หงส์แดงล้างแค้นผีสำเร็จ ยิงแซงชนะ2-1ไล่'วีดิช'
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่21"
เมษายน 29, 2024, 05:06:02 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: หงส์แดงล้างแค้นผีสำเร็จ ยิงแซงชนะ2-1ไล่'วีดิช'  (อ่าน 1949 ครั้ง)
แวมไพร์-LSVteam♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน912
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3712


..เรียนให้รู้เป็นครูเขา.Learning by doing


« เมื่อ: กันยายน 14, 2008, 01:13:38 AM »





พรี เมียร์ลีก อังกฤษ สุดสัปดาห์นี้ (13 ก.ย.) เป็นซูเปอร์บิ๊กแมตช์ ศึกแดงเดือด ระหว่าง 2 ทีมสีแดง "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟิลด์ รับกการมาเยือนของแชมป์เก่า คู่แค้นตลอดกาล "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

โดย เจ้าถิ่นได้ เฟร์นานโด ตอร์เรส กองหน้าตัวเก่ง และ สตีเวน เจอร์ราร์ด กัปตันทีมไดนาโม หายจากอาการบาดเจ็บกลับมาได้ทัน แต่มีชื่อเป็นเพียงแต่ตัวสำรอง ขณะที่ อัลเบิร์ต ริเอร่า ปีกซ้ายตัวใหม่ที่เพิ่งซื้อมา ถูกส่งลงสนามทันที และดัน เดิร์ก เคาท์ ไปยืนเป็นกองหน้าคู่กับ ร็อบบี คีน ขณะที่แมนฯ ยูไนเต็ด ส่ง ดิมีทาร์ เบอร์บาตอฟ กองหน้าชาวบัลแกเรีย ที่ซื้อตัวมาจาก สเปอร์ส ลงสนามในแนวรุกร่วมกับ คาร์ลอส เตเบซ และ เวย์น รูนีย์

เริ่ม เกมมาเป็นเจ้าถิ่นที่บุกใส่อย่างรวดเร็ว แต่กลับต้องตกเป็นฝ่ายตามหลังก่อนแค่นาทีที่ 3 เมื่อ เบอร์บาตอฟ พาบอลไปถึงเส้นหลัง ดึงกองหลังลิเวอร์พูลตามไปรุม 2 คน ก่อนจ่ายกลับไปยังพื้นที่ว่างหน้าปากประตู ให้ เตเบซ วิ่งมายิงเต็มข้อ บอลพุ่งหายเข้าไปกองก้นตาข่ายให้ แมนฯ ยูไนเต็ดขึ้นนำ 1-0

ลิ เวอร์พูลยังไม่ตื่นเต้นแม้จะตามหลัง บุกกลับขึ้นมาและได้ลุ้นจากลูกวอลเลย์ของ เคาท์ แต่เฉี่ยวเสาออกไป จังงหวะถัดมา ลิเวอร์พูลได้เตะมุม เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ออกมาตัดบอลพลาด มาเข้าทาง เคาท์ วอลเลย์สวนระยะ 3 หลา แต่ ฟาน เดอร์ ซาร์ ซึ่งนอนอยู่ยังเร็วยกมือขึ้นป้องกันไว้ได้ ก่อนที่ เวส บราวน์ จะเตะทิ้งออกไป

เจ้า ถิ่นเริ่มจะกลับเข้าสู่เกมของตัวเอง ได้ครองบอลมากขึ้น และนาทีที่ 27 ก็มาได้ประตูตีเสมอ จากจังหวะยิงไกลของ ชาบี อลองโซ บอลแฉลบกองหลังลอยโด่งไปหน้าประตู ฟาน เดอร์ ซาร์ ออกมาปัดบอล แต่บอลดันไปโดนหน้าแข้งของ เวส บราวน์ ที่อยู่ใกล้ๆ กระเด้งเข้าประตูตัวเอง  ให้ลิเวอร์พูลตีเสมอเป็น 1-1 ท้ายครึ่งแรก เคาท์ ยังได้ลองยิงไกลอีกครั้ง แต่บอลไปเข้าซองผู้รักษาประตู หมดครึ่งแรก เสมอกัน 1-1

เกม ครึ่งหลังแทบจะเรียกได้ว่าตกเป็นของลิเวอร์พูลโดยสิ้นเชิง เปิดฉากขึ้นมา ริเอร่า ได้กระชากเข้าไปเปิดมาหน้าประตู เดิร์ก เคาท์ เกือบจะได้ยิง แต่ พาทริช เอฟรา แหย่ทิ้งออกหลังได้ทัน เกมฝั่งซ้ายเจ้าถิ่นกดดันทีมเยือนได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลากเลื้อยของ ริเอร่า แต่จังหวะเปิดอีกครั้ง ถูก เนมานย่า วีดิช โขกทิ้งได้ทัน

ลิ เวอร์พูลยังทำเกมได้เหนือกว่าผีแดง จังหวะถัดมา คีน หยอดบอลให้ ยอสซี เบนายูน หลุดเข้าไปเกือบได้ยิงแต่ ฟาน เดอร์ ซาร์ บล็อกได้ทัน ยิ่งเล่น ลิเวอร์พูลยิ่งดีกว่า แถม แมนฯ ยูไนเต็ด ยังต้องมาเสีย ไมเคิล คาร์ริค กองกลางที่บาดเจ็บจากการปะทะกับผู้เล่นลิเวอร์พูล ต้องเปลี่ยน ไรอัน กิกส์ ลงมาเล่นแทน

จังหวะ ลุ้นประตูยังเป็นของลิเวอร์พูล ฮาเวียร์ มาสเคราโน ยิงยัดเข้าไปหน้าประตู ร็อบบี คีน พุ่งชาร์จแต่โดนเฉี่ยวๆ ทำให้พลาดโอกาสได้ประตุไปอย่างน่าเสียดาย

ไร อัน กิกส์ ทำเอาแฟนบอลในสนามครางฮือ เมื่อยิงลูกใบไม้ร่วงระยะประมาณ 25 หลา บอลเกือบมุดใต้คาน แต่ โฆเซ เรน่า ยังตามไปปัดไว้ได้ด้วยปลายนิ้ว ผีแดงชวดโอกาสขึ้นนำ แต่จังหวะถัดมากลายเป็นลิเวอร์พูลที่ขึ้นนำ 2-1 ในนาทีที่ 77 เมื่อ มาสเคราโน เลี้ยงหนี กิกส์ บริเวณเส้นหลังเขตโทษ ก่อนไหลให้ เคาท์ จ่ายต่อให้ ไรอัน บาเบิล ที่ยืนรอๆ โล่งหน้าประตู ซัดเข้าไปไม่เหลือ

เจ้า ถิ่นได้ใจเกือบได้ประตูที่ 3 เมื่อ เอฟรา จ่ายขวางสนามพลาดถูก คีน ตัดบอลกระชากเกือบเข้าเขตโทษ แต่โดน วีดิช ทำฟาวล์ เกือบเป็นใบแดง แต่ยังดีที่ผู้ตัดสินให้เพียงแค่ใบเหลือง อย่างไรก็ตาม จังหวะฟรีคิกของเจ้าถิ่นก็ไม่สามารถทำอะไรทีมเยือนได้

ทีม เยือนต้องมาเหลือผู้เล่นแค่ 10 คนก่อนหมดเวลา 2 นาที วีดิช ทำฟาวล์ อลองโซ รุนแรงถูกใบเหลืองที่ 2 เป็นใบแดงไล่ออกจากสนามไป ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ลิเวอร์พูลเกือบได้ประตูฝัง เมื่อ บาเบิล โชว์ความสามารถเฉพาะตัว เลี้ยงเลาะในเขตโทษ ก่อนจ่ายให้ เคาท์ ได้ยิงโล่งๆ ไม่เกิน 5 หลา แต่ ฟาน เดอร์ ซาร์ ยังยอดเยี่ยม ใช้ขาเซฟไว้ได้ จบเกม ลิเวอร์พูล ล้างแค้นเอาชนะ แมนฯ ยูไนเต็ดไปได้อย่างสุดมันส์ 2-1 หลังจากไม่สามารถเอาชนะผีแดงในบ้านมาตั้งแต่ปี 2001 เก็บ 3 แต้มขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูงชั่วคราว


บันทึกการเข้า

แวมไพร์-LSVteam♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน912
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3712


..เรียนให้รู้เป็นครูเขา.Learning by doing


« ตอบ #1 เมื่อ: กันยายน 14, 2008, 01:15:45 AM »



การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2008/09 เมื่อเวลา 21.00 น. ระหว่าง "กุหลาบไฟ" แบล็กเบิร์น กับ "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล เกมนี้ ทีมเยือนต้องการเก็บ 3 แต้ม เพื่อไล่ล่าตำแหน่งจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก หลังจากบุกไปพ่าย "เจ้าสัวน้อย" ฟูแลม 0-1 เมื่อวันที่ 23 ส.ค.

เริ่ม เกม "กุหลาบไฟ" แบล็กเบิร์น ที่ได้กุนซือคนใหม่ พอล อินซ์ อดีตดาวเตะดังของ "ปิศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เข้ามาคุมทีม ทำเกมบุกเข้าใส่ได้ดี แต่ โรเก ซานตาครูส ศูนย์หน้าดาวยิงทีมชาติปารากวัย ยังไม่เด็ดขาด

นาทีที่ 8 ทีมเยือนสำเร็จโทษ เจ้าบ้าน ธีโอ วัลคอตต์ ดาวยิงทีมชาติอังกฤษ จ่ายบอลทะลุให้ โรบิน ฟาน เพอร์ซี ใช้เท้าซ้ายยิงประตูสุดสวย ออกนำไปก่อน 1-0

จากนั้น เจ้าบ้านมีโอกาสหลายครั้ง จาก โรเก ซานตาครูส ดาวยิงของทีม แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่แน่นอน กระทั่งนาทีที่ 45 อาร์เซนอล ที่เด็ดขาดกว่าได้ประตูนำ 2-0 จากลูกโหม่งของ อเดบายอร์ จบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลังเกมยังคงเหมือนเดิม นาที่ 81 อาร์เซนอลได้ ลูกจุดโทษ  อเดบายอร์ รับหน้าที่สังหารไม่พลาด นำห่าง 3-0 ก่อนที่ อเดบายอร์ จะทำ แฮตทริกองตนเองได้ในนาทีที่ 90 จากการหลุดกับดักล้ำหน้า เข้าไปยิงง่ายๆ เป็นประตู 4-0 จบเกมด้วยสกอร์นี้ เก็บเพิ่มอีก 3 แต้ม

ส่วนผลการแข่งขันคู่อื่นๆ

ลิเวอร์พูล ชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-1

ฟูแลม ชนะ โบลตัน 2-1

นิวคาสเซิล แพ้ ฮัลล์ ซิตี้ 1-2

พอร์ตสมัธ ชนะ มิดเดิลสโบรช์ 2-1

เวสต์บรอมวิช ชนะ เวสต์แฮม 3-2

วีแกน เสมอ ซันเดอร์แลนด์ 1-1

แมนเชสเตอร์ ซิตี้-เชลซี (เริ่มเตะเวลา 23.30 น.)
บันทึกการเข้า
แวมไพร์-LSVteam♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน912
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3712


..เรียนให้รู้เป็นครูเขา.Learning by doing


« ตอบ #2 เมื่อ: กันยายน 14, 2008, 01:49:42 AM »

เชลซี แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าเมื่อบุกไปเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถึงถิ่น 1-3 พร้อมกับขึ้นมานำเป็นจ่าฝูงอีกครั้ง ในศึกพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ คู่สุดท้าย เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา
       
       ผลการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
       แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-3 เชลซี



"โรบินโญ" ซัดประตูขึ้นนำให้เรือใบนำก่อนแต่สุดท้ายพ่ายไป 1-3
       

       เจ้าบ้าน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้โอกาสส่ง โรบินโญ ศูนย์หน้าชาวบราซิลตัวใหม่ลงประเดิมสนามในเกมนี้ ขณะที่ เชลซี ได้ตัว ดิดิเยร์ ดร็อกบา ศูนย์หน้าตัวเก่งกลับมาแล้วแต่ยังเป็นตัวสำรองก่อน


   
"แลมพาร์ด" ฉลองประตูขึ้นนำ 1-2 ของตัวเอง
       เริ่มเกมขึ้นมาเจ้าถิ่นทำเกมรุกได้วูบวาบทีเดียวแต่กองหลังสิงห์บลู ก็ไม่ปล่อยให้เจาะเข้าไปได้ง่ายๆ เกมมาถึง น.9 แลมพาร์ด ทักทายก่อนจากการยิงไกลระยะ 30 หลาแต่บอลพุ่งไปตรงตัว โจ ฮาร์ท รับไว้ได้ แต่อีก 4 นาทีถัดมา แมนฯ ซิตี้ ก็มาได้ประตูขึ้นนำจากการซัดฟรีคิกของ โรบินโญ บอลพุ่งไปแฉลบกำแพงทีมเยือนเปลี่ยนทางเข้าไปทำให้เรือใบขึ้นนำก่อน 1-0
       
        แต่ เชลซี ไม่รอช้าตามตีเสมอได้อย่างทันควันจากจังหวะเตะมุมในน.16 เมื่อบอลลอยมาเข้าหัว คาวัลโญ โหม่งก่อนครั้งแรกไปติดตัว โจ โคล แต่โชคดีที่บอลกระดอนมาเข้าทางกองหลังโปรตุกีสอีกครั้งวอลเลย์เข้าไปทีม เยือนตามตีเสมอ 1-1
       
        น.23 ผู้เล่น แมนฯ ซิตี ต่อบอลกันได้สวยงามก่อนที่บอลจะมาถึง โช ไขว่หลังจ่ายมาให้ ไอร์แลนด์ เติมเกมขึ้นมาซัดด้วยขวาแต่บอลเหินข้ามคานไป อีก 5 นาทีต่อมา โจ โคล เติมขึ้นมาทางด้านขวาก่อนจะตักบอลให้ มาลูดา หลุดกับดักล้ำหน้าขึ้นโหม่งคนเดียวโล่งๆแต่ทำได้เพียงแค่ชนคานเท่านั้น ก่อนจบเกม 4 นาที ซาบาเลตา เกือบทำทีมเสียประตูเมื่อจ่ายบอลพลาดหน้าปากประตูตัวเองไปเข้าทาง อเนลกา ที่ยืนอยู่พอดี กองหน้าเลือดน้ำหอมจับบอลได้ก่อนซัดด้วยซ้ายแต่ยังดีที่ โจ ฮาร์ท ล้มตัวรับได้ทันสุดท้ายจบ 45 นาทีแรกเสมอ 1-1



"โจ โคล" พยายามบังบอลผู้เล่นเจ้าถิ่น
   
       เกมครึ่งหลัง ทีมเยือนได้ลุ้นทำประตูก่อนในนาที 50 จากจังหวะที่ โจ โคล ได้ยิงนอกกรอบเขตโทษก่อนแต่บอลแฉลบกองหลังเจ้าถิ่นหลุดมาถึง แลมพาร์ด ได้ซัดด้วยขวาแต่บอลเหินข้ามคานออกไป อีก 3 นาทีต่อมากองกลางทีมชาติอังกฤษก็มาทำประตูให้ทีมขึ้นนำจนได้เมื่อกระชากบอล ขึ้นมาถึงกรอบเขตโทษจ่ายบอลให้ แอชลีย์ โคล ที่เติมขึ้นมาทางฝั่งซ้ายและจ่ายย้อนกลับมาให้ แลมพาร์ด หลอกล่อกองหลังเรือใบก่อนจะซัดด้วยซ้ายเข้าไปให้ทีมขึ้นนำ 1-2
       
        น.63 ไรท์-ฟิลลิปส์ บุกตะลุยขึ้นมาได้สวยและพยายามเลี้ยงบอลหลบกองหลังสิงห์บลู ก่อนจะจ่ายบอลมาให้ ไอร์แลนด์ ซัดเต็มๆแต่ คาวัลโญ พุ่งเข้ามาบล็อกออกหลังไปได้อย่างหวุดหวิด อีก 2 นาทีต่อมา แลมพาร์ด ได้ซัดไกลอีกครั้งแต่คราวนี้ ฮาร์ท ไม่พลาดรับเข้าซองไว้ได้
       
        เกมมาถึง น.69 ทีมเยือนก็มาทำประตูหนีห่างจากจังหวะที่ตัดบอลได้จากแดนกลางบอลมาถึง โจ โคล จ่ายทะลุกองหลัง แมนฯ ซิตี้ให้ อเนลกา หลุดเข้าไปยิงผ่านมือนายด่านเจ้าถิ่นง่ายๆ เชลซี หนีห่าง 1-3
       
        เจ้าถิ่นพยายามทำประตูไล่ขึ้นมาแต่จังหวะการโหม่งของ โช ในน.74 ก็เบาเกินไป ปีเตอร์ เชก รับได้อย่างไม่มีปัญหา มาถึง น.82 คราวนี้เป็น ไอร์แลนด์ ที่ได้บอลบริเวณริมเขตโทษด้านซ้ายก่อนจะจ่ายให้ ไมเคิล บอล ที่เติมเกมขึ้นมายิงแต่ไม่ผ่านมือนายทวารทีมเยือนเหมือนเดิม ทำให้จบ 90 นาที เชลซี บุกมาเอาชนะ 1-3 พร้อมกับคว้าสามคะแนนและกลับขึ้นมานำเป็นจ่าฝูงอีกครั้ง

       รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
       แมนเชสเตอร์ ซิตี : โจ ฮาร์ท, มิกาห์ ริชาร์ดส์, วินเซนต์ กอมปานี, ไมเคิล บอล, ปาโบล ซาบาเลตา, ริชาร์ด ดันน์, ดีทมาร์ ฮาร์มันน์, ชอว์น ไรท์-ฟิลลิปส์, สตีเวน ไอร์แลนด์, โรบินโญ, โช
       เชลซี : ปีเตอร์ เชก, ริคาร์โด คาร์วัลโญ, แอชลีย์ โคล, โฮเซ โบซิงวา, จอห์น เทอร์รี, แฟรงค์ แลมพาร์ด, จอห์น โอบี มิเกล, เดโก, ฟลอรองต์ มาลูดา, นิโกลาส์ อเนลกา


โดย ผู้จัดการออนไลน์
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!