1. ความสวยงาม
หนังบู๊ล้างผลาญตามโรงหนังส่วนใหญ่ใช้ปืนกึ่งอัตโนมัติเพราะดูเท่ห์ เก๋ ปราดเปรียวซึ่งก็จริงของเขาปืนกึ่งอัตโนมัติมีการออกแบบที่หลากหลายทำให้รูปทรงมีความแตกต่างออกไปได้มากส่วนปืนลูกโม่ดูเรียบง่ายมาหลายร้อยปีรูปทรงเปลี่ยนแปลงน้อยมาก คนส่วนใหญ่ถ้าถามว่าชอบรูปทรงปืนแบบไหนก็คงตอบว่าปืนกึ่งอัตโนมัติ แต่กระนั้นก็ยังมีคนกลุ่มหนึ่งที่อาจตอบว่าปืนลูกโม่ดังนั้นเรื่องความสวยงานนั้นก็ถือเป็นเอกสิทธ์ของแต่ละบุคคลไม่ขอวิจารณ์ครับ
2. วงกระสุน
ศัพท์นี้ฟังแปลกๆในที่นี้ผมหมายถึง จำนวนกระสุนที่บรรจุได้ สำหรับปืนลูกโม่ก็ประมาณ 5 ถึง 6 นัดเป็นส่วนใหญ่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดกระสุนที่ใช้เช่น ถ้าเป็นกระสุนขนาด .38 นิ้ว หรือ .357 แม็กนั่ม ถ้าเป็นปืนโครงเล็กก็บรรจุกระสุนได้ 5 นัด แต่ถ้าเป็นโครงกลางถึงใหญ่ก็ 6 นัด แต่ปืนกึ่งอัตโนมัติถ้าใช้กระสุนขนาด 9 มม. อาจบรรจุกระสุนได้ถึง 10 กว่านัดแถมยังสามารถใส่เพิ่มในรังเพลิงเตรียมพร้อมได้อีกหนึ่งนัด ถ้าใช้กระสุนขนาด .45 นิ้วก็อาจบรรจุในแม็กกาซีนหรือซองกระสุนได้ตั้งแต่ 7 ถึง 8 นัดเสียเป็นส่วนใหญ่ยกเว้นบางรุ่นที่บรรจุได้มากขึ้นอีกเล็กน้อย
อีกทั้งยังเพิ่มอีกหนึ่งนัดในรังเพลิงถือเป็นโบนัสทำให้วงกระสุนมากกว่าปืนลูกโม่อย่างไม่มีข้อสงสัย
แต่เราควรรู้ว่าจากสถิติ (มีการศึกษาในอเมริกา) การใช้อาวุธปืนต่อสู้ในสถานการณ์จริงนั้นวงกระสุนที่ใช้มักไม่เกิน 3 ถึง 4 นัดเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นวงกระสุนของปืนลูกโม่จึงเพียงพอสำหรับการใช้งาน โอกาสที่เราจะต้องยิงบู๊ล้างผลาญเหมือนในหนังบอกได้คำเดียวว่า ยาก. แต่กระนั้นบางคนอาจบอกว่ามีวงกระสุนมากๆไวก่อนอุ่นใจดีอันนี้ก็คงไม่ขอขัดอะไรเพราะเป็นเรื่องของจิตใจ
3. ความแม่นยำ
ทุกคนก็คงอยากได้ปืนที่มีความแม่นยำชนิดที่หลับหูหลับตายิงก็โดน แต่ในความเป็นจริงแล้วผมเห็นว่าปืนมีส่วนใน เรื่องความแม่นยำไม่ถึงกึ่งหนึ่ง เพราะปืนส่วนมากแล้วผลิตมาจากโรงงานที่มีชื่อเสียงได้มาตรฐาน เมื่อนำปืนแต่ละรุ่นมาทดสอบความแม่นยำอาจมีความแตกต่างกันบ้างแต่ก็หนีกัน ไม่เท่าไร ดังนั้นความแน่นยำขึ้นอยู่กับผู้ที่ใช้ปืนนั้นมากกว่า ปืนลูกโม่กับปืนกึ่งอัตโนมัติผมให้คะแนนเท่ากันในเรื่องความแม่นยำเมื่อใช้งานตามปกติ
4. ความเชื่อถือได้ของปืน
หมายความว่ากลไกการทำงานของปืนมีโอกาสติดขัดน้อย เพราะถ้าเกิดเหตุการณ์ที่จำเป็นต้องใช้ปืนแต่มันกลับไม่ทำงานก็เป็นฝันร้ายของเจ้าของปืนนั้น ดังนั้นปืนที่ดีควรต้องทำงานได้อย่างราบลื่นไม่ติดขัดเพราะเราฝากชีวิตไว้กับมันในยามวิกฤติ ปืนลูกโม่มีประวัติการใช้งานยาวนานมากว่าร้อยปีกลไกการทำงานไม่ซับซ้อนใน ขณะที่ปืนกึ่งอัตโนมัติมีการบริหารกลไกซับซ้อนกว่า เป็นที่ยอมรับกันว่าปืนลูกโม่มีโอกาสติดขัดได้น้อยกว่าปืนกึ่งอัตโนมัติ แต่ปัจจุบันปืนกึ่งอัตโนมัติสมัยใหม่มีการพัฒนาไปมากทำให้การบริหารกลไกมี ความน่าเชื่อถือมากขึ้นใกล้เคียงกับปืนลูกโม่
5. เหตุติดขัดระหว่างยิง
ที่พบบ่อยก็คือกระสุนด้าน ถ้าเป็นปืนลูกโม่ก็แค่เหนี่ยวไกยิงนัดถัดไปได้เลย แต่ถ้าเป็นปืนกึ่งอัตโนมัติ
เราต้องกระชากสไลด์เพื่อคัดกระสุนที่ด้านนั้นออกก่อนและป้อนกระสุนนัดใหม่เข้ารังเพลิง
จึงจะยิงต่อไปได้ซึ่งเสียเวลามากกว่าปืนลูกโม่อย่างแน่นอน นอกจากนั้นอาจพบภาวะที่ปลอกกระสุนติดอยู่ที่ช่อง คัดปลอกกระสุนไม่กระเด็นออกมา หรือใส่ซองกระสุนไม่สุดทำให้กระสุนไม่เข้ารังเพลิง กระสุนเก่าเก็บดินขับอ่อนแรงปืนลูกโม่ก็สามารถยิงได้แต่ปืนกึ่งอัตโนมัติอาจ มีปัญหาถ้าเก่าจนแรงขับของดินปืนไม่มากพอที่จะดันลูกเลื่อนให้ถอยหลังได้เต็มที่ปืนก็จะติดขัดได้ โดยรวมๆแล้วปืนกึ่งอัตโนมัติมีปัญหาจุกจิกระหว่างการยิงได้บ่อยกว่าปืนลูกโม่
6. การดูแลรักษา
โดยเฉพาะหลังยิงปืนเราต้องทำความสะอาดปืนเพื่อขจัดคราบดินปืนและตะกั่ว ในกรณีปืนกึ่งอัตโนมัติมีชิ้นส่วนที่ต้องถอดออกมาทำความสะอาดมากกว่าปืนลูกโม่ ระยะเวลาการทำความสะอาดก็แล้วแต่ความพิถีพิถันของเจ้าของปืนซึ่งอาจเรียกได้ว่าใกล้เคียงกัน สำหรับผมแล้วปืนลูกโม่ใช้เวลาทำความสะอาดนานกว่าปืนกึ่งอัตโนมัติเล็กน้อยส่วนใหญ่เสียเวลาไปกับการทำความสะอาดโม่ซึ่งมีหลายรู แต่เท่าที่ถามคนอื่นใช้เวลากับปืนลูกโม่น้อยกว่าปืนกึ่งอัตโนมัติ
7. อำนาจหยุดยั้ง (Stopping power)
ในที่นี้หมายถึงว่าเมื่อยิงปืนถูกเป้าหมายไปแล้วหนึ่งนัดโอกาสที่จะหยุดเป้าหมายไม่ให้ตอบโต้กลับมาได้
มากน้อยเพียงใด ซึ่งอำนาจหยุดยั้งส่วนใหญ่เป็นเรื่องของกระสุนปืนเสียมากกว่า จากข้อมูลที่มีอยู่กระสุน .38 นิ้วอำนาจการหยุดยั้งประมาณเจ็ดสิบถึงแปดสิบกว่าเปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง แต่ถ้าเป็นกระสุนขนาด .357 แม็กนั่มแล้วอำนาจหยุดยั้งแปดสิบถึงเก้าสิบกว่าเปอร์เซ็นต์และมีอำนาจในการสังหาร (Killing power)สูงเก้าสิบกว่าเปอร์เซ็นต์จึงได้สมยานามว่า A mankiller สำหรับกระสุน 9 มม. มีอำนาจหยุดยั้งได้ดีกว่ากระสุน .38 นิ้วเล็กน้อย ในขณะที่กระสุนขนาด .45 นิ้วมีอำนาจหยุดยั้งเก้าสิบกว่าเปอร์เซ็นต์จนได้ชื่อว่า A manstopper จะเห็นได้ว่ากระสุน .357 แม็กนั่มเมื่อยิงถูกเป้าหมายแล้วมีโอกาสตายสูงแต่อาจไม่สามารถหยุดยั้งได้ในทันที แต่กระสุน .45 นิ้ว มีโอกาสหยุดยั้งเป้าหมายได้ในนัดแรกสูงกว่า
(พบว่าอำนาจหยุดยั้งของกระสุนปืนขึ้นกับน้ำหนักหัวกระสุน, ขนาดหน้าตัดของหัวกระสุน, ความเร็ว, รูปร่างของหัวกระสุน เป็นต้น)
โดยหลักการแล้วเราต้องการกระสุนที่มีอานุภาพหยุดยั้งภัยคุกคามได้ในนัดแรกไม่เช่นนั้นแล้วเขาอาจยิงตอบโต้กลับ มาได้ทำให้เราบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เมื่อเห็นเช่นนี้แล้วทุกคนอาจเลือกกระสุน .45 นิ้วกันหมดซึ่งก็ต้องใช้กับปืนกึ่งอัตโนมัติเท่านั้น
(ความจริงแล้วมีปืนลูกโม่บางรุนที่สามารถใช้กระสุน .45 นิ้วได้ แต่ไม่ค่อยได้รับความนิยมเพราะโครงปืนใหญ่มากไม่คล่องตัว)แต่ในความเป็นจริงแล้วปืนที่ใช้กับกระสุน 9 มม. หรือ .38 นิ้ว กลับได้รับความนิยมมากกว่า ส่วนเรื่องอำนาจหยุดยั้งหรืออำนาจสังหารอาจชดเชยได้ด้วยการยิงแบบ Double taps (ยิงสองนัดติดๆกันอย่างรวดเร็ว)
8. การพกซ่อน
ในเรื่องนี้คงต้องยกให้ปืนกึ่งอัตโนมัติได้เปรียบไปอย่างเห็นๆ เพราะโครงปืนแบนราบไม่มีส่วนโค้งนูนชัดเจนเหมือนปืนลูกโม่ทำให้การพกซ่อนทำได้แนบเนียนกว่า แต่ปืนลูกโม่ที่โครงปืนเล็กก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากนัก(บางรุ่นเล็กมากจนเหมือนปืนแก็ปก็มี) สามารถพกซ่อนได้เช่นกัน
9. อุปกรณ์เสริม
คงต้องยอมรับว่าปืนกึ่งอัตโนมัติมีอุปกรณ์เสริมให้เลือกใช้มากกว่าเช่น ศูนย์ไฟฉายหรือศูนย์เลเซอร์
สามารถนำมาติดกับตัวปืนได้ (ตัวปืนต้องมีรางสำหรับติดอุปกรณ์เสริมด้วย) และเมื่อติดอุปกรณ์เหล่านี้
เข้า ไปแล้วปืนกึ่งอัตโนมัติจะดูเท่มากขึ้นไปอีก แต่ก็ต้องแลกกับปืนที่หนักขึ้นและคล่องตัวน้อยลง ส่วนปืนลูกโม่ส่วนใหญ่ตัวปืนเองไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ติดตั้งอุปกรณ์เสริม เหล่านี้ดังนั้นจึงหาอุปกรณ์เสริม
สำหรับปืนลูกโม่ไม่ง่ายนักและไม่ค่อยได้รับความนิยม สำหรับผมแล้วใช้ไฟฉายชนิดที่ไม่ติดกับตัวปืน
(Tactical flashlight) ทำให้สามารถใช้ได้กับทั้งปืนลูกโม่และปืนกึ่งอัตโนมัติ
10. น้ำหนักไกปืน
สำหรับปืนลูกโม่แล้วส่วนใหญ่ต้องให้ช่างปืนปรับแต่งไกปืนให้เพราะน้ำหนักไกปืนที่มากับโรงงาน
มักแข็งเกินไปแต่การปรับแต่งนั้นทำได้ง่ายกว่าปืนกึ่งอัตโนมัติมาก ส่วนปืนกึ่งอัตโนมัติส่วนใหญ่ก็ต้อง
ปรับแต่งเช่นกันแต่บางรุ่นมีการปรับแต่งไกมาให้จากโรงงานแล้วจึงไม่จำเป็นต้องปรับแต่งอีก ยกเว้นผู้ยิงที่ต้องการไกปืนที่น้ำหนักเบาขึ้นไปอีกหรือปืนยิงแข่งขันซึ่งต้องปรับแต่งอีกมาก
11. ความคงทนในการใช้งาน
ในแง่ของวัสดุที่ทำปืนทั้งสองชนิดมีความใกล้เคียงกันเป็นส่วนใหญ่ยกเว้นปืนบางรุ่นหรือบางแบบที่ทำ
จากวัสดุที่แตกต่างออกไปเช่นปืนลูกโม่มีการนำไททาเนียมหรือสแกนเดียมมาทำปืนเพื่อให้มีน้ำหนักเบาลงในขณะที่ยังคงมีความทนทานในการใช้งานแต่ก็ทำให้ราคาปืนสูงขึ้นไปด้วย ในขณะที่ปืนกึ่งอัตโนมัติมีการนำพลาสติกโพลิเมอร์ชนิดพิเศษมาทำโครงปืนเพื่อให้น้ำหนักปืนเบาลงเช่นกัน(สไลด์และลำกล้องปืนยังทำจากเหล็กอยู่)แต่อายุการใช้งานก็อาจสั้นกว่าวัสดุอื่น โดยทั่วไปปืนลูกโม่มีส่วนที่เคลื่อนไหวน้อยกว่าปืนกึ่งอัตโนมัติในขณะที่ทำการยิงจึงมีการสึกหรอจากการใช้งานน้อยกว่า โดยรวมๆผมว่าปืนลูกโม่เป็นต่ออยู่เล็กน้อย
12. การบำรุงรักษา
ในแง่นี้ขอพูดถึงการดูแลชิ้นส่วนภายในปืนเพื่อทำให้ปืนยังใช้งานได้ดีอยู่ สำหรับปืนกึ่งอัตโนมัติอาจต้องการการบำรุงรักษามากกว่าปืนลูกโม่เพราะมีชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวมากกว่าจึงมีการสึกหรอได้ง่าย สปริงของปืนกึ่งอัตโนมัติควรเปลี่ยนตามคู่มือที่แนบมากับปืนแต่ละกระบอกแนะนำเพื่อให้ปืนสามารถทำงานได้อย่างไม่ติดขัด อีกทั้งสปริงภายในแม็กกาซีนต้องหมั่นตรวจเช็คเพราะอาจมีอาการล้าตัวทำให้ป้อนกระสุนได้ไม่ดีเป็นเหตุให้ปืนติดขัดได้ นักยิงปืนส่วนใหญ่ไม่ค่อยเปลี่ยนสปริงภายในปืนกึ่งอัตโนมัติตามที่คู่มือแนะนำเพราะไม่ได้บันทึกว่าได้ยิงไปมากน้อยแค่ไหนแล้ว ดังนั้นถือเป็นความเสี่ยงอย่างหนึ่งที่มีในปืนกึ่งอัตโนมัติซึ่งไม่ได้รับการเปลี่ยนอะไหล่ตามกำหนด
13. กระสุนซ้อม
เมื่อมีปืนแล้วก็ต้องซ้อมยิงให้ชำนาญเผื่อเวลาใช้งานจริงจะได้ไม่ยิงพลาดไปถูกคนอื่น ในแง่ของกระสุนซ้อมแล้วกระสุน .38 นิ้ว กับ 9 มม. ราคาโดยทั่วไปเท่ากัน ส่วนกระสุนขนาด .357 แม็กนั่มไม่มีกระสุนซ้อมจึงใช้กระสุนขนาด .38 นิ้วแทน (ความจริงกระสุน .38 นิ้วหน้าตัดกระสุนเท่ากับ .357 นิ้วดังนั้นปืน .357 แม็กนั่มจึงสามารถใช้กระสุน .38 นิ้วแทนได้แต่ปืน .38 ไม่สามารถนำกระสุน .357 แม็กนั่มมาใส่ได้ถึงแม้หน้าตัดกระสุนจะเท่ากันเพราะกระสุน .357 นิ้ว แม็กนั่มยาวกว่า .38 นิ้วเล็กน้อยดังนั้นเมื่อใส่ในโม่แล้วจะปิดโม่ไม่ได้การที่ตัวเลขหน้าตัดของกระสุนต่างกันแต่กลับมีขนาดเท่ากันเป็นเพราะว่ากระสุน .38 นิ้วนั้นเกิดมาร้อยกว่าปีแล้วเครื่องมือการวัดในสมัยนั้นไม่ค่อยเที่ยงตรงเท่าไร เมื่อเครื่องมือดีขึ้นพบว่าหน้าตัดจริงๆเป็น .357 นิ้วแต่เขาก็ไม่ได้เปลี่ยนชื่อใหม่ยังคงใช้ชื่อเดิมอยู่) ส่วนกระสุนซ้อมขนาด .45 นิ้วราคาสูงกว่า 9 มม. พอสมควรการเลือกใช้ปืนก็อาจต้องคิดถึงค่าใช้จ่ายในการฝึกซ้อมด้วย
14. ความง่ายในการใช้งาน
ปืนลูกโม่แค่ใส่กระสุนเข้าโม่ ปิดโม่ แล้วยิงได้เลย แต่ปืนกึ่งอัตโนมัติเมื่อใส่ซองกระสุนแล้วต้องกระชากสไลด์ถอย หลังเพื่อป้อนกระสุนเข้ารังเพลิงและง้างนกสับก่อนจึงจะยิงได้ ซึ่งเสียเวลามากกว่าปืนลูกโม่เล็กน้อย ในกรณีที่ยิงจนหมดแล้วการบรรจุกระสุนใหม่ปืนกึ่งอัตโนมัติแค่ปลดซองกระสุน เก่าออกแล้วเสียบซองกระสุนใหม่เข้าไป จากนั้นปลดล็อคคันค้างสไลด์เพื่อป้อนกระสุนเข้ารังเพลิงแล้วยิงต่อได้เลย ซึ่งใช้เวลาไม่กี่วินาที แต่ลูกโม่เมื่อเทปลอกกระสุนออกจากโม่แล้วต้องใส่ลูกปืนลงไปใหม่ด้วยมือซึ่งเสียเวลาพอสมควรซึ่ง เงื่อนไขนี้จะเป็นจริงได้ก็ต่อเมื่อได้เตรียมซองกระสุนซึ่งบรรจุกระสุนไว้ ก่อนแล้วเท่านั้น เพราะถ้าต้องมานั่งบรรจุกระสุนใส่ในซองกระสุนแล้วค่อยเสียบเข้าตัวปืนก็คง เสียเวลามากกว่าปืนลูกโม่เป็นแน่ในทางกลับกันถ้าผู้ใช้ปืนลูกโม่ได้เตรียมกระสุนใส่ในสปีดโรดเดอร์ (Speed loader)หรือเจ็ตโรดเดอร์ (Jet loader) ไว้ก่อนแล้ว ระยะเวลาในการบรรจุกระสุนใหม่ก็ไม่แพ้ปืนกึ่งอัตโนมัติ นอกจากนั้นบางท่านที่ใช้ปืนลูกโม่แม้จะบรรจุกระสุนด้วยมือก็ไม่ได้ช้ากว่าปืนกึ่งอัตโนมัติแต่ต้องฝึกฝนกันพอสมควร(ผมถือว่าพวกนี้เป็นมนุษย์พันธุ์พิเศษครับ)
หากต้องการทำให้ปืนอยู่ในสภาพที่ปลอดภัยไม่ลั่นออกมาเองสำหรับปืนลูกโม่ก็ง่ายมากแค่เปิดโม่ปืนก็ปลอดภัยแล้วแต่สำหรับปืนกึ่งอัตโนมัติต้องทำหลายขั้นตอนกว่าปืนจะถือได้ว่าปลอดภัย (ต้องทำตามลำดับดังนี้ ปลดซองกระสุนกระชากสไลด์ 2-3 ครั้ง มองดูในช่องรังเพลิงว่าไม่มีกระสุนค้างอยู่ภายใน เหนี่ยวไกยิงทิ้งไปหนึ่งครั้ง)
นอกจากนั้นเวลาเก็บปืนที่บรรจุกระสุนไว้แล้วเพื่อความปลอดภัยและพร้อมใช้งานเมื่อยามจำเป็น
สำหรับปืนลูกโม่ถึงบรรจุกระสุนในโม่จนเต็มก็ถือว่าปลอดภัย ปืนตกพื้นอย่างไรก็ไม่ลั่นออกมาเองได้อย่างแน่นอนนั้นคือจุดเด่นอีกข้อของปืนลูกโม่ในแง่ความปลอดภัย และเมื่อต้องการใช้ปืนก็หยิบขึ้นมายิงได้ทันที
ส่วนปืนกึ่งอัตโนมัติมีหลายวิธีในการเก็บปืนหากบรรจุกระสุนในซองกระสุนและใส่ในตัวปืนแล้ว
วิธีแรกไม่ต้องกระชากสไลด์เพื่อป้อนกระสุนนัดแรกเตรียมไว้ก่อนก็ถือว่าปลอดภัยทีเดียว
เพราะไม่มีกระสุนอยู่ในรังเพลิงไม่มีโอกาสที่กระสุนจะลั่นออกไปได้ แต่ยามจะใช้งานขึ้นมาก็ต้องเสียเวลากระชากสไลด์ก่อนหนึ่งครั้งเพื่อป้อนกระสุนเข้ารังเพลิงจึงจะยิงได้ซึ่งเสียเวลาอยู่พอสมควร ในยามวิกฤติทุกวินาทีหมายถึงชีวิต
แต่ถ้าป้อนกระสุนเข้ารังเพลิงไว้ก่อนก็ต้องหาวิธีทำให้ปืนปลอดภัยจากการตกหล่นแล้วลั่นหรือปืนลั่นออกไปได้ง่ายเกินไปจึงอาจต้องขึ้น Safety ของปืนไว้เพื่อทำให้เหนี่ยวไกไม่ได้และขัดกับสไลด์ไว้ เวลาจะยิงก็ต้องอย่าลืมปลด Safety ด้วยไม่อย่างนั้นก็ยิงไม่ออก (ในเวลาคับขันอาจลืมได้) หรืออีกวิธีหนึ่งคือปืนที่มีระบบการลดนกสับลงครึ่งหนึ่งหรือลดลงจนชิดโครงปืนก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ซึ่งปืนจะยิงไม่ได้จนกว่าจะง้างนกสับถอยหลังจนสุด (ในเวลาคับขันก็ยังอาจลืมได้เช่นกัน) ในปืนกึ่งอัตโนมัติบางยี่ห้อหรือบางรุ่นไม่มี Safety หรือระบบลดนกมาให้ดังนั้นความปลอดภัยในการใช้ปืนจึงขึ้นอยู่กับผู้ที่ถือปืนกระบอกนั้นเท่านั้น โดยรวมๆแล้วปืนลูกโม่ทำให้ปลอดภัยได้ง่ายกว่าปืนกึ่งอัตโนมัติ
15. ด้ามปืนที่เหมาะสมกับมือ สำหรับปืนลูกโม่แล้วมีด้ามปืนให้เลือกมากมายหลายขนาดและหลายแบบ เราสามารถเลือกให้เหมาะกับมือได้ง่ายกว่าปืนกึ่งอัตโนมัติซึ่งด้ามปืนเป็น ที่อยู่ของซองกระสุนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้มากนัก
16. ปืน Single action หรือ Double action ขอยกตัวอย่างปืนลูกโม่เวลายิงปืนนกสับจะทำงานสองจังหวะคือจังหวะแรก นกสับที่อยู่ชิดโครงปืนต้องง้างถอยหลังออกมาจนสุด จังหวะที่สองคือ นกสับดีดกลับไปชิดโครงปืนทำให้เข็มแทงชนวนกระแทกกับจานท้ายกระสุนเพื่อจุดระเบิดดินปืนส่งผลให้กระสุนลั่นออกไป ปืน Single action หมายถึงเราต้องง้างนกสับถอยหลังมาก่อนจึงจะเหนี่ยวไกเพื่อปล่อยให้นกสับดีดกลับไปกระแทกจานท้ายปลอกกระสุน ถ้าเราไม่ง้างนกสับให้ก่อนก็จะยิงไม่ได้ ส่วนปืน Double action เราสามารถเหนี่ยวไกได้เลยในขณะที่นกสับอยู่ชิดโครงปืน ช่วงที่เหนี่ยวไกอยู่นั้นนกสับจะทำงานทั้งสองจังหวะโดยถอยหลังออกมาจนถึงระยะหนึ่งก็จะดีดตัวกลับไปกระแทกจานท้ายปลอกกระสุนทำให้ลูกปืนลั่นออกไป ปืนลูกโม่สมัยใหม่ส่วนใหญ่สามารถยิงได้ทั้งสองแบบ แต่ปืนกึ่งอัตโนมัติส่วนใหญ่เป็น Single action มีส่วนน้อยเป็น Double action ในสหรัฐบางรัฐห้ามเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ปืนกึ่งอัตโนมัติที่เป็น Double action เพื่อความปลอดภัย

จะเห็นได้ว่าไม่มีสิ่งใดในโลกสมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ทั้งปืนลูกโม่และกึ่งอัตโนมัติก็มีข้อดี ข้อด้อยข้อจำกัด ของมันเอง การเลือกปืนใช้งานก็ต้องมาดูว่าเรายอมรับข้อบกพร่องจุดไหนได้บ้าง ที่สำคัญควรทดลองยิงปืนทั้งสองชนิดก่อนตัดสินใจ (เวลาไปยิงที่สนามยิงปืนอาจขอเช่าปืนแต่ละชนิดมาทดลองยิงดูหรือเวลาเรียนยิงปืนอาจขอลองยิงปืนหลายๆแบบดู แล้วพิจารณาว่าปืนแบบไหนเหมาะกับเรามากที่สุด)และเมื่อมีปืนแล้วเราต้องทำความรู้จัก ทำความคุ้นเคยกับมันเพื่อให้รู้ข้อดี ข้อด้อย และฝึกฝนการใช้งานให้เกิดความชำนาญและความปลอดภัย