เมื่อเดือนที่แล้ว ระหว่างทางที่ผมกำลังจะไปทานอาหารที่ร้านของเพื่อนผมนั้น ผมได้แวะไปที่ร้านข้าวมันไก่ซึ่งเป็นร้านเปิดใหม่ในซอยทองหล่อ ชื่อว่า ร้านข้าวมันไก่ซั่งไห่ โดยเจ้าของก็รู้จักกันดีกับผมครับ ที่ร้านนี้มีสิ่งไม่เหมือนกับร้านอื่น ตรงที่จะเปิด 24 ชั่วโมง ผมได้ยินก็ตกใจ เปิดไปได้อย่างไร 24 ชั่วโมงเชียวนะครับ
เจ้าของร้านเล่าให้ผมฟังว่า เขาโชคดีที่ได้กุ๊กที่มีความสามารถ และมีความตั้งใจที่จะทำร้านข้าวมันไก่แบบง่าย ๆ ไม่ได้หรูหราอะไร แต่อยู่ในซอยทองหล่อ ราคาคงต้องสูงนิดหน่อยครับ เพราะค่าเช่าแพง สำหรับการตกแต่งร้านหรืออะไรต่าง ๆ ก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย เป็นแบบง่าย ๆ มีเก้าอี้กับโต๊ะในแบบธรรมดา ๆ แบบสบาย ๆ แต่ติดแอร์ครับ
อาหารก็มี ข้าวมันไก่ทอด ไก่ทอดของเขาอร่อยดีนะครับ ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมคนชอบสั่งส่วนขา และก็ต้องเป็นขาข้างซ้ายด้วย ถามไปถามมาได้ความว่า เพราะว่าด้านขวานั้นเป็นข้างที่ไก่ถนัดจึงใช้ขาข้างขวามากกว่าขาข้างซ้าย ทำให้เนื้อจะไม่นุ่มและไม่แดง รวม ทั้งกลัวว่าเนื้อจะเหนียวด้วย ผมจึงสั่งเป็น ข้าวมันไก่ เอาตรงตะโพกกับน่อง แล้วก็เอาแต่ด้านซ้ายของตัวไก่ด้วย เรื่องมากจริง ๆ เลยนะครับ
แต่ว่าความจริงแล้ว พอเขาสับเอามาให้เรากินกัน ผมเอาเนื้อมากินกับข้าว อร่อย มากครับ เพราะเนื้อไก่ยังมีความ ชุ่มชื่น และยังมีสีแดง ๆ อยู่ แต่สุกแล้วนะครับ ซึ่งเขาต้มมาได้ดีมากเลยครับ ก่อนเข้าไป ในร้านก็จะเห็นว่าข้างหน้าร้านมีไก่ตอนแขวนไว้ 3-4 ตัว ที่ ผมเห็นด้านขวา 2 ตัว รู้สึกว่าเป็นไก่ตัวใหญ่มาก พอเข้าไปดูใกล้ ๆ ปรากฏว่า เป็นของปลอมนะครับเพราะว่าเขาไม่กล้าเอาไก่ตอนจริง ๆ มาแขวนไว้ทั้งวัน กลัวว่าจะโดนแดดเดี๋ยวจะเสียง่าย
ที่นี่สิ่งที่แตกต่างจากข้าวมันไก่ของที่อื่น คือ มี น้ำจิ้ม 3 แบบ ให้เลือก มีทั้งน้ำจิ้มแบบที่เขาใช้กันในกรุงเทพฯ ลักษณะเป็น น้ำจิ้มที่มีเต้าเจี้ยว และ มีขิงมีอะไรต่าง ๆ แต่ผมอยากให้เขามีขิงสับกับพริกสับมาให้ต่างหาก จะได้นำมาผสมกับ น้ำจิ้มแบบแรกนี้เพื่อให้อร่อย มากขึ้น
แบบที่ 2 เป็น น้ำจิ้มต้นหอมสับใส่น้ำมัน ที่ทางสิงคโปร์และฮ่องกงเขาทำกินกัน สุดท้ายเป็น น้ำจิ้มเซี่ยงไฮ้ มีลักษณะเป็นซีอิ๊ว ซึ่งผมชอบน้ำจิ้มแบบนี้มาก ยิ่งเอาไปผสมกับน้ำจิ้มแบบแรกใส่พริกขี้หนูสับและใส่ขิงสับเข้าไปเล็กน้อย อร่อยมากเลยครับ
อีกสิ่งหนึ่งที่แตกต่างจากร้านอื่น คือ ข้าวของที่ร้าน เหมาะมากสำหรับคนที่รักษาสุขภาพเพราะเขาใส่สาหร่ายเข้าไปในข้าวมันด้วย ทำให้ข้าวที่ทำออกมาจะมีเป็นเกล็ดสีดำ ๆ ซึ่งไม่ใช่ข้าวเสียนะครับ แต่เป็นเกร็ดของสาหร่ายครับ ข้าวของเขาหอม อร่อย แปลกดีด้วยครับ รวมทั้งให้ความรู้สึกว่าสุขภาพของเราจะดีขึ้นด้วย เพราะทานของที่มีประโยชน์
ที่นี่มี ขนมจีบกุ้ง และเสี้ยวหลงเป่า ให้กินด้วยนะครับ ต้องรีบกินตอนที่ยังร้อน ๆ อยู่นะครับ โดยคีบเอามาใส่ในช้อน แล้วกัดที่ก้นเสี้ยวหลงเป่า ดูดน้ำออกมาให้หมดเสียก่อน ก่อนที่จะเอาทุกสิ่งทุกอย่างเข้าไปในปากไม่อย่างนั้นปากอาจพองได้ครับ
ยังมี ขนมจีบหมู อีกด้วยครับ ใช้ได้ทีเดียว แต่ที่ผมชอบมาก คือ เกี๊ยวน้ำ อร่อยมากเลย โดยเฉพาะน้ำซุปของเขา ตัวเกี๊ยวเองก็กรอบดีมากเลยครับ แป้งก็ไม่หนาจนเกินไป
เพราะฉะนั้น ถ้าใครมีโอกาสลองแวะมากินข้าวมันไก่ที่ร้านนี้ดูนะครับ.
เข้าครัวกับหมึกแดง
คางหมูย่างน้ำผึ้ง
เครื่องปรุง-รากผักชีสับ 1 ช้อนโต๊ะ
-กระเทียม 5 กลีบเล็ก
-พริกไทย 10 เม็ด
-ซอสปรุงรส 2 ช้อนโต๊ะ
-น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
-คางหมู 500 กรัม
วิธี ทำ 1.โขลกรากผักชีสับ กระเทียม พริกไทย ให้ละเอียดพักไว้
2.ในชามผสมใส่เครื่องที่โขลกไว้ลงไป ใส่ซอสปรุงรส น้ำผึ้ง คนให้เข้ากัน หมักไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง หรือค้างคืนก็ได้
3.นำกระทะย่างตั้งไฟให้ร้อน นำคางหมูที่หมักไว้ลงไปย่างให้สุก เหลืองทั้งสองด้าน
4.หั่นคางหมูที่ย่างสุกแล้วเป็นชิ้นพอคำ วางเรียงลงในจานเสิร์ฟ เสิร์ฟกับน้ำจิ้มแจ่วพริกป่น
เครื่องปรุงน้ำจิ้มแจ่ว - พริกขี้หนูป่น 2 ช้อนโต๊ะ
-น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
-น้ำตาลปี๊บ 1/2 ช้อนชา
-น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ หรือน้ำมะขามเปียก
-ข้าวคั่ว 1 ช้อนชา
-หอมแดงซอย 2 หัว
-ต้นหอมซอย 1 ช้อนโต๊ะ
-ผักชีซอย 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ 1.ใส่เครื่องปรุงทั้งหมดลงในชามผสม คนให้เข้ากัน
2.ชิมรสชาติให้ออก เปรี้ยว เค็ม และหวานจากธรรมชาติ
3.คนส่วนผสมให้เข้ากัน ตักใส่ถ้วยเสิร์ฟเป็นน้ำจิ้มคางหมูย่าง.
หมึกแดง
www.mcdangguide.com