ใช้ “นาง” หรือ “นางสาว” ทำให้ครอบครัวแข็งแรงขึ้นหรืออ่อนแอลง
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่21"
พฤษภาคม 01, 2024, 08:18:42 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ใช้ “นาง” หรือ “นางสาว” ทำให้ครอบครัวแข็งแรงขึ้นหรืออ่อนแอลง  (อ่าน 3841 ครั้ง)
แวมไพร์-LSVteam♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน912
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3712


..เรียนให้รู้เป็นครูเขา.Learning by doing


« เมื่อ: มิถุนายน 04, 2008, 12:30:25 PM »



คอลัมน์ พ่อแม่ลูกปลูกรัก 3 มิ.ย.51
       สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน
       
       ก่อนจะตัดสินใจเขียนเรื่องนี้ก็ตรึกตรองอยู่ว่า อาจจะโดนบรรดาเพื่อนผู้หญิงที่พิทักษ์เรื่องสิทธิสตรีอย่างเคร่งครัดฮึ่มเอาได้ แต่ก็มิอาจห้ามใจไม่ให้เขียนถึงได้


   
       เมื่อพระราชบัญญัติคำนำหน้านามหญิง พ.ศ.2551 เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้ (4 มิ.ย.) เป็นต้นไป เพื่อให้ผู้หญิงมีทางเลือกในการใช้คำนำหน้านามและชื่อสกุลได้ตามความสมัครใจ มีใจความว่า
       
       1.กรณีหญิงที่จดทะเบียนสมรสใหม่ ให้แจ้งต่อนายทะเบียนขณะที่จดทะเบียนสมรสว่าประสงค์จะใช้คำนำหน้านามว่า นาง หรือ นางสาว นายทะเบียนจะบันทึกไว้ในทะเบียนสมรส แล้วนำหลักฐานทะเบียนสมรสไปแก้ไขในทะเบียนที่สำนักทะเบียนที่หญิงมีชื่ออยู่ แล้วทำบัตรประจำตัวประชาชนใหม่ให้
       
       2.กรณีหญิงที่จดทะเบียนสมรสแล้ว หรือหย่าแล้ว และได้ใช้คำนำหน้านามว่า นาง แล้ว ต้องการจะเปลี่ยนเป็นนางสาวให้ยื่นคำร้องต่อนายทะเบียนครอบครัว ณ สำนักทะเบียนที่ตนมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน หรือต่อนายทะเบียนที่จดทะเบียนสมรส นายทะเบียนจะบันทึกในทะเบียนสมรส ครั้งที่ 2 และจะออกหนังสือรับรองให้ เพื่อนำไปแก้ไขในทะเบียนบ้าน และเปลี่ยนบัตรประจำตัวประชาชนใหม่ให้ ทั้งนี้ การแก้ไขดังกล่าวไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม แต่จะเสียค่าธรรมเนียมเฉพาะเปลี่ยนบัตรประจำตัวประชาชนใหม่ประมาณ 50 บาท
       
       ดิฉันเองก็สมรสแล้ว และเปลี่ยนทั้งคำนำหน้าจากนางสาวมาเป็นนาง และเปลี่ยนนามสกุลเดิมมาเป็นนามสกุลของสามี และตั้งแต่ใช้มาก็ยังไม่เคยรู้สึกว่ามีปัญหาแต่ประการใด
       
       ดิฉันพยายามนึกถึงทั้งข้อดี-ข้อเสีย และติดตามเรื่องนี้มาพอสมควร เพราะเข้าใจเจตนาดีว่าแต่ละฝ่ายคิดเห็นเรื่องนี้อย่างไร
       
       จริงอยู่ เรื่องนี้ไม่น่าเป็นปัญหา เพราะเป็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคล ที่พอใจอย่างไรก็เลือกแบบนั้น ก็ไม่เห็นจะเป็นปัญหา ในเมื่อคุณไม่เห็นด้วยก็ไม่ต้องเปลี่ยนแปลง ก็เลือกตามที่ตัวเองต้องการก็สิ้นเรื่อง ไม่เห็นต้องเป็นปัญหาใดๆ
       
       แต่สิ่งที่ดิฉันอยากชวนมองอีกมุมหนึ่ง ก็คือ เรื่องการใช้ชีวิตคู่ในยุคปัจจุบันต่างหากที่นับวันก็ค่อนข้างเปราะบาง มีสภาพปัญหาอยู่มากมาย จำนวนสถิติการหย่าร้าง สภาพความแตกร้าวแตกแยกในครอบครัวก็มากโขอยู่ และเป็นประเด็นปัญหาที่ทำให้เกิดสภาพปัญหาทางสังคมตามมา
       
       ดิฉันอาจถูกมองว่าเป็นพวกคุณป้าหัวโบราณ หรือค่อนไปทางอนุรักษนิยมสำหรับคนรุ่นใหม่ก็ว่ากันไป เพราะดิฉันยังเชื่ออยู่เต็มหัวใจว่า การใช้ชีวิตคู่มีองค์ประกอบสำคัญมากมายอยู่รายรอบตัว
       
       และหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญ ก็คือ การให้เกียรติหัวใจซึ่งกันและกัน

   
       มิใช่เป็นการให้เกียรติ หรือเรียกร้องว่าทำไมแต่งงานแล้วต้องเปลี่ยนคำนำหน้าหรือใช้นามสกุลของใครหรือไม่ แต่เป็นการยินยอมพร้อมใจที่จะขอร่วมคู่ชีวิตเป็นหนึ่งเดียว โดยไม่ได้ยึดติดเรื่องของสัญลักษณ์..!!
       
       ที่ผ่านมา การเปลี่ยนคำนำหน้า หรือเปลี่ยนนามสกุล มาใช้ของสามี เป็นการบอกเล่าประกาศให้เพื่อนพ้องญาติพี่น้องรับรู้ว่าคู่ของเราตัดสินใจใช้ชีวิตเป็นคู่สามีภรรยา และพร้อมจะเป็นหนึ่งเดียวของกันและกัน


       
       และหากวันหนึ่งวันใดที่เกิดเหตุไม่สามารถประคองชีวิตสมรสให้ตลอดรอดฝั่ง หรือมีเหตุต้องแยกทางกัน ฝ่ายหญิงก็กลับไปใช้นามสกุลเดิม เพื่อแจ้งให้เพื่อนพ้องญาติพี่น้องรับรู้ว่าตนเองได้แยกทางกับสามีแล้ว
       
       แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่สัญลักษณ์เท่านั้น
       
       สิ่งที่เป็นกังวล ก็คือ ปัญหาทางด้านจิตใจ
       
      การตัดสินใจแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่สำหรับคน คนหนึ่ง ทั้งหญิงและชาย แต่ดูเหมือนฝ่ายหญิงจะเป็นผู้ที่ต้องปรับเปลี่ยนมากกว่าผู้ชาย ปรับเปลี่ยนในที่นี้คือในแง่สัญลักษณ์ แต่ถ้าหมายถึงการปรับเปลี่ยนในชีวิตคู่เป็นเรื่องที่ต้องปรับเปลี่ยนทั้งคู่ เพื่อให้ชีวิตคู่สามารถเดินไปได้อย่างสวยงาม
       
       ประเด็นสำคัญหนึ่งที่น่าจะถูกหยิบยกมาพูดถึงด้วย ก็คือ ในเชิงสัญลักษณ์ที่ผู้หญิงต้องปรับเปลี่ยนทั้งคำนำหน้า และนามสกุล มีข้อดีหรือไม่ อย่างไร?
       
       ข้อดีที่ว่า ก็คือ เมื่อเราใช้นามสกุลเดียวกัน ก็เป็นกุศโลบายหนึ่งให้รู้สึกให้เกียรติและแคร์ความรู้สึกของกันและกัน การจะทำสิ่งใดที่ไม่เหมาะไม่ควรก็จะมีความยับยั้งชั่งใจมากขึ้น หรือการจะตัดสินใจแยกทางกัน ก็จะคิดหนัก ไตร่ตรองอย่างรอบด้าน ก่อนที่จะตัดสินใจทางใดทางหนึ่ง รวมถึงการหล่อหลอมความเป็นครอบครัว เมื่อมีลูก ก็ใช้นามสกุลเดียวกันทุกคน ลูกก็คงไม่ต้องมีคำถามในภายหลัง
       
       จริงอยู่ว่าถ้าครอบครัวที่นามสกุลเดียวกัน แต่ครอบครัวมีแต่ความร้าวฉาน คำนำหน้า หรือนามสกุลก็ไม่ได้ช่วยอะไร
       
       ในทางตรงกันข้าม สังคมที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายสับสน และสภาพปัญหาทางสังคมมากมายในขณะนี้ การแก้ปัญหาในเชิงสัญลักษณ์จะไม่เป็นการช่วยเพิ่มปัญหาสังคมอีกหรือ ...!!
       
      ดิฉันเคยลองถามคนข้างตัวเล่นๆ ว่ารู้สึกอย่างไร เมื่อมีคนมาร่วมใช้นามสกุลด้วย เขาตอบแบบเรียบง่ายว่าภูมิใจที่มีคนมาใช้นามสกุลเดียวกับเขา เพราะนั่นคือการให้เกียรติกัน
       
       เมื่อผู้หญิงตัดสินใจแต่งงาน แต่ไม่ต้องการเปลี่ยนคำนำหน้า หรือเปลี่ยนนามสกุล ผู้ชายก็อาจพานคิดไปว่าเรื่องนี้ยังไม่ไว้ใจกัน ก็อาจกลายเป็นช่องว่างระหว่างกันได้ในภายหลัง
       
       ที่ผ่านมา ฝ่ายหญิงที่แต่งงานแล้ว ใช้คำว่านาง เวลามีผู้ชายอยากเข้ามาทำความรู้จัก หรือจีบ แต่เมื่อมีคำว่านางค้ำคออยู่ ก็ทำให้ทั้งฝ่ายชาย และฝ่ายหญิงยับยั้งชั่งใจได้ในระดับหนึ่ง จากนั้นก็ขึ้นอยู่กับศีลธรรมของแต่ละคน
       
       แต่ขนาดเป็นอย่างนี้ก็ยังพบเห็นปัญหาเรื่องมีชู้มีกิ๊กกันเต็มบ้านเต็มเมือง
       
       แล้วหากจากนี้ไป หญิงที่แต่งงานแล้ว แต่เลือกใช้นางสาว ชายคนใหม่ก็อาจคิดไปเองว่าหญิงคนนี้ยังไม่มีคู่ครอง แล้วเกิดเป็นกรณีที่ไม่เหมาะสม ก็เท่ากับเป็นการสร้างปัญหาใหม่ขึ้นมา
       
       เรื่องนี้เป็นเรื่องนานาจิตตัง สุดแท้แต่ว่าใครจะมองมุมไหน และคิดเห็นอย่างไร มีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่ประเด็นสำคัญคือ เรื่องสิทธิเป็นเรื่องที่ทุกสังคมควรมี แต่มีสิทธิแล้วก็ต้องดูบริบทของสังคมไทยด้วยว่าเหมาะสมหรือไม่
       
       การจะยกระดับสิทธิสตรีไปสู่สากล โดยที่บริบทสังคมไทยโดยรวมยังไม่พร้อม ก็อาจทำให้สถาบันครอบครัวเปราะบางยิ่งขึ้นก็เป็นได้...!!!


บันทึกการเข้า

topaya
member
*

คะแนน0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8


« ตอบ #1 เมื่อ: มิถุนายน 04, 2008, 01:04:25 PM »

เห็นด้วยอย่างยิ่งกับข้อเขียนดังกล่าว
บันทึกการเข้า
ถาวร-LSVteam
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน955
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7987



อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: มิถุนายน 04, 2008, 01:16:54 PM »

ฝรั่งเขายังไม่ทำเลย ผมยังสงสัยอยู่ว่าใครเรียกร้องกันแน่ หญิงไทยต้องการหรือแค่บางคนต้องการกันแน่ครับสิทธิสรีมันอยู่ตรงนี้หรือ แต่งงานกัน ไม่คิดจะใช้นามกุลเดียวกัน  ยังอยากจะใช้ นส.นำหน้าแล้วจะแค่งหาพระแสงอะไร ทีโดนผัวซ้อมไม่เห็นจะกล้าหือไปแจ้งความเลย สิทธิอยู่ที่ตัวคน ไม่อยากเปลี่ยนคำนำหน้า หรือนามสกุลก็แค่แต่งกันแล้วไม่ต้องจดทะเบียนสมรส มันก็ยังเป็นแบบเดิมอยู่  ไม่เห็นต้องมานั่งออกกฎหมายให้ยุ่งยาก  เมียผมยังว่าเรื่องไรสาระเลย ไม่เอา
บันทึกการเข้า

ยังสร้างความฉิบหายให้ประเทศไทยไมพอกันอีกหรือ 
 ผู้ใดคิดร้ายให้ร้ายพระองค์ มันจงพินาจฉิบหายในเวลาอันใกล้
rerk.com
member
*

คะแนน5
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 148


อีเมล์
« ตอบ #3 เมื่อ: มิถุนายน 05, 2008, 08:22:53 PM »

ผมกำลังคิดว่า ถ้าแฟนผมอายุ 50 แล้ว ยังใช้คำว่านางสาวอยู่ ผมจะรับได้ไหม ดีใจจัง ดีใจจัง ดีใจจัง
บันทึกการเข้า
ถาวร-LSVteam
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน955
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7987



อีเมล์
« ตอบ #4 เมื่อ: มิถุนายน 06, 2008, 09:12:57 AM »

บางคนไปเปลี่ยนคิดแต่ว่าจะเปลี่ยนเพราะเขาให้สิทธิ์มาแต่คงลืมนึกถึงว่าเอกสารทั้งหมดต้องเปลี่ยนด้วย ทะเบียนบ้าน ใบขับขี่ กรรมสิทธิ์ในฉโนดที่ดิน ชื่อในทะเบียนรถ และอีกหลายอย่างที่เป็นธุระกรรมที่ต้องใช้เอกสาร หาเรื่องยุ่งใส่ตัวแท้ๆ
บันทึกการเข้า

ยังสร้างความฉิบหายให้ประเทศไทยไมพอกันอีกหรือ 
 ผู้ใดคิดร้ายให้ร้ายพระองค์ มันจงพินาจฉิบหายในเวลาอันใกล้
prom jantapho
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน413
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4845


ทำดีเท่าที่ทำได้


« ตอบ #5 เมื่อ: มิถุนายน 06, 2008, 11:33:38 AM »

บางคนไปเปลี่ยนคิดแต่ว่าจะเปลี่ยนเพราะเขาให้สิทธิ์มาแต่คงลืมนึกถึงว่าเอกสารทั้งหมดต้องเปลี่ยนด้วย ทะเบียนบ้าน ใบขับขี่ กรรมสิทธิ์ในฉโนดที่ดิน ชื่อในทะเบียนรถ และอีกหลายอย่างที่เป็นธุระกรรมที่ต้องใช้เอกสาร หาเรื่องยุ่งใส่ตัวแท้ๆ

ไม่ต้องคิดมากหรอกครับหากว่าตัวผู้หญิ่งที่ต้องการคำนำหน้าเป็น นส. แล้วทำให้ตัวเองรู้สึกว่ามีความสุขและมีสิทธิที่จะทำอะไรก็ได้ตามใจปารถนา
หากว่ามองในอีกแง่สำหรับคนที่แต่งงานกันแล้วยังใช้ นส. อยู่ก็อาจจะทำให้เป็นอิสระสามารถมองหาผู้ชายที่ดีกว่าซึ่งความคิดนี้ผมว่าน่าจะมีในผู้หญิ่ง
สมัยมันนี้อย่างแน่นอน   

ในส่วนตัวผมคิดว่าหากผู้หญิ่งที่แต่งงานแล้วและใช้ นส.อยู่ก็ปล่อยเขาไปเถาะเพราะหากคิดเรื่องนิติกรรมเมื่อไหร่แล้วคนที่ยุ่งอยากที่สุดก็คือผู้หญิ่งนั้นแหละ
เรื่องสิทธิต่างๆ  ตามกฏหมายเช่น สินสมรส บุตร และอื่นๆอีก  พิจารณาเอาเอง Grin
บันทึกการเข้า

สามารถติดต่อได้ที่ 0841987970
bancha.2518
member
*

คะแนน42
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1066


ลูกสาว ครับ


อีเมล์
« ตอบ #6 เมื่อ: มิถุนายน 06, 2008, 01:18:37 PM »

อยากใช้นางสาวก็ไม่ต้องจดทะเบียนสมรสซิครับ แต่งแล้ว เปลี่ยนเป็นนาง ถ้าหญ่าก็กลับมาใช้เป็นนางสาว อันนี้ยังพอสมเหตุสมผล, แต่งแล้วใช้เป็นนางสาวผมว่ามันทะแมง ๆ อย่างไรอยู่นะครับ แก่เข้าไป 80-90 ปี ยังจะเป็นนางสาวอยู่หรือครับ ผมว่าน่าจะใช้อายุเป็นเกณฑ์ นะครับเหมือนเราอายุ 1-15 ปี ใช้ เด็กหญิง เด็กชาย 16-40 ใช้นายหนุ่ม นางสาว 41-60 ใช้ นายกับนาง เลยจากนี้ ก็ คุณปู คุณย่า คุณตา คุณยาย อันนี้ก็ขึ้นอยู่การทำบัตรครั้งสุดท้าย ให้เจ้าตัวเป็นคนเลือก ไม่ต้องอะไรมากหรอกครับ มีลูก ก็เป็น พ่อมึง แม่มึง แล้ว มีหลานก็เป็น ตาเอ้ย ยายเอ้ย ไม่เห็นจะมีใครเรียกคำนำหน้าว่านายหรือนางเลย เช่น ขอเชิญ ตามิ่ง ........ มารับราวัลเกษตกรดีเด่นด้วยครับ แล้วชายแก่ อายุราว 70 ปี ก็ออกไปรับราางวัล 5555 ดีใจจัง บ้าไปแล้วเรา  ขอบคุณ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!