ไทยจะเอาอย่างไรกับนาโต้ 2? โดย สิริอัญญา
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่21"
มีนาคม 28, 2024, 03:37:03 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ไทยจะเอาอย่างไรกับนาโต้ 2? โดย สิริอัญญา  (อ่าน 537 ครั้ง)
eskimo_bkk-LSV team♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม..
member
*

คะแนน1882
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13197


ไม่แล่เนื้อเถือหนังพวก


อีเมล์
« เมื่อ: พฤษภาคม 05, 2022, 07:20:21 AM »

ทหารไทย, คนไทย​ ทุกคนควรอ่านให้จบ

ไทยจะเอาอย่างไรกับนาโต้ 2?
โดย สิริอัญญา
วันพุธที่ 20 เมษายน 2565

ความขัดแย้งของขั้วอำนาจต่าง ๆ ในโลก
กำลังลุกลามบานปลายและเข้าไปใกล้กับ
สงครามโลกครั้งที่สามมากขึ้นทุกที
ขั้วอำนาจนาโต้ที่ครองอำนาจเป็นขั้วเดียวของโลก
มาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
กำลังอยู่ในภาวะเลือดเข้าตาและอาจล่มสลาย
โดยขั้วอำนาจใหม่ของโลกที่จะก้าว
เข้ามาจัดระเบียบใหม่ของโลกต่อไป

ขั้วนาโต้นั้นมีฐานใหญ่อยู่ที่ยุโรป
โดยสหรัฐเป็นศูนย์กลางการนำ
มีประเทศที่เป็นหัวเรือใหญ่คืออังกฤษ
นอกนั้นเป็นบริษัทบริวาร
บ้างก็อยู่ในสภาพเมืองขึ้น เช่น เยอรมัน อิตาลี

ขั้วนาโต้มีแสนยานุภาพที่ครอบคลุมโลก
มาตั้งแต่สิ้นสงครามโลกครั้งที่สอง
มีกลไกทางเศรษฐกิจคือสหภาพยุโรป G7 และ G20
รวมทั้งมีระบบการชำระเงินและสกุลเงิน
ที่ควบคุมโลกอย่างต่อเนื่องยาวนาน
ทั้ง ๆ ที่กลุ่มนี้มีประชากรรวมกันแค่ไม่เกิน 500 ล้านคนเท่านั้น

และกลุ่มที่มีประชากร 500 ล้านคนนี้
ก็ตั้งตนเป็นผู้ควบคุมโลก
ตั้งตนเป็นเจ้าประเทศราชของทั้งโลก
กำหนดกฎเกณฑ์กติกาให้ชาวโลกปฏิบัติ
และใครทำการใดไม่ถูกใจหรือไม่เป็นไปตามที่ต้องการ
ก็จะใช้มาตรการรวมหัวกันลงโทษ หรือที่เรียกว่า คว่ำบาตร

และนับวันสิ่งที่เรียกว่าการคว่ำบาตรนั้น
ก็ป่าเถื่อนยิ่งขึ้นทุกวัน ไม่ต่างกับคนป่าคนดง
ในยุคดึกดำบรรพ์ที่ไม่เคารพความเป็นมนุษย์ของใคร
ไม่เคารพอธิปไตยของชาติใด คิดจะทำการสิ่งใดก็ทำตามใจชอบ เช่น
การเข้าแทรกแซงกิจการภายในของประเทศต่าง ๆ
การล้มล้างการเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศต่าง ๆ
การบังคับให้ประเทศต่าง ๆ ต้องทำทุกสิ่งทุกอย่างตามที่ต้องการ

ชาติใดไม่ทำตามใจก็รุมกันเล่นงาน
ประดุจดังฝูงหมาป่าที่รุมกันไล่กินลูกแกะ
และกระทำการในลักษณะนี้ด้วยความฮึกเหิมลำพอง
แต่ยิ่งทำมากขึ้นเท่าใด บรรดาประเทศที่เดือดร้อนเสียหาย
และไม่มีทางเลือกก็จำเป็นต้องต่อสู้
ตามความสามารถของตน
และยิ่งนานวันประเทศเหล่านี้ก็มีจำนวนมากขึ้น

*************************************
ในที่สุดก็เกิดเป็นขั้วอำนาจใหม่ขึ้นอีกขั้วหนึ่ง
คือขั้วอำนาจองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้
ที่มี รัสเซีย จีน อิหร่าน และเกาหลีเหนือ.....เป็นแกนหลัก
ต่อมาก็ได้ขยายพันธมิตรซึ่งล้วนเป็นประเทศที่ถูกกดขี่ข่มเหงทั้งสิ้น
และในที่สุดประเทศทั้งหลายที่ถูกกดขี่ข่มเหง
ก็ได้มารวมตัวกันจนกลุ่มองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้
มีประชากรมากกว่า 5,000 ล้านคน
และมีฐานกำลังอยู่ในทุกทวีปของโลก

*************************************
       ประชาชาติทั้งหลายที่ถูกกดขี่ข่มเหงได้ร่วมกัน
ยืนหยัดต่อสู้กับนักล่าอาณานิคมผู้กดขี่ด้วยความเสียสละกล้าหาญ
การขับเคี่ยวต่อสู้กันผ่านวันเวลามาร่วม 50 ปี
ในที่สุดกลุ่มองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ก็ยืนขึ้นได้

และประเทศแกนนำก็กลายเป็นมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของโลก
ไม่ได้ด้อยกว่าสหรัฐและอังกฤษ
นั่นคือ รัสเซีย จีน อินเดีย อิหร่าน เกาหลีเหนือ
และล่าสุดกลุ่มประเทศอาหรับในตะวันออกกลาง
ซึ่งถูกแบล็คเมล์กดขี่ข่มเหงสารพัดจนแทบจะสิ้นชาติ
ก็ไม่อาจอดทนถูกข่มเหงต่อไปได้
จึงพลิกขั้วหันมาเข้าร่วมเป็นพันธมิตร
กับกลุ่มองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้

ทำให้กลุ่มประเทศองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้
นอกจากมีประชากรถึง 5,000 ล้านคนแล้ว
มีแสนยานุภาพที่เข้มแข็งเกรียงไกรมากขึ้น
มีพลังทางเศรษฐกิจมากขึ้น และกลายเป็นกลุ่มที่
กุมชะตากรรมพลังงานของโลก
ซึ่งส่งผลต่อสกุลเงินของโลกด้วย
โดยประเทศเหล่านี้ได้ลดบทบาทการซื้อขายพลังงาน
ด้วยเงินดอลลาร์ลง และใช้สกุลเงินท้องถิ่นไม่ว่า
รูเบิล หยวน หรือ รูปี เป็นสกุลหลักในการซื้อขายพลังงาน

ทำให้การใช้เงินดอลลาร์ซึ่งครอบคลุมโลก
มาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สองด้อยค่า
และลดปริมาณลงอย่างน่าใจหาย
จนกระทั่ง FED ต้องประกาศลดขนาดงบการเงินลง
เดือนละ 90,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
หรือเท่ากับเดือนละหนึ่งปีงบประมาณของประเทศไทย
นั่นหมายความว่ากำลังมีการปฏิเสธและทิ้งเงินดอลลาร์
ในอัตราอย่างน้อยเดือนละ
เท่ากับงบประมาณประเทศไทยหนึ่งปี
ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

การครองความเป็นเจ้าด้วยการคุมระบบการชำระเงิน
หรือ swift ถูกทำลายลงแล้ว
โดยเกิดระบบการชำระเงินใหม่ขึ้นทดแทนระบบเดิม
ทำให้ประเทศกลุ่มองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้
สามารถชำระเงินแก่กันได้ตามปกติ

ความขัดแย้งระหว่างสองขั้วอำนาจยกระดับรุนแรงมากขึ้น
สถานการณ์สงครามในยูเครนที่คนจำนวนหนึ่งยังเข้าใจผิดว่า
เป็นสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน
แท้จริงแล้วเป็นสงครามระหว่างนาโต้กับรัสเซีย
ซึ่งเป็นสงครามยุคใหม่ และเป็นนวัตกรรมใหม่
ในการสงครามของมนุษยชาติที่กำลังเปลี่ยนแปลง
สถานการณ์ในยุโรปอย่างสิ้นเชิง


กระทั่งอาจทำให้นาโต้ล่มสลาย อาจทำให้อียูล่มสลาย
และอาจทำให้เงินยูโรหายไปจากโลก
กระทั่ง G7 หรือ G20 ก็ไร้ความหมายอีกต่อไป
ระเบียบโลกเก่ากำลังถูกทำลายลง
และระเบียบโลกใหม่กำลังเกิดขึ้น

แม้ชัยชนะและปราชัยยังไม่ปรากฏชัด
แต่เป็นวิสัยของนักล่าอาณานิคมที่ต้องการ
ปั่นสถานการณ์ให้ขยายตัวรุนแรงขึ้น
โดยหลักคิดที่ว่าที่ใดมีสงคราม
ที่นั่นคือผลประโยชน์ของนักค้าอาวุธ
ดังนั้นจึงไม่เพียงแต่มุ่งขยายสงครามในยุโรป
กลับมาขยายพื้นที่สงครามในเอเชียแปซิฟิกด้วย
ซึ่งกระบวนการขยายสงครามในเอเชียแปซิฟิกนี้
เป้าหมายสำคัญคือ"จีน อิหร่าน เกาหลีเหนือ"
ซึ่งแน่นอนว่าสามประเทศหลัก
แห่งองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ดังกล่าว
ก็ย่อมรู้สถานการณ์และผนึกกำลังกันรับมืออย่างเหนียวแน่น

เพื่อขยายความขัดแย้งและสงครามให้บังเกิดขึ้น
ทั่วทั้งเอเชียและแปซิฟิก จึงได้มีการจัดตั้งแกนขึ้น สามแกน คือ

แกน Quad (ควอด) ประกอบด้วยสหรัฐ อังกฤษ ออสเตรเลีย อินเดียและญี่ปุ่น
รับผิดชอบภาคพื้นมหาสมุทรอินเดีย
โดยมีเป้าหมายคือ "รัสเซีย อิหร่าน และจีน"
ซึ่งแน่นอนว่าจะใช้พม่าเป็นสมรภูมิใหญ่
ตลอดลงไปถึงมหาสมุทรอินเดีย

แต่ทว่าอินเดียรู้เท่าทันว่าจะถูกหลอกใช้
ให้อินเดียเป็นกองหน้าทำสงครามกับรัสเซีย จีน และอิหร่าน
ซึ่งไม่ใช่กงการและผลประโยชน์ใด ๆ ของอินเดีย ๆ
รู้ถึงเภทภัยของ การชักศึกเข้าบ้าน และ
การทำให้อินเดียเป็นสนามรบอย่างดีและทันท่วงที
ดังนั้นอินเดียจึงพลิกขั้วไปร่วมมือกับกลุ่ม
องค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ในทุกมิติ
เป็นผลให้แกน Quad (ควอด) พังพินาศลงไป

แกน AUKUS ประกอบด้วยสหรัฐ อังกฤษ และออสเตรเลีย
ซึ่งเป็นที่รู้กันว่ายังมีญี่ปุ่นและเกาหลีใต้
ซึ่งสหรัฐได้ตั้งฐานทัพและวางกำลังทหารจำนวน 25,000 คน
ไว้ที่เกาหลีใต้ และอีก 65,000 คน ที่ญี่ปุ่น
โดยมีฐานทัพที่เกาะกวมของสหรัฐอีกราว 30,000 คน

แต่ทว่าเกาหลีใต้และญี่ปุ่นก็รู้ดีว่า
ในที่สุดทั้งเกาหลีใต้และญี่ปุ่นก็จะกลายเป็น
แนวหน้าทำสงครามกับจีนและเกาหลีเหนือ
รวมทั้งรัสเซียด้วย ซึ่งมิได้เป็นประโยชน์ใด ๆ
แก่เกาหลีใต้และญี่ปุ่นเลย
ดังนั้นทั้งเกาหลีใต้และญี่ปุ่นจึงกำลัง ละล้าละลัง
ในขณะที่อังกฤษและออสเตรเลียอยู่ไกลโพ้นออกไป
นับหมื่นกิโลเมตรและไม่มีผลประโยชน์ที่ชัดเจน
จึงย่อมรู้ดีว่าในภูมิภาคแปซิฟิกนั้นก็มีแต่
ผลประโยชน์ของสหรัฐแต่ชาติเดียว

ดังนั้นโดยสภาพภูมิยุทธศาสตร์และผลประโยชน์แห่งชาติ
จึงทำให้อังกฤษและออสเตรเลีย
ถึงอย่างไรก็ไม่อาจทำการเต็มกำลังได้

แกนสำคัญคือแกนอาเซียน ที่มีแกนหลัก 6 ประเทศ
คือ สหรัฐ อังกฤษ ออสเตรเลีย ไทย ญี่ปุ่น และฟิลิปปินส์
ซึ่งขณะนี้มีไทยประเทศเดียวที่ลงนาม
เข้าร่วมยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก มาตั้งแต่ปี 2562

และโดยสภาพแกนหลักดังกล่าวนี้
ประเทศไทยก็จะกลายเป็นกองหน้า
ที่จะถูกถีบหลังให้เข้าทำสงครามกับ
จีน รัสเซีย อิหร่านและเกาหลีเหนือ
ซึ่งไม่ใช่ผลประโยชน์หรือกงการใด ๆ ของประเทศไทย

และในสภาพเช่นนี้ก็หนีไม่พ้นที่ประเทศไทย
จะต้องถูกใช้เป็นฐานทัพหรือเป็นที่ตั้งกองกำลังทหารของต่างชาติ
เพื่อทำสงครามกับรัสเซีย จีน อิหร่าน และเกาหลีเหนือ

ประเทศในอาเซียนตอนบนที่เป็นเพื่อนบ้านของไทย
โดยเฉพาะพม่า ลาว กัมพูชา เวียดนามและมาเลเซีย
ไม่ต้องการทำสงครามกับประเทศเพื่อนบ้านของตน
แต่ก็ระแวดระวังสหรัฐ อังกฤษ และออสเตรเลีย
ซึ่งเคยเข้ามาทำสงครามสังหารผลาญชีวิตประชาชาติ
อินโดจีนนับล้านคนมาแล้ว
หนี้ชีวิตเหล่านั้นยังไม่ทันชำระ
ก็กำลังเกิดสถานการณ์ความขัดแย้งขึ้นอีกแล้ว

ในวันที่ 12-13 พฤษภาคม ศกนี้
สหรัฐได้เชิญผู้นำประเทศอาเซียนไปประชุมที่วอชิงตัน
และได้เปิดเผยวาระสำคัญคือการหารือ
ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ตามยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก
ซึ่งก็คือการทำสงครามต่อต้าน
จีน รัสเซีย อิหร่าน และเกาหลีเหนือ....นั่นเอง


ประชาชนชาวไทยไม่สามารถไว้วางใจ
ผู้มีอำนาจรัฐในปัจจุบันว่าจะเดินหน้า
ผนึกเป็นนาโต้ 2 อีกก้าวใหญ่
หรือจะชะงักเท้าไว้ที่ริมผา
ดังนั้นจึงต้องจับตาดูเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด
และร่วมกันประกาศจุดยืนของชาติให้กึกก้องไปทั่วประเทศว่า

การชักศึกเข้าบ้าน
การทำประเทศไทยเป็นสนามรบ
คือการขายชาติที่จะถูกคนไทยทั้งประเทศ
ต่อต้านขับไล่จนถึงที่สุด.



บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!