ข้อเท็จจริงที่ต้องพิสูจน์เพียงเรื่องเดียวเท่านั้น
คือ
ครูจอมทรัพย์ ขับรถชนคนตายหรือไม่?
ส่วนพฤติกรรมด้านอื่นๆของครูล้วนเป็นเรื่องนอกสำนวน...................
...................
...................
...................
.
ครูจอมทรัพย์ "แพะ" หรือ "แกะ"
ทีมล่าความจริง
คดีครูจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร ที่อ้างว่าไม่ได้ขับรถชนคนตาย
แต่กลับต้องติดคุกฟรีถึง 1 ปี 6 เดือนนั้น กำลังเป็นเหมือนสงครามข้อมูลข่าวสาร
ฝ่ายคุณครูก็ออกมายืนกรานว่าตัวเองเป็น "แพะ" และกำลังอยู่ในกระบวนการไต่สวน
เพื่อรื้อคดีขึ้นพิจารณาใหม่ ขณะที่ฝ่ายตำรวจ ซึ่งขณะนี้มีสถานะเป็น "จำเลยสังคม"
ก็กำลังดิ้นหาหลักฐานด้านอื่นมาตอบโต้ โดยเฉพาะการอ้างว่า
นายสับ วาปี ที่ออกมารับสมอ้างว่าเป็นคนขับชนตัวจริงนั้น
น่าจะอยู่ในขบวนการแอบอ้างเพื่อรับผิดแทน
ย้อนไปดูรายละเอียดในคำพิพากษา
จะพบข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่ศาลให้น้ำหนักต่างกัน
โดยศาลชั้นต้นกับศาลฎีกา พิพากษาลงโทษครูจอมทรัพย์
ส่วนศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง
ประเด็นที่ศาลชั้นต้นกับศาลฎีกาให้น้ำหนัก คือ
ครูจอมทรัพย์เป็นผู้ครอบครองรถในวันเกิดเหตุ,
มีประจักษ์พยานยืนยันว่าเห็นป้ายทะเบียนรถที่ขับชนจักรยาน ทะเบียน บค 56 สกลนคร
ซึ่งเป็นรถที่ครูจอมทรัพย์ครอบครองอยู่ โดยศาลเชื่อว่าพยานจำเลขทะเบียนได้จริง
นอกจากนั้นยังมีหลักฐานจากผู้เชี่ยวชาญว่า มีรอยครูดที่กระโปรงรถซึ่งเข้ากันได้กับจักรยานที่ชน,
มีสีเขียวของป้ายทะเบียนรถกระบะติดอยู่ที่รถจักรยานคันที่ถูกชน
และศาลไม่ให้น้ำหนักคำให้การพยานว่าคนขับรถที่ชนเป็นผู้ชาย
ขณะที่พยานของครูจอมทรัพย์เป็นญาติกัน จึงมีน้ำหนักน้อย
ส่วนประเด็นที่ศาลอุทธรณ์เห็นต่าง จนนำมาสู่คำพิพากษายกฟ้องก็คือ
พยานมีข้อพิรุธว่าจำป้ายทะเบียนรถที่ชนได้จริงหรือไม่
เพราะไม่ได้บอกเพื่อนที่ขี่รถจักรยานยนต์ตามมาทันทีว่าทะเบียนรถที่ชนคืออะไร
นอกจากนั้นพยานยังเบิกความว่าคนที่ลงจากรถกระบะที่ชนเป็นผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิง
ส่วนรอยครูดที่ปรากฏบริเวณกระโปรงรถด้านซ้ายนั้น
ศาลเห็นว่าไม่น่าจะเข้ากับลักษณะการขับแซงขึ้นไปชน
ซึ่งน่าจะมีรอยชนด้านขวามากกว่า ยิ่งไปกว่านั้นแผ่นป้ายทะเบียนรถของครูจอมทรัพย์ก็ไม่มีร่องรอยบุบ
ทั้งที่อ้างว่ามีสีของป้ายทะเบียนไปติดอยู่ที่รถจักรยานคันที่ถูกชน
ทั้งหมดนี้ทำให้ศาลยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้ครูจอมทรัพย์
นี่คือเหตุผลของศาลแต่ละชั้น ซึ่งประเด็นเหล่านี้
จะถูกนำไปพิจารณาใหม่ในกระบวนการรื้อฟื้นคดี
ทีนี้มาดูข้อสังเกตนอกศาลกันบ้าง ฝ่ายตำรวจและชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม
ฟันธงว่า ครูจอมทรัพย์ไม่ใช่ "แพะ" แต่เป็น "แกะ"
เพราะในคดีนี้มีขบวนการแอบอ้างเพื่อรับผิดแทนเข้ามาเกี่ยวข้อง
แต่ยังไม่สรุปว่าครูจอมทรัพย์รู้เห็นหรือไม่
โดยตำรวจเตรียมแจ้งความดำเนินคดีกับบุคคล 6 คนที่อยู่ในขบวนการ
รวมถึง นายสับ วาปี ที่อ้างว่าเป็นผู้ขับรถชนตัวจริงด้วย
ขณะที่ข้อมูลในโซเชียลมีเดีย วิเคราะห์เจาะลึกกันว่าครูจอมทรัพย์อาจเป็น "แกะ"
ด้วยการหา "แพะ" มารับผิดแทน เพื่อหวังผลกลับเข้ารับราชการ
เพราะจะได้ไม่มีมลทินเรื่องติดคุก บ้างก็ว่าหวังหาผลประโยชน์จากเงินเยียวยาและเงินบริจาค
แต่ขณะเดียวกันก็มีข้อมูลโต้แย้งว่าเงินเยียวยาหากจะได้รับ
ก็เป็นเงินเพียง 2 แสนกว่าบาทเท่านั้น
จะคุ้มกับการจ้าง "แพะ" มารับผิดแทนหรือไม่
"ทีมล่าความจริง" ได้ติดต่อไปยัง
นิธิต ภูริคุปต์ อดีตเลขานุการศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้
และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กระทรวงยุติธรรม
ซึ่งเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือครูจอมทรัพย์
เขาบอกว่าหลักฐานที่อ้างกันนอกศาลในขณะนี้ ไม่ได้เกี่ยวกับคดี
เพราะข้อเท็จจริงที่ต้องพิสูจน์กันมีเรื่องเดียวเท่านั้น คือ
ครูจอมทรัพย์ขับรถชนคนตายหรือไม่โดยข้อเท็จจริงอีกด้านที่ศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้ฯรวบรวมได้ ก็คือ
หนึ่ง ประจักษ์พยานที่เห็นเหตุการณ์บอกว่า
คนที่ลงจากรถกระบะที่ขับชนทางฝั่งคนขับ เป็นผู้ชาย
สอง รถที่ชนไม่ใช่ของครูจอมทรัพย์ แต่เป็นรถทะเบียน บค 56 มุกดาหาร
เพราะได้สืบไปถึงรถของผู้กระทำผิดตัวจริงแล้ว
มีการนำไปซ่อมหลังเกิดเหตุ ขณะที่รถของครูจอมทรัพย์ไม่มีรอยชนเลย
หลักฐานทั้งหมดที่รวบรวมได้ ทางศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้ฯ
ได้ส่งเข้าไปในกระบวนการขอให้ศาลรื้อคดีขึ้นพิจารณาใหม่
เลขานุการศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม
ยังตั้งข้อสังเกตถึงสงครามข่าวทางทางสื่อแขนงต่างๆ ขณะนี้ว่า
ดูเหมือนแต่ละหน่วยงานออกมาปกป้ององค์กรของตนเอง
แต่ไม่ได้มองถึงความทุกข์ยากของคนที่ประสบปัญหา และประเด็นที่ต้องคิดเผื่อไปถึงกรณีอื่นๆ คือ
เมื่อถูกจับกุมดำเนินคดี จะมีหน่วยงานไหนอีกบ้าง
ที่เข้าไปช่วยประชาชนดูพยานหลักฐาน
นอกเหนือจากพนักงานสอบสวนฝ่ายเดียวส่วนประเด็นที่มีการตั้งข้อสังเกตกันอย่างหลากหลาย เช่น
เหตุใดครูจอมทรัพย์ถึงไม่ให้การในชั้นสอบสวนนั้น นิธิต บอกว่า
มีผู้ถูกกล่าวหามากมายที่ไม่ให้การในชั้นสอบสวน
อาจจะเป็นเพราะไม่เชื่อถือในกระบวนการ
หรือบางคนก็ไม่มีความรู้ บ้างก็ไม่มีเงินจ้างทนาย
สำหรับกรณีของครูจอมทรัพย์
เนื่องจากเชื่อว่าตนเองไม่มีความผิด
จึงพร้อมนำหลักฐานเข้าต่อสู้ในชั้นศาล
ส่วนข้อกล่าวหาเรื่องการไปจ้างวานคนอื่นมารับผิดแทน
ถามว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นหรือยัง เพราะถึงที่สุดแล้วครูจอมทรัพย์ก็ติดคุกไปเรียบร้อย
สำหรับ นายสับ วาปี จะเป็นผู้กระทำผิดตัวจริงหรือไม่
ต้องไปว่ากันในชั้นการรื้อคดีขึ้นพิจารณาใหม่
เขายังฝากทิ้งท้ายว่า สังคมไม่ควรหลงประเด็น
เพราะคดีนี้มีข้อเท็จจริงที่ต้องพิสูจน์เพียงเรื่องเดียวเท่านั้น คือ
ครูจอมทรัพย์ขับรถชนคนตายหรือไม่
ส่วนพฤติกรรมด้านอื่นๆ ของครู ล้วนเป็นเรื่องนอกสำนวน
The Social Network
โลกโซเชียล มันมี 2 ด้าน
เห็นดำเป็นขาว และเห็นขาวเป็นดำ
ระวัง?