สินค้าที่เราใส่ไว้ในรถคีออสนั้น ไม่ใช่การจัดใส่แบบสุ่มสี่สุ่มห้า
แต่ทั้งหมดเป็นข้อมูลที่เราทำการเทสต์ตลาดมาแล้ว ศึกษาความต้องการของผู้บริโภคมาเป็นอย่างดี ตัวอย่างเช่น การออกงานธงฟ้า สิบวันที่เราไปวางขาย รายได้เกือบหนึ่งแสนบาท เราจึงยกข้อมูลนี้มาใส่ในคีออส เป้าที่เราตั้งไว้คือ 40,000 บาท เราเชื่อว่ามีความเป็นไปได้อยู่แล้ว เพราะใช้เวลาถึงหนึ่งเดือนในการขาย
ขณะที่ ดร.พิทยาธร นิมมานวรวุฒิ ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ลี้กิจเจริญแสง จำกัด ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้ที่ซื้อแฟรนไชส์นั้น จะได้รับการอบรมใน 2 หัวข้อ ได้แก่ ความรู้ในตัวสินค้า และเทคนิคการขาย เพื่อเตรียมความพร้อมในการทำธุรกิจต่อไป ซึ่งทางทีมงานด้านการตลาดของเลคิเซ่ จะทำหน้าที่ช่วยสำรวจทำเลการขาย นอกจากนี้ ยังมีการจัดทำแคตตาล็อก รวมถึงรายการโปรโมชั่นของแถมให้แก่แฟรนไชซี อันจะช่วยให้การทำงานง่ายยิ่งขึ้น
คิดว่าไม่น่าจะเกิน 6 เดือนก็สามารถคืนทุนได้ ขึ้นอยู่กับความขยันของแต่ละคน เพราะเราเองซัพพอร์ตเรื่องเครื่องมือการตลาดช่วยทุกอย่าง เพราะลงทุนเพียง 40,000 บาทเท่านั้น อีกอย่างเรามอบผลตอบแทนที่สูงกว่า 35 เปอร์เซ็นต์แก่ผู้ลงทุน ซึ่งถือว่าเป็นเปอร์เซ็นต์กำไรที่สูงมาก
นอกจากนี้ ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาดกล่าวว่า ในปีแรกที่เปิดแฟรนไชส์จะเน้นขยายไปยังกรุงเทพฯ และปริมณฑลก่อน เมื่อเริ่มย่างปีที่สองจึงจะเน้นขยายไปยังต่างจังหวัด อย่างไรก็ตาม หากคนที่สนใจเปิดแฟรนไชส์ในปีแรกนี้เป็นคนต่างจังหวัด ทางบริษัทเองก็มีความพร้อมในการให้บริการ ด้วยเลคิเซ่มีศูนย์กระจายสินค้าครอบคลุมทั่วประเทศ รวมทั้งได้ร่วมมือกับไปรษณีย์ไทยในการจัดส่ง ทำให้เกิดความสะดวกสบาย
จุดแข็งของเรา หนึ่งคือ ลงทุนน้อย สองคือ รถเข็นนี้เราสร้างขึ้นใหม่ทั้งหมด ราคารถกว่า 40,000 บาท อีกอย่างคือสินค้าตัวที่เราจัดใส่ในรถเข็นคีออส จะเป็นนวัตกรรมใหม่ คือ DIY หรือ Do It Yourself ลูกค้าสามารถทำได้ด้วยตัวเอง ไม่จำเป็นต้องจ้างช่างไฟ นอกจากนี้แล้วเรายังสามารถช่วยให้ลูกค้าที่ซื้อจากรถเรา ประหยัดค่าไฟได้ถึง 40 เปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้นโครงการ CSR ของเรา ได้ทั้ง ช่วยชาติ ช่วยคนขายให้มีงานทำ ช่วยลูกค้าประหยัดค่าไฟ ถ้าลูกค้ามีปัญหาอะไรก็สามารถเดินมาถามที่คีออสได้ ซึ่งทางเราจะมีทีมคอยให้คำปรึกษา หากถามว่าฉีกแนวหรือไม่ ตอบว่าเราอยากจะฉีกแนว และเราทดสอบตลาดแล้วว่าขายได้