พิมพ์หน้านี้ - รหัสบาร์โค้ด 2 มิติ (Quick Response code) คืออะไร?

LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่21"

นานาสาระ => นานาสาระ => ข้อความที่เริ่มโดย: eskimo_bkk-LSV team♥ ที่ สิงหาคม 09, 2011, 04:17:04 PM



หัวข้อ: รหัสบาร์โค้ด 2 มิติ (Quick Response code) คืออะไร?
เริ่มหัวข้อโดย: eskimo_bkk-LSV team♥ ที่ สิงหาคม 09, 2011, 04:17:04 PM
http://www.mirakar.com/column_view.php?id_column=118

QR Code คืออะไร?
          QR Code คืออะไร? QR Code ก็คล้ายกับ Bar Code นั้นแหละ
มันคือรหัสชนิดหนึ่ง ซึ่งสามารถเก็บข้อมูลได้ โดย QR Code
หรือเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า two-dimensional bar code (2D bar code)
 มันหน้าที่ไว้เก็บข้อมูลต่างๆ ได้เหมือนกันแต่ว่าเร็วกว่า ใช้งานง่ายกว่า
และมีลูกเล่นเยอะกว่า Bar Code
ชื่อของ QR Code นั้นย่อมาจากคำว่า Quick Response
หรือการตอบสนองที่รวดเร็ว ซึ่งมาจากความตั้งใจของผู้คิดค้น
ที่จะให้ QR Code นี้สามารถถูกอ่านได้อย่างรวดเร็วนั่นเอง
 ซึ่ง QR Code นี้ถูกคิดค้นขึ้นในปี 1994 โดยบริษัทสัญชาติญี่ปุ่น
ที่ชื่อ Denso-Wave และได้จดทะเบียนลิขสิทธิ์ชื่อ QR Code ไปแล้วทั้งในญี่ปุ่น และทั่วโลก
และปัจจุบันตัวสัญลักษณ์ QR Code นี้ได้รับความนิยม
จนกลายเป็นของธรรมดาในญี่ปุ่นไปแล้ว

(http://www.i3.in.th/gallery/content/1/313_889_resized.jpg)

มือถือพระเอกของ QR Code
          คือการอ่าน QR Code เนี่ย ต้องใช้มือถือที่มีโปรแกรมสำหรับแปล QR Code อ่าน
(นั่นคือไม่สามารถอ่านได้ด้วยตาเปล่านั่นเอง กำ - -*)
วิธีใช้ง่ายๆ ก็คือเอามือถือไปสแกน แล้วรอซักพักโปรแกรมก็จะแสดงข้อมูลเป็นตัวอักษรขึ้นมา
เช่น URL เว็บไซต์ หรือข้อมูลอื่นๆ ซึ่งสะดวกและรวดเร็วมาก
 (แต่จะเสียเวลาตรงต้องหยิบเอามือถือขึ้นมาถ่ายนี่แหละ 555+)

(http://www.i3.in.th/gallery/content/1/313_qr_med_1_resized.jpg)

ประโยชน์ของ QR Code
          ด้วยการที่ข้อมูล QR Code เก็บไว้เป็นข้อมูลตัวอักษรเราจึงสามารถนำ QR Code มาประยุกต์ใช้ได้หลากหลายรูปแบบ
เช่น เก็บข้อมูล URL ของเว็บไซต์, ข้อความ, เบอร์โทรศัพท์
และข้อมูลที่เป็นตัวอักษรได้อีกมากมาย ปัจจุบัน QR Code ถูกนำไปใช้ในหลายๆ ด้านเนื่องจากความ “ง่าย”
เพราะทุกวันนี้คนส่วนใหญ่จะมีมือถือกันทุกคนและมือถือเดี๋ยวนี้ก็มีกล้อง เกือบทุกรุ่นแล้ว
          ประโยชน์ที่เห็นได้ชัดที่สุดของ QR Code ก็คือการเก็บ URL ของเว็บไซต์ เพราะ URL
โดยปกติแล้วจะเป็นอะไรที่จดจำได้ยากเพราะยาวและบางอันจะซับซ้อนมาก
 ขนาดจดยังทำไม่ได้ แต่ด้วย QR Code เราเพียงแค่ยกมือถือมาสแกน QR Code
ที่เราพบเห็นตามผลิตภัณต์ต่างๆ, นามบัตร, นิตยสาร ฯลฯ แล้วมือถือจะลิ้งค์เข้าเว็บเพจที่ QR Code นั้นๆ
บันทึกข้อมูลอยู่โดยอัติโนมัติ และด้วยการมาของระบบ 3G ที่ค่ายมือถือต่างๆ
ในบ้านเราเช่น True Move และ AIS เริ่มนำเข้ามาให้บริการแล้ว
จะทำให้เราสามารถเข้าอินเตอร์เน็ตบนมือถือได้อย่างรวดเร็วและทุกๆ ที่ที่ต้องการ
(แต่ถ้าเป็นแชส แชสจะเลือกใช้ wifi เพราะว่ามันฟรี 555+)
          นอกจากนี้ QR Code ยังเริ่มนิยมอยู่บนนามบัตรแล้วด้วย โดยจะใช้ QR Code บันทึก URL
ของข้อมูลส่วนต่างๆ บนเว็บไซต์ เช่น อีเมล์,
Hi5 (เค้าไม่เล่นกันแล้ว Hi5 อ่ะ Facebook สนุกกว่าเยอะะะ),
MSN หรือจะเก็บข้อมูลส่วนในรูปแบบตัวอักษร เช่น ชื่อ ตำแหน่ง ที่อยู่ เบอร์โทร ฯลฯ
ซึ่งอาจทำให้ในอนาคตเราอาจไม่จำเป็นต้องแลกนามบัตรกันอีกต่อไป
เพียงแค่เอามือถือมาสแกนที่นามบัตร
ข้อมูลบนนามบัตรทุกๆ อย่างก็จะถูกจัดเก็บเข้ามือถือทันที (ว้าว สะดวกอะไรเช่นนี้!!!!)

(http://www.i3.in.th/gallery/content/1/313_hl_resized.jpg)

(http://www.i3.in.th/gallery/content/1/313_mob299_1212527818_resized.jpg)

เราสามารถสร้าง QR Code ได้หรือไม่?
         เราสามารถสร้าง QR Code ได้เอง โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเลยครับ
โดยภาษาทางการเค้าจะเรียกกันว่า QR Code Generator ปัจจุบันจะมีอยู่ 2 โปรแกรมครับ
 อันแรกเป็นโปรแกรมที่อยู่บนเว็ปไซต์
และอีกตัวจะเป็นแบบต้องติดตั้งลงเครื่องก่อน
 (แนะนำแค่แบบที่ให้ทำกันบน Web ละกันนะ ใครสนใจแบบที่ต้องลงในเครื่องก็ตาม Credit ข้างล่างไปแล้วกัน ^^)

The Kaywa Reader
URL: http://qrcode.kaywa.com/


เป็นเว็บชื่อ The Kaywa Reader มีโปรแกรม QR-Code Generator
 ที่สามารถสร้างตัว QR-Code ได้ทั้งแบบเป็น URL, ข้อความ, เบอร์โทรศัพท์
หรือแม้กระทั้ง SMS ก็ย่อมได้ โดยเราสามารถกำหนด Size ของตัว QR-Code ได้
และยังนำไปแปะตามเว็บบอร์ดด้วยการ Copy โค้ด HTML ไปใช้
(แต่เหมือนจะยังไม่รองรับภาษาไทยนะ คือใช้ภาษาไทยสร้าง QR Code อ่ะได้
แต่พอใช้มือถืออ่านและแปลออกมา จะกลายเป็นภาษาต่างดาวไป
เพราะงั้นก็ทำเป็นภาษาอังกฤษกันเถอะนะ ^^)

(http://www.i3.in.th/gallery/content/1/313_kaywa_space_resized.jpg)

มือถือที่รองรับ QR Code
          สำหรับโทรศัพท์ที่สนับสนุนระบบการอ่าน QR-Code
ส่วนใหญ่จะต้องมีกล้องถ่ายภาพบรรจุมาด้วย
แต่ทั้งนี้ก็ใช่ว่าจะใช้กันได้ทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ
เพราะโทรศัพท์บางเครื่องระบบปฏิบัติการณ์อาจไม่รองรับกับตัวโปรแกรม

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.i3.in.th/news/view/313
Credit by : http://chassygalz.multiply.com/journal/item/8