พิมพ์หน้านี้ - ตรรกะเห็นแก่ตัวเอาแต่ได้ของยัยซิ้มแม่ไอ้ตี๋เรื่องที่ดินป่าสงวนแห่งชาติ

LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่21"

นานาสาระ => หน้าที่พลเมือง => ข้อความที่เริ่มโดย: eskimo_bkk-LSV team♥ ที่ เมษายน 02, 2022, 02:58:47 PM



หัวข้อ: ตรรกะเห็นแก่ตัวเอาแต่ได้ของยัยซิ้มแม่ไอ้ตี๋เรื่องที่ดินป่าสงวนแห่งชาติ
เริ่มหัวข้อโดย: eskimo_bkk-LSV team♥ ที่ เมษายน 02, 2022, 02:58:47 PM
ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์
สาขาวิชาวิทยาการประกันภัยและการบริหารความเสี่ยง
สาขาวิชาปัญญาและการวิเคราะห์ธุรกิจ
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์

**********************************************
คดีที่ดินในป่าสงวนแห่งชาติฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี
ที่เข้าไปซื้อมาครอบครองโดยคนบางตระกูล
แล้วออกมาบิดเบือนให้สังคมเข้าใจผิด
คิดว่าเจ้าหน้าที่รัฐไปรังแกครอบครัวตนเอง
เมื่อถูกเพิกถอนที่ดินนั้น โดยกล่าวว่าตนเองซื้อมาสามสิบปี
ไม่ได้เป็นคนไปบุกรุกเอง แต่ซื้อมาจากกลุ่มบริษัทน้ำตาล
ผ่านมาสามสิบปี พอไอ้ตี๋มาเล่นการเมือง
ตนเองเลยถูกรังแกกลั่นแกล้ง จากเจ้าหน้าที่ของรัฐ
และรับไม่ได้ที่คนตำหนิว่าคดโกง
ถ้าพิสูจน์ได้ว่าตนเองโกงมาก็ยินดี
จะคืนที่ดินทั้งหมดในทันที

ข้อเท็จจริงมีดังนี้

หนึ่ง ที่ดินนั้นเป็นป่าถาวรตั้งแต่ปี 2512
และมีนายทุนมากว้านซื้อ
บุกรุกออก นส 2ก และ นส3 ในปี 2521
ก่อนไอ้ตี๋เกิด ไม่กี่วัน

สอง ปี 2527 ที่ดินบริเวณดังกล่าวได้มีการประกาศ
จากป่าถาวรให้เป็นป่าสงวนแห่งชาติ
ไม่ว่าจะเข้าไปบุกรุกหรือถือครองที่ป่าถาวร
หรือที่ป่าสงวนแห่งชาติ ต่างก็ผิดกฎหมายทั้งสิ้น

สาม ปี 2531 ยัยซิ้มและสามีที่เสียชีวิตไป
ได้ให้คนของตนเองสองคน มีอาชีพเป็นนายหน้าหรือไม่
มากว้านซื้อไป 60 แปลงซึ่งมี นส3 และ
มีอีกหลายสิบแปลง เป็นที่ นส2ก และ ภบท 5
อันยังไม่เป็นหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์
แต่ได้เสียภาษีบำรุงท้องที่และมีการเข้าไปใช้ประโยชน์
บุกรุก เช่นการปลูกต้นยูคาลิปตัส

สี่ ในการซื้อขายที่ดิน นส3 จำนวน 60 แปลงนั้น
ได้มีการซื้อขายถ่ายเทกันหลายทอด
โดยที่ยัยซิ้มและสามีตลอดจนไอ้ตี๋ และเจ๊พี่สาว ได้ใส่ชื่อไว้
แต่ที่สำคัญสุดคือแทบทุกแปลงมีบันทึกถ้อยคำ
ตามระเบียบของกรมที่ดินที่เรียกว่า ทด 16
ว่าพื้นที่ดังกล่าวที่ซื้อมาอยู่
ในเขตป่าสงวนแห่งชาติจะถูกเพิกถอนเมื่อไหร่ก็ได้

ห้า เวลาไปซื้อขายที่ดินที่กรมที่ดิน
เจ้าหน้าที่จะยกแฟ้มทั้งแฟ้มซึ่งมี นส3 และเอกสารการรังวัด
ตลอดจนเอกสารอื่นๆ รวมไปถึง ทด 16
ของที่ดินแปลงนั้นมาให้ผู้ซื้อได้อ่านและพิจารณาก่อนเสมอ

หก ยัยซิ้มถือครองที่ดินทั้ง ภบท5 นส2ก
ซึ่งทางกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิด
เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.)
ได้ทำสำนวนมีความเห็นสั่งฟ้องไปแล้วแยกไปหนึ่งคดี
และขณะนี้สำคัญอยู่ที่พนักงานอัยการ

เจ็ด บก. ปทส. ทำสำนวนส่งไปที่อัยการ
โดยสั่งไม่ฟ้อง ยัยซิ้ม เจ๊พี่สาว และไอ้ตี๋
ก่อนที่กรมที่ดินจะไปลงรังวัดด้วยดาวเทียม
และยังดำเนินการเพิกถอนไม่เสร็จ
แยกเป็นอีกคดีในส่วนที่เป็น นส3 จำนวน 60 แปลง
หลังลงรังวัด พบว่า 59 แปลง
อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ 100% ของพื้นที่แปลง
 และมีหนึ่งแปลงที่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติกึ่งหนึ่ง
และนอกเขตอีกกึ่งหนึ่ง กรมป่าไม้ได้ร่วมยืนยัน
กับกรมที่ดินว่าอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติจริงๆ

แปด อัยการขอให้พนักงานสอบสวน บก. ปทส.
สอบสวนเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเพิกถอนนส3 จำนวน 60 แปลง
แต่ยังไม่ทันสอบสวนแล้วเสร็จ กรมที่ดิน
ก็ประกาศเพิกถอนนส3 ดังกล่าวของยัยซิ้ม เจ๊พี่สาว และไอ้ตี๋
ทำให้ยัยซิ้มออกมาพูดแบบคนเห็นแก่ตัว
เอาแต่ได้อย่างเดียวดังกล่าวข้างต้น

เก้า เมื่อตอนที่เตี่ยและยัยซิ้มไปซื้อที่ดินนั้น
ไอ้ตี๋เพิ่งอายุสิบขวบ ดังนั้นไอ้ตี๋คงยังเรียนหนังสือไม่ได้
ทำมาหากินหรือค้าขายอะไรเอง
น่าจะเป็นว่ายัยซิ้มหรือเตี่ยซื้อที่ดินใส่ชื่อลูกไป
โดยไม่ทันได้คิดว่าท้ายที่สุดจะเป็นภัยแก่ลูก
เรื่องนี้ทำให้นึกถึงคดีหนึ่งที่อดีตผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ไปรับสินบนจากต่างประเทศแล้วโอนเงินใส่บัญชีลูกสาว
ซึ่งท้ายที่สุดทำให้ทั้งแม่และลูกสาวต้องไปติดคุก
นี่คือนิทานเรื่องพ่อแม่รังแกฉันอีกเรื่องหนึ่งหรือไม่
ยัยซิ้มน่าจะมีคำตอบในใจของตัวเอง
อย่าไปโทษคนอื่นเลยจะดีกว่า

ตรระกะที่เห็นแก่ตัว เอาแต่ได้ของยัยซิ้มแม่ไอ้ตี๋ มีดังนี้

ที่ดินไม่ได้ซื้อมามือแรก คนอื่นบุกรุก
ฉันซื้อมาอย่างถูกต้อง สุจริต และซื้อมาจากคนมีชื่อเสียง เชื่อถือได้
ฉันไม่รู้เลยว่าที่ดินทั้งหมดดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
ยัยซิ้มแม่ไอ้ตี๋พึงเข้าใจว่าสมบัติของชาติ
ที่ของแผ่นดิน ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้
จะซื้อขายกันมากี่ทอดก็ตาม เมื่อทอดแรกไม่ถูกต้อง ทอดอื่นๆ
ที่โอนถ่ายทรัพย์สินตามๆ กันมาซื้อขายก็ย่อมไม่ถูกต้องอยู่ดี
เปรียบเสมือนการรับซื้อของโจร ซึ่งอย่างไรก็ผิด
และเมื่อถูกหลอกก็ต้องไปไล่เบี้ยเอากับคนที่ขายให้ตนด้วย
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ของรัฐก็ต้องปฏิบัติตามหน้าที่
มิเช่นนั้นจะถูกดำเนินคดี มาตรา 157 อาญา
อันเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ

การซื้อที่ดินที่บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติมาร้อยทอด
ก็มิได้ทำให้ที่ดินแปลงนั้นถูกต้องตามกฎหมายแต่ประการใด
ยังไงก็ต้องถูกเพิกถอนกลับไปเป็นสมบัติของชาติเช่นเดิม
มิเช่นนั้นคนมีสตางค์ คนร่ำรวยก็จะไปจ้างคนยากจน
ให้บุกรุกที่ดินของป่าสงวนแห่งชาติแล้วขายต่อกันหลายๆ ทอด
จนนายทุนไปซื้อแล้วถือว่าถูกต้อง เช่นนั้น ป่าไม้ของประเทศไทย
ก็จะไม่เหลือเลย เป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ
และสมบัติของชาติที่สร้างความเหลื่อมล้ำ
และไม่เท่าเทียมอย่างที่สุด

การถือครองมากว่า 30 ปี ไม่ได้เป็นการฟอกขาวให้ของโจร
ที่ขโมยของรัฐมากลายเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
ถึงอย่างไรก็ต้องกลับไปเป็นสมบัติของชาติ

การที่ยัยซิ้มแม่ไอ้ตี๋จะอ้างว่าไม่ทราบว่า
เป็นที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาตินั้น
ก็เป็นสิ่งที่ฟังไม่ขึ้น ด้วยเหตุผลดังนี้
การกว้านซื้อที่ดินนั้นมีคนทำให้ยัยซิ้มและเตี่ยพ่อไอ้ตี๋อยู่สองคน
ซึ่งน่าจะเป็นนายหน้าหรือคนที่มีความชำนาญเรื่องที่ดิน
มากพอสมควร ที่ดิน 60 แปลง มีบันทึกถ้อยคำทด 16 แทบทั้งนั้น
และระบุชัดเจนด้วยว่าอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
จะถูกเพิกถอนเมื่อใดก็ได้ เมื่อยัยซิ้มแม่ไอ้ตี๋ลงนามในหนังสือมอบอำนาจ
ให้สองคนนี้ไปดำเนินการแทนตน
ก็ต้องทั้งรับผิดและรับชอบ ในฐานะตัวแทน
โดยมีตัวการคือยัยซิ้มเอง จะปฏิเสธว่าไม่รับทราบ
แบบหน้ามึนดื้อตาใส เห็นแก่ตัว เอาแต่ได้ก็คงไม่ได้

ลองคิดง่ายๆ ว่าวิญญูชนผู้ตั้งอยู่บนหลักสุจริต
เมื่อไปโอนซื้อขายที่ดินแล้วเปิดเอกสารทั้งแฟ้มมาอ่าน
เจอ ทด.16 แนบหลัง นส3 แทบทุกแปลง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ว่าอยู่ในเขตป่าสงวนจะถูกเพิกถอนเมื่อใดก็ได้
จะยังคงกล้าซื้อขาย โอนกันหรือไม่ ในเมื่อก็ทราบเต็มอกว่า
อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เหตุใดจึงกล้าซื้อมาเป็นของตนเอง
เจตนาที่แท้จริงคือต้องการได้ที่ดินของชาติมาเป็นของตนเองหรือไม่
เป็นวิธีการที่ชอบธรรมถูกต้องตามหลักสุจริต
และหลักวิญญูชนหรือไม่ ทำแบบนี้จะถือว่าเป็นการโกงชาติได้หรือไม่
เพราะเป็นที่ดินของชาติที่รู้แล้วก็ยังกล้าซื้อ
จะอ้างว่าไม่ได้อ่านทด.16 ก็ฟังไม่ขึ้น
เพราะไปโอนซื้อขายที่ดินมีหน้าที่ต้องอ่าน
เอกสารสำคัญทั้งหมด เรื่องนี้จึงสะท้อนให้เห็นว่าตรรกะวิบัติ
เต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้หรือไม่?

นิสัยของยัยซิ้มที่เต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัว
เอาแต่ได้นี่ได้ถ่ายทอดสืบสันดาน
มาสู่ไอ้ตี๋หรือไม่หนอ สังคมก็คงถามและคิดได้เช่นกัน?


โค๊ด:
Cr: https://mgronline.com/daily/detail/9650000031857


บุคคลที่เป็นทุนใหญ่ มีอีกมากมายที่เป็นเจ้าของที่ดิน
เคยทราบในวงเหล้า ว่า ตั้งแต่ คลอง 1ถึงคลอง 16 ในจ.ปทุมฯ
มีคนในนามสกุล ? เป็นผู้ถือครองทั้งหมด หลายพันหลายหมื่นไร่

ใครจะรวยเท่าไร?ก็ปล่อยให้รวยเสียให้เข็ด

 ju_ju!!