สมบัติของพระอรหันต์ : หลวงปู่หลุย จนทสาโร
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สมบัติของพระอรหันต์ : หลวงปู่หลุย จนทสาโร  (อ่าน 1618 ครั้ง)
kittanan_2589
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน630
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2363


NightBaron


เว็บไซต์
« เมื่อ: กรกฎาคม 07, 2009, 02:51:57 PM »

การภาวนาลมหายใจเข้าออก เพื่อเป็นการพยุงความรู้ให้เด่น จะได้ปรากฏลมขัดขึ้นกับใจ ชำนาญลมแล้วน้อมเข้าไปท่ามกลางอก โดยเฉพาะสำคัญอยู่ด้วยสติ มีสติกำกับใจ ให้มีกำหนดลมทุกขณะเข้าออกสั้นยาว
จนลมละเอียดเข้าไปทุกทีจนละเอียด กองลมกับจิตเป็นอันเดียวกัน ทีนี้ให้กำหนดลมอยู่โดยเฉพาะ ใจไม่ต้องกังวลบริกรรมใด ๆ ทั้งสิ้น

เมื่อลมกับจิตละเอียดแล้วจะเกิดความสว่างไสว เยือกเย็น เป็นความสงบสุขรู้อยู่ในเฉพาะใจ ไม่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ใดๆ เพราะจิตวางภาระ มีความรู้อยู่เฉพาะใจดวงเดียว คือเป็นหนึ่ง (เอกัคตารมณ์) นี่ ผลที่ได้จากอานาปานสติกรรมฐาน ส่วนการภาวนาส่วนอื่นๆ ก็ดุจเดียวกัน นี่เป็นความสุข ที่สุขุมยิ่งกว่าที่เป็นมาแต่เก่าก่อน


* อำนาจ ทุกข อนิจจ อนตตา ชำนิชำนาญแล้วไม่มีเวลาดับ สว่างเรื่อย ๆ เพราะกำจัดความมืดคือ อวิชชา นี้เป็นสมบัติของพระอรหันต์จิตคงที่ จิตไม่กลับกลอก เพราะทานมีญาณและปัญญาผลิมาจากไตรลักษณ์


* อวิชชา ความรู้โกหกอันเดียว เที่ยวรังแกอริยสัจความจริงของพระธรรม เมื่อรู้ธรรมแล้วจิต กายปกติดี ไม่กดขี่บังคับ หรือ ส่งเสริมใด ๆ จากใจที่เคยเป็นมา ทั้งนี้เนื่องจากเป็นธรรม มีความเสมอภาค และให้ความเสมอภาคในสิ่งทั้งปวง จึงหมดศัตรูต่อกันเพียงนี้ ถึงอรหันต์แล้วชนะอวิชชา
ไม่มีตำหนิติชมให้เขาเป็นอะไรอีกแล้ว ชาวเมืองอยู่เป็นสุข เพราะอวิชชาเป็นมหาโจร เบียดเบียนชาวเมืองไปต่าง ๆ พระอรหันต์ท่านรักษาธาตุขันธ์ของท่านไป แต่ไม่ประคอง ราคะ โทสะ โมหะ ให้เดือดร้อน เป็นสุขอย่างยิ่ง


* ภาวนานั้น ถ้ามีแต่สมาธิอย่างเดียว ต้องมีนิมิตต่าง ๆ หลอกอยู่เรื่อย ๆ เกิดจากอุปจารสมาธิ มีอุคหนิมิต ทำให้เป็นบ้าไปได้
ทำให้จมอยู่ในสมาธิความสงบและสุขไปได้ ถ้าภาวนาเอาวิปัสสนาผสมสมาธิแล้ว ย่อมไม่กำเนิดนิมิต เพราะไตรลักษณ์ล้างอยู่เสมอ และไม่สำคัญตนและไม่เป็นบ้า เกิดนิมิตทั้งหลายก็รู้เท่าทัน ดังนี้เป็นต้น


* ทรมานกายนั้น ทรมานด้วยปฏิภาคนิมิตและอุคหนิมิต ทำอุปจาระ อัปปนาสมาธิ ให้แจ่มแจ้งชำนิชำนาญ จึงจะถอนอุปทานในรูปขันธ์เสียได้ (คือ เบื่อหน่าย)


* ส่วนทรมานนามธรรม เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ นั้น ให้ละด้วยไตรลักษณ์อย่างเดียว เพราะเป็นชั้นละเอียด


* อวิชชาครองเป็นบัลลังก์มาอเนกชาติ อวิชชาดวงนี้จะเที่ยว เกิด แก่ เจ็บ ตาย หมุนเวียนไปได้ทุกกำเนิด สูง ต่ำ ดี ชั่ว ในภพทั้ง 3 แม้จะแบ่งภพของสัตว์ไว้ต่าง ๆ กัน ในภพนั้น ๆ ไว้มากเท่าไร
ใจอวิชชาดวงนี้สามารถเกิดได้ทุกภพ ทุกชาติ ที่ใจดวงนี้มีการเกี่ยวข้อง ถือเรื่องผิดของตนเป็นลำดับ อวิชชาดวงเดียวนี้ ก่อเหตุร้ายป้ายสีไปทั่วโลกธาตุให้แปรสภาพคือธาตุล้วนของเดิม คือ อริยสัจไปต่าง ๆ ตามแต่อวิชชาจะตบแต่ง พระอรหันต์ชนะด้วยปัญญาเห็นชอบ เห็นตรงตามอริยสัจ


* อวิชชากับจิตกลมเกลียวกัน ทำบาปกรรมต่าง ๆ ในภพน้อยใหญ่ เที่ยวเร่ร่อนในไตรภพไม่รู้จักจบ


* นักปฏิบัติอย่างหลงกิเลสอย่างละเอียด ให้ใช้ปัญญาอริยสัจให้มาก ๆ ประกอบความเท็จจริง อริยสัจ ไตรลักษณ์เป็นขอบเขต ล้างกิเลสทั้งหลายให้พินาศไป เมื่อเห็นความไม่เที่ยงแล้ว จะเห็นความเที่ยงของจิตกลั่นมาจากความไม่เที่ยง ทุกข อนิจจ อนตตา นักปฏิบัติต้องทำใจให้เข้มแข็งต่อการทรมานจิตของตน ไม่ให้กระทบกระเทือน อัตตกิลมถานุโยค กามสุขัลลิกานุโยค ให้ไปโดยสายกลาง


* ให้ใช้ปัญญาเร่งความเพียรไม่หยุดยั้ง ขอให้ประกอบด้วยไตรลักษณ์ กิเลสมันจะเกิดขึ้น ณ ที่ไหน กิเลสก็ อยู่ ณ ที่ใจ ปัญญาก็อยู่ ณ ที่ใจ ไตรลักษณ์เป็นธรรมอุกฤษฏ์ ชำระกิเลสออกจากจิต ได้เดินมรรคพอแล้ว มันแก้เอง



http://kaosala.geranun.com/?p=28
__________________


ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสร้างตึกฝึกกรรมฐานและผ้ากฐินสีเงินประดับคริสตัล l ร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ l ร่วมไถ่ชีวิตโค-กระบือ l ช่วยวัดพระบาทน้ำพุด่วน l ร่วมทำบุญถวายพระไตรปิฏก


บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป: