LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่21"

ล่าสุด (18 พฤษภาคม 2560) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ. กฤษณะ พัฒนเจริญ สำนักตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ได้เชิญตัว กลุ่มผู้ขับรถแท็กซี่ที่ก่อเหตุดังกล่าว มาสอบสวนและแจ้งข้อกล่าวหาในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 ฐานข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมาตรา 310 ผู้ใดหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 ม.55 การหยุดรถและจอดรถ (8)ในลักษณะกีดขวางการจราจร ปรับไม่เกิน 500 บาท ณ สภ.เมืองพัทยา ส่วนคนขับรถอูเบอร์ก็ถูกดำเนินการเปรียบเทียบปรับไปแล้ว โดย พ.ต.อ. กฤษณะ กล่าวว่า ในส่วนของนายสุรศักดิ์ ได้ให้การยอมรับว่าเป็นเจ้าของรถอูเบอร์จริง ซึ่งระหว่างที่เกิดเหตุได้ขับรถไปรับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่บิ๊กซีพัทยาเหนือ ระหว่างที่ลูกค้ากำลังจะขึ้นรถก็มีกลุ่มรถแท็กซี่เดินรถบริษัทแห่งหนึ่งที่อยู่ในเมืองพัทยา 2-3 คัน มีชายไทย 5-6 คน นำรถแท็กซี่มาปิดหน้า ปิดท้ายรถเก๋ง ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติกลัว ก่อนที่ทางกลุ่มแท็กซี่จะโทรศัพท์แจ้งตำรวจ สภ. เมืองพัทยา มาเชิญตัวนายสุรศักดิ์ ไปที่สภ.พัทยา นายสุรศักดิ์เสียค่าปรับ เหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนที่อยู่ในรถกลัว อีกทั้งทำให้การจราจรติดยาวเหยียด