รถไฟฟ้ามหานคร สายสีส้ม
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่21"
เมษายน 19, 2024, 06:20:29 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: รถไฟฟ้ามหานคร สายสีส้ม  (อ่าน 894 ครั้ง)
eskimo_bkk-LSV team♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม..
member
*

คะแนน1883
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13229


ไม่แล่เนื้อเถือหนังพวก


อีเมล์
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2023, 12:48:27 PM »



รถไฟฟ้ามหานคร สายสีส้ม (บางขุนนนท์ - ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย - แยกร่มเกล้า)
(อังกฤษ: Metropolitan Rapid Transit Orange Line, MRT Orange Line)

เป็นหนึ่งในโครงการก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าในระบบรถไฟฟ้ามหานคร
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล
ดำเนินการโดย บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
ภายใต้การร่วมลงทุนกับ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
เป็นระบบรถไฟฟ้าที่มีทั้งโครงสร้างใต้ดิน และยกระดับ
มีแนวเส้นทางที่รองรับการเดินทางภายในเขตเมือง
ตามแนวตะวันออก - ตะวันตกของกรุงเทพมหานคร
เริ่มต้นจากบริเวณจุดตัดทางรถไฟสายสายธนบุรี (ทางรถไฟสายใต้เดิม)
แล้วลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยา เข้าสู่ย่านเมืองเก่า ย่านใจกลางเมืองก่อน
ออกไปยังชุมชนประชาสงเคราะห์และออกสู่ย่านชานเมืองถนนรามคำแหง
มาสิ้นสุดเส้นทางที่ชานเมืองด้านทิศตะวันออก
ของกรุงเทพมหานครบริเวณจุดตัดถนนรามคำแหงกับถนนสุวินทวงศ์

เส้นทางรถไฟฟ้าสายนี้เกิดขึ้นจากการปรับแผนแม่บท
ระบบขนส่งมวลชนทางราง พ.ศ. 2538 ที่นำเอาเส้นทางรถไฟฟ้า
สายสีส้มเดิมช่วงสามเสน-บางกะปิ มาต่อขยายเส้นทางจากสามเสน (ซังฮี้)
ไปยังบางบำหรุ กลายเป็นเส้นทางบางบำหรุ-บางกะปิที่กำหนด
ให้เป็นสายสีส้ม บรรจุในแผนแม่บทฯ
ของสำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.)
เป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2547 โดยในปี พ.ศ. 2553 ได้มีการแก้ไขแนวเส้นทางบางส่วน
โดยสลับกับโครงข่ายในเมืองของรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงอ่อน
ทำให้แนวเส้นทางของรถไฟฟ้าสายสีส้มจากเดิมกลายเป็นตลิ่งชัน - มีนบุรี
และใน พ.ศ. 2554 ก็ได้มีการแก้ไขแบบแผนอีกครั้ง
โดยตัดเส้นทางจากเดิมที่จะไปสิ้นสุดที่ตลิ่งชัน
ให้มาสุดอยู่แค่แยกจรัญสนิทวงศ์
เนื่องจากเส้นทางทับซ้อนกับสายสีแดงอ่อนช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช
ทำให้แนวเส้นทางของรถไฟฟ้าสายสีส้มเหลือเพียงแค่
บางขุนนนท์ - มีนบุรี

ปัจจุบัน โครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายสีส้ม
ได้แบ่งการดำเนินงานออกเป็น 2 ส่วน คือ
เส้นทางตะวันตกช่วงบางขุนนนท์ - ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย
และเส้นทางตะวันออกช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย - บางกะปิ - มีนบุรี - แยกร่มเกล้า
โดยปัจจุบันอยู่ในระหว่างการก่อสร้างเส้นทางช่วงตะวันออกเป็นอันดับแรก
ส่วนโครงการช่วงตะวันตกอยู่ในระหว่างการคัดเลือกเอกชนเข้าดำเนินการ
คาดว่าจะเปิดใช้งานได้อย่างเป็นทางการใน พ.ศ. 2570
แต่ปัจจุบันโครงการยังมีปัญหาเรื่องประมูล
โดยที่ผ่านมีการเปลี่ยนหลักเกณฑ์คัดเลือกเอกชน
จนBTSC ฟ้อง รฟม.ต่อศาลปกครองอยู่หลายประเด็น

(คดีหมายเลขดำ 2280/2563 บีทีเอสซี ฟ้องคณะกรรมการตาม ม.36 พรบร่วมลงทุน
ระหว่างรัฐและเอกชน ในประเด็นที่ปรับเปลี่ยนหลักเกณท์วิธีการคัดเลือกเอกชน
ต่อมาศาลปกครองยกฟ้อง)

(คดีหมายเลขแดง อท.30/2564 บีทีเอสซี ฟ้องผู้ว่ารฟมและคณะกรรมการ ม.36
ซึ่งต่อมาศาลอาญาทุจริตได้ยกฟ้อง
เพราะหลักฐานฝ่ายบีทีเอสไม่มีน้ำหนัก และฝ่ายบีทีเอสทราบถึงรายละเอียด RFP )

(คดีหมายเลขดำ 580/2564 ศาลปกครองกลาง พิพากษาตัดสินกรณี
ให้เพิกถอนมติยกเลิกการประกวดราคาของ คณะกรรมการมาตรา 36
และคำสั่งยกเลิกการประกวดราคาของผู้ว่า รฟม. ถือเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย)

ปัจจุบัน BEM เป็นผู้ชนะประมูลช่วงตะวันตก (บางขุนนนท์-มีนบุรี)
แต่รอความชัดเจนจากศาลปกครองในการตัดสิน
ซี่งจะกระทบถึงส้มตะวันออกด้วย

ภาพรวม

เป็นระบบรถไฟฟ้าที่มีทั้งโครงสร้างใต้ดินและยกระดับ
 มีแนวเส้นทางที่เชื่อมโยงการเดินทางในแนวตะวันออก-ตะวันตกของกรุงเทพมหานคร
เริ่มต้นจากจุดตัดทางรถไฟสายธนบุรี (สายใต้เดิม) กับถนนจรัญสนิทวงศ์
ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาเข้าสู่ใจกลางเกาะรัตนโกสินทร์
ผ่านย่านที่สำคัญในพื้นที่เมืองเก่าเขตดุสิต และเขตพระนคร
ผ่านสถานที่สำคัญหลายแห่ง เช่น โรงพยาบาลศิริราช ท้องสนามหลวง อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
จากนั้นเข้าสู่ย่านการค้าใจกลางเมืองบริเวณแยกประตูน้ำ
แล้วมุ่งขึ้นทางเหนือเข้าสู่ศูนย์ราชการกรุงเทพมหานคร
และศาลาว่าการกรุงเทพมหานครแห่งใหม่ (อาคารธานีนพรัตน์)
ชุมชนประชาสงเคราะห์ ออกสู่ถนนรัชดาภิเษก ถนนพระราม 9 และถนนรามคำแหง

สิ้นสุดโครงการบริเวณชานเมืองทิศตะวันออกของกรุงเทพมหานคร
บริเวณจุดตัดถนนรามคำแหงกับถนนสุวินทวงศ์
รวมระยะทางประมาณ 35.9 กิโลเมตร เป็นเส้นทางที่เน้นการขนส่งผู้โดยสาร
จากชานเมืองทิศตะวันออกเข้าสู่ใจกลางเมือง
และย่านเมืองเก่าทางทิศตะวันตกของกรุงเทพมหานครได้อย่างรวดเร็ว

โครงการช่วงตะวันออก
(ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย - บางกะปิ - แยกร่มเกล้า) (กำลังก่อสร้าง)

ช่วงที่ 1 : ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย - บางกะปิ

เป็นเส้นทางที่เกิดขึ้นครั้งแรกในแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางราง พ.ศ. 2538
โดยเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางบางกะปิ - ราษฎร์บูรณะของสายสีส้มเดิม
เส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่มีความสำคัญมาก
เพราะเป็นเส้นทางเข้าสู่พื้นที่ศูนย์ซ่อมบำรุงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
ที่ใช้ร่วมกับสายเฉลิมรัชมงคล และยังเป็นเส้นทางหลักที่เชื่อมต่อการคมนาคม
จากแหล่งที่พักอาศัยขนาดใหญ่ย่านบางกะปิเข้ากับสายเฉลิมรัชมงคล
ที่กำหนดให้เป็นเส้นทางรถไฟฟ้าวงแหวนรอบกรุงเทพฯ

เส้นทางส่วนนี้เป็นเส้นทางใต้ดินทั้งหมด
เริ่มต้นจากจุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้ามหานคร
สายเฉลิมรัชมงคลที่สถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย
จากนั้นวิ่งตามแนวถนนวัฒนธรรม ออกสู่ถนนพระราม 9
ที่บริเวณหน้าที่ทำการของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก ผ่านแยกพระราม 9 - ประดิษฐ์มนูธรรม
แล้วเข้าสู่ถนนรามคำแหง บริเวณแยกรามคำแหง
ผ่านมหาวิทยาลัยรามคำแหง, ราชมังคลากีฬาสถาน
ไปสิ้นสุดเส้นทางที่แยกลำสาลีในย่านบางกะปิ
ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว - สำโรง)
รวมระยะทางทั้งสิ้น 9 กิโลเมตร

ช่วงที่ 2 : บางกะปิ - แยกร่มเกล้า

เป็นเส้นทางที่เกิดขึ้นครั้งแรกในแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางราง พ.ศ. 2538
โดยเป็นส่วนต่อขยายของเส้นทางบางกะปิ - ราษฎร์บูรณะของสายสีส้มเดิม
แต่ได้แยกออกมาเป็นรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล
เมื่อปี พ.ศ. 2548 และมีการปรับแผนแม่บทฯ
รวมเอาเส้นทางสายสีน้ำตาลกลับเข้ามาเป็นสายสีส้มอีกครั้งในปี พ.ศ. 2552

เป็นเส้นทางยกระดับเกือบทั้งหมดตามแนวถนนรามคำแหง (สุขาภิบาล 3)
เริ่มต้นจากโครงสร้างอุโมงค์ใต้ดินที่แยกลำสาลี
ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อกับเส้นทางช่วงก่อนหน้านี้ ผ่านจุดตัดถนนศรีบูรพา
จากนั้นจึงเริ่มยกระดับตามแนวเกาะกลางถนนเข้าสู่สถานีสัมมากร
ที่ความสูง 10-12 เมตรจากผิวดิน จากนั้นยกระดับขึ้นเรื่อย ๆ
จนถึงความสูงปกติที่ 15 เมตร ผ่านหมู่บ้านสัมมากร โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า
ยกข้ามทางแยกต่างระดับรามคำแหงจุดตัดถนนกาญจนาภิเษก
ผ่านแยกลาดบัวขาว ซึ่งเป็นจุดตัดกับถนนมีนพัฒนา ผ่านเคหะรามคำแหง
ไปสิ้นสุดเส้นทางที่บริเวณก่อนถึงแยกสุวินทวงศ์
ในพื้นที่แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี รวมระยะทางทั้งสิ้น 11 กิโลเมตร

สัญญาการก่อสร้าง

สัญญาการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายสีส้ม
ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย - มีนบุรี (สุวินทวงศ์)
จะประกอบไปด้วยสัญญาการก่อสร้างของ รฟม.
ควบคู่สัญญาการก่อสร้างท่อร้อยไฟฟ้าใต้ดินของ
การไฟฟ้านครหลวง เนื่องจากเป็นการก่อสร้างแบบควบคู่ทั้งโครงการ

โครงการช่วงตะวันตก (บางขุนนนท์ - ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย) (อยู่ระหว่างการประมูล)

เป็นเส้นทางที่เกิดขึ้นจากการปรับแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางราง พ.ศ. 2538
มาสู่แผนแม่บทฯ พ.ศ. 2547 โดยต่อขยายแนวเส้นทาง
ช่วงสามเสน (ซังฮี้) - ศูนย์วัฒนธรรมฯ - บางกะปิ
ของเส้นทางสายสีส้มเดิมมาเป็นบางบำหรุ - ศูนย์วัฒนธรรมฯ - บางกะปิ ใน พ.ศ. 2553
ได้มีการแก้ไขเส้นทางโดยสลับกับแนวเส้นทางรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงอ่อนช่วงโครงข่ายในเมือง
ที่ได้เปลี่ยนจากช่วงตลิ่งชัน-มักกะสัน มาเป็นบางบำหรุ-มักกะสัน
ทำให้เส้นทางสายสีส้มส่วนนี้ต้องเปลี่ยนจาก บางบำหรุ - ศูนย์วัฒนธรรมฯ
มาเป็น ตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรมฯ ใน พ.ศ. 2554 ก็ได้มีการแก้ไขแบบแผนเป็นครั้งที่ 3
โดยตัดเส้นทางจากเดิมที่จะไปสิ้นสุดที่ตลิ่งชัน
ให้มาสิ้นสุดที่แยกจรัญสนิทวงศ์เนื่องจากเส้นทางทั้งหมดทับซ้อน
กับสายสีแดงอ่อน ช่วงตลิ่งชัน - ศิริราช
ทำให้แนวเส้นทางของรถไฟฟ้าสายสีส้มเหลือเพียงแค่ บางขุนนนท์ - ศูนย์วัฒนธรรมฯ
ใน พ.ศ. 2557 เกิดการคัดค้านการเวนคืนที่ดินหลายจุด
เนื่องจากชุมชนประชาสงเคราะห์ไม่ยินยอมให้เวนคืน
เพราะเป็นการทำรถไฟฟ้าใต้ดินที่จะจัดทำถนนขนาด 4 เลน
ตามแนวรถไฟฟ้าทำให้มีผู้เดือดร้อนจำนวนมาก ทำให้มีการเปลี่ยนแนวเส้นทางเป็นครั้งที่ 4
จากเดิมช่วงดินแดง - ศูนย์วัฒนธรรมฯ เป็น ดินแดง - พระราม 9 แทน
ทำให้เส้นทางสายสีส้มตะวันตกกลายเป็น บางขุนนนท์ - พระราม 9
แต่หลังจากการประชุมของคณะรัฐมนตรีใน พ.ศ. 2558
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มตามแนวเส้นทางเดิม
ตามแผนแม่บท พ.ศ. 2554 เนื่องจากเส้นทางเดิมส่วนใหญ่ผ่านการประเมิน
ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และประชาชนรับทราบกันมา
ตั้งแต่ออกแผนแม่บทนี้เรียบร้อยแล้ว

แนวเส้นทางในส่วนตะวันตกเป็นเส้นทางใต้ดินทั้งหมด
เริ่มต้นจากบริเวณด้านใต้สถานีบางขุนนนท์ ของโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล
ในแนวตัดขวางกับถนนจรัญสนิทวงศ์ จากนั้นวิ่งเข้าอาคารรักษาพยาบาล
และสถานีรถไฟร่วมศิริราช โรงพยาบาลศิริราช
จากนั้นลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาเข้าสู่เขตพื้นที่อนุรักษ์กรุงรัตนโกสินทร์
และลอดใต้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครเข้าสู่แนวถนนราชดำเนินกลาง
ผ่านสนามหลวง และอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้ามหานคร สายสีม่วง ที่สถานีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
ผ่านสะพานผ่านฟ้าลีลาศเข้าสู่แนวถนนหลานหลวง
ผ่านตลาดมหานาค เข้าสู่แนวถนนเพชรบุรีที่แยกยมราช
ผ่านแยกอุรุพงษ์ แยกเพชรพระราม มาเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าบีทีเอสที่สถานีราชเทวี
เลี้ยวซ้ายที่แยกประตูน้ำมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือตามแนวถนนราชปรารภ
เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่สถานีราชปรารภ
เบี่ยงขวาที่แยกสามเหลี่ยมดินแดงเข้าสู่ถนนดินแดง
เลี้ยวซ้ายเข้าถนนวิภาวดีรังสิต และเลี้ยวขวาลอดใต้โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี
เข้าสู่ชุมชนประชาสงเคราะห์ ทะลุออกสู่ถนนรัชดาภิเษก
ด้วยการลอดใต้ศูนย์การค้าเอสพลานาด รัชดาภิเษก
และมาเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้ามหานคร
สายเฉลิมรัชมงคลอีกครั้งที่สถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย

สัญญาการก่อสร้าง

โครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายสีส้มช่วงตะวันตกจะเป็นการมอบสัมปทาน
ทั้งโครงการใหักับเอกชนผู้ประมูลงานทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว
และรวมงานเดินรถทั้งสองส่วนเข้าด้วยกันภายใต้สัญญาฉบับเดียวด้วย
โดยมี บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีอีเอ็ม
เป็นผู้รับสัมปทานและร่วมลงทุนในโครงการ มีระยะเวลาสัมปทาน 33 ปี 6 เดือน
แบ่งเนื้องานเป็นสองระยะ ได้แก่

ระยะที่ 1 การจัดหาระบบรถไฟฟ้า และระบบที่เกี่ยวข้อง 42 เดือน (3 ปี 6 เดือน)
 และการออกแบบควบคู่การก่อสร้าง 6 ปี อันเป็นการดำเนินการแบบควบคู่กัน
และระยะที่ 2 ดำเนินงานรถไฟฟ้า ซ่อมบำรุง
และบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ 30 ปี โดยมีรายละเอียดสัญญาดังนี้

ลำดับที่    เนื้องาน
ระยะที่ 1 - ออกแบบและก่อสร้างงานโยธา รวมถึงจัดหาระบบรถไฟฟ้า
ก.    งานออกแบบ จัดหา ผลิต ติดตั้ง และทดสอบระบบรถไฟฟ้า ระบบไฟฟ้ากำลัง
ระบบสื่อสาร ระบบจัดเก็บค่าโดยสาร ระบบประตูกั้นชานชาลา
และระบบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และทดลองการเดินรถไฟฟ้า
ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนตะวันออก

ระยะเวลา 42 เดือน (3 ปี 6 เดือน) นับตั้งแต่วันที่แจ้งให้เริ่มงาน
ข.    งานออกแบบควบคู่การก่อสร้างโครงสร้างใต้ดิน
ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย - บางขุนนนท์ ระยะทาง 13.4 กิโลเมตร
งานวางรางวิ่ง ระบบไฟฟ้า การจัดหา ผลิต ติดตั้ง และทดสอบระบบรถไฟฟ้า ระบบไฟฟ้ากำลัง
ระบบสื่อสาร ระบบจัดเก็บค่าโดยสาร ระบบประตูกั้นชานชาลา
และระบบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และทดลองการเดินรถไฟฟ้า
ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนตะวันตก
ระยะเวลา 6 ปี นับตั้งแต่วันที่แจ้งให้เริ่มงาน

ระยะที่ 2 - งานเดินรถไฟฟ้า และการซ่อมบำรุง
2.1    งานเดินรถไฟฟ้ารวมการซ่อมบำรุงเป็นระยะเวลา 30 ปี
นับตั้งแต่วันที่ รฟม. กำหนดให้มีการเดินรถของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม
ส่วนตะวันออกอย่างเป็นทางการ จนสิ้นสุดสัญญาการร่วมลงทุน
***************************************************
ผู้เข้าร่วมยื่นข้อเสนอการลงทุน

การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยได้เปิดให้เอกชน
ที่สนใจเข้าซื้อเอกสารประกวดราคาสำหรับเข้าร่วมประมูลโครงการตั้งแต่
วันที่ 10 - 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 ก่อนเปิดรับข้อเสนอในวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563
โดยมีเอกชนที่สนใจเข้าร่วมประมูล 10 ราย จาก 2 ประเทศ
และมีเอกชนยื่นซองเข้าร่วมประมูลโครงการ 2 ราย ได้แก่
บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และ
กิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ ประกอบด้วย บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และ
บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน)
*****************************************************
อย่างไรก็ดี คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่ง พ.ร.บ.การร่วมลงทุน
ระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562
โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ - มีนบุรี (สุวินทวงศ์)
ได้มีมติยกเลิกการประมูลลง
เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

เนื่องจากมีคดีฟ้องร้องโดย บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
หรือบีทีเอสซี ต่อศาลปกครองกลาง
ในเรื่องของการทุจริตโครงการจากการเปลี่ยนกติกาการประมูล
ที่เป็นส่วนสาระสำคัญ นั่นคือการเปลี่ยนวิธีการพิจารณาผู้ชนะจากจำนวนเงิน
ที่ขอรับอุดหนุนจากรัฐบาล มาเป็นเกณฑ์การให้คะแนนจากการพิจารณาข้อเสนอ
ทางการเงินร่วมกับข้อเสนอทางเทคนิคในสัดส่วน 70:30 อาจทำให้คณะกรรมการฯ
สามารถใช้ดุลพินิจส่วนตัวในการมอบงานให้เอกชนที่มีความใกล้ชิด
ที่มีความเสี่ยงว่าจะประมูลโครงการไม่ได้แทน ซึ่งบีทีเอสซียืนยันต่อศาลปกครองกลางว่า
เป็นผู้เสียผลประโยชน์ทางตรงเนื่องจากบริษัทได้เข้าซื้อซอง
และเอกสารเชิญชวนเข้าร่วมลงทุนในโครงการอย่างถูกต้อง
ทำให้ศาลปกครองกลางมีคำสั่งคุ้มครองการประมูลโดยให้คณะกรรมการฯ
ต้องกลับไปใช้กติกาการประมูลรูปแบบเดิม คือ
พิจารณาจากวงเงินขอรับสนับสนุนจากรัฐบาลแทน
ทำให้คณะกรรมการฯ มีมติเลื่อนการเปิดประมูลออกไปเพื่อขออุทธรณ์คดี
แต่จากความล่าช้าในการพิพากษาคำอุทธรณ์
และความเสี่ยงในการดำเนินการล่าช้ากว่าแผนที่กำหนด
ทำให้คณะกรรมการฯ ตัดสินใจล้มการประมูลในที่สุด
ต่อมาศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งยกฟ้องในคดีดังกล่าว
โดยวินิจฉัยว่าการเปลี่ยนเกณฑ์การประมูลข้างต้นนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย
แต่ก็ไม่ปรากฏความเสียหายใด ๆ ให้แก่บีทีเอสซี

ภายหลังจากที่คดีที่ศาลปกครองสิ้นสุดลง
การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ได้จัดตั้งคณะกรรมการฯ ชุดใหม่
เพื่อกำหนดเงื่อนไขสำหรับการเข้าร่วมประมูลโครงการ
โดยการประมูลโครงการรอบใหม่ได้มีการตัดสินใจ
ยกเลิกเกณฑ์การให้คะแนนจากการพิจารณาข้อเสนอทางการเงิน
ร่วมกับข้อเสนอทางเทคนิคในสัดส่วน 70:30
กลับมาเป็นการพิจารณาผู้ชนะจากจำนวนเงินที่ขอรับอุดหนุนจากรัฐบาล
โดยในครั้งนี้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
ได้เปิดให้เอกชนที่สนใจเข้าซื้อเอกสารประกวดราคาสำหรับเข้าร่วมประมูล
โครงการตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคม - 10 มิถุนายน พ.ศ. 2565
ก่อนเปิดรับข้อเสนอในวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2565
โดยมีเอกชนที่สนใจเข้าร่วมประมูลทั้งสิ้น 14 ราย
จาก 6 ประเทศ รวมบีทีเอสซี และบีอีเอ็ม

แต่แล้วเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 ศาลปกครองกลาง
มีคำพิพากษาเพิกถอนมติคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่ง
พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562
โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์)
เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564
ที่เห็นชอบให้ยกเลิกประกาศเชิญชวนการร่วมลงทุน
ระหว่างรัฐและเอกชนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์)
และการยกเลิกคัดเลือกเอกชนตามประกาศเชิญชวนดังกล่าว
โดยมีเหตุผลว่าการกระทำดังกล่าวถือเป็นเพียงความเห็นของ รฟม.
ที่เห็นว่าการยกเลิกการประมูลไม่ได้ปรากฏผลเสียต่อธุรกิจให้กับเอกชน
ที่เข้าร่วมประมูลทั้งสองกลุ่มแต่อย่างใด แต่มิได้คำนึงว่าการเปลี่ยนเกณฑ์การประมูล
ที่เป็นส่วนสาระสำคัญ ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง
ดังนั้นการยกเลิกการประมูลโดยไม่รับฟังความเห็นของเอกชน
ที่เข้าร่วมประมูลเพื่อหาแนวทางการลดความขัดแย้งลงด้วยกัน
หรือรอคำพิพากษาจากศาลปกครองสูงสุดให้เป็นที่สุดแล้วก่อนนั้น
อาจส่อเค้าให้เกิดความไม่โปร่งใสในการประมูลตามบรรทัดฐานที่ควรจะเป็น
และเจตนารมณ์ในการหุ้นส่วนกันระหว่างรัฐและเอกชนตาม
พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 ดังนั้น
เหตุผลในการยกเลิกการประมูลดังกล่าวจึงฟังไม่ขึ้น
และถือเป็นมติและประกาศที่ออกโดยใช้ดุลพินิจไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ทำให้กระทรวงคมนาคมสั่งระงับการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มทั้งหมด
เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 เพื่อประกาศยกเลิกการประมูลทั้งสองรอบ
และแก้ปัญหาที่ต้นเหตุบนพื้นฐานที่ทุกฝ่ายเห็นว่า
ร่างประกาศเชิญชวนประกวดราคาที่ออกมาต้องเกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ไม่ทำให้กลุ่มผู้ลงทุนฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเกิดข้อคอรหาว่ามีการล็อกสเปค

แต่ รฟม. กลับยืนกรานเปิดรับข้อเสนอต่อในวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2565
โดยมีผู้เข้าร่วมการประมูลสองรายคือ
 บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
โดยมี บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) เป็นซับคอนแทรคงานโยธา
และกิจการร่วมค้าไอทีดี กรุ๊ป (บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน)
และ Incheon Transit Corporation ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินในเกาหลีใต้)
ทั้งนี้การประมูลรอบดังกล่าวกลุ่มบีทีเอสไม่ได้เข้าร่วมประมูล

แต่ได้ยื่นฟ้องศาลปกครองซ้ำอีกรอบโดยกล่าวหาว่าข้อเสนอการประมูลรอบใหม่
มีการล็อกตัวผู้รับเหมาอย่างชัดเจน มีการกีดกันไม่ให้กลุ่มบริษัทเข้าประมูลได้
เจตนาส่อฮั้วประมูลอย่างชัดเจนตาม พ.ร.บ. ฮั้วประมูล พ.ศ. 2542
ซึ่งต่อมาศาลปกครองกลางได้ยกฟ้องในคดีดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่า
บีทีเอสซี สามารถเข้าร่วมประมูลได้โดยหาซับคอนแทรคเตอร์ตามข้อกำหนด
ในหลักเกณฑ์การประมูล ทำให้ รฟม. เปิดซองทั้งหมดและได้ผู้ชนะคือ
บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
ที่เป็นผู้เสนอขอรับผลประโยชน์ตอบแทนจากภาครัฐน้อยที่สุด

ปัจจุบัน สำนักงานอัยการสูงสุดได้ตรวจสอบร่างสัญญาในขั้นแรก
เบื้องต้นได้มีหนังสือตอบกลับแก่รฟม. รฟม เตรียมรายงานร่างสัญญาแก่บอร์ด รฟม.
และกระทรวงคมนาคม ก่อนเสนอไปยังครม.พิจารณาอนุมัติ 
ภายในสิ้นเดือนมกราคม 2566
********************************************************

งบประมาณ
รถไฟฟ้ามหานคร สายสีส้ม มีมูลค่ารวม 143,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรัฐฯ ลงทุน
เฉพาะค่าจัดสรรกรรมสิทธิ์ที่ดิน 15,000 ล้านบาท
เอกชนลงทุนในส่วนของงานโยธาทั้งระบบ 96,000 ล้านบาท
และค่างานระบบรถไฟฟ้า 32,000 ล้านบาท
โดยรัฐฯ จะชำระค่างานโยธาทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ยคืน
ให้ในระยะเวลา 10 ปีหลังเปิดดำเนินการ

รูปแบบของโครงการ

    เป็นระบบรถไฟฟ้าขนาดหนัก (heavy rail transit)
    ทางวิ่ง ช่วงบางขุนนนท์ - คลองบ้านม้า จะเป็นเส้นทางใต้ดิน
ส่วนใหญ่เป็นอุโมงค์คู่ตีขนานตลอดทาง
ยกเว้นช่วงที่มีเนื้อที่จำกัดและมีประชาชนอาศัยหนาแน่นจะเป็นอุโมงค์เดี่ยวซ้อนกัน
และช่วงคลองบ้านม้า - สุวินทวงศ์ จะเป็นเส้นทางยกระดับจากพื้นถนน
ไล่ความสูงจากปลายอุโมงค์ที่สถานีคลองบ้านม้า มาจนถึงความสูงที่ 12-15 เมตร
จากผิวถนนที่สถานีสัมมากร และไล่ขึ้นไปจนถึงความสูงปกติ
ของโครงการที่ 17 เมตรจากผิวถนน
    ขนาดราง 1.435 เมตร (standard guage) โดยมีรางที่ 3 ขนานไปกับรางวิ่ง
สำหรับจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับตัวรถ
    ตัวรถใช้ระบบเดียวกันกับรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล
เป็นรถปรับอากาศขนาดกว้าง 3.2 เมตร ยาว 20-24 เมตร สูงประมาณ 3.7 เมตร
ความจุ 320 คนต่อคัน เดินรถ 3-6 คันต่อขบวน ใช้ไฟฟ้ากระแสตรง 750 โวลท์
ป้อนระบบขับเคลื่อนรถ สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 50,000 คนต่อชั่วโมง
ต่อทิศทาง จำนวน 40 ขบวน ขบวนละ 3 ตู้
    ใช้ระบบอาณัติสัญญาณเดินรถด้วยระบบอัตโนมัติ
จากศูนย์ควบคุมการเดินรถ และใช้ระบบเก็บค่าโดยสารอัตโนมัติ
เช่นเดียวกับรถไฟฟ้ามหานคร สายสีน้ำเงิน

ศูนย์ซ่อมบำรุงและศูนย์ควบคุมการเดินรถ

โครงการมีศูนย์ซ่อมบำรุงอยู่บนพื้นที่ขนาด 155 ไร่ ภายในอาณาบริเวณของ
การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ถนนพระรามที่ 9
(ติดกันกับที่ทำการของ สำนักสาขา 2 (รถไฟฟ้า)
บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน))
ซึ่งเป็นพื้นที่ร่วมกับของโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล
สิ่งอำนวยความสะดวก

มีอาคารจอดแล้วจร (Park and Ride) ที่สถานีมีนบุรี
สถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย และสถานีคลองบ้านม้า
สถานี
มีทั้งหมด 29 สถานี โดยสถานีใต้ดินยาวประมาณ 250 เมตร กว้าง 20 เมตร
มีประตูกั้นชานชาลาแบบเต็มความสูงทุกสถานี
ออกแบบให้มีความคงทนแข็งแรงรองรับต่อการทรุดตัวของผิวดิน
และรองรับต่อแรงสั่นสะเทือนหากเกิดเหตุแผ่นดินไหวโดยไม่เกิดความเสียหายต่อโครงสร้าง
ทางเข้าสถานีถูกออกแบบให้มีความสูงจากผิวดินประมาณ 1 เมตร
เพื่อรองรับต่อเหตุการณ์น้ำท่วมที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
โดยวัดจากสถิติความสูงที่สูงที่สุดของเหตุการณ์น้ำท่วมในกรุงเทพมหานคร
มีทั้งหมด 22 สถานี (บางขุนนนท์ - คลองบ้านม้า)
ส่วนสถานียกระดับมีความยาวประมาณ 250 เมตร กว้าง 18 เมตร
มีประตูกั้นชานชาลาความสูงแบบ Half-Height
ออกแบบให้หลบเลี่ยงสาธารณูปโภคใต้ดินและบนดิน
และรักษาสภาพผิวจราจรบนถนนมากที่สุด
สถานีโดยรวมมีเสายึดสถานีอยู่บริเวณเกาะกลางถนน มีทั้งหมด 7 สถานี
(สัมมากร - แยกร่มเกล้า) ทุกสถานีออกแบบให้รองรับรถไฟฟ้าได้สูงสุด 6 ตู้ต่อสถานี
ชานชาลามีทั้งรูปแบบชานชาลาเกาะกลาง,
ชานชาลาซ้อน และ ชานชาลาด้านข้าง สลับกันไปตามแต่ละพื้นที่


บันทึกการเข้า

eskimo_bkk-LSV team♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม..
member
*

คะแนน1883
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13229


ไม่แล่เนื้อเถือหนังพวก


อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2023, 12:49:07 PM »

ระทึกประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม เมินเสียงค้าน ‘ประเทศ’ เสียประโยชน์

ระทึกประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม รฟม.เดินหน้าเต็มสูบ
เมินเสียค้านปมกีดกันเอกชน-ฮั้วประมูล “พรรคฝ่ายค้าน”
 เดินหน้าแย้งเกณฑ์คัดเลือกอาจเข้าข่ายส่อฮั้วประมูล
ทำรัฐเสียประโยชน์ 6.8 หมื่นล้าน

การประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม บางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์)
ยืดเยื้อมาตั้งแต่ปี 2563 หลังจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)
แก้ไขหลักเกณฑ์การประมูลและนำมาสู่การฟ้องศาลปกครอง 2 คดี
และมีการยกเลิกการประมูล จนกระทั่ง รฟม.เปิดประมูลครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 27 ก.ค.2565
และมีการยื่นฟ้องศาลปกครองในคดีกำหนดหลักเกณฑ์
ประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มครั้งที่ 2 ชอบหรือมิชอบด้วยกฎหมาย

รายงานข่าวจาก รฟม.ระบุว่า ร่างสัญญาร่วมลงทุนที่ รฟม.จะลงนามบริษัท
ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ที่ชนะการประมูล
อยู่ขั้นตอนของฝ่ายบริหาร รฟม.กำลังพิจารณาดำเนินการ
เนื่องจากร่างสัญญาได้ผ่านการพิจารณาจากสำนักงานอัยการสูงสุด
และรายงานคณะกรรมการ รฟม.แล้วเมื่อวันที่ 26 ม.ค.2566

แหล่งข่าว กล่าวว่า การประมูลครั้งที่ 2 เป็นการประมูลที่มีความเร่งรีบ
โดยเปิดรับซองเอกสารในวันที่ 27 ก.ค.2565 หลังจากนั้นใช้เวลาไม่ถึง 23 วัน
สามารถประกาศรายชื่อผู้ผ่านซอง 1 รวมทั้งมีการประกาศรายชื่อผู้ผ่านซอง 2
ในวันที่ 7 ก.ย.2565 ใช้เวลาประเมินเพียง 10 วัน นับจากการเปิดซอง 2
และท้ายที่สุดสามารถประกาศรายชื่อเอกชน
ที่ผ่านการประเมินสูงสุดได้ในวันที่ 8 ก.ย.2565

สำหรับ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์)
มูลค่าโครงการ 145,265 ล้านบาท ประกอบด้วยงานหลัก คือ
การก่อสร้างงานโยธาช่วงตะวันตก (บางขุขนนท์-ศูนย์วัฒนธรรม)
อีกส่วนเป็นงานวางระบบรถไฟฟ้าและเดินรถไฟฟ้า 30 ปี

โครงการนี้มีแนวเส้นทางเชื่อมระหว่างกรุงเทพมหานครทิศตะวันออกและทิศตะวันตก
ระยะทาง 35.9 กิโลเมตร แบ่งเป็นส่วนตะวันออก (ศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี)
ระยะทาง 22.5 กิโลเมตร จำนวน 17 สถานีและส่วนตะวันตก
(ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมฯ)
ระยะทาง 13.4 กิโลเมตร จำนวน 11 สถานี

แหล่งข่าว กล่าวว่า การกำหนดหลักเกณฑ์ประมูลครั้งที่ 2
อาจเข้าลักษณะการกีดกันหรือสมยอมการประมูลนั้น
โดยคณะอนุกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณโครงการ
โครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ของคณะกรรมาธิการศึกษาจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ
สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เป็นประธาน
ได้พบความไม่ถูกต้องในกระบวนการคัดเลือกดังกล่าว 3 ประเด็น คือ

1.การออก TOR ตามข้อเท็จจริงข้างต้น มีลักษณะกีดกัน ไม่ให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม

2.บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน)
หรือ ITD ผู้เสนอราคาร่วมแข่งขันในครั้งนี้
เป็นบริษัทที่มีคุณสมบัติที่กำหนดไว้ในกฎหมายและประกาศ
คณะกรรมการนโยบาย (PPP) ว่าไม่สมควรเป็นผู้ร่วมลงทุนกับรัฐ
เพราะกรรมการหรือผู้มีอำนาจลงนามต้องคำพิพากษาถึงที่สุดถึงจำคุก
แต่คณะกรรมการคัดเลือกกลับปล่อยปละละเลย
ไม่ตรวจสอบคุณสมบัติในชั้นตรวจสอบคุณสมบัติ
และรับรองให้เป็นผู้มีคุณสมบัติเข้าร่วมแข่งขัน
โดยไม่พิจารณาให้ขาดคุณสมบัติ
อันเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย


3.การประมูลโครงการรถไฟฟ้าทั้ง 2 ครั้ง กำหนดให้ผู้เสนอราคาต้องยื่น
รายละเอียดเพื่อขอรับเงินสนับสนุนตามตารางที่กำหนด 2 ตาราง คือ
ตารางขอรับการสนับสนุนในการก่อสร้างเป็นจำนวนเงินเท่าไร
และตารางเสนอผลตอบแทนให้รัฐตลอดอายุสัญญาสัมปทานว่า
จะจ่ายเงินตอบแทนให้รัฐแต่ละปีเป็นเงินเท่าไร
จากนั้นจึงเอาตัวเลขทั้งสองตารางมาลบกัน
จะเป็นจำนวนเงินที่ขอรับการสนับสนุนจากรัฐ

ทั้งนี้ ผลการเปิดซองข้อเสนอของ รฟม.พบว่า BEM เสนอผลประโยชน์สุทธิให้
รฟม.ติดลบ 78,287.95 ล้านบาท หมายความว่า BEM
เสนอผลตอบแทนให้ รฟม.น้อยกว่าเงินที่ขอรับสนับสนุน
ค่าก่อสร้างจาก รฟม.ทำให้ รฟม.ต้องให้เงินสนับสนุนแก่ BEM
จำนวน 78,287.95 ล้านบาท

แต่เมื่อเทียบกับการประมูลครั้งที่ 1 ซึ่งถูกล้มไป BTSC
ได้เสนอผลประโยชน์สุทธิให้ รฟม.ติดลบ 9,675.42 ล้านบาท
หมายความว่า รฟม.จะต้องให้เงินสนับสนุนแก่ BTSC จำนวน 9,675.42 ล้านบาท
เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ชนะการประมูลในการประมูลครั้งที่ 2
คือ BEM พบว่า รฟม.จะต้องให้เงินสนับสนุนแก่ BEM มากกว่า
ให้แก่ BTSC ถึง 68,612.53 ล้านบาท

นอกจากนี้ เมื่อพิจารณากรณีที่ รฟม.กลับไปใช้หลักเกณฑ์เดิมในการเลือกผู้ชนะ
โดยผู้ขอรับเงินสนับสนุนจากรัฐน้อยสุดเป็นผู้ชนะ
แต่กลับเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติผู้เสนอราคา 2 ส่วน คือ
คุณสมบัติผู้เสนอราคาที่เป็นผู้มีอาชีพเดินรถไฟฟ้า
จากเดิมต้องเป็นผู้เดินรถไฟฟ้าในไทย เปลี่ยนเป็นผู้เดินรถไฟฟ้าจากประเทศใดก็ได้
และส่วนผู้ก่อสร้างกลับกำหนดว่า ต้องเป็นบริษัทก่อสร้างที่มีผลงาน
กับรัฐบาลไทยเท่านั้น และต้องเป็นผลงานที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว

ทั้งนี้ จากการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติการคัดเลือกเอกชนข้างต้น
พบว่าผู้เสนอราคาที่มีคุณสมบัติตามข้อกำหนดต้องเป็นผู้เดินรถไฟฟ้า
และต้องเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างที่มีผลงานในไทยแล้วเสร็จ
ทั้งโลกนี้มีเพียงบริษัทเดียวที่มีคุณสมบัติครบ 2 ข้อ คือ BEM
เพราะเป็นผู้เดินรถไฟฟ้าใต้ดิน และมีบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน)
เป็นบริษัทรับเหมาในเครือ ที่มีคุณสมบัติการก่อสร้างครบตามที่กำหนด

ขณะเดียวกันหากสังเกตเฉพาะข้อกำหนดคุณสมบัติผู้รับเหมาก่อสร้าง
ที่ต้องมีผลงานภาครัฐแล้วเสร็จ มีคุณสมบัติงานเจาะอุโมงค์มาแล้ว
จะพบว่าปัจจุบันมีบริษัทรับเหมาก่อสร้างในโลกเพียง 2 บริษัท
ที่มีคุณสมบัติครบถ้วน คือ ช.การช่าง และ ITD

รวมทั้งจากการกำหนดคุณสมบัติในลักษณะดังกล่าว
ส่งผลให้ BTSC และพันธมิตร ที่เคยยื่นประมูลครั้งที่ 1
กลายเป็นผู้ขาดคุณสมบัติเข้าประมูลครั้งที่ 2 ไม่ได้
และทำให้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ
ในความผิดตาม พ.ร.บ.ความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ

โค๊ด:
https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1050580
บันทึกการเข้า
eskimo_bkk-LSV team♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม..
member
*

คะแนน1883
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13229


ไม่แล่เนื้อเถือหนังพวก


อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2023, 01:01:14 PM »

รถไฟฟ้าสายสีส้ม

โค๊ด:
https://thelist.group/realist/blog/%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%9F%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B9%89%E0%B8%A1/
บันทึกการเข้า
eskimo_bkk-LSV team♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม..
member
*

คะแนน1883
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13229


ไม่แล่เนื้อเถือหนังพวก


อีเมล์
« ตอบ #3 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2023, 01:02:55 PM »

โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี

โค๊ด:
https://www.facebook.com/MRTOrangeLineEast/
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!