เมื่อตำนานน้ำพริกถูกปลุกขึ้น (2)
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่21"
เมษายน 29, 2024, 02:13:29 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เมื่อตำนานน้ำพริกถูกปลุกขึ้น (2)  (อ่าน 2312 ครั้ง)
ekk_nak
ชุมชนคนรักอาชีพช่าง
member
*

คะแนน23
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 358


♣ อย่าลืม ♣ ♥ คำขอบคุณ ♥


เว็บไซต์ อีเมล์
« เมื่อ: ธันวาคม 17, 2007, 12:40:54 PM »


เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับเป็นเจ้าจอมคนสุดท้ายในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่มีอายุน้อยที่สุด เมื่อเสด็จสวรรคตนั้น เจ้าจอมสดับมีอายุเพียง 20 ปีเท่านั้นพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุไรรัตนศิริมาน ทรงเล่าว่า..."มีเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับคุณจอมสดับอีกเรื่อง คือ กับข้าวสำเร็จรูปซึ่งเรียกว่า น้ำพริกลงเรือ คนรู้จักกันมาก แต่ไม่รู้เหตุผลเรื่องนั้น คือ เจ้านายในรัชกาลที่ห้า เข้าไปอยู่วังสวนสุนันทาใหม่ๆ ดินที่ขุดมาถมเพื่อทำตำหนักทำให้มีสระกว้างใหญ่ยาว ต่างองค์ต่างมีเรือพายเล่น...วันหนึ่งตอนค่ำ คิดจะลงเรือกัน สมเด็จอาหญิงน้อย (สมเด็จเจ้าฟ้านิภานพดล กรมขุนอู่ทองเขตขัติยนารี พระราชธิดาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระวิมาดาเธอฯ) ก็ชวนว่าให้ไปกินข้าวในเรือกันเถอะ ก็รับสั่งว่า'...สดับไปดูซิในครัวมีอะไรบ้าง...'เวลานั้นยังไม่ถึงเวลาเสวย คุณจอมสดับเข้าไปในห้องเครื่อง เห็นมีแต่ ปลาดุกทอดฟู กับ น้ำพริก ตำไว้เท่านั้น จึงหยิบน้ำพริกกับปลามาผัดรวมกับ หมูหวาน เล็กน้อย พอตักขึ้นมาก็หยิบ ไข่เค็ม ซึ่งขณะนั้นยังไม่ได้ต้ม ความที่เป็นคนคล่องและไว เลยทิ้งไข่ขาว เอาแต่ไข่แดงดิบวางลงไปทั้งลูก และจัดผักเตรียมลงมาด้วย กลายเป็นอร่อยมาก ถึงเรียก น้ำพริกลงเรือ เกิดขึ้นเพราะคุณจอมสดับนี่เอง...."

       เหตุด้วย เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับ เป็นผู้ที่เติบโตมาภายใต้พระอุป ถัมภ์บำรุงของพระวิมาดาเธอ กรมพระสุทธาสินีนาถฯ ซึ่งรับสนองพระมหากรุณาธิคุณในกิจการห้องพระเครื่องต้นแห่งราชสำนัก จึงมีผลให้เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับมีความชำนาญในการปรุงอาหารคาวหวาน ควบคู่ไปกับงานฝีมือด้านอื่นๆ ซึ่งอุปนิสัยส่วนตัวของเจ้าจอมสดับนั้นเป็นผู้มีรสนิยมในการรับประทานอาหารเป็นอย่างยิ่ง มีความสุขที่จะเป็นผู้ทำอาหารให้ผู้อื่นรับประทานมาตั้งแต่วัยสาว จนแม้กระทั่งอายุ 92 ปีเศษแล้ว ก็ยังไม่งดที่จะลงมือตำน้ำพริกเองในยามมีหลานหรือแขกไปรับประทานอาหาร

        ด้วยวันหนึ่ง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาเสด็จเยี่ยมที่ในพระบรมมหาราชวังชั้นใน ประจวบเป็นเวลาที่เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับกำลังจะรับประทานอาหารกลางวัน จึงกราบทูลเชิญเสด็จ พร้อมทั้งกราบทูลว่า"แหม...นี่ถ้าประทานรับสั่งมาก่อนล่วงหน้าสัก 10 นาทีว่าจะเสด็จจะตำน้ำพริกตั้งเครื่องทันที..."นอกจากเป็นผู้ที่มี รสมือ หาตัวจับได้ยากแล้ว ยังเป็นผู้ไม่ปิดบังตำรา ตรงกันข้ามกลับมีความยินดีที่จะถ่ายทอดสิ่งเหล่านั้น และทุกครั้งที่ได้ถ่ายทอดแก่ผู้ใดแล้วก็ตาม ก็จะต้องพูดติดปากเสมอว่า "เป็นตำราพระวิมาดา" แสดงถึงความยกย่องในพระวิมาดาในฐานะที่ทรงเป็นต้นตำรับ และแสดงถึงเป็นผู้ไม่แอบอ้างว่าอาหารอร่อยเพราะเพียงฝีมือผู้ปรุงเท่านั้น ตำรับเป็นส่วนสำคัญด้วยเช่นกันหลังจากที่พระพุทธ เจ้าหลวงเสด็จสวรรคตแล้ว เจ้าจอมสดับได้ครองตนเป็นที่น่าเคารพนับถือ โดยปฏิบัติธรรมตลอดชีวิต และได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลปัจจุบันให้เข้ามาอยู่ในพระบรมมหาราชวัง จนได้กราบบังคมลาอนิจกรรมในวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ.2526 สิริรวมอายุได้ 93 ปีตำนานน้ำพริกลงเรือโดยเจ้าจอมคนสุดท้ายในพระบาทสมเด็จพระจุลจอม เกล้าเจ้าอยู่หัว จึงปิดฉากลงและทิ้งตำรับอาหารที่ยิ่งใหญ่ไว้ให้แผ่นดินวันนี้

       ตำรับน้ำพริกลงเรือที่ 'เจ้าจอมสดับ' เขียนไว้ ปรากฏดังความว่า...น้ำพริกลงเรือ ...เครื่องปรุง1. กะปิ 1 ช้อนชา 2. พริกชี้ฟ้าหรือพริกขี้หนูสด 5 เม็ด 3. กระเทียม 7 กลีบ 4. น้ำปลา 5. น้ำตาล 6. มะดันหรือมะนาวตามสมควร 7. กระเทียมดอง 2 หัว 8. ไข่เค็มดิบ 2 ฟอง 9. ปลาดุกหรือปลาช่อน 1 ตัว10. น้ำมันหมูตามควร 11. มะเขือเปราะ 4 ผล 12. ผักชีตามควร 13. หมูสามชั้น 1 ชิ้น ....วิธีทำตำน้ำพริกอย่างจิ้มผักสดธรรมดา แต่ปรุงให้เหลวๆ หน่อย ชิมรสตามชอบ แล้วเอาน้ำมันหมูใส่กระทะลงเล็กน้อย พอน้ำมันร้อนเอากระ เทียม โขลกสัก 5 กลีบเล็กๆ เจียวพอหอม แล้วเทน้ำพริกที่ตำไว้ ลงผัดพอสุกทั่ว แล้วตักใส่ถ้วยไว้ แล้วเอาหมูต้มให้หนังเปื่อย แล้วหั่นให้ละ เอียดสัก 3 ช้อนคาว หรือคะเนดูให้เท่าๆ กับน้ำพริกที่ผัดไว้ เอาผัดน้ำมันหมู น้ำปลา น้ำ ตาล ชิมให้รสจัดเหมือนหมูต้มเค็ม แล้วตักใส่ถ้วยไว้เอาปลาอย่างใดอย่างหนึ่ง นึ่งให้สุก แล้วแกะแต่เนื้อขยี้ให้ละเอียด ลงทอดในน้ำมันหมูให้เหลือง กรอบ ต้องใช้น้ำมันให้ท่วมปลา ไฟแรง แล้วตักใส่ถ้วยไว้ คะเนเท่ากับหมูและน้ำพริกเอาจานลึก หรือชามตื้นๆ ใช้สำหรับจัดวิธีจัดเอาน้ำพริกกับหมู ผัดผสมด้วยกันเคล้าให้ทั่วแล้วตักลงก้นจานก่อน จึงเอาปลาทอดขยี้ให้ร่วนโรยทับ เอากระเทียมดองปอกเป็นกลีบสำหรับกลีบเล็กๆ ถ้ากลีบใหญ่ก็ผ่า 2-3 ชิ้น เอาไข่เค็มดิบ รีดใช้แต่ไข่แดงผ่าเป็นชิ้นเล็กตามควร ประดับลงบนปลาสลับกันกับกระเทียมดอง มะเขือ ผักชี จัดลงภาชนะเดียวกัน อย่าแยกภาชนะ จัดเป็นอย่างๆ จะหมดอร่อยหมดสวยงามและหมดความหมาย ที่ชื่อน้ำพริกลงเรือเกิดขึ้นเพราะเจ้านายทรงเล่นเรือพาย เวลาพลบค่ำจะเสวยในเรือโดยมิได้เตรียม ผู้คิดพบอะไรมีอยู่ในห้องเครื่อง ก็เก็บผสมกันเข้าให้สำเร็จประโยชน์ และให้ง่ายเหมาะในเรือเล็กๆ มืดๆ


บันทึกการเข้า


หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!