทุกข์พาตกต่ำ พาสุขพาเจริญ ก็ตามกรรม
ในศาสนาพุทธถือ "กรรม" เป็นใหญ่ แล้วกรรมนี่แหละพาเราเกิดพาเราหมุนเวียนไป ชาติแล้วชาติเล่า-ชาติแล้วชาติเล่าๆๆๆ กรรม จะพาเราเกิด (กัมมโยนิ)
ศาสนาหลายศาสนาเชื่อว่า "พระเจ้า" บันดาลให้เกิดให้เป็นอย่างนั้นให้เป็นอย่างนี้ หลายศาสนานับถือเช่นนี้ แต่ศาสนาพุทธนั้นมี กรรมบันดาล มีกรรมเป็นตัวกำหนดให้เกิดให้เป็นให้ไป จะเลวจะดี จะตกต่ำได้ทุกข์ได้ยาก หรือว่าจะได้เจริญร่ำรวย ฉลาดโง่ เราทำของเราเองทั้งสิ้น
นั่นคือ กรรมเป็นของของตน (กัมมัสสกตา) ตนเป็นผู้ทำเอาเอง เราจะดีจะชั่ว เราจะได้ดีตกยาก มันจะปรับตัวเปลี่ยนแปลงไปแต่ละชาติๆๆๆ ชาตินี้ดูเหมือนเราฉลาด แต่ความฉลาดนั้น ถ้าเป็นความฉลาดโกง เป็นความฉลาดเลว เป็นความฉลาดในการทำทุจริต แล้วก็ปฏิบัติประพฤติตนใช้ความฉลาดเอาเปรียบเอารัด ฉลาดที่จะใช้เล่ห์เหลี่ยม ใช้ความซับซ้อน ใช้ความลับลวง เพราะอะไรก็แล้วแต่เสร็จแล้วเราก็ได้ลาภ ได้ยศ ได้อำนาจ
เราก็หลงไปว่าเรา ได้ แต่ จริงๆ แล้วเรา ไม่ได้ เรา ได้ "วิบากกรรม" เราไม่ได้ลาภยศ ลาภยศไม่ใช่ทรัพย์แท้ แต่เราได้ "วิบากกรรม" ติดอัตภาพเราไปทุกชาติๆ ต่างหากที่เป็น "ของเรา" เป็น "ทรัพย์แท้" ของเรา เราไม่ได้ลาภยศอะไรพวกนั้นติดตัวเราไปจริงๆ แท้ๆ เลย มันทิ้งอยู่ในโลกแค่เราตายจากเท่านั้น แต่ที่มันไปกับเรามันเป็นทรัพย์ ที่ให้ผลร้ายผลดีกับเราไปอีกนานเท่านาน นั้นคือ "กรรม" คือ "วิบาก" นั่นต่างหากที่เป็น "ของเรา" เป็น "ทรัพย์แท้ๆ ของเรา"
ฟังความนี้ ฟังตรงนี้ชัดๆ...คนที่ทำเลว ทำชั่ว ทำสิ่งที่เป็นอกุศล หรือทำทุจริตนี่ เขาทำแล้วเขานึกว่าได้แต่ความจริงเขา ไม่ได้ อาตมายกตัวอย่างบ่อยที่สุดเลยเช่น เขาโกง โกงนี่...ชั่ว เป็นบาป...ทุจริต เขาโกงได้เก่งนะ โกงด้วยความฉลาด โกงด้วยความลึกซึ้งซับซ้อน ไม่มีใครจับได้ ไม่มีใครรู้ทัน แต่เขา "โกง" นะ โกงได้มาแสนล้าน
โกงนั่นคือกรรม คือการกระทำของเขา เขาฉลาด ไม่มีใครจับได้เลย โกงได้มาเป็นแสนๆ ล้าน หอบไว้เลย หอบไว้จนตาย เมื่อตายจากแสนล้านนั้นไป เขาไม่ได้แสนล้านนั้นไปเลย พอตายไปแล้วแสนล้านนั้นไม่ได้ตามไปด้วย แสนล้านก็กองอยู่ในโลกนี่แหละ แต่เขาได้ "กรรมที่เขาโกง"
กรรมคือการกระทำ ใคร "ทำ" ก็นั่นแหละ "ทรัพย์ของตนแท้ๆ" กรรมโกงคือบาป กรรมโกงคือชั่ว เมื่อโกงก็เป็น "ทรัพย์ชั่ว" ติดตามตัวเขาไป แสนล้านไม่ใช่ทรัพย์ แสนล้านไม่ใช่ของเขา กรรมที่เป็นบาปหนักตั้งแสนล้านต่างหากที่เขาได้แท้ๆ
โกงบาทหนึ่งก็บาปแค่บาทหนึ่ง นี่โกงตั้งแสนล้าน ก็บาปหนัก ตกนรกนานอีกตามแสนล้านนั่นแหละ เขาตายไปก็ตามกรรมที่โกง ทุจริตที่เขาทำก็ยังเป็นทรัพย์ของเขา นั่นคือทรัพย์แท้ๆ ที่เกิดจากกรรมแท้ๆ ที่เขาทำสำเร็จด้วยความฉลาด ด้วยความเก่ง ด้วยความวิเศษยังไงก็แล้วแต่
แต่เป็นกรรมชั่ว เป็นกรรมทุจริต กรรมบาป เขาได้บาปอันนั้นเป็นทรัพย์ติดตัวไปจริงกว่าลาภยศสรรเสริญสุข ฟังให้ชัดๆ
...................
.........
คนที่คิดว่าตัวเองฉลาดหนักหนา ที่โกงชาติบ้านเมืองไปเป็นแสนล้าน ป่านนี้ยังไม่รู้ตัวว่าโง่สิ้นดี.
http://www.thaipost.net/news/230309/2180