ตำรับยาจีนแผนโบราณ โดยนายมานพ คณานุรักษ์
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่21"
เมษายน 16, 2024, 11:58:32 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ตำรับยาจีนแผนโบราณ โดยนายมานพ คณานุรักษ์  (อ่าน 5741 ครั้ง)
eskimo_bkk-LSV team♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม..
member
*

คะแนน1883
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13216


ไม่แล่เนื้อเถือหนังพวก


อีเมล์
« เมื่อ: มิถุนายน 25, 2007, 12:54:38 PM »

ตำรับยาจีนแผนโบราณ โดยนายมานพ คณานุรักษ์
http://www.kananurak.com/mcontents/marticle.php?headtitle=mcontents&id=82481&Ntype=0

ยาจีน ทุกขนาน ระหว่างที่รับประทานยาจีนอยู่ ให้งดรับประทานอาหารที่จะไปล้างยาจีน ทำให้ยาหมดฤทธิ์ คือ หัวผักกาด ผักกาดขาว ผักบุ้ง ผักกระเฉด หน่อไม้ทุกชนิด ฟัก แฟง แตงโม แตงกวา สัปปะรด มะรุม มิฉะนั้นแล้ว ยาจีนที่รับประทานเข้าไป ก็จะเสื่อมฤทธิ์ ไม่มีประโยชน์อย่างไรเลย
วิธีต้มยาจีน
ยา ๑ ห่อ (๑ ชุด) ทุกขนาน ถ้าบอกว่าให้ต้ม ๒ ครั้ง หรือ ๓ ครั้ง ก็ให้เก็บน้ำยาที่ต้มได้ตามกำหนดนั้นเอามารวมกัน แบ่งรับประทานวันละ ๒ หรือ ๓ ครั้ง ตามกำหนดให้รับประทาน ทั้งนี้เพื่อให้สรรพคุณของยาที่รับประทานมีคุณภาพเท่าเสมอกัน  และยาจีนต้องรับประทานในขณะที่ยาร้อนอุ่นๆ อยู่
(ตำรับยาบางส่วนของนายมานพ คณานุรักษ์ ที่ได้บันทึกไว้เป็นภาษาไทย)
๑. ยารักษาโรคไตอักเสบเรื้อรัง
มีอาการบวมตามหน้า ตามร่างกาย หน้าท้องมาก ต้องใช้
๑.   ลูกเดือย หนัก ๔ บาท
๒. ถั่วขาว หนัก ๔ บาท
๒.   เติมน้ำ ๓ ชามข้าวต้มขนาดกลาง เคี่ยวให้งวดเหลือน้ำยาครึ่งชาม ให้คนไข้รับประทานครั้งเดียวให้หมด วันละ ๒ ครั้งก่อนอาหาร เช้า-เย็น ยา ๑ ชุดต้มได้เพียง ๒ ครั้ง
หลังจากใช้ยารักษาโรคไตของจีนโบราณประมาณ ๑ ชั่วโมง น้ำยาจะไปกระตุ้นให้ไตขับน้ำออกจากร่างกายทางปัสสาวะอย่างรวดเร็ว อาการบวมตามร่างกายจะยุบลงอย่างรวดเร็วภายใน ๑ ถึง ๒ วันเท่านั้น
*********************************************************
๒. ยารักษาโรคไตอักเสบระยะเฉียบพลัน หรือหย่อนสมรรถภาพในระยะแรก
๑. ขี่แบะ ๓ สลึง
๒. ปิดไถ่ ๓ สลึง
๓. เล่งกุด ๓ สลึง
๔. กูปั้ง ๗ สลึง
๕. ซาเซียม ๔ สลึง
๖. จูเล้ง ๓ สลึง
๗. ซีทอย (ฮองทอ) ๔ สลึง
ต้มยา ๑ ห่อ น้ำ ๒ ถ้วย ให้เหลือน้ำยา ๑ ถ้วย (ยา ๑ ห่อต้มได้ ๒ ครั้ง) รับประทานติดต่อกันมีกำหนด ๗ วัน รับประทานก่อนอาหาร ๓๐ นาที เช้า-เย็น วันละ ๒ เวลา ครั้งละ ๑ ถ้วย ขณะที่ยากำลังร้อนอุ่นๆ อยู่
อาการป่วยของคนไข้จะมีปวดเมื่อยตามร่างกาย หากตรวจปัสสาวะ จะพบไข่ขาวเป็นจำนวนมาก มีอาการบวมตามร่างกาย อาการย่อยอาหารเสื่อม หายใจเหนื่อยหอบ ปวดศีรษะ มีความดันโลหิตสูง ปัสสาวะลดน้อยลงและมีสีขุ่นคล้ำ
*******************************************************************
๓. ยารักษาโรคไตอักเสบกึ่งเฉียบพลัน ระยะที่ ๒ บำรุงประสาทไต
๑. ไขว่งูชิด ๓ สลึง
๒. แซถูลี ๓ สลึง
๓. แซเล่งกุด ๔ สลึง
๔. พูท้อเนก ๔ สลึง
๕. ตือเหล็ง ๔ สลึง
๖. ปิดไถ่ ๔ สลึง
๗. ซีทอย ๔ สลึง
๘. โต้วต้ง ๓ สลึง
๙. เก้าจิก ๓ สลึง
ต้มยา ๑ ห่อ น้ำ ๒ ถ้วย ให้เหลือน้ำยา ๑ ถ้วย (ยา ๑ ห่อต้มได้ ๒ ครั้ง) รับประทานก่อนอาหาร ๓๐ นาที เช้า-เย็น วันละ ๒ เวลา ครั้งละ ๑ ถ้วย ขณะที่ยากำลังร้อนอุ่นๆ อยู่
อาการป่วยของคนไข้ คือจะบวมตามร่างกาย บวมตามท้อง มีอาการซีดเซียวเพราะโลหิตจาง บวมตามใต้ผิวหนัง ความดันโลหิตต่ำ ปัสสาวะลดลง มีไข่ขาวในปัสสาวะมาก จำนวนโปรตีนในโลหิตลดลงมาก คนไข้อาจเกิดอาการแทรกซ้อนเกี่ยวกับปอดและลำไส้
**********************************************************************************
๔. ยารักษาโรคไตอักเสบเรื้อรัง และโรคเก๊า (โรคปวดตามข้อ)
๑. ซีทอย ๔ สลึง
๒. แซกูปั้ง ๗ สลึง
๓. จูเหล็ง ๓ สลึง
๔. กื้อแบ๊ะ ๔ สลึง
๕. ง่วนเซียม ๓ สลึง
๖. เล่งกุด ๔ สลึง
๗. ปิดไถ่ ๔ สลึง
ต้มยา ๑ ห่อ น้ำ ๒ ถ้วย ให้เหลือน้ำยา ๑ ถ้วย (ยา ๑ ห่อต้มได้ ๒ ครั้ง)ถ้าไม่มีอาการบวมต้มได้ ๓ ครั้ง รับประทานก่อนอาหาร ๓๐ นาที เช้า-เย็น และก่อนนอน
อาการคนไข้ไตอักเสบเรื้อรัง จะปรากฎความดันโลหิตสูงขึ้น จำนวนไข่ขาวในปัสสาวะลดลง อาการบวมอาจลดลง คนไข้จะมีอาการปวดศีรษะ หายใจสั้น หัวใจสั่น มีโรคหลอดโลหิตแดงแข็งหรืออุดตัน ในที่สุดคนไข้จะเกิดหัวใจวาย อาการปัสสาวะเป็นพิษ และถึงแก่กรรมในที่สุด
ยาขนานนี้รักษาโรคเก๊าได้ผลดี เพราะยาจะเปลี่ยนสภาพกรดยูริคในร่างกายให้เป็นด่าง แล้วกระตุ้นให้ไตขับถ่ายสิ่งโสโครกออกจากร่างกาย (คือขับพิษออก)
(ยารักษาโรคไตอักเสบเรื้อรัง และรักษาโรคเก๊าขนานนี้ เคยใช้ แนะนำให้ผู้ที่เป็นโรคดังกล่าวมากรายรักษาหายจากโรคมาแล้ว จำนวนมากราย)
*****************************************************************
๕. ยารักษาโรคลำไส้ หรือกระเพาะอาหารอักเสบ
๑. เล่าสิ่งชั้ก ๓ สลึง
๒. ซังตุ้ก ๓ สลึง
๓. แปะเจีย ๓ สลึง
๔. ส่วยพ้วย ๑ สลึงครึ่ง
๕. แปะเทาอง ๓ สลึง
๖. ชวงเกาผ้ก ๑ สลึงครึ่ง
๗. เซียเตา ๔ สลึง
ต้มยา ๑ ห่อ น้ำ ๒ ถ้วย ให้เหลือน้ำยา ๑ ถ้วย (ยา ๑ ห่อต้มได้ ๒ ครั้ง) รับประทานก่อนอาหาร ๓๐ นาที เช้า-เย็น วันละ ๒ เวลา ครั้งละ ๑ ถ้วย ขณะที่ยากำลังร้อนอุ่นๆ อยู่
อาการป่วยของคนไข้ เมื่อหลังจากรับประทานอาหาร มีอาการอืดแน่นท้อง คลื่นไส้อาเจียนและปวดเสียดยอดอก กระเพาะอาหารอักเสบ ลำไส้อักเสบเฉียบพลัน คนไข้จะมีอาการท้องร่วง ปวดท้อง เจ็บบริเวณหน้าท้อง อุจจาระมีมูกหรืออาจมีโลหิตเจือปน มีไข้เล็กน้อย ถ่ายบ่อย ปวดเบ่ง ลำไส้อักเสบเรื้อรัง คนไข้อาจมีอาการท้องผูกถ่ายไม่ออก และต่อมามีอาการท้องร่วงสลับกัน ปวดท้องอย่างรุนแรง เบื่ออาหาร กดเจ็บบริเวณหน้าท้อง เรอบ่อยๆ
(ยาขนานนี้ เคยใช้แนะนำให้ผู้เป็นโรคดังกล่าวรักษาหายจากโรคมาแล้ว จำนวนมากราย)
*************************************************************************
๖. ยารักษาโรคนิ่วในไต หรือนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ อย่างแรง-เรื้อรัง
๑. อึงแปะ ๑ สลึง
๒. ตี่บ้อ ๔ สลึง
๓. อัวงูขั้ก ๒ สลึง
๔. ขื้อแบะ ๔ สลึง
๕. เชียเจ้ย ๓ สลึง
๖. ไขว่งูชิด ๓ สลึง
๗. ตังพวย ๓ สลึง
๘. เจ็กเสีย ๓ สลึง
๙. ตือเหล็ง ๓ สลึง
ต้มยา ๑ ห่อ น้ำ ๒ ถ้วย ให้เหลือน้ำยา ๑ ถ้วย (ยา ๑ ห่อต้มได้ ๒ ครั้ง) รับประทานก่อนอาหาร ๓๐ นาที เช้า-เย็น วันละ ๒ เวลา ครั้งละ ๑ ถ้วย ขณะที่ยากำลังร้อนอุ่นๆ อยู่
ยาขนานนี้รับประทานติดต่อกัน ๑ ถึง ๔ วัน (ยา ๔ ห่อ) แล้วพักไป ๓ ถึง ๔ วัน แล้วรับประทานยาขนานนี้อีก ๔ วัน (๔ ห่อ) ติดต่อกันเหมือนครั้งแรก ก้อนนิ่วในไตหรือในกระเพาะปัสสาวะจะละลายออกมากับน้ำปัสสาวะจนหมด
*****************************************************************
๗. ยารักษาโรคถุงน้ำดีอักเสบ และโรคดีซ่าน
มีอาการตัวเหลือง ปวดท้อง ท้องอืด อาหารไม่ย่อย
๑. แปะฮก ๔ สลึง
๒. เซ็กตี้ ๔ สลึง
๓. เชียเจ้ย ๓ สลึง
๔. อิงทิ้ง ๓ สลึง
๕. อึงแปะ ๑ สลึงครึ่ง
๖. ขื้อแบะ ๔ สลึง
๗. ตีบ้อ ๒ สลึง
ต้มยา ๑ ห่อ น้ำ ๒ ถ้วย ให้เหลือน้ำยา ๑ ถ้วย (ยา ๑ ห่อต้มได้ ๒ ครั้ง) รับประทานก่อนอาหาร ๓๐ นาที เช้า-เย็น วันละ ๒ เวลา ครั้งละ ๑ ถ้วย ขณะที่ยากำลังร้อนอุ่นๆ อยู่ ติดต่อกัน ๑๕ วัน คนไข้จะหายเป็นปกติ
อาการป่วยของคนไข้ จะมีอาการไข้หนาวสั่น ตัวเหลือง นัยตาเหลือง แน่นท้อง เจ็บที่ลิ้นปี่หรือใต้ชายโครงข้างขวา ปัสสาวะมีสีเหลืองจัดคล้ายสีขมิ้น อุจจาระมีสีเทาหรือสีขาว มีอาการท้องอืดท้องเฟ้อท้องเสีย หลังจากรับประทานอาหารไขมันแล้ว จะมีอาการแน่นท้อง ปวดท้อง
สาเหตุ อาจเกิดจากตับไร้สมรรถภาพในการจำกัดสีน้ำดี (Retention Taundice) หรือเกิดจากโรคโลหิตจาง เนื่องจากเม็ดเลือดแตก หรือเกิดจากโรคโลหิตจาง ในระยะรุนแรง
*****************************************************************
๘. ยารักษาโรคตับอักเสบ เนื่องจากเชื้อไวรัสหรือเชื้อรา
๑. เซ็กตี้ ๔ สลึง
๒. ฮวยซัว ๔ สลึง
๓. จ้อเน็ก ๒ สลึง
๔. ตังพวย ๒ สลึง
๕. เจ้กเซีย ๓ สลึง
๖. แปะฮก ๔ สลึง
๗. เชียเจ้ย ๓ สลึง
๘. เล่งกุด ๔ สลึง
๙. ตือเหล็ง ๒ สลึง
๑๐. ปิดไถ่ ๒ สลึง
ต้มยา ๑ ห่อ น้ำ ๒ ถ้วย ให้เหลือน้ำยา ๑ ถ้วย (ยา ๑ ห่อต้มได้ ๒ ครั้ง) รับประทานก่อนอาหาร ๓๐ นาที เช้า-เย็น วันละ ๒ เวลา ครั้งละ ๑ ถ้วย ขณะที่ยากำลังร้อนอุ่นๆ อยู่
อาการป่วยของคนไข้ มีอาการเบื่ออาหาร คลื่นไส้ มีไข้ ตับอักเสบบวมโต มีท้องร่วง ปวดท้อง ท้องบวม จับแล้วรู้สึกเจ็บหน้าท้อง ม้ามโต และมีอาการดีซ่านแทรกซ้อน
สาเหตุเกิดจากเชื้อไวรัสสไปเคตีสโปรโตซัว เชื้อแบคทีเรีย หรือสารที่มีพิษ เช่นสารหนู คาร์บอนเทตตร้าคลอไรด์ ซิงโคเฟน
********************************************************************************
๙. ยารักษาโรคตับอักเสบ เนื่องจากพิษสุรา
๑. เซ็กตี้ ๔ สลึง
๒. ฮวยซัว ๔ สลึง
๓. จ้อเน็ก ๒ สลึง
๔. ตังพ้วย ๒ สลึง
๕. เจ็กเซีย ๓ สลึง
๖. แปะฮก ๔ สลึง
๗. เชียเจ้ย ๓ สลึง
๘. เล่งกุด ๔ สลึง
๙. ตื้อเหล็ง ๒ สลึง
๑๐. ปิดไถ่ ๒ สลึง
๑๑. ขื้อแบะ ๔ สลึง
๑๒. จี้กู้ ๓ สลึง
ต้มยา ๑ ห่อ น้ำ ๒ ถ้วย ให้เหลือน้ำยา ๑ ถ้วย (ยา ๑ ห่อต้มได้ ๒ ครั้ง) รับประทานก่อนอาหาร ๓๐ นาที เช้า-เย็น วันละ ๒ เวลา ครั้งละ ๑ ถ้วย ขณะที่ยากำลังร้อนอุ่นๆ อยู่
อาการป่วยของคนไข้ มีอาการเบื่ออาหาร คลื่นไส้ มีไข้ ตับอักเสบ มีอาการท้องร่วง ปวดท้อง ท้องบวม จับแล้วรู้สึกเจ็บหน้าท้อง ม้ามโต และมีอาการดีซ่านแทรกซ้อน
*******************************************************************
๑๐. ยารักษาโรคไขสันหลังอักเสบ ในระยะที่เริ่มเป็นระยะแรก
๑. เสียงก้ง ๔ สลึง
๒. อึ้งแป๊ะ ๓ สลึง
๓. ง่วนเซียม ๔ สลึง
๔. กื้อจี่ ๓ สลึง
๕. เจียะกวกเม้ง ๔ สลึง
๖. งึ้นฮวย ๓ สลึง
๗. โต้วต้ง ๓ สลึง
๘. ไขว่งูชิด ๓ สลึง
๙. ซ่งกั้ก ๓ สลึง
ต้มยา ๑ ห่อ น้ำ ๒ ถ้วยข้าวต้ม ให้เหลือน้ำยา ๑ ถ้วย (ยา ๑ ห่อต้มได้ ๒ ครั้ง) รับประทานก่อนอาหาร ๓๐ นาที เช้า-เย็น วันละ ๒ เวลา ครั้งละ ๑ ถ้วย ขณะที่ยากำลังร้อนอุ่นๆ อยู่ ติดต่อกันไป ๗ ถึง ๑๕ วัน ขนาดของเด็ก ลดยาลงตามส่วนของผู้ใหญ่
**************************************************************************
๑๑. ยารักษาโรคไขสันหลังอักเสบ ในระยะที่เริ่มเป็นอัมพาต (ระยะที่ ๒)
๑. โต๋วต้ง ๓ สลึง
๒. โข่วงูชิด ๓ สลึง
๓. ซงกั้ก ๓ สลึง
๔. เจียะกวักเม้ง ๔ สลึง
๕. กี่จี้ ๓ สลึง
๖. อึ้งแป๊ะ ๓ สลึง
๗. ง่วนเซียม ๕ สลึง
๘. งิ้นฮวย ๓ สลึง
๙. เสียงเกี๊ยก ๔ สลึง
ต้มยา ๑ ห่อ น้ำ ๒ ถ้วย ให้เหลือน้ำยา ๑ ถ้วย ยา ๑ ห่อให้ต้มได้เพียงครั้งเดียว แล้วทิ้งไป ต้มอีกก็เอาห่อใหม่ เพื่อให้ฤทธิ์ของยาจะได้เข้มข้น โรคจะได้หายเร็วขึ้น กินติดต่อกันไป ๗ ถึง ๑๕ วัน
อาการป่วย เมื่อคนไข้ได้รับเชื้อไวรัสแล้ว มีอาการไข้ โดยมีเพียงตึงๆ ชาตามแขนขา แต่ไม่ถึงกับเป็นอัมพาต ระยะที่ ๒ เชื้อไวรัสเข้าไปทำลายศูนย์ประสาท ระบบประสาท คนไข้มีอาการคอแข็ง หลังแข็ง มีอาการเกร็งที่น่องและกล้ามเนื้ออื่นๆ และกล้ามเนื้ออ่อนเพลียหมดกำลังลง และเป็นอัมพาต
**********************************************************************
๑๒. ยารักษาโรคไขสันหลังอักเสบ ในระยะปอดเริ่มอักเสบ เป็นอัมพาต (ระยะที่ ๓)
๑. เสียงกัง ๔ สลึง
๒. อึ้งแปะ ๓ สลึง
๓. ง่วนเซียม ๔ สลึง
๔. กี้จื้อ ๓ สลึง
๕. ก๊กแก้ ๓ สลึง
๖. เจียะก้วกเม้ง ๔ สลึง
๗. งึ้นฮวย ๔ สลึง
ผู้ป่วยด้วยโรคไขสันหลังอักเสบระยะใดระยะหนึ่งก็ตาม ให้ใช้ยาสำหรับรักษาในระยะนั้นๆ จำนวน ๑ ห่อ ผสมน้ำ ๒ ถ้วยข้าวต้มขนาดกลาง เคี่ยวจนงวดให้เหลือค่อนถ้วยหรือ ๑ ถ้วย ให้รับประทานขณะยากำลังร้อนอุ่นๆอยู่ ก่อนอาหารเช้า-เย็น ประมาณ ๓๐ นาที ติดต่อกันไป ๗ ถึง ๑๕ วัน คนไข้จะหายจากการเป็นอัมพาต
ยา ๑ ห่อให้ต้มครั้งเดียว กินต่อไปก็ให้ต้มยาห่อใหม่ เพราะฤทธิ์ยาจะได้เข้มข้น โรคจะหายเร็วขึ้น ขนาดเด็กลดลงตามส่วนของผู้ใหญ่
**************************************************************************************
๑๓. ยาอายุวัฒนะ ยาจีนโบราณ (เจียงไคเช็ก)
๑. อิ่มเอี้ยคัก ๑ ตำลึง
๒. เก๋ากี้สือ ๑ ตำลึง
๓. เสกตี่ ๑ ตำลึง
๔. ง้วนเน็ก ๒ ตำลึง
๕. ปักโหงวปี่ ๕ หุน
ยาอายุวัฒนะจีนโบราณขนานนี้ บำรุงร่างกายให้สดชื่นแข็งแรง สำหรับผู้มีอายุ รักษาโรคปวดเอวและร่างกาย ทำให้บุคลิกเป็นหนุ่มกว่าอายุจริงหลายปี เป็นยาอายุวัฒนะด้วย ผู้ชายหย่อนสมรรถภาพทางเพศ กินประจำจะฟื้นคืนดีขึ้นแข็งแรงเช่นเดิม กระชุ่มกระชวยอยู่เสมอ
วิธีใช้ ยา ๑ ห่อ (๑ ชุด) ดองสุราขาวจีน หรือสุราแม่โขงก็ได้ ๒ ขวดใหญ่ ดองไว้ ๑๕ วัน รับประทานก่อนอาหารค่ำหรือก่อนนอน วันละ ๑ ครั้งๆละประมาณ ๑ เป๊กหรือกว่าเล็กน้อย
ถ้ารับประทานสุราไม่ได้ จะทำเป็นยาเม็ดกลอนบดผงผสมน้ำผึ้งรวง ให้ร้านขายยาจีนทำให้ (เขาเรียกว่า เอียะอี้) ทำเม็ดโตขนาดพริกไทยหรือโตกว่าเล็กน้อยรับประทานครั้งละ ๒๐ ถึง ๓๐ เม็ด ยานี้ผู้หญิงก็รับประทานได้
*************************************************************************
๑๔. ยาจับซาไท้เป้า ยาจีนโบราณ ยาครรภ์รักษาของจีน
๑. ตังกุย (โกฐเชียง) หนัก ๑ สลึง ๑ เฟื้อง
๒. ชวงเกียง หนัก ๑ สลึง ๑ เฟื้อง
๓. กำเช้า (ชะเอมเทศ) หนัก ๕ หุน ๑ เฟื้อง
๔. โก้วซี หนัก ๑ สลึง ๑ เฟื้อง
๕. แปะเจี้ยก หนัก ๒ หุน ๑ เฟื้อง
๖. ขี่เทีย หนัก ๗ หุน
๗. ขวนผก หนัก ๘ หุน
๘. เกียงอั๊ว หนัก ๕ หุน
๙. จี้ชัก หนัก ๑ สลึง
๑๐. ชวนป๋วย หนัก ๑ สลึง
๑๑. ปักคี้ หนัก ๘ หุน
๑๒. เก็งไถ่ หนัก ๘ หุน
๑๓. เชเกีย ๓ แผ่น
ชาวจีนใช้เป็นยาครรภ์รักษามาแล้วหลายพันปี สตรีตั้งครรภ์ตั้งแต่ ๔ เดือนขึ้นไป รับประทานยาตำรับนี้ ๑ ห่อ ต้มเติมน้ำ ๒ ชามข้าวต้ม เคี่ยวให้งวดเหลือน้ำยาประมาณค่อนชาม รับประทานให้หมดครั้งเดียวก่อนอาหารเช้า กากยาต้มรับประทานอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น (ยา ๑ ห่อต้มรับประทานได้ ๒ ครั้ง) เดือนหนึ่งรับประทาน ๒ ครั้งพอ โดยใช้ยา ๑ ห่อทุกเดือน
ยาตำรับนี้นอกจากบำรุงสุขภาพพลานามัยของมารดาและทารกให้สมบูรณ์คลอดง่ายแล้ว ยังมีส่วนสำคัญที่ช่วยบำรุงโครงสร้างสมองของทารกให้เจริญเติบโตสมบูรณ์ตามปกติอีกด้วย
*******************************************************************
๑๕. ยารักษาโรคมะเร็งลำคอ มะเร็งหลอดเสียง มะเร็งหลอดอาหาร
๑. ง่วนเซียม หนัก ๓ สลึง
๒. คุ่งโป่ว หนัก ๒ สลึง
๓. ไฮเฉ่า หนัก ๒ สลึง
๔. โกวเช่า หนัก ๒ สลึง
๕. กักแก้ หนัก ๓ สลึง
๖. เต่ากึง หนัก ๔ สลึง
๗. เลียงเคี้ยว หนัก ๑ สลึงครึ่ง
๘. ฮวยหุ้ง หนัก ๒ สลึง
๙. ชวนป๋วย หนัก ๒ สลึง
๑๐. งูพั้ง หนัก ๓ สลึง
๑๑. แชตี หนัก ๒ สลึง
๑๒. จี้ชัก หนัก ๒ สลึง
๑๓. ปอห่อ หนัก ๒ สลึง
๑๔. แปะเอียม หนัก ๒ สลึง
๑๕. แชเอียม หนัก ๒ สลึง
๑๖. แง่เซียว หนัก ๒ สลึง
๑๗. ตั้วอึ้ง หนัก ๒ สลึง
๑๘. ลิ่วอึ้ง หนัก ๒ สลึง
๑๙. เตียงจู หนัก ๒ หุน
ยาจีนโบราณขนานนี้ใช้รักษาโรคมะเร็งลำคอ มะเร็งหลอดเสียง มะเร็งหลอดอาหาร ได้ผลดี และยังมีคุณสมบัติใช้รักษาแผลในลำคอ ตำรับยานี้ชาวจีนได้ใช้รักษาคนไข้ได้ผลดีมามากแล้วหลายร้อยราย และปัจจุบันก็ยังใช้กันโดยทั่วไปอยู่
ยาชุดนี้ผสมกันบดเป็นผงละเอียด ผสมน้ำผึ้งรวงทำเป็นเม็ดกลอน (เอียะอี้) เท่าเม็ดนุ่น รับประทานวันละ ๒ ครั้งๆ ละ ๒๐ เม็ด ก่อนอาหารเช้า-เย็น หรือจะใช้ยาผงครั้งละ ๒ ช้อนกาแฟ ผสมน้ำอุ่น ๕-๖ ช้อนโต๊ะ รับประทานวันละ ๒ ครั้งแทนยาลูกกลอนก็ได้ รับประทานติดต่อกัน ๓๐-๔๕        วัน
********************************************************************
                       
ควรจะรู้จัก ประวัตินายมานพ คณานุรักษ์
นายมานพ คณานุรักษ์ เกิดเมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๕๙ ที่บ้านเลขที่ ๒๙ ถนนอาเนาะรู ตำบลอาเนาะรู อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี เป็นบุตรชายคนโตของนายอนันต์ และนางเสริมสุข (วัฒนายากร) คณานุรักษ์ มีพี่น้องร่วมบิดามารดา ๘ คน เรียงตามลำดับดังนี้
๑.  นายมานพ คณานุรักษ์
๒.  นายสุนนท์ คณานุรักษ์ (ถึงแก่กรรม)
๓.  นายจำรูญ คณานุรักษ์
๔.  นางละออง คณานุรักษ์
๕.  นายประเวศ คณานุรักษ์
๖.  นายเติมศักดิ์ คณานุรักษ์
๗.  นางละมุล สาครินทร์
๘.  นางละม่อม สมัครพันธุ์

ได้เข้าศึกษาชั้นประถมจนจบชั้นมัธยมที่โรงเรียนประจำจังหวัดปัตตานี แล้วจึงศึกษาต่อด้านช่างกลที่กรุงเทพฯ และนำความรู้ไปประกอบการทำงานที่เหมืองแร่บุหลัน อำเภอนันนังสตาร์ จังหวัดยะลา ซึ่งเป็นเหมืองแร่ดีบุกที่ตกทอดมาจากต้นตระกูล ต่อมาได้ยึดอาชีพการทำเหมืองแร่ดีบุกตลอดมาจนถึงบั้นปลายของชีวิต
นายมานพ คณานุรักษ์ สมรสกับนางสาวยุวรี ศรีพจนารถ (ถึงแก่กรรม) มีบุตรธิดารวม ๕ คนคือ
๑.  นายแพทย์ชูพันธ์ คณานุรักษ์ สมรสกับนางสาวธีรวัลย์ สายอร่าม มีธิดา ๑ คนคือ ด.ญ.นพมณี คณานุรักษ์
๒.  นางขวัญตา ปริชญากร สมรสกับนายธนิต ปริชญากร มีบุตรธิดา ๓ คนคือ นายปราการ ปริชญากร นางสาวกิ่งแก้ว ปริชญากร และนางสาวแพรวตา ปริชญากร
๓.  เภสัชกรหญิงมาลินี จันทรัศมี สมรสกับนายวิรัช จันทรัศมี มีบุตร ๑ คนคือ นายกนก จันทรัศมี
๔.  นายธีระพงศ์ คณานุรักษ์ สมรสกับนางสาวสุพิณ อ่องอุทุมพร ไม่มีบุตรธิดา
๕.  นางนงลักษณ์ อ่องสาคร สมรสกับนายสมพร อ่องสาคร มีบุตร ๒ คนคือ นายทรงธรรม อ่องสาคร และนายปรเมศว์ อ่องสาคร
ต่อมานางยุวรีได้ถึงแก่กรรมในปี พ.ศ. ๒๔๙๐ และในปี พ.ศ. ๒๔๙๓ นายมานพ คณานุรักษ์ ได้สมรสอีกครั้งหนึ่งกับนางสาวประมวล คณานุรักษ์ แต่ไม่มีบุตรธิดา
ในบั้นปลายของชีวิต นายมานพ คณานุรักษ์ มีปัญหาเรื่องโรคหัวใจโดยมีสาเหตุมาจากเส้นเลือดเลี้ยงหัวใจตีบตัน จึงได้ทำการผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ (coronary artery by-pass graft surgery) ในปี พ.ศ. ๒๕๓๔  ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๔๒ อาการบกพร่องของกล้ามเนื้อหัวใจได้กำเริบ จึงต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลบ่อยขึ้น ในที่สุดก็ถึงแก่กรรมอย่างสงบ เมื่อวันอังคารที่ ๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๒ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ สิริอายุได้ ๘๒ ปี ๑๐ เดือน ๒๐ วัน..... นายมานพ เป็นผู้ใฝ่รู้ ซึ่งนอกเหนือจากความรู้เรื่องพระแล้ว ยังสนใจในเรื่องโภชนาการ วิตามินและยาที่รักษาและเสริมสร้างสุขภาพอีกด้วย โดยได้ศึกษาค้นคว้าหาความรู้มานานจากหนังสือเกี่ยวกับยาแผนปัจจุบัน แผนโบราณและสมุนไพร ทั้งภาษาไทยและภาษาจีน ประกอบกับประสบการณ์ของตนเองจึงได้จดบันทึกตำรับยาและวิธีรักษาโรคต่างๆ นั้นไว้ และได้ปรารภไว้ว่าน่าจะตีพิมพ์ความรู้ดังกล่าวที่ได้สะสมมายาวนานเพื่อเป็นวิทยาทานและไม่ให้สูญหายไป จึงได้คัดลอกลงสมุดบันทึก ๒ เล่มและเรียบเรียงข้อความต่างๆ ให้ต่อเนื่องด้วยตนเอง ..... ก่อนที่จะถึงแก่กรรมอย่างสงบในอีกไม่กี่ปีต่อมา.


บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!