Isobraric design
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่21"
เมษายน 29, 2024, 12:54:07 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: Isobraric design  (อ่าน 20570 ครั้ง)
Thawach
Full Member
member
**

คะแนน243
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2413



อีเมล์
« เมื่อ: มีนาคม 08, 2008, 05:02:55 PM »

http://www.ubmthai.com/leksoundsmf3/index.php?PHPSESSID=e1166dfefe88eae42532b85422983304&topic=19687.0

ลองอ่านกันก่อนเดี๋ยวจะมาต่อให้   ตู้ชนิดนี้มันมีดีบางอย่างที่ car audio ต้องรู้ไว้


บันทึกการเข้า

Thawach
Full Member
member
**

คะแนน243
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2413



อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: มีนาคม 09, 2008, 10:19:58 PM »

เอารูปมาเรียกนําย่อย  เเละพี่นําความภูมิใจของพี่มาให้ดู  ฝรั่งเขายอมรับเราเเล้วครับ
ข้อดีของตู้เเบบนี้คือมีขนาดที่เล็กเหมาะที่จะใช้ในรถยนต์มากเพราะให้เสียงไม่เค้นเหมือนband pass
ที่ลดขนาดลงมา 
บันทึกการเข้า
P002
member
*

คะแนน0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 51


คนเก่งย่อมไม่ดูถูกคนไม่รู้(ไม่ใช่คนโง่)


อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: มีนาคม 10, 2008, 11:28:17 AM »

up ครับรอพี่มาตอบอยากได้สุตร Cheesy
บันทึกการเข้า
Thawach
Full Member
member
**

คะแนน243
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2413



อีเมล์
« ตอบ #3 เมื่อ: มีนาคม 11, 2008, 05:55:34 AM »

น้องคนนี้ทําไมใจร้อนจัง   สูตรของมันจริงๆพี่จําไม่ได้เเล้ว  เกือบ 10 ปีใครจะไปจําได้  แต่ไม่เป็นไรเอาวิธีคิดง่ายๆ
ไป   ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า  ระบบนี้มันเหมาะสําหรับรถกระบะมากกว่า   เพราะพื้นที่ของรถมันเเคบ  ส่วนรถยนต์
การติดตั้งที่ห้องด้านหลังเขาทําได้พอสมควรทีเดียว    ถ้าทําไว้ฟังเองพี่ไม่เเนะนําเลยสําหรับตู้ band passเพราะ
ห้องท้ายรถยนต์มันไม่พอหรอกถ้าจะตีให้ดีจริงๆ   ยิ่งถ้าใส่หลายดอกให้สันนิฐานไว้ก่อนเลยว่าเสียงไม่ได้เรื่อง  เเต่ถ้าทํา
ขายพี่จะไม่ห้ามเลย  เมื่อก่อนเคยเห็นเพื่อนไปติดมาก็อดหัวเราะมันไม่ได้  ไม่ถามเราสักคํา   ตอนหลังเสียดายเงินมัน
เเทบจะรื้อออกเลย   ทะลึ่งบ้าตามเเฟชั่นหมดไปหลายทีเดียว   สําหรับ iso baric  เป็นการต่อที่ฝรั่งเรียกว่า
compound drivers  การต่อมีหลายแบบ  แบบในรูปจะต้องต่อในเฟสเดียวกัน   มีอีกแบบเรียกว่าแบบ
mount to mount คือใช้หน้าไดเวอร์ประกบกันลักษณะเช่นนี้  จะต้องต่อเเบบกลับเฟส   ก็ในเมื่อสุตรมันจํา
ไม่ได้   เรามีวิธีคิดง่ายๆคือ   หาสูตรตู้ปิดหรือตู้เปิด(ที่พี่ตอบน้องbp)  เมื่อคําณวนได้ขนาดความจุเเล้วให้น้องนํา
สองไปหารความจุได้เลย  นั่นคือปริมาตรที่ลดลงไปครึ่งหนึ่ง  แค่นี้คงเล็กพอนะครับ  สําหรับคนที่มีตู้ปิดหรือเปิดที่คิดว่า
มันฟังดีเเล้ว  ถ้าจะทําจะต้องไปซื้อsubมาอีกดอก  แต่จะต้องเป็นดอกรุ่นเดียวกันนะครับ  ถ้าคนละระรุ่นตัวใครตัวมัน
นะครับพี่ไม่เอี่ยวด้วยหรอก   สําหรับดอกลําโพงให้ใช้ลําโพง 8 โอมห์ 2ตัวขนานกันจะได้ 4 โอมห์พอดี  ถ้าไม่เข้า
ใจถามมานะครับ  เลือกดอกให้ดีหน่อย  ช่วงชักลึกๆจะดี ดูตรงสไปเดอร์แมนมัน   ขอบเป็นลอนสูงๆยิ่งดี   ไม่รู้ลืมเขียน
อะไรหรือเปล่า   เพราะเจอคนใจร้อนก็เลยรีบตอบ  แค่นี้เเหละน้อง isobaric สําหรับคําถามที่คาติดกระทู้มาพี่
คงจะไม่ตอบ  เพราะเจ้าของคําถามไม่ได้บอกว่าเป็นอย่างไร
บันทึกการเข้า
Thawach
Full Member
member
**

คะแนน243
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2413



อีเมล์
« ตอบ #4 เมื่อ: มีนาคม 12, 2008, 10:35:33 PM »

น้อง P002 เป็นงัยเงียบเลย  สมมุติให้ดูนะ  ดอก 10 นิ้ว  ต้องการปริมาตรตู้ปิด 40 ลิตร  เเต่รถกระบะสมมุติมีพื้นที่ว่างเพียง
25 ลิตร  ถ้าเราตีตู้ 25 ลิตร  มันจะเกิดอะไรขึ้น   1.เบสที่เคยตําสมมุติ 30 hz  ก็จะเลื่อนขึ้นมาอาจจะเป็น 50 Hz
2.เบสย่านกลางอาจจะโด่งขึ้นมา  เสียงเบสจะกระด้างอย่างมาก  เเต่กับ isobaric จะไม่มีการเปลี่ยนเเปลงอย่างนี้
เบสก็ยังเป็นเหมือนตู้ 40 ลิตร  ย่านกลางก็ไม่โด่ง  เเต่ขนาดของมันลดลงมาเป็น 20 ลิตร  นี่คือข้อดีของมัน
สําหรับคนที่มีดอกคอยล์คู่สามารถทําเป็น 8 โอมห์ได้เลย    พอจะเห็นข้อดีของมันหรือยัง
บันทึกการเข้า
sab
member
*

คะแนน5
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 169


« ตอบ #5 เมื่อ: มีนาคม 13, 2008, 07:42:57 AM »

น้อง P002 เป็นงัยเงียบเลย  สมมุติให้ดูนะ  ดอก 10 นิ้ว  ต้องการปริมาตรตู้ปิด 40 ลิตร  เเต่รถกระบะสมมุติมีพื้นที่ว่างเพียง
25 ลิตร  ถ้าเราตีตู้ 25 ลิตร  มันจะเกิดอะไรขึ้น   1.เบสที่เคยตําสมมุติ 30 hz  ก็จะเลื่อนขึ้นมาอาจจะเป็น 50 Hz
2.เบสย่านกลางอาจจะโด่งขึ้นมา  เสียงเบสจะกระด้างอย่างมาก  เเต่กับ isobaric จะไม่มีการเปลี่ยนเเปลงอย่างนี้
เบสก็ยังเป็นเหมือนตู้ 40 ลิตร  ย่านกลางก็ไม่โด่ง  เเต่ขนาดของมันลดลงมาเป็น 20 ลิตร  นี่คือข้อดีของมัน
สําหรับคนที่มีดอกคอยล์คู่สามารถทําเป็น 8 โอมห์ได้เลย    พอจะเห็นข้อดีของมันหรือยัง
ได้ความรู้อีกแล้ว Cheesy Cheesy
บันทึกการเข้า
P002
member
*

คะแนน0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 51


คนเก่งย่อมไม่ดูถูกคนไม่รู้(ไม่ใช่คนโง่)


อีเมล์
« ตอบ #6 เมื่อ: มีนาคม 13, 2008, 03:42:56 PM »

น้อง P002 เป็นงัยเงียบเลย  สมมุติให้ดูนะ  ดอก 10 นิ้ว  ต้องการปริมาตรตู้ปิด 40 ลิตร  เเต่รถกระบะสมมุติมีพื้นที่ว่างเพียง
25 ลิตร  ถ้าเราตีตู้ 25 ลิตร  มันจะเกิดอะไรขึ้น   1.เบสที่เคยตําสมมุติ 30 hz  ก็จะเลื่อนขึ้นมาอาจจะเป็น 50 Hz
2.เบสย่านกลางอาจจะโด่งขึ้นมา  เสียงเบสจะกระด้างอย่างมาก  เเต่กับ isobaric จะไม่มีการเปลี่ยนเเปลงอย่างนี้
เบสก็ยังเป็นเหมือนตู้ 40 ลิตร  ย่านกลางก็ไม่โด่ง  เเต่ขนาดของมันลดลงมาเป็น 20 ลิตร  นี่คือข้อดีของมัน
สําหรับคนที่มีดอกคอยล์คู่สามารถทําเป็น 8 โอมห์ได้เลย    พอจะเห็นข้อดีของมันหรือยัง
ขอบคุณพี่ Thawach มากเลยครับ....ใจดีมากๆทีกรุณาค่อยๆอธิบาย.....
แต่ผมนะประสบการยังน้อยอะครับไม่รู้ว่าเสียง 30 hz  และ 50 Hz เป็นยังไงอยากจะฟังความแตกต่างนะครับ
พี่พอมีวิธีไหมครับจะได้ไปลองทำและฟังดูเสียงที่ความถี่ต่างกันนะครับ Cry
ขอบคุณพี่มากเลยนะครับ Cheesy
บันทึกการเข้า
Thawach
Full Member
member
**

คะแนน243
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2413



อีเมล์
« ตอบ #7 เมื่อ: มีนาคม 14, 2008, 02:30:06 PM »

ถ้าเราทําเองมันก็พอจะทําได้  การที่เราจะได้ยินเบสตํ่าๆ อย่างเเรกเราต้องมีไดเวอร์ที่มีค่า fs ตํ่าๆ
เเละต่อมาเราต้องมีsoftwareที่อัดมาดีๆ  โดยมากความถี่ 20 hzมีดนตรีน้อยชิ้นมากที่ลงไปได้
ขนาดนี้   อันนี้น้องต้องเสาะหาเอาเอง เเผ่น cd ที่เขาใช้อ้างอิงก็ยังพอหาได้ง่ายอยู่  และต่อมาส่วนที่สําคัญ
อีกอย่างก็คือ  กําลังขับของเเอมป์จะต้องมีพอสําหรับความถี่ 20 hz  คงจะต้อง 100 wattขึ้นไป
และที่สําคัญที่สุด  ต้องมีห้องฟังที่รองรับกับมัน  ซึ่งในรถยนต์ทําไม่ได้เเน่ๆเพราะมีขนาดห้องที่จะฟังค่อนข้าง
จํากัด   ปัญหาเรื่องดอกก้เหมือนกัน ไดเวอร์ที่พี่เห็นโดยมากสําหรับดอก nonameก็คือมันให้ความถี่ตํ่ามาก
ไม่ค่อยได้   ที่สําคัญที่สุดมันให้ค่าqts ที่สูงกว่ามาตรฐานการที่เรานํามาใช้มันจะให้ผลคือมันให้ความถี่ตํ่า
ในลักษณะที่ฝรั่งเรียกว่าboomboxคือดังมากแต่ขาดความกระชับ  ที่ดังของมันอาจจะเกิดจากเบสค่อนข้าง
ครางไม่ยอมหยุด  คนที่ไม่ทราบเรื่องนี้อาจจะคิดว่าเบสตัวเองดี  เบสที่ครางๆมันจะเข้าไปทําลายเสียงดนตรี
ทั้งหมด   เพราะลําโพงเสียงกลางอาจจะขึ้นโน๊ตดนตรีใหม่เเล้ว   เเต่เบสกลับไม่หยุดดนตรีจะขาดความชัดเจน
สําหรับรถยนต์ปัญหาที่หนักที่สุดคือเรื่อของห้องฟัง     ตามหลักการของคลื่นมีสูตรว่า  ดวามเร็ว=ความยาว*ตวามถี่
ความเร็วมาตรฐานที่ใช้โดยทั่วไป=344เมตร/วินาที    ให้เราลองนําความยาวของห้องรถยนต์สมมุติ 2 เมตร
มาลองคําณวนดูจะได้ว่า   344/2=172 hz น้องจะเห็นว่าเบสที่ห้องรถยนต์จะรองรับลงได้เพียง
172 Hz ตํ่ากว่านั้นไม่ได้ยิน    เเต่บางครั้งเมื่อเราเปิดกระจกออกมาข้างนอกอาจจะทําให้ตอบสนองได้ดีขึ้น
เนื่องจากคลื่นวิ่งได้ไกลมากขึ้น    ผลเสียของตัวอย่างนี้ก็คือเราเสียกําลังขับของเเอมป์สําหรับความถี่ตํ่าๆไปฟรีๆ
น้องๆลองทําความเข้าใจนะครับ   ความหน้าจะมาเเนะนําการออกเเบบ Isobaric bandpass design
วันนี้พอเเค่นี้ก่อน
บันทึกการเข้า
P002
member
*

คะแนน0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 51


คนเก่งย่อมไม่ดูถูกคนไม่รู้(ไม่ใช่คนโง่)


อีเมล์
« ตอบ #8 เมื่อ: มีนาคม 14, 2008, 03:05:52 PM »

ถ้าเราทําเองมันก็พอจะทําได้  การที่เราจะได้ยินเบสตํ่าๆ อย่างเเรกเราต้องมีไดเวอร์ที่มีค่า fs ตํ่าๆ
เเละต่อมาเราต้องมีsoftwareที่อัดมาดีๆ  โดยมากความถี่ 20 hzมีดนตรีน้อยชิ้นมากที่ลงไปได้
ขนาดนี้   อันนี้น้องต้องเสาะหาเอาเอง เเผ่น cd ที่เขาใช้อ้างอิงก็ยังพอหาได้ง่ายอยู่  และต่อมาส่วนที่สําคัญ
อีกอย่างก็คือ  กําลังขับของเเอมป์จะต้องมีพอสําหรับความถี่ 20 hz  คงจะต้อง 100 wattขึ้นไป
และที่สําคัญที่สุด  ต้องมีห้องฟังที่รองรับกับมัน  ซึ่งในรถยนต์ทําไม่ได้เเน่ๆเพราะมีขนาดห้องที่จะฟังค่อนข้าง
จํากัด   ปัญหาเรื่องดอกก้เหมือนกัน ไดเวอร์ที่พี่เห็นโดยมากสําหรับดอก nonameก็คือมันให้ความถี่ตํ่ามาก
ไม่ค่อยได้   ที่สําคัญที่สุดมันให้ค่าqts ที่สูงกว่ามาตรฐานการที่เรานํามาใช้มันจะให้ผลคือมันให้ความถี่ตํ่า
ในลักษณะที่ฝรั่งเรียกว่าboomboxคือดังมากแต่ขาดความกระชับ  ที่ดังของมันอาจจะเกิดจากเบสค่อนข้าง
ครางไม่ยอมหยุด  คนที่ไม่ทราบเรื่องนี้อาจจะคิดว่าเบสตัวเองดี  เบสที่ครางๆมันจะเข้าไปทําลายเสียงดนตรี
ทั้งหมด   เพราะลําโพงเสียงกลางอาจจะขึ้นโน๊ตดนตรีใหม่เเล้ว   เเต่เบสกลับไม่หยุดดนตรีจะขาดความชัดเจน
สําหรับรถยนต์ปัญหาที่หนักที่สุดคือเรื่อของห้องฟัง     ตามหลักการของคลื่นมีสูตรว่า  ดวามเร็ว=ความยาว*ตวามถี่
ความเร็วมาตรฐานที่ใช้โดยทั่วไป=344เมตร/วินาที    ให้เราลองนําความยาวของห้องรถยนต์สมมุติ 2 เมตร
มาลองคําณวนดูจะได้ว่า   344/2=172 hz น้องจะเห็นว่าเบสที่ห้องรถยนต์จะรองรับลงได้เพียง
172 Hz ตํ่ากว่านั้นไม่ได้ยิน    เเต่บางครั้งเมื่อเราเปิดกระจกออกมาข้างนอกอาจจะทําให้ตอบสนองได้ดีขึ้น
เนื่องจากคลื่นวิ่งได้ไกลมากขึ้น    ผลเสียของตัวอย่างนี้ก็คือเราเสียกําลังขับของเเอมป์สําหรับความถี่ตํ่าๆไปฟรีๆ
น้องๆลองทําความเข้าใจนะครับ   ความหน้าจะมาเเนะนําการออกเเบบ Isobaric bandpass design
วันนี้พอเเค่นี้ก่อน

ได้ความรู้เพิ่มขึ้นอีกนะครับ....เดี๋ยวนี้ก็เริ่มทำใจได้แล้วครับเกี๋ยวกับเสียงแบสที่ไม่กระชับ..หรือไม่แน่นนะครับ...
ผมเห็นหลายๆคัยที่ทำมาอย่างดีตีปิดกระบะเลย....พอเจอบางเพลงขั้นมาแล้วต้องรีบไปปรับใหม่.......
ก็เลยทำใจได้อะครับว่าจะเอาให้เสียงเนียนๆทุกเพลงนะทำได้ลำบากนะครับ....จูนแบบกลางได้ก่อนเอาไว้ฟังได้หลายเพลงดีกว่า Cool
บันทึกการเข้า
benzd
member
*

คะแนน17
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 876


อีเมล์
« ตอบ #9 เมื่อ: มีนาคม 15, 2008, 04:40:44 PM »

ได้ความรู้เพิ่มมากมายครับ
บันทึกการเข้า
Thawach
Full Member
member
**

คะแนน243
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2413



อีเมล์
« ตอบ #10 เมื่อ: มีนาคม 17, 2008, 01:26:08 PM »

ขอ update รูปหน่อย
บันทึกการเข้า
P002
member
*

คะแนน0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 51


คนเก่งย่อมไม่ดูถูกคนไม่รู้(ไม่ใช่คนโง่)


อีเมล์
« ตอบ #11 เมื่อ: มีนาคม 18, 2008, 10:54:57 AM »

ขอ update รูปหน่อย
สุดยอดเลยพี่.....อยากฟังเสียงจัง....ว่าจะแน่นสักแค่ไหนอะ.............
 Wink
บันทึกการเข้า
Thawach
Full Member
member
**

คะแนน243
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2413



อีเมล์
« ตอบ #12 เมื่อ: มีนาคม 20, 2008, 06:22:47 PM »

002 ตู้ของเขาสวยมากเลย   เป็นลําโพงที่ผลิตที่ออสเตียร    คงจะเเพงน่าดู
เห็นเเล้วอยากทําเเล้วซิ   อีกไม่นานพี่จะติดต่อกับคนที่ทําการค้นคว้าเรื่องนี้
เป็นมือระดับโลกทีเดียว   ทํานะทําได้เเต่อยากจะรู้ปัญหาที่เกิดขึ้นมากกว่า
บันทึกการเข้า
P002
member
*

คะแนน0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 51


คนเก่งย่อมไม่ดูถูกคนไม่รู้(ไม่ใช่คนโง่)


อีเมล์
« ตอบ #13 เมื่อ: มีนาคม 23, 2008, 03:11:19 PM »

002 ตู้ของเขาสวยมากเลย   เป็นลําโพงที่ผลิตที่ออสเตียร    คงจะเเพงน่าดู
เห็นเเล้วอยากทําเเล้วซิ   อีกไม่นานพี่จะติดต่อกับคนที่ทําการค้นคว้าเรื่องนี้
เป็นมือระดับโลกทีเดียว   ทํานะทําได้เเต่อยากจะรู้ปัญหาที่เกิดขึ้นมากกว่า
อยากรู้นะครับการวางลำดพงอย่างนี้เสียงจะออกยังไง......เป็นการวางที่แปลกมากๆครับ Grin
บันทึกการเข้า
Thawach
Full Member
member
**

คะแนน243
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2413



อีเมล์
« ตอบ #14 เมื่อ: มีนาคม 24, 2008, 06:36:35 AM »

ตอนเเรกคิดว่าจะไปถามข้อมูลจากนักเขียนนิตยสารที่โด่งดังไปทั่วโลก   เเต่คิดว่างานเขาคงเยอะจะตอบส่าช้าไป  จึงไปได้คําตอบจากอีกคน   มันมีปํญหาเล็กน้อย
ซึ่งเกิดจากความเพี้ยนของระบบเเม่เหล็ก   นอกจากนั้นมันมีความไม่สมําเสมอของกรวยเเละอากาศภายในตู้จากการทํางาน   เอาเป็นว่าลืมเรื่องนี้เเล้วทําได้เลย
การวางดอกควรจะวางให้ชิดกันที่สุด    การที่เราจะทําแบบ isobaric bandpass ก็ทําได้  โดยใช้หน้าดอกประกบกันเเล้วลดขดขนาดของตู้ลงจาก bandpass เดิม
ลงอีก 1/2 ของปริมาตรรวม    ส่วนคําถามของน้องที่ว่าเสียงเป็นอย่างไรนั้น   เมื่อเราดูจากขนาดของมันคนที่ได้ยินอาจจะตะลึง  ทําไมตัวเเค่นิดเดียวถึงดังขนาดนี้
ไม่มีโครรู้เลยว่าระบบของมันคือ Isobaric เพราะดอกของมันถูกฝังอยู่ภายใน  ดูขนาดภายนอกจะเล็กมากเมื่อเทียบกับเสียงที่ได้
บันทึกการเข้า
Thawach
Full Member
member
**

คะแนน243
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2413



อีเมล์
« ตอบ #15 เมื่อ: มีนาคม 24, 2008, 05:07:22 PM »

update รูปให้ใหม่
บันทึกการเข้า
Thawach
Full Member
member
**

คะแนน243
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2413



อีเมล์
« ตอบ #16 เมื่อ: เมษายน 07, 2008, 11:08:38 AM »

มาดูhorn isobaric กันบ้าง
บันทึกการเข้า
sab
member
*

คะแนน5
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 169


« ตอบ #17 เมื่อ: เมษายน 08, 2008, 07:17:19 AM »

สุดยอด Embarrassed Embarrassed
บันทึกการเข้า
Thawach
Full Member
member
**

คะแนน243
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2413



อีเมล์
« ตอบ #18 เมื่อ: มิถุนายน 15, 2008, 10:22:56 PM »

ไปเจอคนไทยในเวบเดียวกัน   เขาตั้งกระทู้เกี่ยวกับ iso baric เมื่อปีที่เเล้วเลยนํามาให้ดู     เขาอยู่ที่เมืองนอกเห็นว่าตอนหลังจะเปิด shop ซ่อมดอกลําโพงที่ฮาวาย   เขาชอบเล่นเครื่องเสียงรถยนต์   เห็นถามเเต่ของรถยนต์   เป็นคําถามที่ว่าเขาจะดีไซน์  ตู้ซับธรรมดาหรือ iso baric เขาอยากรู้จุดอ่อนของiso baricโดยเขาคิดว่า isobaric ให้ค่า mortor force ที่สูงกว่า     น่าประหลาดใจมากที่ตอนจบของกระทู้มีคนทําระบบนี้หลายคนออกความเห็นว่าเขาชอบมาก   ถึงเเม้ว่าทางทฤษฦีจะดูไม่ดี
บันทึกการเข้า
Thawach
Full Member
member
**

คะแนน243
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2413



อีเมล์
« ตอบ #19 เมื่อ: มิถุนายน 15, 2008, 10:27:17 PM »

ส่วนข้อความต่อมาเขาไปตอบคําถามฝรั่ง  โดยฝรั่งที่ถามต้องการที่จะนําดอก full range ไปใช้ในรถซึ่งเขาคิดว่ามันจะให้คุณภาพเสียงที่ดีมาก  เเม้ว่ามันจะเร่งโวลลุ่มมากไม่ได้ก็ตาม  เขาต้องการเพียงเสียงที่ดีที่สุด    clipped ตอบว่าเคยใช้เเอมป์ถูกๆไปขับ  ผลที่ได้ดีทีเดียว


การเล่นในต่างประเทศ  ต่างกับเราค่อนข้างมากทีเดียว  เห็นบางคนในเวบ  จะนําดอกของ seas รุ่น excel  6 นิ้วครึ่ง ดอกบ้าน   มาลงเป็นเสียงกลางในรถยนต์ก็มี

ที่เห็นหนักๆclipped เองก็เคยตั้งกระทู้  โดยจะนํา PA มาทําซับ  ซึ่งในเวบก็มีคนทําเเล้ว

บันทึกการเข้า
nunos
member
*

คะแนน0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8


« ตอบ #20 เมื่อ: มิถุนายน 26, 2008, 02:05:10 PM »

หวัดดีครับ
ผมเห็นรถที่เสียงดีๆอะครับเค้าใช้แบบ Iso ที่ midbass อะครับเช่นรถ BMW สุริยาของร้านมิราจ กรุงเทพอะครับที่ได้แชมโลก IASCA มาอะครับ
บันทึกการเข้า
Thawach
Full Member
member
**

คะแนน243
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2413



อีเมล์
« ตอบ #21 เมื่อ: มิถุนายน 27, 2008, 01:42:52 AM »

พี่ไม่ค่อยให้ความสนใจการเป็นchampionอะไรมากนัก  เเม้ว่าจะเป็นฝรั่งหรือคนไทย  น้องๆหลายคนในเวบนี้รู้ดี
isobaric ไม่ได้หมายความว่าจะทําได้เเต่กับmid bass นี่ครับ  เเละพี่ยังไม่ค่อยบอกเลยว่าทําเเล้วเสียง
มันจะดีหรือไม่     ตรวจสอบข้อมูลให้ดีก่อนนะครับ   คนที่คิดระบบนี้ขึ้นมาคือolson harry เเละเขาไม่เคยบอกเลย
ว่าให้ทํากับ   mid bass อย่างเดียว    เท่าที่จําได้ isobaric มาโด่งดังสุดยอดเมื่อLinnได้ทําระบบนี้ขึ้นมา
จําชื่อรุ่นไม่ได้เเล้ว   ต่อมาก็มาดังกับลําโพง M&Kใช้กับดอก 15 นิ้วนะครับราคาเป็นหลักเเสน  ถ้าคุยเรื่อง isobaric
ของLinn  ok ครับคนทั้งโลกยอมรับ   เเต่ isobaric ของIASCA คงจะมีเเต่กลุ่มของเขายอมรับครับ
เเละลําโพงของLinn ที่เป็น isobaric เองก็ไม่เคยไปประกวดอะไรที่ไหนเลย   ก่อนจบจะถามอะไรหน่อย
ปัญหาของ isobaric เองก็ยัง distortion อยู่   เเต่ขณะนี้ได้มีลําโพง 2 ยี่ห้อได้สร้างดอกเเก้distortion
ได้อย่างดีที่จะนํามาทํา isobaric อยากรู้ว่า 2 ยี่ห้อนี้มียี่ห้อไหนบ้าง   เเละเขาได้ทําอะไรกับดอกของเขา?
คนไหนตอบได้ก็เก่งทีเดียว     รายงานนี้คนที่ทําการresearch มือระดับโลกได้รายงานพี่มานานเเล้ว 
เเต่พี่ว่าคงหาคนตอบได้ยาก   คงต้องรอน้อง rittichaiมาตอบเเล้วมั้ง
บันทึกการเข้า
rittichai
member
*

คะแนน12
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 882


rittichai1506@windowslive.com
อีเมล์
« ตอบ #22 เมื่อ: มิถุนายน 27, 2008, 07:34:20 AM »

ขนาดอ่านยังยากๆเลยพี่เอ๋ย ไม่เอา
บันทึกการเข้า

จำหน่าย car poweramp class D VCEaudio นาย ฤทธิชัย เหล็กสี 56ม.5 ซ.กุศลสามัคคี ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี 12130. ธ.ไทยพาณิชย์ no. 047-2-51128-9
Thawach
Full Member
member
**

คะแนน243
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2413



อีเมล์
« ตอบ #23 เมื่อ: กรกฎาคม 03, 2008, 05:57:14 AM »

"การโต้เเย้งพี่ชอบครับ   บางทีที่พี่รู้อาจจะผิดก็ได้   เเต่การโต้เเย้งขอให้มีเหตุผลหน่อยคนอื่นๆเขาจะได้รู้ตามด้วย"
อ่านไม่ยากหรอกน้องrittichai คําว่า"lower"เขาหมายความว่าการทําตู้ isobaric มีผลเพื่อให้เบสลงได้ตํ่ามากกว่าเดิม    คนที่รีเสริชเกี่ยวกับ isobaric หลังสุดคือ มาร์ติน คอลลั่มนักเขียนนิตยสารที่โด่งดังไปทั่วโลก    เก่งมากเลยคนนี้   คนรุ่นๆเดียวกับเขาดังเป็นพลุเเตกไปหลายคนทีเดียว      อย่างเช่นเเกรเเฮม เเบ้งค์ หรือ รอบบิน มาร์เชล ตอนเเรกก็เป็นมือออกเเบบลําโพงให้กับบริษัทอื่น   ต่อมาก็มาตั้งบริษัทของเขาเอง เเกรเเฮม  เเบ้งค์มาตั้งโรงงานผลิตลําโพง celestion ส่วนรอบบิน มาร์เเชล มาตั้งโรงงานผลิตลําโพงยี่ห้อ epos  เเกรเเฮม  เเบ้งค์ โด่งดังสุดขีดเมื่อนําเเสงเลเซอร์มาใช้วิเคราะห์การทํางานของลําโพง  เเละลําโพงคู่เเรกที่ออกมาจากผลการค้นคว้าสุดขั้ว
ก็คือ celestion sl6  ส่วน รอบบิน มาร์เเชล โด่งดังมาตั้งเเต่อยู่ที่บริษัทที่ผลิตลําโพงยี่ห้อmonitor นี่เเหละครับที่เป็นสาเหตุที่พี่บอกว่าไม่อยากจะสนใจอะไรกับการได้เเชมป์ในเเต่ละปีของพวกรถยนต์   เพราะมือดีๆของโลกไปซุกตัวอยู่ที่ลําโพงบ้านทั้งหมด   เพราะลําโพงในบ้าน  มือดีไซด์ทุกคนรู้ดีว่าต้องไปให้ถึงที่สุดเเม้ว่าราคาจะเเพงถึงสิบล้านบาทต่อคู่ก็ตามที    ดังนั้นการได้ยินเกี่ยวกับเเชมป์อะไรนี่พี่ไม่ค่อยตกใจ   เเต่ถ้าได้ยินว่าน้องๆหลายคนใช้ win isd ได้เก่ง พี่อาจจะตกใจก็ได้  อย่าไปสนใจกับเเชมป์อะไรเลยน้องไม่มีประโยชน์   สนใจออกเเบบด้วยตัวเองให้เก่งก็พอเเล้วสักวันน้องจะรู้ได้ด้วยตัวเองว่าเราก็เก่งได้เหมือนกัน
บันทึกการเข้า
dol
member
*

คะแนน0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11


อีเมล์
« ตอบ #24 เมื่อ: กรกฎาคม 19, 2008, 09:53:00 PM »

ผมลองทำดู ทำตามรูปขนานไม่รู้ว่าได้ไหม  แต่เสียงออกมา ดังมาก หัวใจจะวาย  บอกได้คำเดียวว่าสุดยอด    ดอก12*  2ดอก   ลองทำดูเล่น แต่กลับดังได้ใจ      ลงท้าย ดังบ้างเพลง  บ้างเพลงก็ฟังไม่ได้เลย
บันทึกการเข้า
lek69
member
*

คะแนน0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 19


อีเมล์
« ตอบ #25 เมื่อ: กรกฎาคม 19, 2008, 11:07:11 PM »

ท่านdol ขอ ดู รูปหน่อยครับ Sad
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!