.
.
(http://[img]https://www.pohchae.com/wp-content/uploads/2018/01/ไร-1-7-1.jpg)
..ไรส่วนใหญ่ช่วงกลางวันจะลงไปหลบตามวัสดุรองพื้น และตามซอกมุมต่างๆ ในโรงเรือน และจะขึ้นมาดูดกินเลือดใช่วงเวลากลางคืน หากพบบนตัวสัตว์ในเวลากลางวัน แสดงว่ามีปริมาณมากแล้ว
1.มากับตัวสัตว์เลี้ยงเอง โดยเฉพาะ ไก่สาว หรือเป็ดสาวพร้อมไข่ ส่วนที่มากับลูกเจี๊ยบคงไม่มี ( เพราะถ้ามีแสดงว่าการ
จัดการที่โรงฟักคงไม่ผ่านมาตรฐาน) ต้องตรวจสอบ ขณะรับด้วย
2.วัสดุรองพื้นต่างๆที่นำมาใช้ เช่น แกลบ ฟาง หรือขี้เลื่อยเป็นต้น ในการตรวจรับสินค้าหรือการไปนำมาใช้ให้ตรวจสอบก่อน
ว่ามีมาด้วยหรือไม่
3.มากับสัตว์พาหะต่างๆ เช่น นกป่า หนู หรือแมลงต่างๆ ที่สามารถเข้ามาในโรงเรือนได้ เช่น แมลงสาบ ฯ เราต้องป้องกัน
สัตว์เหล่านี้ไม่ให้เข้าไปในโรงเรือน เพราะนอกจากไร อาจจะมีเชื้อโรคอื่นๆ อาศัยมาด้วย
5.อุปกรณ์ต่างๆ ที่มีการนำเข้ามาใช้งานในฟาร์ม หรือโรงเรือน เช่น เข่งใส่แกลบ เป็นต้น จะต้องมีการฉีดพ่นยาฆ่าไรก่อนนำเข้า
ไปใช้งาน
( ซึ่งเป็นตัวยาที่มีการใช้ในสารกำจัดยุง และแมลงบิน ตามบ้านเรือน และที่อยู่อาศัย ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นยี่ห้อที่มีขายตามท้องตลาด ซึ่งจะปลอดภัย ) ส่วนที่มีการใช้ในวงการปศุสัตว์ ตัวยาหรือสารออกฤทธิ์ก็กลุ่มเดียวกัน ลองสอบถามตามร้านขายเคมีเกษตร หรือร้านขายยาสัตว์ดู ว่ามีหรือเปล่า
ผลิตภัณฑ์ หรือยาในกลุ่มสาร ไพรีทรอยด์สังเคราะห์ ซึ่ง ตัวยาหรือสารออกฤทธิ์คือ
Cypermethrin
เป็นผลิตภัณฑ์
ในกลุ่มของ อย. เพื่อสาธารณสุข มิใช่ทางการเกษตร
ซึ่ง ผลิตภัณฑ์ กำจัดแมลง ยุง แมลงบิน แมลงวัน แมลงหวี่ แมลงสาบ รวมถึงแมลงคลานเช่น
ไร เห็บ หมัด มด และแมลงคลานชนิดอื่น ซึ่งตัวยาที่มีสารออกฤทธิ์
ไซเพอร์เมทริน Cypermethrin
หรือบางท่านอาจเรียกติดปากว่า
ยาไซเปอร์ ก็คือยาตัวเดียวกัน ซึ่ง ในประเทศเราจะมีหลายยี่ห้อ
อย่างเช่น ฟอลโร่ ไบเทค100 ฟาเดล
ไซเพอร์การ์ด 10 อีซี เป็นต้น แต่ทุกแบรน หรือทุกยี่ห้อ ก็คือมียา
ตัวเดียวกันคือ
ไซเพอร์เมทริน
ข้อดี
1 เหมาะสำหรับการฉีดพ่น ละอองฝอย เพราะมีปริมาณสารออกฤทธิ์เข้มข้น
2 เหมาะสำหรับพื้นที่ ภายนอก บริเวณกว้าง เพราะสามารถพ่นได้หลายไร่
3 สามารถกำจัดแมลงได้หลากหลาย
แล้วยาตัวนี้ไปทำปฏิกิริยาอะไรต่อแมลง เรามาทำความรู้จักกัน
เดิมทีสารในกลุ่มนี้ จะมีอยู่ในดอกพืชในตระกูล เบญจมาศ แต่เมื่อสกัดออกมาได้พบว่าสารไม่ทนต่อแสง จึงได้
มีการ ผลิตสารไพรีทรอยด์สังเคราะห์ขึ้นมาแทน เพื่อทนทานต่อแสงได้นานกว่า
สารกลุ่มนี้ออกฤทธิ์ในการกำจัดแมลง
โดยเกิดพิษที่ระบบประสาทของแมลงทำให้การทำงานภายในร่างกายของแมลงผลิตปกติ ทำให้แมลงตายในที่สุด แต่สำหรับมนุษย์ และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม พบว่าเมื่อร่างกายได้รับสารพิษจะถูกเปลี่ยนแปลงและถูกขับออกมา
ไม่สะสมในเนื้อเยื่อต่างๆ จึงไม่เป็นอันตราย และไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม
นอกจากนั้นยังมีวิธีกำจัดไรในโรงเรือนอีกหลายวิธีตามภูมิปัญญาชาวบ้าน เช่น ผง+น้ำขมิ้น ใบยูคาลิปตัส ลูกเหม็น กำมะถัน ใบกะเพรา ใบสาบเสือ ใบหนอนตายอยาก ใบสะเดา ใบแมงลัก ใบน้อยหน่า ใบตะไคร้หอม ฯ
1.เรื่องความปลอดภัยส่วนบุคคล ในเรื่องของการแต่งกาย สวมใส่เสื้อผ้าให้รัดกุม สวมบู๊ท ถุงมือ แว่นตา และหน้ากาก
ป้องกันสารพิษ ( แม้สารเคมีที่ใช้จะปลอดภัยมากต่อสิ่งมีชีวิตก็ตาม )
2.ก่อนการฉีดพ่น เก็บอุปกรณ์ ให้อาหารให้หมด หรือนำออกนอกโรงเรือน
3.ฉีดพ่นไปที่พื้นโรงเรือน ผนัง และหลังคา ให้เปียกชุ่ม ส่วนตัวไก่ อาจจะนำมาจุ่มทีละตัวได้ แต่เสียเวลามาก แนะนำให้
เน้นฉีดที่พื้นให้เปียกชุ่มแทน ( ให้ดที่ฉลากด้วย เพราะยาบางยี่ห้อไม่แนะนำให้ฉีดพ่นตัวสัตว์โดยตรง แต่บางยี่ห้อ
สามารถจุ่มตัวสัตว์ได้ ) เพราะเมื่อไรกินเลือดอิ่มแล้วก็จะกลับลงสู่พื้น จะสัมผัสกับยาฆ่าไรก็จะตาย หากมีมากๆ ความถี่
อาจจะ 1 ครั้งต่อสับดาห์ เมื่อปริมาณ น้อยลง ก็ 1 ครั้งต่อเดือนได้
4.หลังจากฉีดพ่นแล้ว ให้ล้างทำความสะอาดอุปกรณ์ให้ น้ำ อาหาร ก่อนใช้งาน
5.หลังจากการฉีดพ่นแล้ว ให้ลองสังเกตปริมาณไร ทั้งบนตัวสัตว์ และที่พื้นโรงเรือนดู ว่ามีปริมาณลดลงหรือเปล่า
( ทั่วไปจะค่อยๆลดลง ภายใน 2 สัปดาห์ )
6.ส่วนสำคัญ สารกลุ่มไซเปอร์เมทริน เป็นสารที่มีการตรวจสอบปริมาณคงเหลือในเนื้อ หรือในไข่ จะต้องมีระยะหยุดการ
ใช้ก่อนจับส่งโรงงาน สารในกลุ่มนี้ทั่วๆไปก็ประมาณ 3-4 สัปดาห์
7.สมมติว่าเป็นไก่เนื้อ คงไม่สามารถฉีดพ่นได้ ( คงใกล้ปลดแล้ว ) ส่วนในไก่ไข่ สามารถฉีดพ่นได้ แต่ไข่ที่ได้ไม่แนะ
นำให้นำไปบริโภค
8.หลังจากปลดไก่แล้ว แนะนำให้ฉีดพ่นยาที่วัสดุรองพื้นทันที เพื่อป้องกันการกระจาย ( อพยพ ) ไปนอกโรงเรือน หลัง
จากนั้น อีก 3 วันจึงสามารถนำวัสดุรองพื้นเก่าออกได้ ล้างทำความสะอาดโรงเรือน อุปกรณ์ต่างๆ และกลับเข้ารอบการ
เตรียมโรงเรือนในรุ่นต่อไป
9.เนื่องจากไก่จะเกิดความเครียด จากการถูกไรรบกวน การพักผ่อนไม่เพียงพอ จะทำให้ไก่ป่วยได้ แนะนำให้วิตามินละลาย
น้ำ และอาจจะให้ยาปฏิชีว ป้องกันได้ เมื่อปัญหาเรื่องไรหมดไปก็เน้นที่การป้องกัน
10.การฉีดพ่นหลังจากฉีดพ่นในโรงเรือนแล้ว ก็อย่าลืมฉีดพ่นรอบโรงเรือนด้วย ทั้งในช่วงเตรียม โรงเรือน และการแก้ไข
เร่งด่วน