มุทิตา-สักการะ พระธรรมปริยัติโมลี
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: มุทิตา-สักการะ พระธรรมปริยัติโมลี  (อ่าน 4072 ครั้ง)
srithaimax ♥1,510
ซุปเปอร์ วีไอพี
member
*

คะแนน262
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 585

ลูกอีสาน หลานย่าโม


อีเมล์
« เมื่อ: ธันวาคม 13, 2009, 06:59:11 AM »

วันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 19 ฉบับที่ 6954 ข่าวสดรายวัน


มุทิตา-สักการะ พระธรรมปริยัติโมลี

คอลัมน์ มงคลข่าวสด
 
สมณศักดิ์ คือบรรดาศักดิ์ที่พระมหากษัตริย์ พระราชทานแด่พระสงฆ์ผู้ประพฤติดีปฏิบัติชอบ กอปรด้วยศีลาจารวัตร ดำรงจิรัฏในสมณเพศ สืบทอดพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง

ในวโรกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2552 นี้

พระเทพปริยัติสุธี เป็นหนึ่งพระเถระที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นธรรม ที่พระธรรมปริยัติโมลี

ปัจจุบัน พระธรรมปริยัติโมลี (อาทร อินทปัญโญ) สิริอายุ 58 ปี พรรษา 38 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบพิตรพิมุขวรวิหาร เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ, เจ้าคณะภาค 3 และรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรราชวิทยาลัย ฝ่ายกิจการนิสิต

อัตโนประวัติ มีนามเดิมว่า อาทร จีนอ่วม เกิดเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2495 ณ บ้านเลขที่ 48 หมู่ที่ 5 ต.ไม้ดัด อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายเรือง และนางเกลื่อน จีนอ่วม

ในวัยเด็ก ได้ศึกษาที่โรงเรียนประชาบาล จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ใน จ.สิงห์บุรี

ครั้นอายุได้ 15 ปี ได้เข้าพิธีบรรพชา เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2510 ณ วัดน้อยนางหงษ์ ต.สิงห์ อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี โดยมีพระเกศิวิกรม (สังวาล) วัดโพธิ์ชัย อ.เมือง จ.สิงห์บุรี เป็นพระอุปัชฌาย์

ในระหว่างบวชเณร ท่านได้มุ่งมั่นศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ.2513 สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก ในสำนักเรียนคณะจังหวัดสิงห์บุรี

กระทั่งอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ จึงเข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2515 ณ วัดแจ้งพรหมนคร อ.เมือง จ.สิงห์บุรี โดยมี พระครูวิจิตรธรรมศาสตร์ (ระนาม) วัดแจ้งพรหมนคร เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์จุน วัดแจ้งพรหมนคร เป็นพระกรรมวาจารย์ และพระศรีวราภรณ์ (อำพา) วัดแจ้งพรหมนคร เป็นพระอนุสาวนาจารย์

หลังอุปสมบท ท่านได้ศึกษาหาความรู้ทางธรรมเพิ่มเติม ครั้นพอสำเร็จชั้นเปรียญธรรม 5 ประโยค ท่านได้ขอเดินทางมาศึกษาต่อในระดับสูงที่เมืองหลวง โดยไปอยู่จำพรรษาที่วัดรวกบางบำหรุ ฝั่งธนบุรี พ.ศ.2526 ได้รับปริญญาพุทธศาสตรบัณฑิต (พธ.บ.) จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์

พ.ศ.2529 สอบได้เปรียญธรรม 9 ประโยค ในนามวัดรวกบางบำหรุ สำนักเรียนวัดมหาธาตุฯ กรุงเทพฯ

ต่อมา พระเทพมุนี (ธีร์ มหาธีโร) เจ้าอาวาสวัดบพิตรพิมุข ในขณะนั้น ได้นิมนต์ให้ย้ายมาอยู่ที่วัดบพิตรพิมุข เพื่อช่วยเป็นครูสอนพระปริยัติธรรม

ลำดับงานการศึกษา พ.ศ.2529 เป็นครูสอนพระปริยัติธรรมแผนกบาลี ประจำสำนักเรียนวัดบพิตรพิมุข พ.ศ.2530 เป็นอาจารย์ใหญ่สำนักเรียนวัดบพิตรพิมุข พ.ศ.2537 เป็นเจ้าสำนักเรียนวัดบพิตรพิมุข

ลำดับงานปกครอง พ.ศ.2530 ได้รับพระบัญชาแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบพิตรพิมุขวรวิหาร พ.ศ.2537 ได้รับพระบัญชาแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดบพิตรพิมุขวรวิหาร

พ.ศ.2541 ได้รับพระบัญชาแต่งตั้งเป็นรองเจ้าคณะภาค 3

พ.ศ.2545 ได้รับพระบัญชาแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะภาค 3

นอกจากนี้ ท่านยังเป็นรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรราชวิทยาลัย ฝ่ายกิจการนิสิต และเป็นกรรมการคณะกรรมการควบคุมการเดินทางไปต่างประเทศของพระภิกษุสามเณร (ศตภ.)

พระธรรมปริยัติโมลี ในฐานะเจ้าคณะภาค 3 ท่านรับผิดชอบงานการศึกษาในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค 3 คือ จังหวัดลพบุรี สังห์บุรี ชัยนาท และอุทัยธานี ได้ออกตรวจเยี่ยมและให้คำแนะนำสำนักศาสนาศึกษาแผนกธรรม-บาลี และปริยัติสามัญในเขตปกครองคณะสงฆ์เป็นประจำทุกเดือน อีกทั้ง จัดของถวายภิกษุผู้สอบเปรียญธรรม 9 ประโยค ในนามสำนักเรียนคณะจังหวัดในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค 3 เป็นประจำทุกปี

พ.ศ.2545 ท่านได้สนับสนุนให้มีการเปิดโรงเรียนสหบาลีศึกษา ประจำจังหวัดลพบุรี วัดเสาธงทอง อ.เมือง จ.ลพบุรี

งานเผยแผ่พระพุทธศาสนา จัดให้มีการแสดงธรรมเทศนาในเทศกาลวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา และวันธรรมสวนะเป็นประจำ แสดงธรรมอบรมประชาชนทั่วไปตามโอกาสอันสมควร นอกจากนี้ ได้ร่วมกับสถาบันเทคโนโลยีราชมงคลวิทยาเขตบพิตรพิมุข จักรวรรดิ จัดโครงการ "นักศึกษาใหม่ใฝ่ธรรมะ" อบรมธรรมแก่นักศึกษา

ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2533 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระศรีสุทธิพงศ์ พ.ศ.2538 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ พระราชปริยัติดิลก พ.ศ.2545 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ พระเทพปริยัติสุธี

พ.ศ.2552 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่ พระธรรมปริยัติโมลี

กล่าวได้ว่า วัดบพิตรพิมุขวรวิหารมีพระภิกษุสามเณรอยู่จำพรรษาในแต่ละปีเป็นจำนวนมาก ผู้ปกครองวัดเห็นความสำคัญของการสืบต่อพระพุทธศาสนา จึงส่งเสริมให้พระภิกษุสามเณรได้รับการศึกษาอย่างเต็มที่ ทั้งภาคเช้าและภาคบ่าย

ปัจจุบัน วัดบพิตรพิมุขวรวิหาร ได้ขยายการศึกษาโดยแบ่งนักเรียนแผนกธรรม ชั้นนักธรรมชั้นตรีถึงนักธรรมชั้นเอก และแผนกบาลี ชั้นบาลีไวยากรณ์ ถึง ประโยค ป.ธ.3 ไปเปิดสอนที่วัดพรหมบุรี อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี เนื่องจากสถานที่ของวัดบพิตรพิมุขไม่เพียงพอต่อพระภิกษุสามเณรที่สนใจศึกษาพระปริยัติธรรม

พระธรรมปริยัติโมลี ยังได้สนับสนุนการศึกษาสงเคราะห์ของวัดบพิตรพิมุข จัดตั้งทุนการศึกษาสงเคราะห์พระภิกษุสามเณร และนักเรียน นิสิต นักศึกษา ในสถาบันการศึกษาทั่วไปตามมติมหาเถรสมาคมอีกด้วย

ส่วนกิจกรรมเพื่อสังคม ได้จัดโครงการอบรมบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน กำหนดวันที่ 6-20 เมษายนของทุกปี ด้วยเห็นว่า เยาวชนเป็นอนาคตของชาติ การพัฒนาเยาวชนเป็นอนาคตของชาติ การพัฒนาเยาวชนให้ซึมซับในพระธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนาเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง เน้นพัฒนาเยาวชนในด้านความรู้พระพุทธศาสนา ฝึกกิริยามารยาท

พระเดชพระคุณพระธรรมปริยัติโมลี ถือว่าเป็นพระเถระรูปหนึ่งของคณะสงฆ์ ที่มีวัตรปฏิบัติงดงาม เป็นนักปราชญ์ ในเรื่องการบริหารการปกครอง เป็นที่เคารพนับถือของพระสงฆ์สามเณร และอุบาสก อุบาสิกา

พระธรรมปริยัติโมลี ได้ถ่ายทอดหลักธรรมง่ายๆ แก่ชาวบ้านให้ยึดถือปฏิบัติ คือ การรักษาศีล 5 เนื่องจากปุถุชนคนธรรมดายังมีกิเลสอยู่ขอให้รักษาศีล 5 ให้ได้ก็พอชีวิตจะพบแต่ความเจริญรุ่งเรืองแน่นอน

ด้วยหลักใหญ่ใจความของพระธรรมปริยัติโมลีอยู่ที่การศึกษา ที่ท่านทุ่มเทเป็นชีวิตจิตใจและเป็นประธานรับผิดชอบมายาวนาน ส่งผลให้มีผู้สอบได้เปรียญธรรม 6-9 ประโยค เกือบทุกปี สร้างชื่อเสียงให้วัดวัดบพิตรพิมุข และสร้างศาสนทายาทให้พระพุทธศาสนามาตามลำดับ

ในวาระที่เจ้าประคุณพระธรรมปริยัติโมลี ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ในกาลวาระนี้

จึงสมควรที่คณะศิษย์จะได้ร่วมกันแสดงมุทิตาสักการะ



บันทึกการเข้า

คิดดี  ทำดี   ย่อมได้รับสิ่งดีๆ
Suchat  sriwicha  โทร D tac  0869486776  6หมู่3 บ้านน้ำบ่า(สระวัด)  ต.ดอนตะหนิน อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา 30120
....ผมไม่รู้ทุกเรื่อง.....

b.chaiyasith
แก้ปัญหาไม่ตกคุยกันเวลางานline:chiabmillion
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน650
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3004


ไม้ดีไม่ลอยน้ำมาไกล


อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: ธันวาคม 13, 2009, 09:15:33 AM »

ขอเพิ่มรูปปัจจุบันมีหลายองค์
บันทึกการเข้า

"CHIAB"
มนุษย์เราแต่ละคน  ต่างไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไม่มีใครรู้จักกันมาก่อนเลย  แล้ววันหนึ่งก็มาพบหน้ากัน  สมมุติเป็นพ่อ  เป็นแม่  เป็นเมีย  เป็นสามี  เป็นลูก  อยู่ร่วมกัน  ใช้ชีวิตร่วมกัน และแล้ววันหนึ่ง  ก็แยกย้ายด้วยการ  "ตายจาก"  กันไปสู่  ณ  ที่ซึ่งไม่มีใครได้ตามพบ  คืนสู่ความเป็นผู้ไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไปไหน  และคืนสู่ความเป็น  "คนแปลกหน้า"  ซึ่งกันและกันอนันกาลอีกครั้งหนึ่ง...และอีกครั้งหนึ่ง!?
ขอขอบคุณ คุณเปลว สีเงิน ที่ให้ข้อคิดดีๆ
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป: