ปลวกและมอดหรือแมลงกินเนื้อไม้ต่างๆ
ที่พวกมันเจาะกินเนื้อไม้นั้น
เพราะในเนื้อไม้จะมีแป้งและน้ำตาล
ที่เป็นอาหารของพืช
ที่พืชสร้างเองจากการสังเคราะห์ด้วยแสง
ปลวก มอด แมลง เจาะเนื้อไม้เข้าไปกิน
แป้งและลำตาล ในเนื้อไม้
การแช่น้ำ การแช่น้ำเป็นระยะเวลานาน ๆ
จะทำให้แป้งและน้ำตาลที่มีในไม้สลายตัวไป
เมื่อนำไม้มาใช้งาน ถึงแม้จะมีกระพี้ติดอยู่
มอดก็จะไม่เข้ารบกวน
การนำไม้ไปแช่ในน้ำ
เป็นการให้น้ำทำการเจือจาง
แป้งและน้ำตาล หรือทำลายให้หมดไป
เมีอไม่มีแป้งและน้ำตาลในเนื้อไม้
ปลวก มอด ก็ไม่เจาะเข้าไปหาอาหารกิน
ทีนี้ต้องแยกระหว่างไม่เนื้อแข็งในส่วนที่เป็นแก่นแข็งๆ
ของไม้ยืนต้นส่วนใหญ่จะไม่มีแป้งและน้ำตาล หรือมีก็น้อยมาก
แต่ถ้าเป็นไม้ยืนต้นในส่วนที่ไม่ใช่แก่นไม้ ก็จะยังมีแป้งและน้ำตาล
ก่อนจะนำมาใช้ จึงนิยมทำการกำจัดแป้งและน้ำตาลในเนื้อไม้ก่อน
ซึ่งวิธีกำจัดแป้งและน้ำตาลในเนื้อไม้มีหลายวิธี
เช่นแช่น้ำ(ต้องนานพอ) แช่น้ำยา อัดน้ำยา แช่น้ำทะเล ฯลฯ
ส่วนวิธีไหนมีประสิทธิภาพ ก็คงเป็นการอัดน้ำยา
ให้น้ำยาไปเปลี่ยนแป้งและน้ำตาลเป็นอย่างอื่น
ที่ไม่ใช่อาหารของปลวก มอด
ส่วนไม่ไผ่เอง ก็ใช้หลักการเดียวกันคือ
แช่น้ำยาเพื่อทำลายแป้งและน้ำตาลออกไปให้หมด
แล้วนำไปอบ หรือตากแดดผึ่งลม ก่อนนำไปใช้
ไผ่!!!!!
สำหรับไม้ไผ่ ถ้าทำได้ 2 อย่าง คือ เลือกลำที่อายุ 3 ปี
(ขึ้นไป...ลำไผ่ที่อายุสามปีจะมีค่าความแข็งแรงมากที่สุด
และจะค่อยๆลด ความแข็งแรง ลงไปในแต่ละปีที่ผ่าน ไป จน
เมื่ออายุลำเกิน10 ปี ลำไผ่ลำนั้นก็จะตาย)
และผ่านการแช่น้ำยาที่เหมาะสม
จะมีอายุการใช้งานลำไผ่ 40-50 ปี เทียบเท่าไม้เนื้อแข็งครับ
ภูมิปัญญาชาวบ้าน
เวลามีไม้เยอะ สิ่งที่จะช่วยถนอมเนื้อไม้ได้ดีที่สุด
คือการแช่น้ำครับ
ส่วนใหญ่พวกทำโรงไม้
จะเอาไม้แช่ในบ่อ เก็บได้นานเป็นปี
จะใช้ก็เอามาเลื่อยตากแดด
ดัดได้อีก
ในบางพื้นที่ พวกลักลอบค้าไม้เถื่อนตัดไม้แล้วเอาไปซ่อนในน้ำ
เช่นลำธาร ลำคลอง ในบ่อภายในบริเวณที่ดินของตนเอง เวลาจะใช้
หรือนำไปขายก็ดำลงไปงมขึ้นมา
วิธีนี้ไม้ไม่ผุจริง
อีกกรณีตามพื้นที่ที่มีการเวนคืนที่ดินแล้วสร้างเชื่อนจะมีไม้จำนวนมาก
ที่ตัดไม่ทันอยู่ใต้ก้นเขื่อน
พวกชาวบ้านจะไป ลอยเรือ
งมตัดขึ้นมาใช้หรือ
ขาย ไม้ไม่ผุจริง
