เอาละสิ...มีคนยุให้เลิกปลูกปาล์มดีกว่า ทำไปมีแต่จะขาดทุน
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่21"
เมษายน 19, 2024, 07:56:45 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เอาละสิ...มีคนยุให้เลิกปลูกปาล์มดีกว่า ทำไปมีแต่จะขาดทุน  (อ่าน 1362 ครั้ง)
ช่างเล็ก(LSV)
Administrator
member
*

คะแนน1346
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 18649


คิดดี ทำดี ชีวิตมีแต่สุข


อีเมล์
« เมื่อ: สิงหาคม 04, 2014, 08:11:54 PM »

เลิกปลูกปาล์มดีกว่า ทำไปมีแต่จะขาดทุน


เรื่องปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มของประเทศไทยต้องขบคิดกันใหม่ได้แล้ว อย่างที่เราเคยตั้งเป้าจะผลิตเพิ่มขึ้น 3 ล้านไร่ ซึ่งสิ้นสุดตามแผนปีนี้ ผมว่าไม่ต้องไปคิดเลยว่า สามารถขยายพื้นที่ปลูกได้ตามนั้นหรือไม่ เพราะสถานการณ์เกินเลยไปไกลกว่าที่เราคิด
เพราะอินโดนีเซียเป็นยักษ์ใหญ่อยู่แล้ว ผลิตออกมากกว่า 21.8 ล้านตัน/ปี มาเลเซียกว่า 18 ล้านตัน/ปี ขณะที่ไทยผลิตได้เพียง 1.3 ล้านตัน/ปี อินโดนีเซียครองตลาดกว่า 47 % เลยทีเดียว

ซึ่งหมายถึงว่า เราคงเหนื่อยที่จะไล่ตามได้ทันประเทศเพื่อนบ้าน และในปี 2558 ในภูมิภาคเดียวกันกับเรา ก็จะกลายเป็นตลาดเดียวอยู่แล้ว เห็นทีต้องหันไปเป็นผู้ซื้อจากต่างประเทศจะเหมาะกว่า แทนที่จะมาผลิตเองแล้วให้รัฐบาลไทยเข้าไปชดเชยเป็นเงินมหาศาล

ถ้าเราหยุดคิดและเลิกสนับสนุนการปลูกปาล์ม โดยหันไปเป็นผู้บริโภคด้วยการนำเข้าแทน จะทำให้ไทยได้บริโภคสินค้าในราคาที่ถูกกว่า และลดปัญหาบุกรุทำลายป่าเมืองไทยไปได้เช่นเดียวกัน และต้องเป็นหน้าที่ของผู้เชี่ยวชาญทางกระทรวงเกษตรฯ ที่จะต้องชี้นำว่า ประเทศไทยควรจะปลูกอะไรดีเป็นการทดแทนการปลูกปาล์มและคุ้มค่า

เราคงไม่หันไปปลูกยางพาราเพิ่ม เพราะทุกวันนี้รัฐบาลก็รับภาระหนักอยู่แล้ว ราคายางตกต่ำ ต่ำกว่าราคาต้นทุนเสียอีก ออกนโยบายให้รัฐไปรับซื้อ สุดท้ายก็เสียหายกันทั้งคู่โดยเฉพาะภาครัฐ ที่เอาเงินภาษีอากรเข้าไปแบกอุ้มดูแล

ข้อมูลจากศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยบอกว่า ในปี 2554 คาดการณ์ว่าต้นทุนการผลิตของไทยจะขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 9,895 บาทต่อไร่ เพิ่มขึ้นจากปี 2553 ที่อยู่ที่ 6,866 บาทต่อไร่ ขณะที่ต้นทุนการผลิตของมาเลเซียในปี 2554 อยู่ที่ระดับ 2,560 บาทต่อไร่เท่านั้น ทำให้ต้นทุนของไทยสูงกว่าต้นทุนของมาเลเซีย 25.87% หรือสูงกว่า 4 เท่า

ส่งผลต่อราคาผลปาล์มและน้ำมันดิบของไทย โดยในปี 2554 ราคาผลปาล์มน้ำมันของไทยมีราคา 5.82 บาทต่อกิโลกรัม น้ำมันปาล์มดิบ 41.16 บาทต่อกิโลกรัม สูงกว่าราคาน้ำมันปาล์มดิบของมาเลเซียที่ซื้อขายกันอยู่ที่ 34.49 บาทต่อกิโลกรัม หรือสูงกว่า 6.67 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา ช่องว่างระหว่างราคาน้ำมันปาล์มดิบของไทยและมาเลเซียก็เพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่สัดส่วนผู้ปลูกปาล์มของไทย 75% เป็นเกษตรกรรายย่อย ที่มีพื้นที่เพาะปลูกเฉลี่ย 25 ไร่ต่อราย ทำให้ขาดอำนาจในการต่อรอง ส่วนมาเลเซียและอินโดนีเซีย มีสัดส่วนเกษตรกรรายย่อย 13.9% และ 42% มีพื้นที่ปลูกเฉลี่ย 250 ไร่ต่อราย

ผมว่านี่เป็นข้อมูล(แม้จะเก่าไปนิด)ที่ชัดเจนที่สุดและชี้ว่า การปลูกปาล์มเป็นอาชีพที่หมดอนาคตแน่นอน เพราะเมื่อรวมเป็นตลาดเดียวแล้ว เราต้องปล่อยให้มีการนำเข้าอย่างเสรี ซึ่งเพื่อนบ้านเราก็พร้อม เนื่องจากเราก็เห็นภาพกันบ่อยๆ ที่มีการลักลอบนำปาล์มเข้าประเทศไทยตามชายแดนไทย-มาเลเซีย

สำหรับทางออกนั้นมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยบอกว่าต้องปรับเปลี่ยนพัฒนาองค์กรดูแลปาล์มเสียใหม่ให้เป็นองค์กรมหาชน สำหรับผมแล้ว บอกว่า "เหนื่อยครับ" เราไม่มีทางจะทำให้ต้นทุนต่ำอย่างอินโดนีเซียกับมาเลเซียได้ เพราะเขา "จัดหนัก" จริงๆ

จาก หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,772 6-8  กันยายน พ.ศ. 2555

จาก http://www.thannews.th.com/index.php?option=com_content&view=article&id=140173:2012-09-04-09-36-42&catid=165:2009-03-19-03-51-23&Itemid=414#.U99_guN_vjY


บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!