ตามล่า “กันยายนทมิฬ” สุดโลก!..แต่กลับฆ่าผิดคน!!
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่21"
เมษายน 19, 2024, 10:05:45 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ตามล่า “กันยายนทมิฬ” สุดโลก!..แต่กลับฆ่าผิดคน!!  (อ่าน 514 ครั้ง)
eskimo_bkk-LSV team♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม..
member
*

คะแนน1883
ออนไลน์ ออนไลน์

กระทู้: 13227


ไม่แล่เนื้อเถือหนังพวก


อีเมล์
« เมื่อ: กันยายน 10, 2022, 07:31:32 AM »

อิสราเอลไม่ยอมให้นักกีฬาโอลิมปิกตายฟรี ตามล่า “กันยายนทมิฬ” สุดโลก!..แต่กลับฆ่าผิดคน!!
----------------------------------------------------------------------------------------------------
“กันยายนทมิฬ” “BLACK SEPTEMBER”
เป็นขบวนการหนึ่งขององค์การปลดปล่อยปาเลสไตน์
ซึ่งเกิดจากความขัดแย้งกับกองทัพจอร์แดนของกษัตริย์ฮุสเซน
จนปะทะกันหนักในเดือนกันยายน ๒๕๑๓ และยืดเยื้ออยู่นาน
การที่ก่อตั้งขบวนการนี้ขึ้นมาเพื่อแก้แค้นจอร์แดน
และได้ลอบสังหารนายวาสฟีอัล-ทอล นายกรัฐมนตรีจอร์แดนได้สำเร็จ
องค์การนี้เคยมาสร้างข่าวดังสนั่นโลกในเมืองไทย
โดยเข้ายึดสถานทูตอิสราเอลจับเจ้าหน้าที่สถานทูตและครอบครัวเป็นตัวประกัน
เมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๑๕ แต่เหตุการณ์ครั้งนี้กลับแฮปปี้เอนดิ้งอย่างมหัศจรรย์
ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นเพียง ๓ เดือนเศษ ขบวนการกันยายนทมิฬ
ได้สร้างข่าวสนั่นโลกเหมือนกัน
โดยบุกเข้าสังหารนักกีฬาของอิสราเอล
ในโอลิมปิกที่เยอรมันตายไป ๒ คน
แล้วจับโคชและนักกีฬาอิสราเอล
เพื่อต่อรองให้แลกเปลี่ยนกับสมาชิกของขบวนการที่ถูกจับ
แต่เรื่องนี้จบลงอย่างโศกนาฏกรรม
ด้วยความตายของทั้งผู้ปฏิบัติการ
ตัวประกัน นักบิน และตำรวจ
 
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในกีฬาโอลิมปิกเมืองมิวนิกครั้งนั้น
เริ่มขึ้นในเวลา ๔.๓๐ น.ของวันที่ ๕ กันยายน ๒๕๑๕
กลุ่มกันยายนทมิฬ ๘ คนได้บุกเข้าไปในหมู่บ้านนักกีฬา
และจับนักกีฬาอิสราเอล ๑๑ คนรวมทั้งโคช
แต่ ๒ คนพยายามหลบหนีเลยถูกยิงตาย
กลุ่มปฏิบัติการเรียกร้องขอให้ปล่อยตัวนักโทษ ๒๓๐ คน
ที่อยู่ในเรือนจำอิสราเอลแลกกับตัวประกัน
รัฐบาลอิสราเอลปฏิเสธและขอเข้ามามีส่วนร่วมในเรื่องนี้ด้วย
เพราะมีประสบการณ์มาหลายครั้งแล้ว
แต่เยอรมันไม่ยอมและเตรียมบุกเข้าช่วยตัวประกันเอง
โดยพยายามยืดเวลาหาโอกาส ในการเจรจาฝ่ายกันยายนทมิฬได้ขอบินไปอียิปต์
เยอรมันตกลงพร้อมส่งเฮลิคอปเตอร์ ๒ ลำรับไปสนามบิน
แต่เตรียมทีมสไนเปอร์ซุ่มโจมตีไว้เต็มอัตรา

ในเวลา ๒๒.๓๐ ขณะที่กลุ่มกันยายนทมิฬเคลื่อนย้าย
จากเฮลิคอปเตอร์จะไปขึ้นโบอิ้ง ๗๒๗ สไนเปอร์เยอรมันก็ลั่นไกใส่
คนในกลุ่มจึงยิงต่อสู้และขว้างระเบิดเข้าใส่เฮลิคอปเตอร์
ที่ตัวประกันยังอยู่ในเครื่อง เป็นผลให้ตัวประกันตายทั้งหมด
ตำรวจเยอรมันตายไป ๑ นักบินเฮลิคอปเตอร์อีก ๔
ฝ่ายกันยายนทมิฬตาย ๕ อีก ๓ คนรอดแต่ก็ถูกจับ

๑ เดือนต่อมา ขบวนการกันยายนทมิฬได้จี้เครื่องบินลูฟท์ฮันซ่า
เรียกร้องให้ปล่อยตัวสมาชิก ๓ คนนี้
รัฐบาลเยอรมันเลยต้องยอม แต่อิสราเอลไม่ยอมจบเรื่องนี้
ที่จะให้ผู้ก่อการร้ายลอยนวล
หน่วยข่าวกรองของอิสราเอลที่มีชื่อว่า “มอสสาด”
จึงเปิดปฏิบัติการ “พระเจ้าพิโรธ” ตามล่า
ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการสังหารนักกีฬาโอลิมปิกของตนให้ได้
มอสสาดสืบรู้ว่าผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ก็คือ
อาลี ฮัสซัน ซาลาเมห์ ผู้มีฉายาว่า “Red Price”
ซึ่งกำลังซ่อนตัวอยู่ที่สวีเดน

อาลี ฮัดซัน ซาลาเมห์ เกิดในครอบครัวร่ำรวยชาวปาเลสไตน์
พ่อเสียชีวิตในการทำสงครามกับอิสราเอล
แต่ไปใช้ชีวิตเจ้าสำราญอยู่ที่เยอรมันในโฉมหน้าเป็นคนรูปหล่อพ่อรวย
เป็นนักรัก นักแข่งรถ ควงสาวไม่ซ้ำหน้า
แต่เบื้องหลังซาลาเมห์เป็นคนที่ให้ความช่วยเหลือองค์การปลดปล่อยปาเลสไตล์
รวมทั้งเป็นผู้ที่ยัสเซอร์ อาราฟัด ผู้นำองค์กรให้ความไว้วางใจ
และเป็นผู้ก่อตั้งหน่วยรักษาความปลอดภัยให้กับอาราฟัดด้วย

ปฏิบัติการพระเจ้าพิโรธครั้งนี้มี
ไมเคิล ฮาร์รารี่ ผู้มีฉายา “เจมส์ บอนด์ แห่งอิสราเอล”
เป็นหัวหน้าทีม มีสมาชิกทั้งชายหญิง ๑๕ คน แบ่งเป็น ๕ ชุด
คือชุดแรกเป็นทีมสังหาร
ชุดที่ ๒ เป็นหน่วยคุ้มครองทีมสังหาร
ชุดที่ ๓ เป็นฝ่ายอำนวยความสะดวกในการขนส่งและเดินทาง
ชุดที่ ๔ มีหน้าที่สะกดรอยตามเป้าหมายและวางแผนเส้นทางหลบหนี
ให้ชุดสังหาร ชุดที่ ๕ ทำหน้าที่ดูแลการสื่อสารของทีม

ในเดือนกรกฎาคม ๒๕๑๖ ทีมล่าสังหารมุ่งไปที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งที่เมืองลิลลิแฮมเมอร์
ทางตอนเหนือของนอร์เวย์ ตามข้อมูลที่ว่า เรดปรินซ์ซ่อนตัวเป็นเด็กเสิร์ฟอยู่
ใช้เอกสารเป็นคนโมร็อกโคในชื่อ อาเหม็ด บุชิกี
ทีมล่าสังหารไปซุ่มดูเห็นบุชิกีกำลังเสิร์ฟให้สายลับของปาเลสไตน์คนหนึ่งอยู่พอดี
เข้าใจว่าทั้งสองคนกำลังวางแผนอะไรกันบางอย่าง
ทำให้แน่ใจว่าบุชิกีก็คือเรดปริ้นซ์ไม่ผิดตัวอย่างแน่นอน
และนี่จะเป็นงานชิ้นโบว์แดงของมอสสาดที่ล้างแค้นให้นักกิฬาโอลิมปิกอิสราเอล

แผนสังหารถูกกำหนดขึ้นในวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๑๖
เมื่อบุชิกีออกจากโรงภาพยนตร์กำลังจะกลับบ้านพร้อมกับแฟนสาวชาวนอร์เวย์ที่กำลังมีครรภ์
หน่วยล่าสังหารอิสราเอลจึงสาดกระสุนใส่เขา ๑๓ นัด
เสียชีวิตทันที แต่แฟนสาวไม่ได้รับอันตราย
รุ่งขึ้นหนังสือพิมพ์ต่างเสนอข่าวที่บุชิกีถูกสังหารอย่างน่าแปลกใจ
เพื่อนบ้านต่างยืนยันว่าเขาเป็นคนนิสัยดีมาก
และเปิดเผยเรื่องราวต่างๆของเขาจนทำให้มอสสาดรู้ว่าสังหารผิดคนเสียแล้ว
ความตายของเด็กเสิร์ฟผู้บริสุทธิ์จากความผิดพลาดของมอสสาดแพร่ไปทั่วโลก
แสดงให้เห็นว่าองค์กรที่เลื่องชื่อนี้ไม่ได้มีประสิทธิภาพสมกับชื่อเสียง
นอร์เวย์ถือว่าเรื่องนี้ยิ่งกว่าการฆาตกรรมธรรมดา
ยังเป็นการละเมิดอธิปไตยด้วย จึงดำเนินการตามกฎหมายตามจับสายลับอิสราเอลได้ ๖ คน
แต่หัวหน้าหน่วยกับมือสังหารหนีออกนอกประเทศไปได้
พบว่าทั้งหมดใช้หนังสือเดินทางปลอม
เรื่องกระจ่างแจ้งเมื่อคนหนึ่งในกลุ่มนี้ทนแรงกดดันกับ
วิธีการสอบสวนของของตำรวจนอร์เวย์ไม่ไหวยอมเปิดเผยปฏิบัติการ
“พระเจ้าพิโรธ” ทางการอิสราเอลเลยยอมเสียหน้าขอเจรจา
เพื่อช่วยสายลับเหล่านี้ แต่ทางนอร์เวย์ไม่ยอม
ดำเนินคดีตามกฎหมาย ศาลได้ตัดสินจำคุกทั้ง ๖ คน
ตามความผิดต่างกันไป ๑-๕ ปี

ความจริงแล้วอาลี ฮัดซัน ซาลาเมห์ แม้เขาจะเป็นผู้สนับสนุนองค์การปลดปล่อยปาเลสไตน์
แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการจับนักกีฬาอิสราเอลที่โอลิมปิกเลย
งานหลักที่เขาทำให้องค์การคือเป็นผู้ประสาน ๑๐ ทิศ
ป้อนข้อมูลเบื้องหลังการเมืองให้หลายประเทศในย่านนั้นรวมทั้งอเมริกา
เพื่อมุ่งผลประโยชน์ของปาเลสไตน์ ในช่วงสงครามกลางเมืองเลบานอน
ซาลาเมห์เป็นคนที่ช่วยพานักการทูตสหรัฐออกจากเลบานอนได้
เขาจึงมีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับซีไอเอ ที่ป้อนข้อมูลให้อเมริกา
ก็เพื่อให้ช่วยปาเลสไตน์จากการรุกรานของอิสราเอล
ซึ่งอเมริกาก็พอใจในข้อมูลที่ได้จากเขา
ทำให้มั่นใจว่าจะไม่มีผู้ก่อการร้ายรายใดในตะวันออกกลาง
ทำร้ายคนอเมริกันหรือโจมตีสถานทูตสหรัฐ
และได้ตอบแทนเขาโดยช่วยเรียกร้อง
อิสราเอลคืนดินแดนให้ปาเลสไตน์เพิ่มขึ้น

ส่วน “เจมส์ บอนด์แห่งอิสราเอล” ก็เป็นเจมส์ บอนด์สมชื่อ
หนีออกนอกประเทศไปได้พร้อมพามือสังหารไปด้วย
เขายอมรับความผิดพลาดที่ทำให้มอสสาดเสียหน้าในครั้งนี้ด้วย
การยื่นใบลาออก แต่ได้รับการยับยั้งจากนางโกลดา แมร์ นายกรัฐมนตรี
เลยต้องทำหน้าที่เป็นเจมส์ บอนด์ต่อไป
 
เรื่องที่ตื่นเต้นซับซ้อนยังกับหนังนี้
หากจะถามว่าไม่มีนางเอกหรือ นางเอกของเรื่องนี้มีนามว่า
ซิลเวีย ราฟาเอล เป็น ๑ ใน ๘ ของหน่วยปฏิบัติการพระเจ้าพิโรธที่นอร์เวย์
เธอเกิดในอาฟริกาใต้ พ่อเป็นชาวยิวที่รอดชีวิตจากค่ายล้างเผ่าพันธุ์
ในเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่ ๒ เธอคือคนที่ระบุว่า
อาเหม็ด บุชิกีคือซาลาเมห์ จึงถูกศาลนอร์เวย์ตัดสินจำคุกสูงกว่าทุกคนถึง ๕ ปี
เมื่อพ้นโทษเธอก็เสียความรู้สึกกับงานสายลับ
จึงไม่ยอมกลับไปอิสราเอล และแต่งงานกับทนายความชาวนอร์เวย์
ที่ว่าความให้สายลับมอสสาดในคดีนี้ แฮปปี้เอนดิ้งไป
 
ปฏิบัติการของขบวนการกันยายนทมิฬที่เมืองมิวนิก
เป็นโศกนาฏกรรมที่สะเทือนใจคนทั้งโลก
แต่ปฏิบัติการของขบวนการนี้ที่กรุงเทพฯ
กลับทำให้คนทั้งโลกถอนหายใจและยิ้มด้วยความสุข
ทั้งแปลกใจว่าเรื่องมหัศจรรย์อย่างนี้ไม่น่าเกิดขึ้นได้ในโลก
สามารถทำให้กันยายนทมิฬกลับใจได้
ทั้งๆที่ลงมือปฏิบัติการไปแล้ว

โค๊ด:
Cr: https://mgronline.com/onlinesection/detail/9650000086647


บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!