มงคลที่​ ๑๖ ​ประพฤติธรรม​ - ​ธรรมะคุ้มครองโลก
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: มงคลที่​ ๑๖ ​ประพฤติธรรม​ - ​ธรรมะคุ้มครองโลก  (อ่าน 1864 ครั้ง)
Nattawut-LSV Team
E23IUY
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน808
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3581


อีเมล์
« เมื่อ: มีนาคม 16, 2009, 06:10:38 PM »

ธรรมะคุ้มครองโลก

        ​ธรรมกาย​เป็น​หลักของโลก​ ​ผู้​เข้า​ถึง​พระธรรมกาย​ ​คือ​ ​ผู้​เข้า​ถึง​แก่นแท้ของพระพุทธศาสนา​ ​พระบรมศาสดาทรง​เข้า​ถึง​ความ​เป็น​สัพพัญญูพุทธเจ้า​ ​เพราะ​ได้​บรรลุกายธรรมอรหัต​ ​จึง​ตรัสรู้​เป็น​พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า​ ​พระสัทธรรมคำ​สอนของพระองค์​ ​ล้วนออกมา​จาก​กลางธรรมกายที่กลั่นออกมา​จาก​ใจที่หยุดนิ่งอย่างสมบูรณ์​แล้ว​ ​ผู้​ที่​จะ​ศึกษาวิชชา​ใน​ทางพระพุทธศาสนา​ได้​ดี​ ​ต้อง​เป็น​ผู้​ที่มี​ใจหยุดนิ่งเช่น​กัน​ ​จึง​จะ​สามารถ​เข้า​ถึง​ธรรมอันขาวบริสุทธิ์ของพระพุทธเจ้า​ ​ที่​เรียกว่า​ ​สุกกธรรม

มีพระบาลี​ใน​ ​ขุททกนิกาย​ ​เทวธรรมชาดก​ ​ว่า
 
“​หิริ​โอตฺตปฺปสมฺปนฺนา​        ​สุกฺกธมฺมสมาหิตา​   
สนฺ​โต​ ​สปฺปุริสา​ ​โลเก​        ​เทวธมฺมาติ​ ​วุจฺจเร


สัปบุรุษ​ผู้​สงบระงับ​ ​ประกอบ​ด้วย​หิริ​และ​โอตตัปปะ​
ตั้งมั่น​อยู่​ใน​ธรรมขาว​ ​ท่านเรียกว่า​ผู้​มีธรรมของเทวดา​ใน​โลก​”

        ​ผู้​มีกาย​ ​วาจา​ ​ใจสงบ​ ​มีสติ​ ​มีหิริ​โอตตัปปะ​ ​ไม่​เบียดเบียนสัตว์​โลก​ ​ท่านเรียกว่า​เป็น​สัปบุรุษ​ ​ผู้​สงบระงับ​แล้ว​จาก​บาปกรรม​ ​มี​ความ​ละอายต่อ​ความ​ชั่ว​และ​เกรงกลัวต่อบาป​ ​มีธรรมของเทวดาที่​เรียกว่า​ “​เทวธรรม​”  ​ผู้​ประพฤติตามธรรมนี้​ ​ละ​โลกไป​แล้ว​ ​จะ​ไปบังเกิด​เป็น​สหายแห่งเทวดา​ใน​สุคติ​โลกสวรรค์​ ​เพราะ​ตั้งมั่น​อยู่​ใน​สุกกธรรม​ ​คือ​ ​ธรรมขาว​ ​หรือ​ธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า​ได้​ตรัสรู้

        ​หิริ​โอตตัปปะ ​คือ​ ​ธรรมคุ้มครองโลก​ ​ที่ทำ​ให้​โลกเกิด​ความ​สงบสุขร่มเย็น​ ​เป็น​สัญลักษณ์ที่บ่งบอก​ถึง​ความ​เจริญทางจิตใจของมวลมนุษยชาติ​ ​หิริ​โอตตัปปะ​และ​ศีล​ ๕ ​เป็น​สิ่งที่​ต้อง​ประพฤติร่วม​กัน​ ​เพราะ​เป็น​คุณธรรมพื้นฐานที่​เป็น​ปกติของมนุษย์​ ​เป็น​เหตุ​ให้​มนุษย์​อยู่​ร่วม​กัน​อย่างสันติสุข​ ​ดังเช่นเรื่อง​ใน​อดีตกาล

        *​สมัย​นั้น​ ​พระ​โพธิสัตว์​เสวยพระชาติ​เป็น​พระ​โอรสของพระ​เจ้ากุรุ​ ​ใน​นครอินทปัต​ ​เมื่อพระบิดาสิ้นพระชนม์​แล้ว​ ​ท่าน​ได้​ครองราชสมบัติ​แทน​ ​ทรงพระนามว่า “​พระ​เจ้าธนัญชัย​”  ​ทรงปกครองแผ่นดิน​ด้วย​ทศพิธราชธรรม​ ​และ​เป็น​ผู้​มีอัธยาศัย​ใน​การ​ให้​ทาน​เป็น​ชีวิตจิตใจพระองค์ทรงสละทรัพย์สิน​ส่วน​พระองค์​ ​เพื่อบริจาคทาน​ถึง​วันละ​ ๖๐๐,๐๐๐ ​กหาปณะ​ ​ทรงบริจาคทานมากมายทุกๆ​ ​วัน​ ​โดย​ไม่​เคยอิ่ม​ใน​บุญ​ ​ทรงดำ​ริ​เสมอว่า​ ​หากมี​ใครมาขออวัยวะ​หรือ​มาขอราชสมบัติ​ ​พระองค์​จะ​ยก​ให้​ทันที​ ​ใน​สมัย​นั้น​ที่​แคว้นกาลิงคะ​ซึ่ง​อยู่​ติด​กัน​ ​เกิดทุพภิกขภัยข้าวยากหมากแพง​ ​ฝน​ไม่​ตก​ต้อง​ตามฤดูกาล​ ​ชาวเมือง​ได้​รับ​ความ​เดือดร้อนอดอยากยากจน​ ​จึง​พา​กัน​มาร้องเรียนต่อพระราชา

        ​พระ​เจ้ากาลิงคะทรงเรียกประชุมเหล่า​เสนาอำ​มาตย์​ ​เพื่อ​ให้​ช่วย​กัน​หาทางแก้​ไขปัญหา​ ​แม้​จะ​พยายาม​ช่วย​กัน​แก้​ไขจนสุด​ความ​สามารถ​ ​แต่ชาวเมืองก็​ยัง​ได้​รับ​ความ​ลำ​บากเช่นเดิม​ ​พวกอำ​มาตย์​จึง​พา​กัน​กราบทูลว่า “​ใน​แคว้นอินทปัต​ ​พระ​เจ้าธนัญชัยทรงมีช้างมงคลที่ทำ​ให้​บ้านเมืองมี​ความ​เจริญรุ่งเรือง​ ​ถ้า​ได้​ช้างมงคลมา​ ​ฝนก็​จะ​ตก​ต้อง​ตามฤดูกาล​” 
 
        ​พระ​เจ้ากาลิงคะทรงมอบหมาย​ให้​พราหมณ์​ ๘ ​คน​ ​เป็น​ทูตไปนครอินทปัต​ ​เพื่อขอช้างมงคล​นั้น​พระ​โพธิสัตว์​เป็น​ผู้​ปรารถนาบริจาคทานทุกอย่าง​อยู่​แล้ว​ ​เมื่อพราหมณ์มาทูลขอ​ ​พระองค์ทรงมีพระทัยปีติยินดีว่า​ ​จะ​ได้​สละช้างมงคลเพื่อประ​โยชน์สุขแก่มหาชน​ ​จึง​พระราชทานช้างมงคล​ให้​พราหมณ์​ ​พร้อมอธิษฐานจิตเพื่อปรารถนาการ​ได้​บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณอัน​เป็น​ที่รักยิ่งเมื่อพราหมณ์นำ​ช้างมงคลมา​แคว้นกาลิงคะ​ ​ฝนก็​ยัง​ไม่​ตก​ ​ผู้​คน​ยัง​อดอยาก​อยู่​เช่นเดิม​ ​พระ​เจ้ากาลิงคะทรงดำ​ริว่า​ ​พระ​เจ้าธนัญชัย​เป็น​ผู้​ประพฤติธรรม​ ​ใน​แคว้นของพระองค์​จึง​อุดมสมบูรณ์​ ​ฝนฟ้าตก​ต้อง​ตามฤดูกาล​ ​จึง​มีพระดำ​รัส​ให้​อำ​มาตย์​ไปรับกุรุธรรมที่พระ​เจ้าธนัญชัยทรงรักษา​ ​เพื่อพระองค์​จะ​ได้​ประพฤติตามบ้าง

        ​กุรุธรรมที่พระราชาของชาวกุรุประ​เทศทรงประพฤติปฏิบัติสืบต่อ​กัน​มา​เป็น​ปกติ​ ​คือ​ ​ศีล​ ๕ ​นั่นเอง​ ​ทั้ง​พระราชมารดา​ ​อัครมเหสี​ ​จน​ถึง​ประชาชนคนธรรมดา​ ​แม้กระทั่งหญิงงามเมืองต่างพา​กัน​รักษาศีล​ ๕ ​เป็น​ปกติ​ ​เมื่อทุกคนมีศีลธรรม​ ​จิตใจ​จึง​ถูกปรับปรุง​ให้​ดีงามสะอาดบริสุทธิ์​ ​ทำ​ให้​สภาพแวดล้อมบรรยากาศของโลกพลอยสะอาดบริสุทธิ์ตามไป​ด้วย​ ​เป็น​เหตุ​ให้​ฝนตก​ต้อง​ตามฤดูกาล​ ​ข้าวปลาอาหารอุดมสมบูรณ์​ ​ทุกคน​ใน​เมือง​จึง​อยู่​เย็น​เป็น​สุขเหล่าอำ​มาตย์​ได้​นำ​ช้างมงคลกลับไปส่งคืน​ ​และ​ได้​ทูลขอกุรุธรรม​จาก​พระ​เจ้าธนัญชัย​ ​พระองค์ทรงเปี่ยมไป​ด้วย​ความ​เมตตากรุณาปรารถนา​จะ​ช่วย​เหลือชาวกาลิงคะ​ ​จึง​โปรด​ให้​เขียนกุรุธรรม​ทั้ง​ ๕ ​ข้อ​ ​ลง​ใน​แผ่นทองคำ​คือ
ข้อที่​ ๑ ​ให้​พระราชา​และ​พสกนิกร​ทั้ง​หมด​ ​อย่า​เบียดเบียนทำ​ร้ายชีวิตสัตว์​อื่น​
ข้อ​ ๒ ​อย่า​ได้​ลักขโมย​ ​ถือเอาสิ่งของที่คน​อื่น​ยัง​ไม่​อนุญาต​
ข้อ​ ๓ ​ห้ามประพฤติผิด​ใน​กาม​ ​ให้​ยินดี​ใน​คู่ครองของตน​
ข้อ​ ๔ ​ให้​เว้น​จาก​การพูดเท็จ​ ​พูดส่อเสียด​ ​พูดคำ​หยาบ​ ​พูดเพ้อเจ้อ​ ​และ​ข้อสุดท้าย​ ​ให้​เว้น​จาก​การดื่มน้ำ​เมา​และ​สิ่งเสพติด​ให้​โทษ​ ​ซึ่ง​เป็น​ทางมา​แห่ง​ความ​ประมาท
        ​เมื่อเหล่าอำ​มาตย์ทูลขอกุรุธรรม​จาก​พระราชา​แล้ว​ ​ได้​อัญเชิญไปสู่​แคว้นกาลิงคะ​ ​พระ​เจ้ากาลิงคะทรงสมาทานกุรุธรรม​ทั้ง​ ๕ ​ข้อ​นั้น​ ​ทรงตั้งใจประพฤติตาม​ ​อีก​ทั้ง​ได้​ประกาศว่า “​หากทุกคนอยาก​จะ​ให้​ฝนฟ้าตก​ต้อง​ตามฤดูกาล​ ​อยากมีชีวิตอุดมสมบูรณ์​ ​ครอบครัว​อยู่​ร่วม​กัน​อย่างมี​ความ​สุข​ ​ให้​รักษากุรุธรรม​ ๕ ​ข้อนี้อย่างเคร่งครัด​”  ​มหาชนต่างพา​กัน​ประพฤติตาม​ด้วย​ความ​เต็มใจ​กัน​ถ้วนหน้า

        ​เมื่อทุกคน​ใน​บ้านเมืองพร้อมใจ​กัน​ประพฤติ​อยู่​ใน​ธรรม​ ​สิ่งอัศจรรย์ก็บังเกิดขึ้น​ ​แผ่นดินที่​เคยแห้งแล้งมาช้านาน​ ​เริ่มมีฝนตกมาหล่อเลี้ยง​ให้​ชุ่มเย็น​ ​สภาพเศรษฐกิจที่​เคยฝืดเคืองก็​เกิดสภาพคล่อง​ ​ชีวิต​ความ​เป็น​อยู่​ที่​เคยขัดสน​ได้​รับ​ความ​ทุกข์ยาก​ ​ก็​เปลี่ยนแปลงไปสู่​ความ​เป็น​อยู่​ที่ดีขึ้น​ ​ทุกคนต่าง​ได้​รับ​ความ​สุข​ ​ทั้ง​หมดนี้​เป็น​ผล​จาก​การประพฤติธรรม​ ​บ้านเมือง​จึง​กลับเจริญรุ่งเรืองอีกครั้ง​ ​ทำ​ให้​ชาวเมืองรอดพ้น​จาก​ภัยพิบัติ​ ​และ​วิกฤตการณ์​ทั้ง​ปวง
 
        ถ้า​ชาวโลกประพฤติธรรม​ ​ธรรมย่อมคุ้มครองโลก ​แค่ทุกคนรักษาศีล​ให้​บริสุทธิ์​ ​ก็​สามารถ​พลิกฟื้นสถานการณ์บ้านเมือง​ ​จาก​ภาวะที่​เศรษฐกิจตกต่ำ​ ​ให้​กลับดีขึ้นอย่างอัศจรรย์​ ​ยิ่ง​ถ้า​ทุกคนปฏิบัติธรรม​ ​ทำ​ใจ​ให้​หยุดนิ่งพร้อมๆ​ ​กัน​ทั่ว​ทั้ง​โลก​ ​ได้​เข้า​ถึง​พระธรรมกาย​กัน​ทุกคน​ ​สันติสุขที่​แท้จริงย่อมบังเกิดขึ้นอย่าง​ไม่​ต้อง​สงสัย​ ​ธรรมะ​จึง​เป็น​สิ่งเดียว​เท่า​นั้น​ที่​จะ​ช่วย​คุ้มครองโลก​ให้​อยู่​รอดปลอดภัย

        ​ใน​ภาวะที่บ้านเมือง​เป็น​เช่นนี้ ​สิ่งที่​เรา​ต้อง​ช่วย​กัน​ทำ​ ​คือ​ ​ให้​มี​เมตตาต่อ​กัน​ ​มี​ความ​เสียสละ​แบ่งปัน​ ​รู้จักสร้างบุญบารมี​ให้​เพิ่มขึ้น​ ​เพราะ​บุญ​เป็น​บ่อเกิดแห่ง​ความ​สุข​และ​ความ​สำ​เร็จ​ใน​ชีวิต​ ​ถ้า​เรามีบุญมาก​ ​อุปสรรคก็​ไม่​มี​ ​ถ้า​มีบุญน้อย​ ​อุปสรรคก็มีมาก​ ​กระ​แสบุญ​จะ​ช่วย​เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่าง​ให้​ดีขึ้น​ได้​ ​ขอ​ให้​ทุกคนมีจิตใจที่ดี​ ​เชื่อมั่น​ใน​บุญ​กัน​จริงๆ​ ​และ​ตั้งใจปฏิบัติธรรม​ ​ทุกสิ่งทุกอย่างย่อม​จะ​ดีขึ้นอย่างแน่นอน​ ​โลก​จะ​เป็น​อย่างไร​ ​ขึ้น​อยู่​กับ​จิตใจของเรานั่นเอง

        ​การที่พวกเรา​ได้​ปฏิบัติธรรมอย่างสม่ำ​เสมอ​ใน​เวลาธรรมกาย​ ​เพื่อ​ให้​เข้า​ถึง​พระธรรมกาย​นั้น​ ​นับ​เป็น​ผู้​ฉลาด​ใน​การแก้​ไขปัญหาชีวิต​ ​เป็น​การพัฒนาคุณภาพชีวิต​ให้​สูงขึ้น​ ​เพราะ​เมื่อใจหยุดนิ่ง​ ​เรา​จะ​เข้า​ถึง​ชีวิต​ใน​ระดับลึก​ ​จะ​เข้า​ถึง​ดวงธรรม​ ​ดวงศีล​ ​ดวงสมาธิ​ ​ดวงปัญญา​ ​ดวงวิมุตติ​ ​ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ​ ​เข้า​ถึง​กายภาย​ใน​และ​กายธรรมไปตามลำ​ดับ​ ​จนกระทั่ง​ถึง​กายธรรมอรหัต​ซึ่ง​เป็น​ชีวิตที่สมบูรณ์ที่สุด​ ​ถือว่า​ได้​บรรลุ​เป้าหมายอันสูงสุดของชีวิต​เพราะ​ฉะ​นั้น​ ​ให้​ทุกๆ​ ​ท่านหมั่นฝึกใจ​ให้​หยุดนิ่ง​ให้​เข้า​ถึง​พระธรรมกาย​ ​จะ​ได้​ช่วย​กัน​เปลี่ยนวิกฤต​ให้​เป็น​โอกาส​ ​เป็น​การแก้​ไขปัญหาทุกเรื่องที่​เกิดขึ้น​ใน​โลก​ ​เพราะ​ทุกอย่าง​ต้อง​เริ่มต้น​จาก​จิตใจที่ดีงาม​ ​นั่นคือ​ ​สันติภาพภายนอก​ต้อง​เกิด​จาก​สันติสุขภาย​ใน​ ​และ​สันติสุขภาย​ใน​ต้อง​เริ่ม​จาก​ใจที่หยุดนิ่ง​  ​ดัง​นั้น​ ​ให้​ขยันหยุดใจ​ให้​เข้า​ถึง​พระธรรมกาย​กัน​ทุกคน​   
 
พระธรรมเทศนา​โดย​ : ​พระราชภาวนาวิสุทธิ์​ (ไชยบูลย์​ ​ธมฺมชโย)   


บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป: