เพื่อผืนป่าและโลก (สืบ นาคะเสถียร)
ธันวาคม 14, 2024, 08:28:47 am *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เพื่อผืนป่าและโลก (สืบ นาคะเสถียร)  (อ่าน 5241 ครั้ง)
b.chaiyasith
แก้ปัญหาไม่ตกคุยกันเวลางานline:chiabmillion
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน650
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3008


ไม้ดีไม่ลอยน้ำมาไกล


อีเมล์
« เมื่อ: กันยายน 28, 2010, 09:07:12 am »

ดวงตาของเจ้าลุกโชน เสียงตะโกนของเจ้าก้องไพร

บัดนี้เจ้านอนทอดกาย จากป่าไปด้วยดวงใจกังวล

วาจาของเจ้าจริงจัง มีพลังเหมือนดังมีมนต์

นักสู้ของประชาชน จะมีกี่คนทำได้ดั่งเจ้า

 

สืบ นาคะเสถียร เป็นบทเรียนของกรมป่าไม้

หัวหน้ารักษาพงไพร จังหวัดอุทัย ณ ห้วยขาแข้ง

 สองมือเจ้าเคยฟันฝ่า อีกสองขาเจ้าย่างย่ำไป

ลัดเลาะสุมทุมพุ่มไม้ ตระเวนไพรให้ความคุ้มครอง

ดูแลสารทุกข์สารสัตว์ ในป่ารกชัฎหลังห้วยลำคลอง

ขาแข้งเหมือนดังขาน่อง สองขาเจ้าย่ำนำความร่มเย็น

สืบ นาคะเสถียร เป็นบทเรียนข้าราชการไทย

ถือประโยชน์ของชาติเป็นใหญ่ ถึงตัวจะตายไม่เสียดายชีวา

 
สืบ นาคะเสถียร เป็นบทเรียนของกรมป่าไม้

หัวหน้ารักษาพงไพร จังหวัดอุทัย ณ ห้วยขาแข้ง

 

เช้าวันที่หนึ่งกันยา ในราวป่าเสียงปืนกึกก้อง

หยาดนี้เพื่อนน้ำตานอง จากข่าวร้ายกลางป่าอุทัย

วิญญาณเจ้าจงรับรู้ คนที่ยังอยู่ยังยืนหยัดต่อไป

เพื่อนเอ๋ยหลับให้สบาย เจ้าจากโลกไปมิให้สูญเปล่า

 
สืบเอ๋ยเจ้าจากไป ไม่สูญเปล่า

 
บทเพลง 'สืบทอดเจตนา' โดย ยืนยง โอภากุล หรือ แอ๊ด คาราบาว ที่แต่งขึ้นหลังจากที่สืบ นาคะเสถียร เสียชีวิตลงไปเพียงไม่กี่วัน

 

ถือว่าเป็นบทเพลงแรกที่กล่าวถึงสืบ และเป็นบทเพลงที่ทำให้คนไทยจำนวนมาก ได้รู้จักว่าโลกนี้เคยมีคนที่ชื่อ สืบ นาคะเสถียร  บทเพลงนี้ได้ถูกนำมาถ่ายทอดอีกครั้งโดย ยืนยง ในคอนเสิร์ต 20 ปี สืบ นาคะเสถียร ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์เมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งมูลนิธิสืบนาคะเสถียร จัดขึ้นเนื่องในวาระครบรอบ 20 ปีการจากไปของ สืบ นาคะเสถียร อดีตหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ที่ยิงตัวตายเสียสละชีวิตในวันที่ 1 กันยายน 2533

นอกจากบทเพลงแล้ว ยืนยงยังสะท้อนความรู้สึกที่มีต่อคุณความดีและความกล้าหาญของ สืบ ด้วย เป็นการรำลึกถึงด้วยความศรัทธาและอาลัย และหวังว่าการสูญเสียชีวิตของสืบ จะไม่สูญเปล่า

"20 ปีแล้วที่พี่สืบจากเราไป  การปลีกวิเวกของท่าน ก่อกระเทือนวงการอนุรักษ์บ้านเราอย่างอเนกอนันต์ ท่านเป็นบุคคลธรรมดาอย่างพวกเรานี่แหละ แต่เป็นคนธรรมดาที่กล้าหาญ อาจจะเลือกวิธีที่พวกเราไม่อยากให้เป็น ผมคิดว่าท่านคงจะเลือกวิธีที่มันเหมาะสมแล้วสำหรับสังคมแย่ๆของบ้านเรา แต่ดูเหมือนว่า วันนี้แม้จะผ่านมา 20 ปี ที่ท่านจากไป ปัญหาเดิมๆที่เคยเกิดขึ้นตอนสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ยังคงเวียนว่ายตายเกิด นับวันยิ่งจะหนักขึ้นเรื่อยๆ ก็คงต้องฝากไว้ให้กับคนรุ่นต่อไป หรือเยาวชนรุ่นต่อไป ที่จะมีสืบ นาคะเสถียร คนต่อไป แต่อย่าเลือกวิธีการแบบอย่างพี่สืบนะครับ เลือกวิธีการใหม่ๆ ที่ทันกับสังคมทุนนิยมแห่งโลกาภิวัฒน์ที่ทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่าง แม้กระทั่งชีวิตของตัวเองครับ"

 

ขณะที่ สุรชัย จันทิมาธร หรือ หงา คาราวาน นำบทเพลง 'สืบ นาคะเสถียร' ที่เขาแต่งในวาระครบรอบ 12 ปี สืบ นาคะเสถียร มาร่วมถ่ายทอดในคอนเสิร์ตเดียวกัน มีเนื้อหามุ่งที่ความทรงจำที่ยังมีต่อสืบ เป็นอีกหนึ่งบทเพลงที่บอกเล่าเรื่องราวและย้ำเตือนความทรงจำเรื่องราวของบุคคลที่อยู่เหนือกาลเวลา

 
เขายืนอยู่ตรงนี้ เขายังไม่ไปไหน

เขายังอยู่กลางใจของเรา

ฉันยังยืนตรงนี้ ร้องเพลงยังพอไหว

ขอทำความเข้าใจเรื่องราว
เรื่องราวของป่า เรื่องราวของคน

ป่าชุมชน ป่าแท้แท้

ป่าเขียวๆยังต้องเขียวต่อ

ใต้ท้องฟ้า ใช่มีแต่คน

ปลวกและมด สร้างรังวกวน

สวยงาม คุณเห็นบ้างไหม

 

เสียงปืนปังวันนั้น ดังมาจนวันนี้

นับเนื่องสิบสองปีของสืบ นาคะเสถียร คือ บทเรียน ข้าราชการไทย

ไม่เพียงเท่านั้น คือ ขวัญกำลังใจ ของคนรักป่า

 

สุรชัย หรือ หงา คาราวาน ยังได้แสดงความวิตกต่อสังคมไทยที่มีความขัดแย้งสูงในหลายประเด็น รวมทั้งการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติด้วย ที่บางกรณียังมีการต่อสู้และเห็นต่างเป็นเวลายาวนาน

 

"บางคนก็คิดถึงน้ำ เถาวัลย์ในป่าชุ่มน้ำ บางคนก็ชูป้ายว่า ชาวบ้านรอคอยเขื่อนมา 40 ปีแล้ว เขื่อนดังกล่าวมีประชาพิจารณ์หลายหน จนบัดนี้ก็ยังไม่สร้าง  บางคนก็อยากได้เขื่อน บางคนอยากได้ธรรมชาติที่ยั่งยืน เราดำรงอยู่ในความขัดแย้งต่อสู้กันมาหลายเดือนหลายปี อุดมการณ์ อุดมคติสวยงามยาวไกล ไม่ว่าจะเรื่องการเมือง หรือ การอนุรักษ์ คนละจุดยืนและความเป็นจริง แต่หวังว่าคำตอบวันสุดท้าย คือ เราสู้เพื่อสิ่งที่สูงขึ้น เพื่อสังคมที่ดีงามกว่านี้"

 

อาจารย์ศศิน เฉลิมลาภ เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร กล่าวถึงความสำคัญของผืนป่าตะวันตกที่มูลนิธิสืบนาคะเสถียรปกป้องดูแลว่า ส่งผลประโยชน์ทางตรงให้กับพวกเราทุกคน ที่ใช้ทรัพยากร แอร์ น้ำ โดยผืนป่าแห่งนี้เป็นแหล่งต้นน้ำสำคัญของลุ่มน้ำ 5 สาย ได้แก่

-ลุ่มน้ำแม่กลอง 15,000 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี,

-ลุ่มน้ำสะแกกรัง-เจ้าพระยาต่อปี 1,200 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี,

-ลุ่มน้ำปิงตอนเหนือ 880 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี

รวมแล้วผืนป่าแห่งนี้ให้น้ำแก่คนไทยปีละ 17,280 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ ร้อยละ 20 ของปริมาณน้ำที่คนไทยใช้ทั้งประเทศ

นอกจากนี้ผืนป่าตะวันตกยังเก็บกักคาร์บอนอีก 23.4 ล้านตันต่อปี หรือ ครึ่งหนึ่งของปริมาณคาร์บอนที่กรุงเทพมหานครปล่อยออกมา

พื้นที่ป่าตะวันตกทำหน้าที่แค่นี้ก็เป็นประโยชน์มากพอแก่พวกเราทุกคนแล้ว ในป่าผืนนี้ยังเก็บรักษาชีวิต ความหลากหลายของชีวิต มีเสือมากกว่า 200 ตัว กวางมากกว่า 400-500 ตัว เรามีควายป่าฝูงสุดท้ายอยู่ที่นี่ มีตะพาบที่ใหญ่ที่สุด มีค้างคาวซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่เล็กที่สุด วันนี้ปัญหาที่คุกคามใหญ่ที่สุด ไม่ใช่การตัดไม้ทำลายป่าของคนที่ถือเลื่อยยนต์ หรือนายพราน แต่คือ การขยายตัวของพื้นที่เกษตรกรรมของชุมชน มูลนิธิสืบฯพยายามทำงานตรงนี้ ขณะเดียวกันการล่าสัตว์กับการเก็บของป่า และ การพัฒนาโครงการสร้างเขื่อน ตัดถนน ก็ยังเป็นปัญหาที่คุกคามผืนป่าของพวกเราคนไทยทุกคนตลอดเวลา"

 

"ถ้าต้องการรักษาทรัพยากรตรงนี้ไว้ เราจะต้องทำอะไร ชุมชนทั้งหมดที่มีอยู่ในผืนป่าตะวันตก 129 ชุมชน และโดยรอบอีกกว่า 300 ชุมชน จะต้องมียุทธศาสตร์การจัดการป่าตะวันตกร่วมกันอย่างมีส่วนร่วม มูลนิธิสืบฯไม่ใช่ผู้ที่ดูแลป่าตรงนี้โดยตรง ผู้ที่ดูแลรักษา คือ หน่วยราชการ กรมอุทยานแห่งชาติป่าและพรรณพืช และป่าโดยรอบ โดยกรมป่าไม้ เราจะต้องหาทางเพิ่มประสิทธิภาพของการอนุรักษ์หน่วยงานพวกนี้ การทำงานเรื่องใดๆก็ดี การค้านเขื่อน ค้านถนน สาธารณชนจะไม่เชื่อเลย ถ้าเราไม่มีข้อมูลวิชาการอ้างอิง"

 

"สิ่งที่มูลนิธิสืบฯต้องการมากที่สุด คงไม่ใช่เรื่องของการบริจาคเงินอย่างเดียว แต่เราต้องการแนวร่วมที่มาเป็นเพื่อนอนุรักษ์ของเรา การเผยแพร่ข้อมูลพวกนี้ออกไปเป็นเรื่องที่เป็นงานหนักเหลือเกิน ที่เราจะฝ่ากระแสข่าวการเมืองหรือเรื่องราวของความบันเทิง ให้ผู้คนได้เข้าใจ ขณะเดียวกันเราต้องการการสนับสนุนจากแแหล่งทุน และการสร้างความเข้าใจจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการทำงานที่ผ่านมา พื้นที่ตรงใจกลางของป่าตะวันตก มีเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง และทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันออกและตะวันตกเป็นกำลังใจให้เราอย่างยิ่ง ห้วยขาแข้งเป็นตัวอย่างของการจัดการป่าที่ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ ส่วนทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันออกเป็นพื้นที่ที่มีชาวบ้านอาศัยอยู่"
สำหรับพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันออก มีพื้นที่มากกว่ากรุงเทพมหานคร 3 ตารางกิโลเมตร มีเจ้าหน้าที่ข้าราชการ 2 คน และบุคคลากรที่ดูแลพื้นที่ 110 คน โดยทำงานร่วมกับมูลนิธิสืบนาคะเสถียร นอกเหนือจากการทำถนน ทำพืชเศรษฐกิจ สร้างผู้พิทักษ์ป่าแล้ว ยังทำงานกับ 7 ชุมชนบริเวณนี้ให้ชุมชนมีความเข้าใจ และร่วมเดินลาดตะเวนป้องกันป่าและทรัพยากรร่วมกับเจ้าหน้าที่ โดยเป็นหน่วยงานแรกๆของประเทศที่ทำให้เกิดปรากฎการณ์นี้ขึ้น ซึ่งผลจาการทำงานอย่างจริงจังและต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 4 ถึง 5 ปีที่ผ่านมา ทำให้ภัยคุกคามลดลงเรื่อยๆ มีการเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบเพื่อนำมาปรับปรุงการทำงาน

 

เนื่องในวาระครบรอบ 20 ปีของมูลนิธิสืบนาคะเสถียร มูลนิธิสืบนาคะเสถียรจึงได้มอบ'รางวัลทีมนักอนุรักษ์ สืบ นาคะเสถียร'ให้กับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรภาคตะวันออก ทั้ง 110 คน และยังมอบกองทุนสวัสดิการจำนวน 1 แสนบาท ให้เจ้าหน้าที่นำไปเป็นสวัสดิการในการลาดตระเวน และดูแลเจ้าหน้าที่

 

"มันไม่ใช่แค่เดินป่า ลุยน้ำอย่างเดียว เจ้าหน้าที่เขตทุ่งใหญ่ฯที่เป็นทั้งคนไทยและคนไทยเชื้อสายกะเหรี่ยงยังมีการเก็บข้อมูลทางวิชาการ มูลนิธิสืบฯภูมิใจที่ได้ทำงานกับเจ้าหน้าที่เขตทุ่งใหญ่ฯ ได้นำทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง 3 ส่วนต่อเงื่อนไขความพอประมาณ ความมีเหตุผล การมีภูมิคุ้มกันในตัวเองที่มีมาทำงานกับชุมชน และสร้างเงื่อนไขความรู้ ความรอบรู้ และเงื่อนไขคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริตมาสร้างเป็นโมเดลในการทำงานของพวกเขาเอง การทำงานของชุมชนนำไปสู่สภาวะการจัดการอย่างยั่งยืน" เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียรกล่าว

 

ตอกย้ำถึงความเสียสละ ของสืบ นาคะเสถียร  มูลนิธิสืบนาคะเสถียร การอนุรักษ์ปกป้องผืนป่าตะวันตก สู่การปกป้องทรัพยากรธรรมชาติในโลกของเรา ด้วยบทกวีงดงาม โดย จิระนันท์ พิตรปรีชา กวีซีไรต์ ศิลปินรับเชิญพิเศษของคอนเสิร์ตนี้หนึ่งเปรี้ยงปืนลั่น...สะท้านป่า

หนึ่งวูบไวผวา...ทั้งป่าลั่น

หนึ่งคืนนานยาวราวกัปป์กัลป์

หนึ่งฝันฟุบแล้วลับแนวไพร

 

หนึ่งคนควรค่าคารวะ

สืบสร้างสัจจะ...ยิ่งใหญ่

หมื่นคำร่ำหา...อาลัย

รวมใจสืบทอดเจตนา.......

 

แล้วหลังจากนั้น ผู้ชายที่ชื่อ สืบ นาคะเสถียร ก็ได้กลายมาเป็น มูลนิธิสืบนาคะเสถียร เพื่อจะปฏิบัติภารกิจที่เขาฝากไว้ให้

จาก สืบ นาคะเสถียร ข้าราชการ ซี 6 หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง มาเป็น มูลนิธิสืบนาคะเสถียร เพื่อการพิทักษ์ผืนป่าตะวันตก และ ดูแล “โลก” บ้านของทุกชีวิต.....

 

บทกวีนี้เขียนให้โลก

 

วนเวียนว่ายเวิ้งฟ้ามาชั่วกัปป์ ผนึกนับสรรพสิ่งล้วนยิ่งใหญ่

ผนวกน้ำดิน ลม ผสมไฟ เป็นโลกแหล่งอาศัย-โลกใบเดียว

เติมสีฟ้าฟ้าเข้มเต็มผืนน้ำ เขียวชุ่มฉ่ำชื่นเงาภูเขาเขียว

แต้มดินดำน้ำตาลซับสลับเกลียว ทุกส่วนเสี้ยวทอพื้นสีแห่งชีวิต

จากชีวิตนิดน้อยค่อยวิวัฒน์ เป็นพืชสัตว์วัฏจักรอันศักดิ์สิทธิ์

สืบลูกโซ่สายเส้นอันเป็นนิตย์ โดยใกล้ชิดทุกเผ่าเชื้อเกื้อกูลกัน

หนึ่งสายธารผ่านไหลเลี้ยงไพรกว้าง ชุบชีพกลางแมกไม้ให้สุขสันต์

และหนึ่งป่าเป็นแหล่งการแบ่งปัน สร้างชีวันสู่ความหวังสังคมคน

 

บทกวีนี้จากใจเขียนให้โลก หวังลบเงาเทาโศกอันสับสน

ในยุคอารยธรรมยอมจำนน พ่ายผู้คนโหมกระหน่ำแรงทำลาย

จงคืนดาว..แก่ท้องฟ้า คืนความใสให้ธาราแต่ละสาย

คืนสีเขียวสู่โลกร้อนก่อนมลาย คืนความหมายสืบเส้นสร้าง สืบสร้างทำ.......

 

และมาถึง ณ วันนี้ ก็มีเพียงบทกวีที่สั้นมาก ฝากให้ทุกคนโดยเฉพาะว่า.....

 

20ปี ที่สืบจาก ฝากรอยฝัน

20วัน 1 กันยา มาสืบต่อ

รวมหัวใจอนุรักษ์ร่วมถักทอ

ก้าวเกื้อก่อสืบเส้นทาง สืบสร้างทำ.......

 

คอนเสิร์ต 20 ปี สืบ นาคะเสถียร จึงให้ทั้งความบันเทิง ความรื่นรมย์ผ่านบทเพลง บทกวี   ดนตรี  และยังแฝงด้วยสาระข้อมูล ช่วยเติมเต็มพลังให้ผู้ทำงานอนุรักษ์ทรัพยากร ป่า สัตว์ป่า และกระตุ้นเตือนให้ทุกคนหันมาตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ เพื่อตัวเอง และโลกใบนี้ โลกของเราทุกคน

 

 

ชวิดา วาทินชัย       /      รายงาน

สุทธิศักดิ์ พนิกรณ์  /      ถ่ายภาพ

 

ขอบคุณข้อมูลจากมูลนิธิสืบนาคะเสถียร

http://www.youtube.com/v/Z4ez6Dci-Y8?fs=1&hl=en&fs=1&autoplay=1&loop=1=0x5d1719&color2=0xcd311b&border=1







 


 


 





 


บันทึกการเข้า

"CHIAB"
มนุษย์เราแต่ละคน  ต่างไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไม่มีใครรู้จักกันมาก่อนเลย  แล้ววันหนึ่งก็มาพบหน้ากัน  สมมุติเป็นพ่อ  เป็นแม่  เป็นเมีย  เป็นสามี  เป็นลูก  อยู่ร่วมกัน  ใช้ชีวิตร่วมกัน และแล้ววันหนึ่ง  ก็แยกย้ายด้วยการ  "ตายจาก"  กันไปสู่  ณ  ที่ซึ่งไม่มีใครได้ตามพบ  คืนสู่ความเป็นผู้ไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไปไหน  และคืนสู่ความเป็น  "คนแปลกหน้า"  ซึ่งกันและกันอนันกาลอีกครั้งหนึ่ง...และอีกครั้งหนึ่ง!?
ขอขอบคุณ คุณเปลว สีเงิน ที่ให้ข้อคิดดีๆ

b.chaiyasith
แก้ปัญหาไม่ตกคุยกันเวลางานline:chiabmillion
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน650
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3008


ไม้ดีไม่ลอยน้ำมาไกล


อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: กันยายน 29, 2010, 09:58:24 am »

 Smileyขอบคุณที่นำเพลงไตเติ้ลมาลงให้ครับ HAPPY2!!
บันทึกการเข้า

"CHIAB"
มนุษย์เราแต่ละคน  ต่างไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไม่มีใครรู้จักกันมาก่อนเลย  แล้ววันหนึ่งก็มาพบหน้ากัน  สมมุติเป็นพ่อ  เป็นแม่  เป็นเมีย  เป็นสามี  เป็นลูก  อยู่ร่วมกัน  ใช้ชีวิตร่วมกัน และแล้ววันหนึ่ง  ก็แยกย้ายด้วยการ  "ตายจาก"  กันไปสู่  ณ  ที่ซึ่งไม่มีใครได้ตามพบ  คืนสู่ความเป็นผู้ไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไปไหน  และคืนสู่ความเป็น  "คนแปลกหน้า"  ซึ่งกันและกันอนันกาลอีกครั้งหนึ่ง...และอีกครั้งหนึ่ง!?
ขอขอบคุณ คุณเปลว สีเงิน ที่ให้ข้อคิดดีๆ
eskimo_bkk-LSV team♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม..
member
*

คะแนน1887
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13886


ไม่แล่เนื้อเถือหนังพวก


อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: กันยายน 29, 2010, 10:09:12 am »

  ping!
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!