พักผ่อนชาร์ทแบตเมืองน่านกับกล้องคอมแพ็คคู่กาย
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่21"
เมษายน 29, 2024, 10:38:11 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 [2]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: พักผ่อนชาร์ทแบตเมืองน่านกับกล้องคอมแพ็คคู่กาย  (อ่าน 27309 ครั้ง)
winai4u-LSV team
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน673
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3025



« ตอบ #29 เมื่อ: ธันวาคม 04, 2008, 03:12:12 PM »

ช่างประจวบเหมาะเสียเหลือเกิน ที่วัดมีพระนอนองค์ใหญ่ซึ่งเป็นพระประจำวันเกิดผมเสียด้วย จึงได้เข้าไปนมัสการ (ถ่ายภาพยากมากครับเพราะพื้นที่ค่อนข้างจะลงตัวกับองค์พระ


บันทึกการเข้า

winai4u-LSV team
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน673
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3025



« ตอบ #30 เมื่อ: ธันวาคม 04, 2008, 03:15:25 PM »

องค์พระธาตุ ในมุมต่าง ๆ ครับ ถ่ายไปเรื่อย  Tongue


บันทึกการเข้า
winai4u-LSV team
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน673
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3025



« ตอบ #31 เมื่อ: ธันวาคม 04, 2008, 03:18:30 PM »

แถมอีก 2 ภาพครับ เดี๋ยวพาเที่ยวต่อครับ วัดไหนก่อนดีหนอ  Tongue


ภาพนี้ถ่ายจากด้านหลังวิหารครับ


ท่านสามารถศึกษาข้อมูลของวัดพระธาตุแช่แห้งได้ที่นี่ครับ http://www.rd.go.th/nan/37.0.html
และมีอีกหลายเวป Search เอาทาง google ครับ
บันทึกการเข้า
winai4u-LSV team
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน673
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3025



« ตอบ #32 เมื่อ: ธันวาคม 04, 2008, 03:26:21 PM »

มาต่อกันที่วัดสำคัญอีกวัดหนึ่งของเมืองน่าน นี้ก็คือวัดภูมินทร์ครับ

วัดภูมินทร์ อยู่ใกล้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่านเป็นวัดที่มีลักษณะแปลกกว่าวัดอื่น ๆ คือ โบสถ์และวิหาร สร้างเป็นอาคารหลังเดียวกัน ประตูไม้ทั่งสี่ทิศ แกะสลักลวดลายงดงามโดยฝีมือช่างเมืองน่านนอกจากนี้ฝาผนังแสดงถึงชีวิตและวัฒนธรรมของยุดสมัยที่ผ่านมาตามพงศาวดารของเมืองน่าน วัดภูมินทร์สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2319 โดยเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์ สร้างขึ้น หลังจากขึ้นครองนครน่านได้ 6 ปีปรากฎในคัมภีร์เมืองเหนือว่าเดิมชื่อ "วัดพรหมมินทร์ " ซึ่งเป็นชื่อของเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์ ผู้สร้างแต่ตอนหลังชื่อวัดได้เพี้ยนไปจากเดิมเป็นวัดภูมินทร์ดั้งกล่าวความสวยแปลกของวัดภูมินทร์ที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนเป็นหนึ่งเดียวในประเทศไทยคือเป็นพระอุโบสถและพระวิหารสร้างเป็นอาคารหลังเดียวกัน เป็นทรงจตุรมุข (กรมศิลปากรได้สันนิษฐานว่าเป็นอุโบสถจตุรมุขหลังแรกของประเทศไทย) นาคสะดุ้งขนาดใหญ่แห่แหนพระอุโบสถเทินไว้บนกลางลำตัวตรงใจกลางพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่สี่องค์ ประทับนั้งบนฐานชุกชี หันพระพักตร์ออกด้านประตู ทั้งสี่ทิศ เบื้องพระปฤษฎางค์ชนกันภายในพระอุโบสถ มีภาพจิตรกรรมฝาผนังศิลปกรรมไทลื้อ ที่เล่าเรื่องชาดก ตำนานพื้นบ้านและความเป็นอยู่ของชาวน่านในอดีต



บันทึกการเข้า
winai4u-LSV team
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน673
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3025



« ตอบ #33 เมื่อ: ธันวาคม 04, 2008, 03:29:51 PM »

ทุกอย่างล้วนวิจิตรงดงามครับ หากเสียแต่ว่าฝีมือและกล้องผมสามารถมีได้เพียงเท่านี้  Grin


พระประธานจตุรพักต์ในพระวิหารหลวง

บันทึกการเข้า
winai4u-LSV team
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน673
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3025



« ตอบ #34 เมื่อ: ธันวาคม 04, 2008, 03:34:41 PM »

มีจิตรกรรมฝาผนังมากมายแสดงถึงวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของชาวน่านในสมัยอดีตที่ควรอนุรักษ์ไว้อย่างยิ่ง


น้องเสื้อสีชมภูนี้เป็นมัคคุเทศน้อยอาสาครับ จะคอยอธิบายทุกอย่างที่เกี่ยวกับวัดนี้ให้เราฟังครับ น่าส่งเสริมเป็นยิ่งนัก รัฐบาลโปรดทราบ

บันทึกการเข้า
winai4u-LSV team
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน673
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3025



« ตอบ #35 เมื่อ: ธันวาคม 04, 2008, 03:36:52 PM »

ราวบันไดครับ


ภาพของวัดนี้เคยตีพิมพ์ลงในธนบัตรใบละ 1 บาทเมื่อสมัยผมยังไม่เกิด ท่านใดมีเก็บไว้เอามาปันกันดูบ้างนะครับ


บันทึกการเข้า
winai4u-LSV team
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน673
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3025



« ตอบ #36 เมื่อ: ธันวาคม 04, 2008, 03:44:41 PM »

เดินข้ามฟากถนนมา ก็จะเป็นพิพิธฑภันฑ์ประจำจังหวัดน่านครับ มีสิ่งสำคัญอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคืออะไรเดี๋ยวไปดูกันครับ


เดินกันเพลิน ๆ ครับ ไม่ไกลมาก



บันทึกการเข้า
winai4u-LSV team
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน673
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3025



« ตอบ #37 เมื่อ: ธันวาคม 04, 2008, 03:46:20 PM »

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน ตั้งอยู่ภายในบริเวณคุ้มของอดีตเจ้าผู้ครองนครน่าน ที่เรียกว่า "หอคำ" โดยเจ้าสุริยพงศ์ผริตเดช เจ้าเมืองน่าน สร้างขึ้นเป็นที่ประทับ เมื่อ พ.ศ. 2446 ลักษณะตัวอาคารโอ่โถงงดงามก่ออิฐถือปูนแข็งแรง แต่ตกแต่งให้อ่อนช้อยสวยงามด้วยลายลูกไม้ นับเป็นสถาปัตยกรรมก่อสร้างที่ดีเด่นแห่งหนึ่งของเมืองไทย นอกจากนั้นบริเวณด้านหน้าพิพิธภัณฑ์เป็นที่ตั้งอนุสาวรีย์เจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช ผู้เป็นเจ้าของหอคำแห่งนี้ด้วย กรมศิลปากรได้รับมอบอาคารหอคำเพื่อใช้เป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจังหวัดน่าน เมื่อปี พ.ศ. 2517 แล้วจึงนำโบราณวัตถุ ตลอดจนสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ศิลปะ โบราณคดี และชาติพันธุ์วิทยาประจำท้องถิ่น มาจัดแสดงให้ชมอย่างมีระบบและระเบียบสวยงาม คือ ส่วนที่เป็นห้องจัดแสดงชั้นล่าง จัดแสดงชาติพันธุ์วิทยาเกี่ยวกับล้านนา เช่นลักษณะอาคารบ้านเรือนและเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน การทอผ้าและผ้าพื้นเมืองน่านแบบต่างๆ ที่สวยงามมาก การสาธิตงานประเพณีและความเชื่อต่างๆ เช่น การแข่งเรือ จุดบ้องไฟสงกรานต์ และพิธีสืบชะตา เป็นต้น ที่น่าสนใจในการจัดแสดงห้องโถงข้างล่างนี้ ยังมีการจัดแสดงเรื่องราวชีวิตความเป็นอยู่และเครื่องใช้ของชนกลุ่มน้อยในเมืองน่าน รวม 5 เผ่าด้วยกัน คือ ไทยลื้อ แม้ว เย้า ถิ่น และผีตองเหลือง ส่วนบริเวณห้องจัดแสดงชั้นบน เป็นการจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเมืองน่าน การสร้างเมือง และ โบราณสถานที่สำคัญ รูปถ่ายโบราณ งานประณีตศิลป์ เครื่องใช้เงินตรา อาวุธ ศิลาจารึก และเครื่องถ้วยชามที่ค้นพบในเมืองน่านที่สำคัญที่สุดได้แก่ ห้องเก็บ "งาช้างดำ" ซึ่งเป็นปูชนียวัตถุคู่เมืองน่าน ตามประวัติกล่าวไว้ว่า ได้มาจากเมืองเชียงตุง ตั้งแต่ครั้งโบราณ เมื่อเจ้ามหาพรหมสุรธาดา เจ้าผู้ครองนครน่านองค์สุดท้ายถึงแก่พิราลัย เจ้านายบุตรหลานจึงมอบให้เป็นสมบัติของแผ่นดินพร้อมหอคอย ลักษณะของงาช้างดำนี้เป็นงาปลีเปลือกสีน้ำตาลเข้า ขนาดความยาว 97 เซนติเมตร วัดโดยรอบ 47 เซนติเมตร มีน้ำหนักประมาณ 18 กิโลกรัม ส่วนปลายมนมีจารึกอักษรธรรมล้านนา ภาษาไทยกำกับไว้ว่า "กิ่งนี้หนักหนึ่งหมื่นห้าพัน" หรือประมาณ 18 กิโลกรัม
บันทึกการเข้า
winai4u-LSV team
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน673
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3025



« ตอบ #38 เมื่อ: ธันวาคม 04, 2008, 03:54:18 PM »

น่าเสียดาย ที่ทางพิพิธภัณฑ์ ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ ซึ่งก็เป็นกฎสากลของทุกที่ จึงมิได้นำภาพของสำคัญคู่เมืองน่านมาให้ชมครับ... ของสำคัญที่ว่านี้คือ งาช้างดำครับ ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น แต่โชคยังดีครับ มี Post card จำหน่ายผมเลยซื้อมาและจัดการ Scan มาให้ชมครับ


ภาพนี้ สแกนมาจึงได้เพียงเท่านี้ ซึ่งต่างจากดูของจริงครับ งาช้างดำนี้ จะจัดแสดงอยู่ชั้นสองห้องในสุดทางด้านซ้ายมือ ครับงาช้างดำจะอยู่ในห้องกระจกติดแอร์อย่างดีและมีระบบรักษาความปลอดภัยอย่างดีครับ บรรยากาศในห้องตอนที่ผมเข้าไปดูนั้น บอกไม่ถูกครับ แต่ก็สัมผัสได้ถึงความเก่าแก่โบราณและขนลุกครับ (เข้าไปคนเดียวด้วย  Tongue )
บันทึกการเข้า
winai4u-LSV team
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน673
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3025



« ตอบ #39 เมื่อ: ธันวาคม 04, 2008, 03:57:24 PM »

คงต้องพักไว้ที่ พิพิธภัณฑ์ นี้ก่อน คราวหน้าจะไปต่อที่วัดไหน เดี๋ยวมาต่อครับ  Tongue
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!