News ครูจอมทรัพย์ "แพะ" หรือ "แกะ"
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่21"
เมษายน 20, 2024, 02:46:21 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: News ครูจอมทรัพย์ "แพะ" หรือ "แกะ"  (อ่าน 937 ครั้ง)
eskimo_bkk-LSV team♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม..
member
*

คะแนน1883
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13230


ไม่แล่เนื้อเถือหนังพวก


อีเมล์
« เมื่อ: มกราคม 18, 2017, 08:50:12 AM »


ข้อเท็จจริงที่ต้องพิสูจน์เพียงเรื่องเดียวเท่านั้น

คือ

ครูจอมทรัพย์ ขับรถชนคนตายหรือไม่?

ส่วนพฤติกรรมด้านอื่นๆของครูล้วนเป็นเรื่องนอกสำนวน


................... ................... ................... ................... .

ครูจอมทรัพย์ "แพะ" หรือ "แกะ"
ทีมล่าความจริง

คดีครูจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร ที่อ้างว่าไม่ได้ขับรถชนคนตาย
แต่กลับต้องติดคุกฟรีถึง 1 ปี 6 เดือนนั้น กำลังเป็นเหมือนสงครามข้อมูลข่าวสาร

ฝ่ายคุณครูก็ออกมายืนกรานว่าตัวเองเป็น "แพะ" และกำลังอยู่ในกระบวนการไต่สวน
เพื่อรื้อคดีขึ้นพิจารณาใหม่ ขณะที่ฝ่ายตำรวจ ซึ่งขณะนี้มีสถานะเป็น "จำเลยสังคม"
ก็กำลังดิ้นหาหลักฐานด้านอื่นมาตอบโต้ โดยเฉพาะการอ้างว่า
นายสับ วาปี  ที่ออกมารับสมอ้างว่าเป็นคนขับชนตัวจริงนั้น
น่าจะอยู่ในขบวนการแอบอ้างเพื่อรับผิดแทน

ย้อนไปดูรายละเอียดในคำพิพากษา
จะพบข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่ศาลให้น้ำหนักต่างกัน
โดยศาลชั้นต้นกับศาลฎีกา พิพากษาลงโทษครูจอมทรัพย์
ส่วนศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง

ประเด็นที่ศาลชั้นต้นกับศาลฎีกาให้น้ำหนัก คือ
ครูจอมทรัพย์เป็นผู้ครอบครองรถในวันเกิดเหตุ,
มีประจักษ์พยานยืนยันว่าเห็นป้ายทะเบียนรถที่ขับชนจักรยาน ทะเบียน บค 56 สกลนคร
ซึ่งเป็นรถที่ครูจอมทรัพย์ครอบครองอยู่ โดยศาลเชื่อว่าพยานจำเลขทะเบียนได้จริง

นอกจากนั้นยังมีหลักฐานจากผู้เชี่ยวชาญว่า มีรอยครูดที่กระโปรงรถซึ่งเข้ากันได้กับจักรยานที่ชน,
มีสีเขียวของป้ายทะเบียนรถกระบะติดอยู่ที่รถจักรยานคันที่ถูกชน
และศาลไม่ให้น้ำหนักคำให้การพยานว่าคนขับรถที่ชนเป็นผู้ชาย
ขณะที่พยานของครูจอมทรัพย์เป็นญาติกัน จึงมีน้ำหนักน้อย

ส่วนประเด็นที่ศาลอุทธรณ์เห็นต่าง จนนำมาสู่คำพิพากษายกฟ้องก็คือ
พยานมีข้อพิรุธว่าจำป้ายทะเบียนรถที่ชนได้จริงหรือไม่
เพราะไม่ได้บอกเพื่อนที่ขี่รถจักรยานยนต์ตามมาทันทีว่าทะเบียนรถที่ชนคืออะไร
นอกจากนั้นพยานยังเบิกความว่าคนที่ลงจากรถกระบะที่ชนเป็นผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิง

ส่วนรอยครูดที่ปรากฏบริเวณกระโปรงรถด้านซ้ายนั้น
ศาลเห็นว่าไม่น่าจะเข้ากับลักษณะการขับแซงขึ้นไปชน
ซึ่งน่าจะมีรอยชนด้านขวามากกว่า ยิ่งไปกว่านั้นแผ่นป้ายทะเบียนรถของครูจอมทรัพย์ก็ไม่มีร่องรอยบุบ
ทั้งที่อ้างว่ามีสีของป้ายทะเบียนไปติดอยู่ที่รถจักรยานคันที่ถูกชน
ทั้งหมดนี้ทำให้ศาลยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้ครูจอมทรัพย์

นี่คือเหตุผลของศาลแต่ละชั้น ซึ่งประเด็นเหล่านี้
จะถูกนำไปพิจารณาใหม่ในกระบวนการรื้อฟื้นคดี

ทีนี้มาดูข้อสังเกตนอกศาลกันบ้าง ฝ่ายตำรวจและชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม
ฟันธงว่า ครูจอมทรัพย์ไม่ใช่ "แพะ" แต่เป็น "แกะ"
เพราะในคดีนี้มีขบวนการแอบอ้างเพื่อรับผิดแทนเข้ามาเกี่ยวข้อง
แต่ยังไม่สรุปว่าครูจอมทรัพย์รู้เห็นหรือไม่
โดยตำรวจเตรียมแจ้งความดำเนินคดีกับบุคคล 6 คนที่อยู่ในขบวนการ
รวมถึง นายสับ วาปี ที่อ้างว่าเป็นผู้ขับรถชนตัวจริงด้วย

ขณะที่ข้อมูลในโซเชียลมีเดีย วิเคราะห์เจาะลึกกันว่าครูจอมทรัพย์อาจเป็น "แกะ"
ด้วยการหา "แพะ" มารับผิดแทน เพื่อหวังผลกลับเข้ารับราชการ
เพราะจะได้ไม่มีมลทินเรื่องติดคุก บ้างก็ว่าหวังหาผลประโยชน์จากเงินเยียวยาและเงินบริจาค

แต่ขณะเดียวกันก็มีข้อมูลโต้แย้งว่าเงินเยียวยาหากจะได้รับ
ก็เป็นเงินเพียง 2 แสนกว่าบาทเท่านั้น
จะคุ้มกับการจ้าง "แพะ" มารับผิดแทนหรือไม่

"ทีมล่าความจริง" ได้ติดต่อไปยัง
นิธิต ภูริคุปต์ อดีตเลขานุการศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้
และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กระทรวงยุติธรรม
ซึ่งเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือครูจอมทรัพย์

เขาบอกว่าหลักฐานที่อ้างกันนอกศาลในขณะนี้ ไม่ได้เกี่ยวกับคดี
เพราะข้อเท็จจริงที่ต้องพิสูจน์กันมีเรื่องเดียวเท่านั้น คือ
ครูจอมทรัพย์ขับรถชนคนตายหรือไม่

โดยข้อเท็จจริงอีกด้านที่ศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้ฯรวบรวมได้ ก็คือ

หนึ่ง ประจักษ์พยานที่เห็นเหตุการณ์บอกว่า
คนที่ลงจากรถกระบะที่ขับชนทางฝั่งคนขับ เป็นผู้ชาย

สอง รถที่ชนไม่ใช่ของครูจอมทรัพย์ แต่เป็นรถทะเบียน บค 56 มุกดาหาร
เพราะได้สืบไปถึงรถของผู้กระทำผิดตัวจริงแล้ว
มีการนำไปซ่อมหลังเกิดเหตุ ขณะที่รถของครูจอมทรัพย์ไม่มีรอยชนเลย

หลักฐานทั้งหมดที่รวบรวมได้ ทางศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้ฯ
ได้ส่งเข้าไปในกระบวนการขอให้ศาลรื้อคดีขึ้นพิจารณาใหม่

เลขานุการศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม
ยังตั้งข้อสังเกตถึงสงครามข่าวทางทางสื่อแขนงต่างๆ ขณะนี้ว่า
ดูเหมือนแต่ละหน่วยงานออกมาปกป้ององค์กรของตนเอง
แต่ไม่ได้มองถึงความทุกข์ยากของคนที่ประสบปัญหา

และประเด็นที่ต้องคิดเผื่อไปถึงกรณีอื่นๆ คือ

เมื่อถูกจับกุมดำเนินคดี จะมีหน่วยงานไหนอีกบ้าง
ที่เข้าไปช่วยประชาชนดูพยานหลักฐาน
นอกเหนือจากพนักงานสอบสวนฝ่ายเดียว


ส่วนประเด็นที่มีการตั้งข้อสังเกตกันอย่างหลากหลาย เช่น
เหตุใดครูจอมทรัพย์ถึงไม่ให้การในชั้นสอบสวนนั้น นิธิต บอกว่า
มีผู้ถูกกล่าวหามากมายที่ไม่ให้การในชั้นสอบสวน
อาจจะเป็นเพราะไม่เชื่อถือในกระบวนการ
หรือบางคนก็ไม่มีความรู้ บ้างก็ไม่มีเงินจ้างทนาย
สำหรับกรณีของครูจอมทรัพย์
เนื่องจากเชื่อว่าตนเองไม่มีความผิด
จึงพร้อมนำหลักฐานเข้าต่อสู้ในชั้นศาล

ส่วนข้อกล่าวหาเรื่องการไปจ้างวานคนอื่นมารับผิดแทน
ถามว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นหรือยัง เพราะถึงที่สุดแล้วครูจอมทรัพย์ก็ติดคุกไปเรียบร้อย
สำหรับ นายสับ วาปี จะเป็นผู้กระทำผิดตัวจริงหรือไม่
ต้องไปว่ากันในชั้นการรื้อคดีขึ้นพิจารณาใหม่

เขายังฝากทิ้งท้ายว่า สังคมไม่ควรหลงประเด็น
เพราะคดีนี้มีข้อเท็จจริงที่ต้องพิสูจน์เพียงเรื่องเดียวเท่านั้น คือ
ครูจอมทรัพย์ขับรถชนคนตายหรือไม่
ส่วนพฤติกรรมด้านอื่นๆ ของครู ล้วนเป็นเรื่องนอกสำนวน

 ping!


The Social Network

โลกโซเชียล มันมี 2 ด้าน

เห็นดำเป็นขาว และเห็นขาวเป็นดำ

ระวัง?


บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!