Apisit
member
คะแนน 21
ออฟไลน์
กระทู้: 481
|
|
« เมื่อ: เมษายน 25, 2007, 01:38:13 PM » |
|
ผมขอเริ่มหัวข้อนี้เลยนะครับ ปัณหาหลังการติดตั้งคือเสียงรบกวน (หวีด) ออกทางลำโพงไม่จะเป็นการเปิดไฟเลี้ยว หรือการเหยียบเบรค ปัญหานี้คนติดตั้งสมัครเล่นเจอมากครับ แม้กระทั้งผม ใครมีประสพการ หรือวิธีการแก้เชิญเลยครับเพื่อเป็นวิทยาธารความรู้ให้ช่างไทยครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ความดีไม่มีขาย...อยากได้...ทำเองครับ
|
|
|
ถาวร-LSVteam
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
คะแนน 955
ออฟไลน์
กระทู้: 7987
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: เมษายน 25, 2007, 01:52:23 PM » |
|
เป็นหลายสาเหตุมากเลย แต่สิ่งหนึ่งที่มองข้ามมากก็คือแบตเตอร์รี เริ่ม ไมดีแล้วมันใกล้หมดอายุ นี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่ง ไว้จะยืมหนังสือตำราท้ารบกับสํญญาณรบกนในรถยนต์ จาเพื่อนมาแสกนไว้ให้ (ที่จริงมันก็หนังสือของผมเอง แต่ถูกบังคับขอซื้อไป)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ยังสร้างความฉิบหายให้ประเทศไทยไมพอกันอีกหรือ ผู้ใดคิดร้ายให้ร้ายพระองค์ มันจงพินาจฉิบหายในเวลาอันใกล้
|
|
|
TRT
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: เมษายน 25, 2007, 08:44:42 PM » |
|
ครับ เสียงรบกวนในรถยนต์นั้นมาจากหลายสาเหตุเลย อาจจะไม่ตรงกับอาการของคุณ Apisit นะครับ แต่เอาไปลองตรวจสอบดูนะครับ ซึ่งโดยส่วนใหญ่ที่ผมเจอมาคือ รบกวนมาจากไดชาร์ท หลายคนอาจจะบอกว่าไม่ใช่ แล้วมันไปเกี่ยวอะไรกับไดชาร์ทล่ะ อันนี้คุณลองดับเครื่องยนต์ดูซิครับ มีเสียงรบกวนหรือเปล่าเอ่ย เสียงรบกวนที่มันเกิดนี้ โดยส่วนมากมาจากการติดเครื่องยนต์ ทีนี้เรามามองที่ต้นเหตุของมัน นั่นคือไดชาร์ทมันจะผลิตไฟฟ้ากระแสสลับมาชาร์ทแบต รวมทั้งใช้ในรถด้วย และทุกคนคงพอจะรู้นะครับว่า การแปลงไฟสลับเป็นไฟตรงนั้น ทำให้เรียบสนิดนั้นยากมาก ซึ่งยังงัยก็ต้องมี " ริบเปิ้น " ว่าแต่จะน้อยหรือมากนั่นเอง ยิ่งถ้าความเร็วรอบมากขึ้น ความถี่ของไดชาร์ทก็มาก แล้วทีนี้ " ริบเปิ้น " ก็มากขึ้นด้วยครับ สังเกตุหรือเปล่าครับ เวลาเร่งเครื่องจะได้ยินเสียงรบกวนดังขึ้น ที่กล่าวมานั้นคือต้นเหตุใหญ่ ทีนี้เราไปดูวิธีการแก้ไข - อันดับแรกเลย เรามาตรวจเช็คการเดินสายสัญญาณใหม่ทั้งหมดก่อนนะครับ โดยอย่าให้สายสัญญาณอยู่ใกล้กับแหล่งกำเนิดเสียงนั้นๆ - ตรวจดูสายกราวด์ว่า จุดที่ลงกราวด์นั้นสะอาดดีพอหรือเปล่านะครับ ถ้าจุดต่อมีสี ควรขัดให้เห็นเนื้อเหล็กซะก่อนนะครับ ตรงนี้สำคัญมากทีเดียวครับ สมมุติว่าเพาเวอร์เรากินกระแสซัก 10 แอมป์ แล้วถ้าต่อกราวด์ไม่ดี กระแสก็จะใหลได้ไม่ถึง 10 แอมป์ สมมุติต่ออีกทีนะครับ สมมุติว่ากระแสใหลผ่านจุดต่อกราวด์ได้แค่ 5 แอมป์ แต่เมื่อเราเปิดกระจก หรือไฟเลี้ยวหรืออะไรต่างๆที่ใช้ไฟ กระแสจากที่เพาเวอร์กินอยู่ที่ 10 แอมป์ + กระแสไฟจากการเปิดไฟเลี้ยวซัก 0.5 แอมป์ คราวนี้กระแสก็จะแย่งกันใหล เสียงรบกวนก็จะเกิดได้ตรงนี้แหละครับ - ถ้ายังไม่ดีขึ้น ก็ให้ทำการ บายพาส คือการกรองเสียงรบกวนที่สายไฟหลักทิ้ง โดยหาซื้อตัวกรองไฟมา หรือว่าจะเอาแบบลูกทุ่งโดยการใช้ C 4700 ไมโคร 25 โวลย์ มาต่อที่ขั้วบวกของไดชาร์ทลงกราวด์ ( อันนี้ไม่ไช่การใช้ C เพื่อเพิ่มกำลังเพาเวอร์นะครับ อันนี้คือการบายพาส ) แล้วหลังจากเมนฟิวส์ก็ให้ต่อคอยล์ค่าประมาณ 1 mH อนุกรมเข้าไปด้วยนะครับ - อีกอย่างนึงคือการใช้ C 0.1 ไมโคร ต่อจากไฟ + ลงกราวด์ ให้ใกล้กับแหล่งกำเนิดเสียงรบกวนมากที่สุด ลองดูนะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SCLamps
member
คะแนน 27
ออฟไลน์
กระทู้: 325
ทางที่โล่งเตียนคือทางไปนรก ทางที่รกๆกลับวกไปสวรรค์
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: เมษายน 26, 2007, 10:47:16 PM » |
|
แล้วสัญญานรบกวนที่เข้าทางสายนำสัญญานละครับ มันเข้ามาแบบใหน รวมทั้งแนะนำการเดินสายนำสัญญานด้วยครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เปรมปรีดิ์อิเล็คทริค สุพรรณบุรี
|
|
|
TRT
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: เมษายน 27, 2007, 09:17:47 PM » |
|
อันนี้นะครับ หลายคนก็คงรู้ คงคุ้นมาแล้ว นะครับ สำหรับเสียงหวีดที่เข้ามาทางสายสัญญาณนั้น มันไม่ไช่มาโดยตรงนะครับ มันมาเพราะความถี่จากสายไฟข้างๆน่ะครับ ความถี่นั้น มันไม่จำเป็นต้องมีฉนวนครับ อาทิเช่น เราเดินสายไฟไปพร้อมกับสายสัญญาณ เหมือนกับว่าเราขี่รถตีคู่อยู่สองคัน แล้วทีนี้ รถข้างๆเราเป็น 10 ล้อ แล้วเขาเบียดเรา แล้วลองคิดดูครับ มันก็คล้ายๆกันนั่นแหละครับ วิธีแก้นะครับ อันนี้มันไม่ไช่เป็นวิธีแก้ใขหรอกครับ แต่มันควรเริ่มต้นตั้งแต่ติดตั้งแล้วนะครับ นั่นคือ เดินสายไฟ และสายสัญญาณแยกแนวกัน คือไม่เดินรวมกันในลักษณะขนานน่ะครับ หรือ ถ้าทำแล้วไม่หาย แก้ไม่ตก ก็ให้ใช้แผ่นฟอยล์ มาหุ้มสายสัญญาณด้วยครับ เพื่อกันสัญญาณรบกวน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
somchaiec
member
คะแนน 8
ออฟไลน์
กระทู้: 83
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: พฤษภาคม 01, 2007, 07:34:56 PM » |
|
-เรื่องแบตเตอรี่เสื่อมก็ใช่ -ต่อ C 0.1MF 250Vแบบไม่มีขั้วที่ขั่ว บวกของแบตลงกราว์ดก็ใช่ -สายสัญญาณต้องอยู่ห่างจากสายแบตอย่างน้อย 3นิ้ว -ถ้าระบบใช้เพาเวอร์แอม์ปควรวัดไฟเส้นรีโมทต้องได้ 12v ถ้าไม่ถึงให้ใช่รีเลย์ช่วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
pongsriri
member
คะแนน 1
ออฟไลน์
กระทู้: 15
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: พฤษภาคม 03, 2007, 11:09:10 PM » |
|
ผมติดเครี่องเสียงติดรถยนต์ กับรถตู้ โดยต่อกับ LCD 19" ภาพลายๆ พริ้วๆ ควรเเก้ไขย้งไงครับ ขอบคุณครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
hormok♥
สนับสนุนLSV-server
member
คะแนน 245
ออฟไลน์
กระทู้: 659
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: พฤษภาคม 06, 2007, 11:02:49 PM » |
|
คุณ pongsriri น่าจะเกิดจากสาย vdo นะครับลองหาสายดีๆหน่อย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
tong7080
member
คะแนน 2
ออฟไลน์
กระทู้: 137
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: มิถุนายน 19, 2007, 11:42:58 AM » |
|
เห็นด้วยกับคุณ TRT คือตอนติดตั้งพยายามอย่าเดินสายสัญญาณกับสายไฟมาอยู่ใกล้กันพยายามหลีกเลี่ยงให้ดี อีกวีธี หกล่องกันกวนมาดักระหว่างปรีมาหาแอมป์เสียงกลางเป็นอีกทางเลือกกล่องนี้มีสายไฟลงกาวล์ด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ko999
member
คะแนน 5
ออฟไลน์
กระทู้: 321
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: กรกฎาคม 12, 2007, 10:42:05 AM » |
|
แอมป์ 4 ch ลองกับหม้อแปลง ไม่มีเสียงกวน เอาลงติด รถ มิตซูบิชิ สตาด้า ถ้าไม่สตาร์ท รถไม่มีปัญหา แต่พอสตาร์ทรถเสียงกวนดังออกลำโพงเลยครับ ปัญหาน่าจะมาจากไหนครับ ลงกราวด์ดีแล้วครับ ลองใช้ C คร่อมแล้วครับ ยังไม่หายครับ ช่วยด้วยครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
worathep-LSV team
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
คะแนน 712
ออฟไลน์
กระทู้: 5066
รุ่งเรืองอิเล็กทรอนิกส์
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: กรกฎาคม 12, 2007, 11:06:48 AM » |
|
สัญญาณกวนมาจากระบบจุดระเบิดของเครื่องยนต์ เวลาเร่งเครื่องยนต์ให้รอบเร็วขึ้น เสียงหวีดก็จะมีเสียงสูงขึ้นใช่ใหม แก้โดยใช้ Filter Choke ต่อไฟแบตก่อนเข้าเครื่องเสียง ที่ร้านเครื่องเสียงรถยนต์มีขาย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
รับซ่อม TV-computer มี TV มือสองขาย รับสอนซ่อม-ประกอบคอมพิวเตอร์ มีจอมอนิเตอร์มือสองขาย ซ่อม อัพเกรด ประกอบคอมฯ มีคอมพิวเตอร์มือสองขาย รับติดตั้ง วางระบบแลน อินเตอร์เน็ต ราคาคุยกันได้ โทร 02-6934724
|
|
|
หลง สุรินทร์
วีไอพี
member
คะแนน 96
ออฟไลน์
กระทู้: 2441
ทีมงาน PS.SOUND
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: กรกฎาคม 12, 2007, 12:13:59 PM » |
|
ไม่ยาก มันมาจาก 1. แหล่งจ่าย 2 สนามแม่เหล็กที่เครื่องยนต์เมื่อมีการจุดระเบิดรถ สิ่งที่ผมทำบายพาสความถี่สูงออก ซะ และเดินสาย - (ลบ) ให้ไหญ่ขึ้นกว่าเดิม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
รับงานะบบ LAN Wireless ติดตั้ง CCTV ดูผ่านระบบออนไลน์ Remote ทำให้ได้ทั่วประเทศ
|
|
|
ko999
member
คะแนน 5
ออฟไลน์
กระทู้: 321
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: กรกฎาคม 12, 2007, 08:23:08 PM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
BenQ
member
คะแนน 214
ออฟไลน์
กระทู้: 4790
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: กรกฎาคม 12, 2007, 08:27:15 PM » |
|
1. ประมาณนั้นครับ 2. Bypass ใช้ C แบบไม่มีขั้วครับ เซรามิค หรือไมลาร์ก็ได้ หรือชนิดที่ดีๆกว่านี้ก็ได้ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ko999
member
คะแนน 5
ออฟไลน์
กระทู้: 321
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: กรกฎาคม 12, 2007, 10:34:37 PM » |
|
1 อันนี้ใช่ไหมครับ 2 ค่าC เท่าไหร่ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
narasak
member
คะแนน 2
ออฟไลน์
กระทู้: 216
รับติตั้งเครื่องเสียงรถยนต์
|
|
« ตอบ #15 เมื่อ: กรกฎาคม 15, 2007, 12:46:18 AM » |
|
ประเด็นสำคัญอยู่ที่การเลือกใช้และเดินสายสายไฟเป็นหลัก เอากันง่ายๆคิดกันแบบลูกทุ่งรถทุกคันวิศวกรเขาออกแบบมาดีทุกคันอยู่แล้วทั้งเรื่องระบบไฟและสัญญาณรบกวนต่างๆ ทำไมซื้อรถใหม่ฟังเครื่องเล่นที่แถมมากับรถทำไมไม่เกิดเสียงรบกวนล่ะพอเราไปให้ช่างติดฟร้อนไหม่เดินระบบใหม่ติดแอมป์และลำโพงเดินสายไฟใหม่เกินสัญญาณรบบกวนขึ้นมาทันที ที่ว่าใช้ C บายพาศสัญญาณ ใส่ตัวกันกวน เป็นการแก้ที่ปลายเหตุทั้งนั้นเครื่องเล่นซีดีแต่ล่ะรุ่นแอมป์แต่ละตัวมีการออกแบบแก้ปัญหาสัญญาณรบกวนมาอยู่แล้ว(ยกเว้นพวกจีนแดงนะมันหวยแตกมาก)อยู่ที่ช่างว่ามีความรู้ในการเลืกใช้และเดินสายไฟขนาดไหน เดียวคราวหน้าจะมาแฉให้ชาวเล็กซาวด์ฟังและกันว่าช่างสมัยนี้มันเดินสายไฟกันยังไงของง่ายๆมองกันซะลึกลับซับซ้อน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
BenQ
member
คะแนน 214
ออฟไลน์
กระทู้: 4790
|
|
« ตอบ #16 เมื่อ: กรกฎาคม 15, 2007, 12:54:44 AM » |
|
1 อันนี้ใช่ไหมครับ 2 ค่าC เท่าไหร่ครับ
1. ใช่ครับ 2. C 0.01uF 100V เซรามิคครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
narasak
member
คะแนน 2
ออฟไลน์
กระทู้: 216
รับติตั้งเครื่องเสียงรถยนต์
|
|
« ตอบ #17 เมื่อ: กรกฎาคม 15, 2007, 01:11:06 AM » |
|
ต่อและกันผมทำงานที่ร้านประดับยนต์+ซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าลูกมาเช็คซีดีรถยนต์ลำโพงไม่ดังก็จัดแจงดึงซีดีออกมาจากช่องเท่านั้นแหละอึงสายไฟหลุดมาทั้งกองช็อทสนั่นหวั่นไหวโอ้โหเดินสายไฟกันยังงี้เหรอไม่บัดกรีสายแถมใช้ผ้าเทปพันแบบลวกๆอีกคุณเคยผ่าสายRCAสำเร็จรูปดูไหมว่าข้างในเป็นอะไรบอกให้ก็ได้ ชีลกับอินเนอร์ตีเกรียวคู่เส่นเล็กกว่าขาไดโอดอีกไม่ใช่สายชีลแล้วมันจะป้องกันสัญญาณรบกวนได้อย่างไรวีดซิครับตามจังหวะเครื่องยนต์เลยจัดการแก้ไขไหมเดินสายชีลใช้ท่อหดเข้ากระดูกงูอย่างดีหายเลยบอกรถก็ได้ โตโยต้าไม้ตี้ เก่ามากไม่เห็นต้องใช้เลยตัวกันกวนหันไปหลังกระจกติดสติกเกอร์ร้าน.....ลอกออกต่อหน้าลูกค้าเลยให้ความสำคัญซัดนิดกับสายไฟแจ่มแน่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
BenQ
member
คะแนน 214
ออฟไลน์
กระทู้: 4790
|
|
« ตอบ #18 เมื่อ: กรกฎาคม 15, 2007, 01:13:15 AM » |
|
ใช่ครับ Choke มันแก้ที่ปลายเหตุ และไม่ได้ช่วยแก้เสียงรบกวนเลยครับ อาจจะได้นิดหน่อย แต่ผมว่าไม่คุ้มอ่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
zogzag-ป่วน
member
คะแนน 0
ออฟไลน์
กระทู้: 26
|
|
« ตอบ #19 เมื่อ: สิงหาคม 22, 2007, 09:22:42 PM » |
|
เชียร์ เรื่อง สายไฟ เส้นโต + จุดลงกราว์ แน่นๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
AS
member
คะแนน 8
ออฟไลน์
กระทู้: 125
|
|
« ตอบ #20 เมื่อ: สิงหาคม 24, 2007, 09:18:53 PM » |
|
ขอเสริมนิดนึงครับสายกราวแน่นๆแล้วต่อสายกราวถ้าต่อจุดเดียวกันจะดีที่สุดและเวลาขันสายกราวขูดสีรถให้ถึงตัวถังด้วยไฟกราวจะได้เดินสะดวกท่านอื่นเห็นว่าไงครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NTW_autosound
member
คะแนน 0
ออฟไลน์
กระทู้: 21
|
|
« ตอบ #21 เมื่อ: กันยายน 08, 2007, 09:33:55 PM » |
|
ผมแน่นำเลยนะครับถ้าเดินระบบดียังไงก็หมดปัญหาเสียงรบกวนแน่เลยครับ ประการคือการวางระบบครับผมต้องถามคุณว่าคุณวางระบบแบบไหน 1.สายสัญญาณและสายไฟรวมไปถึงสายลำโพงต้องเดินผ่านใต้เบาะนั่งเท่านั้นนะครับหน้าเดินตรงบันใดข้างประตูเพราะว่าตามหลักแล้วอะไรที่มันสามารถหมุนได้มันจะทำให้เกิดสนามแม่เหล็กและทำให้เกิดคลื่นรบกวนได้ 2.สายสัญญาณต้องเอาผ้าพันไม่ให้สายมันสัมผัสกับรถโดยตรง 3.สาย grund ต้องเส้นใหญ่พอ 4.สายทุกสายต้องอยู่ในสภาพที่ดีและสายไม่เก่าจนเกิดเป็นสนิมข้างในสาย เท่านี้ก็ไม่มีเสียงกวนแล้วครับ ผมถามอีกอย่างนะครับ front ของคุณเป็น front เดิมที่มากับรถหรือเปล่าแล้วก็มาใส่ line out มาต่อหรือว่าเป็น front ใหม่ ถ้าเป็น front เดิมแล้วมาใส่ line out ต้องดูว่าคุณเอา line out ไปไว้ไกล้กล่อง ecu เกินไปหรือเปล่าถ้าเป็นอย่างนี้ก็จะทำให้เกิดเสียงกวนได้ถ้าเป็น front ใหม่ให้ลองเอาสายสัญญาณที่ออกจาก front แต่ต้องเป็นสายที่เป็นหัวแบบทองเหลืองเท่านั้นนะแล้วก็ทำการบัดกรีสายไฟเข้ากับปลอกทองเหลืองแล้วก็เอาลง grund
แค่นี้ก่อนนะครับถ้าเกิดยังไม่หายอีกให้โทรมาถามผมได้นะครับ 0858507770 ผมชื่อ เปรมนะครับผมจบหลักสูตรเครื่องเสียงรถยนต์จากโรงเรียนเครื่องเสียงรถยนต์สมุทรสงครามนะครับผมพอจะมีคำตอบให้บ้างไม่มากก็น้อยนะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
toyota
member
คะแนน 2
ออฟไลน์
กระทู้: 57
|
|
« ตอบ #22 เมื่อ: ตุลาคม 09, 2007, 10:49:02 PM » |
|
ได้อ่านแล้วก็มีความรู้เพิ่มขอบคุณผู้มิประสปการณ์ที่มีใจเอิ้อเฟื้อ ปัญหาหวีดที่เจอส่วนมากจะกวนที่ปรีแอมป์ราคาถูกๆอย่ามองข้าม...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
bigalows
member
คะแนน 2
ออฟไลน์
กระทู้: 24
|
|
« ตอบ #23 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2007, 05:20:42 PM » |
|
ผมเคยเจอเหมือนกันครับ มีวิทยุ ซีดีบางรุ่น ต้องต่อ โช๊คกับสายไฟ เมมโมรี่ด้วยครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
aj anucha
member
คะแนน 2
ออฟไลน์
กระทู้: 47
|
|
« ตอบ #24 เมื่อ: มกราคม 28, 2008, 01:39:42 AM » |
|
รถผมเมื่อก่อนใช้ ตัวโช้คกระแสเหมือนกัน ดีขึ้นมานิดนึง แต่ตอนนี้เจ้านั้นได้พังไปแล้ว รถผมใช้เพาเวอร์class-d 1500wขับ 10" 1คู่ คลาส ab 400w rms 2คู่ จากการคำนวน ผมว่าระบบเครื่องเสียงมันใช้ไฟมากเกินไป จึงทำให้ตัว โช้คกระแส(L) มันทดรับแรงกระชากไฟไม่ไหว และได้สังเกตดู มันทดกระแสได้แค่50A เอง และผมได้รู้มาว่าคุณสมบัติมันจะทำให้แรงดันราบเรียบขึ้น โดยมันจะไม่ยอมให้กระแสเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในทันที จึงทำให้กระแสมันไปเช่ที่ตัวมันมาก จนพังในที่สุด +++++คำถาม+++++ 1.ผมอยาก ลองวีธีการต่อคร่อมตัว c ที่ไดชารท์ดู 2.อยากทราบว่าใครลองแล้วได้ผลเป็นไง 3.อยากให้พี่ช่วยโพส วงจรที่จะต่อด้วยครับ 4.ใช้ตัวc ขนาด13000uf 60v เป็นแบบกระบอกน้ำมันได้ไหม (โพสรูปตัว c แบบที่ใช้ด้วย แล้วบอกขั้ว+ - ด้วยครับ)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
kokko
member
คะแนน 4
ออฟไลน์
กระทู้: 48
K^_^...
|
|
« ตอบ #25 เมื่อ: เมษายน 01, 2008, 08:21:10 AM » |
|
ส่วนของผม ก็เป็นแต่ตอนนนี้หายแล้วครับ ลองเปยี่ยน อะไรตั้งหลายอย่าง หมดเงินไปเยอะ ใส่ Filter Choke ก็ไม่หาย แถมเสียงหายอีก สุดท้ายเป็นที่หัวเทียนครับ ถ้าเหยียบคันเร่งแล้วมีเสียงหวีดขึ้นมา ไม่ใช่เกิดจา ไดชาร์ต เลย มันเป็นเสียงไฟที่แตกที่หัวของหัวเทียน ถ้าไม่สม่ำเสมอ มันจะเกิด noice ตามมา วิธีแก้คือ เดินสายไปให้ห่างกันแล้วก็เปลี่ยนหัวเทียนเป็นหัวเทียนเข็มครับ ไฟแรงและเรียบ แรงเครื่องดีขึ้น เสียงรบกวนหาย วิธีนี้ลองดูครับ หัว NGK เข็ม ชุด 450 บาท ดีกว่าไปซื้อ Filter Choke มาใส่ไม่เห็นจะช่วยอะไรได้เลยนะผมว่า เปลืองเงิน ผมแนะนำหลายคนแล้ว 90% หายครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
somjai
member
คะแนน 0
ออฟไลน์
กระทู้: 8
|
|
« ตอบ #26 เมื่อ: พฤษภาคม 05, 2008, 10:35:28 AM » |
|
1 อันนี้ใช่ไหมครับ 2 ค่าC เท่าไหร่ครับ
จากรูป ขดลวดมันอยู่ในแท่งสีดำนั้ใช่ไหมครับ ผมก็เจอครับเสียงหวีด ร้านที่ผมติดเขาเดินสายให้แบบนี้ สาย(+) เดินด้านผู้โดยสาร โดยมีแค่สายลำโพงข้างประตูซ้ายเท่านั้นที่อยู่ใกล้สาย(+) ส่วนด้านคนขับก็มีสายสัญญาณกับสาย รีโมท จากปรีไป power ขึ้นแผง Sound หลัง (ต่อลบลงกราวด์) และปรีผมติดตรงคอนโซนกลาง ที่วางแก้วน้ำ(D-max) เจาะรูและใส่ปรีเข้าไป ด้านในมีกล่องไฟอยู่ (Air bag) มันมีผลทำให้เกิดสัญญาณรบกวนหรือเปล่าครับ และผมจะเริ่มเช็คจากไหนก่อนดีครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
rubbit
member
คะแนน 1
ออฟไลน์
กระทู้: 29
|
|
« ตอบ #27 เมื่อ: พฤษภาคม 30, 2008, 06:48:58 AM » |
|
นี่มันชุมนุมชาวยุทธ..ที่วัดเส้าหลินนี่นา .....เวลาบัดกรีสายกราวน์ต้องหาที่บัดกรีที่ใหญ่และวัตต์สูง เพี่อการทำละลาย..จะได้งานหางปลาสายกราวน์ที่มีคุณภาพสูง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
saitak
member
คะแนน 1
ออฟไลน์
กระทู้: 67
|
|
« ตอบ #28 เมื่อ: ตุลาคม 07, 2008, 09:17:06 PM » |
|
ผมก็เจอมาหลายแบบ แต่ขอเสนอแบบที่เจอน้อยมาก คือเปงกับเครื่องเล่นcd และปรี ผมเคยลองเปลี่ยนปรีจากรถทีมีเสียงวีด มาใส่รถที่ไม่มีเสียงวีดปลากดว่ารถที่มีเสียงวีด กลับไม่มี รถที่ไม่มี กลับมีเสียงวีด
และอีกคันคือเปลี่ยนปรีแล้วยังมีเสียงวีดอยู่ ผมก้อเลยลองเปลี่ยนเครื่องเล่นซีดีดูแต่ปรีตัวเก่า ปลากดว่าหาย
สงใสครั้งหน้าคงเปงกะเพาเวอร์
หมายเหตุ การทำอย่างนี้สินเปลืองเงินมากๆ แต่ก็เปงวิทีนึงที่ผมเคยเจอมา แล้วแก้อาการเสียงวีดหาย โดยวิทีนี้เปงวิทีสุดท้ายทีแก้เสียงวีดไม่หาย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
นาย ยุทธพล มาเกษม 201/13 ต. หนองไผ่ล้อม อ. เมือง จ.นครราชสีมา 30000 087-2444095 044-273598
|
|
|
|